ไมเกรน (Migraine)  หรือ “โรคปวดหัวข้างเดียว” มักเกิดขึ้นกับคนวัยทำงาน ที่ต้องเผชิญกับความเครียดสะสมทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
กลายมาเป็นโรคยอดฮิต ที่รบกวนชีวิตประจำวันของคนทำงาน ถึงไมเกรน จะเป็นโรคที่น่าปวดหัว แต่ก็สามารถป้องกันได้ หากเรารู้เท่าทันโรค 

วันนี้พี่หมอฝั่งธน... จะพามาทำความรู้จักกับ โรคไมเกรน (Migraine) 

เกิดจากการบีบตัว และคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว
พร้อมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ในบางรายอาจมีอาการตาพร่ามัวหรือเห็นแสงระยิบระยับร่วมด้วย
 
อาการของโรคไมเกรน (MIGRAINE) ประกอบด้วยลักษณะต่างๆ
- ปวดศีรษะครึ่งซีก บริเวณขมับหรือท้ายทอย บางครั้งเป็นสองข้างพร้อมกันหรือเป็นสลับข้างกันได้
- ลักษณะการปวดศีรษะส่วนมากจะปวดตุ๊บๆ นานๆครั้งหรึอเกิน20นาที (ยกเว้นจะได้รับประทานยา)
ถ้าเป็นรุนแรง อาจปวดนานเป็นวันๆหรือสัปดาห์ ผู้ป่วยบางรายอาจมีปวดตื้อๆสลับกับปวดตุ๊บๆในสมอง
- อาการปวดศีรษะมักรุนแรง จะมีการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วยเสมอ โดยอาจเป็นขณะปวดศีรษะ
ก่อนหรือหลังปวดศีรษะ บางรายมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากจนรับประทานอะไรไม่ได้
- อาการนำจะเป็นอาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะราว 10-20 นาที เช่น เห็นแสงเป็นเส้นๆ
ระยิบระยับ แสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำมาก่อน

VV  มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้โรคไมเกรนเป็นมากขึ้น VV 

ผู้ป่วยโรคไมเกรนที่นานๆเป็นครั้ง เช่น ปีละ 2-3 หน ไม่จำเป็นต้องกินยาป้องกันแต่อย่างใด 
แต่ถ้าผู้ป่วยโรคไมเกรน ที่เกิดอาการปวดศีรษะบ่อยๆ เช่น เกือบทุกสัปดาห์หรือทุกวัน 
จำเป็นต้องได้รับการป้องกันโดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมให้เกิดดังกล่าวแล้ว 
ในกรณีที่ไม่มีปัจจัยส่งเสริมดังกล่าวอาจจำเป็นต้องให้ยาป้องกันค่ะ

คนที่เป็นโรคไมเกรน ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมั่นออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงสิ่งเร้า 
หรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว ลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ งดเครื่องดื่มในกลุ่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด 
เพื่อป้องกันไม่ให้อาการปวดหัวกำเริบได้อีก