สวัสดีค่ะทุกคน..นี่เป็นกระทู้แรกของเราเลยค่ะ..เราอยากมาแชร์ประสบการณ์การเป็นออฟฟิศซินโดรมที่ได้เปลี่ยนชีวิตเราไปแบบเยอะมาก ๆ
เราเป็นสาวออฟฟิศคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป เช้าทำงานเย็นกลับบ้าน แต่การทำงานของเราต้องใช้ชีวิตบนส้นสูงเดินนาน ๆ ยืนนาน ๆ หรือนั่งทำงานท่าเดิม ๆ จนเริ่มมีอาการ ปวด คอ บ่า ไหล่ แถมยังปวดน่องจนแข็งเป็นก้อนอีกด้วยลักษณะการทำงานของเราเอง หนักเข้าเราเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ปวดหัว มีการวูบเป็นบางครั้ง และอาการปวดเริ่มรุนแรงขึ้นแม้ไม่ได้ทำงาน จนต้องเเปะแผ่นแก้ปวดตราเสือไปทำงานทุกวัน เลยเอาอาการที่เป็นไปเสิร์ชตามเพจต่าง ๆ และตามเว็บไซต์โรงพยาบาลว่าอาการที่เป็นคือออฟฟิศซินโดรมจริง ๆ ตามที่คาดไว้ คราวนี้พอรู้ว่าเป็นก็เลยชวนเพื่อนสาวร่วมออฟฟิศที่มีอาการเหมือนกันไปรักษาเป็นแพ็คคู่เลยค่ะทั้งแพทย์แผนโบราณ แพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทยแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย สุดท้ายมาเจอการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน น่าสนใจดี เลยหาข้อมูลต่อ ว่าวิธีการมีอะไรบ้าง วิธีการรักษาก็มีไม่กี่ขั้นตอนแค่ฝังเข็มและครอบแก้วและส่วนมากอาการดีขึ้นทั้งนั้น เอาล่ะน่าสนใจอีกแล้ว ทีนี้เลยเริ่มพากันหาคลินิกที่มีหมอที่ไว้ใจได้และดูปลอดภัย จนมาเจอเจินฟู่คลินิก ที่คุณหมอเค้าจบเฉพาะทางจากประเทศจีน อ่านรีวิวเยอะมาก เลยตัดสินใจ ลองสักตั้งกับการฝังเข็มแต่เพื่อนสาวยังดูไม่พร้อมเท่าไหร่ นางเลยขอตามไปสังเกตการณ์ด้วยแล้วกันโดยสาขาที่เราไปคือสาขา เดอะเชลเตอร์ โชคชัย 4
ไปถึงคลินิกสิ่งแรกที่ประทับใจคือ โปร่ง โล่ง สวย สะอาดมาก บอกตามตรงกลัวมากนี่คือครั้งแรกในการฝังเข็มของเราเลย ครั้งแรกมันก็กังวลไปหมดจนลืมกินข้าวก่อนมารักษาด้วย…พอเข้าไปในคลินิกเค้าก็จะให้เราทำประวัติ วัดความดันเหมือนคลินิกทั่วไป จากนั้นพยาบาลก็ให้เราไปอีกห้องนึงโดยจะมีคุณหมอมาแมะให้..สงสัยใช่มั้ยแมะคืออะไรเท่าที่ถามหมอมามันคือ การจับชีพจรเพื่อตรวจดูการทำงานของอวัยวะภายในและการไหลเวียนของเลือด พอแมะแล้วคุณหมอจะถามอาการที่เป็น ลักษณะการใช้ชีวิต การกินของเรา และบอกจุดที่เราจะฝังเข็มต่าง ๆ
แล้วขั้นตอนที่เราตื่นเต้นที่สุดก็มาถึง เข้าห้องฝังเข็มหรือห้องหัตการ พยาบาลเค้าจะให้เราเปลี่ยนชุดใส่เสื้อคลุมของคลินิกแล้วมานั่งรอที่เตียงโดยเตียงนั้นไม่ธรรมดาอีกแล้วเป็นเตียงสมุนไพรนอนแล้วมันจะรู้สึกอุ่น ๆ ผ่อนคลายมากกก..อยากซื้อต่อไปนอนที่บ้านเลย มันอุ่นสบายจริง ๆ นะชอบมาก..
สู้ตายค่ะ!!
มาถึงขั้นตอนระทึกใจการฝังเข็มจ้า คุณหมอให้เรานอนคว่ำหน้าลงแล้วก็เริ่มเปิดผ้าคลุมด้านหลังของเราออกแล้วทาเจลเย็น ๆ ทั่วหลังก่อนจะผังเข็มลงไปตอนแรกแอบเกร็งนะกลัวเจ็บ แต่หมอมือเบามากกกก แล้วเข็มคือเล็กมากก แทบไม่รู้สึกเจ็บเลย มันรู้สึกจิ๊ดเดียวตอนจิ้มเข็มไป หลังจากนั้นแค่แบบตึงๆเพราะมีเข็มคาอยู่แค่นั้น แต่ไม่เจ็บอ่ะ ..
พอฝังเข็มเสร็จขั้นต่อไปก็เป็นการกระตุ้นไฟฟ้า ซึ่งคุณหมอได้อธิบายตอนหลังว่า เป็นการกระตุ้นไฟฟ้าเพื่อลดปวดเฉพาะที่ ลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เพราะเรายังมีอาการปวดอยู่มากโดยคุณหมอจะเอาตัวหนีบจากเครื่องกระตุ้นไฟฟ้ามาหนีบกับเข็มที่ฝังเอาไว้พอหนีบครบแล้วทุกเข็มหมอก็ปล่อยกระแสไฟฟ้าจากเครื่องมาความรู้สึกแบบรู้สึกจี๊ดๆเหมือนมดกัด แล้วหมอก็สาดแสงสีแดงมาตรงที่เราหนีบตัวกระตุ้นไฟฟ้าไว้ หลังจากนั้นปล่อยเรานอนไป15 นาทีค่ะ..
พอครบแล้วหมอก็ถอดอุปกรณ์ทั้งหมดออกแล้วนวดคลึงให้เรา คุณหมอน่ารักมากถามตลอดว่าร้อนไปมั้ย ไหวมั้ย เจ็บมั้ย
พอเราบอกว่ายังสบาย..หมอก็ไปต่อเลย…
การครอบแก้ว โดยหมอเค้าจะเดินแก้วสัก 5-10 นาที ก่อนครอบจริง นี่ก็กลัวมากแต่ไม่เจ็บเลย สบายมากจริง ๆ โล่งมากกก พอครบเวลาหมอเค้าก็เริ่มครอบแก้วบนหลังเราก่อนจะทิ้งไว้ประมาณ 15 - 20 นาที ในช่วงที่รอเราก็แอบขอหมอให้เดินแก้วที่น่องด้วยได้มั้ย..แต่หมอน่ารักมากหมอก็ทำให้…ฟินสุดๆๆๆ
พอครบเวลาหมอก็เอาแก้วที่ครอบออกแล้วนวดคลึงให้ เราชอบตอนนี้ที่สุดมันสบายแบบ x2 อยากนวดต่อนานๆเลย แล้วนวดแบบตรงจุดมาก..
ประมาณ 10 นาที ก็เป็นอันเสร็จ แม้จะอยากนวดต่อก็ตามแต่ก็ต้องพอแค่นี้…สิ่งแรกที่รู้สึกเลยคือมันโล่งมาก สบายมาก ตัวเบาสุด ๆ พอออกมาเราก็มาคุยกับคุณหมอถึงการรักษาในวันนี้ ซึ่งคุณหมอก็พูดถึงว่าในระหว่างที่เรารักษาเราได้ทำอะไรบ้าง ให้คำแนะนำในเรื่องของการผ่อนคลายกล้ามเนื้อในเบื้องต้นหากมีอาการปวดมาก ๆ ลักษณะการนั่งหรือการยืนทำงานเป็นเวลานาน ๆ ควรมีการเปลี่ยนอิริยาบทบ้างในระหว่างวัน และแนะนำให้มารักษาซ้ำประมาณ 2-3 ครั้งอาการก็จะดีขึ้น
ก่อนกลับคุณหมอมี Voucher สมูทตี้ธัญพืชสำหรับสมาชิกใหม่จาก Fion Cafe & Dessert แถมให้ด้วย Fion Cafe & Dessert เป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ที่อยู่ข้างคลินิกที่ตกแต่งสไตล์มินิมอล ถ่ายรูปได้แบบน่ารักๆ มีเมนูสุขภาพให้เลือกเยอะมาก แต่ละตัวก็จะมีสรรพคุณต่างกันไป ทั้งสมูทตี้ถั่ว 9 ชนิด บำรุงเลือดลม อินทผาลัมข้าวโอ๊ต เพิ่มพลังงาน เต้าหู้นมสด บำรุงผิวพรรณ แล้วอร่อยด้วยค่ะ
ใครที่สงสัยว่าครอบแก้วเป็นรอยมั้ย..เป็นค่ะเป็นแน่นอน ชัดมากด้วย เป็นเรื่องปกติเลยนะคะ แต่คุณหมอบอกว่าประมาณ 5-7 วันจะหาย แล้วถ้าสงสัยว่ามีเอฟเฟคมั้ยสำหรับเราไม่นะ ตอนกลางคืนเราแค่กินยาแก้ปวดกันไว้ตามที่คุณหมอบอกแค่นั้นเอง แต่ก็ไม่ได้มีไข้ไม่ได้ปวดหรืออะไรค่ะ….
หลังจากที่เราไปรักษาที่เจินฟู่คลินิกจากวันนั้นถึงวันนี้ก็ประมาณ 1 อาทิตย์ได้ ผลที่ได้รับคือแฮปปี้มากอาการปวดเกร็งน้อยลง เพราะเราทำตามคำแนะนำของคุณหมอด้วยค่ะเรื่องการเปลี่ยนอิริยาบทท่านั่งต่าง ๆ แล้วก็คิดว่าจะไปรักษาต่อเนื่องเพราะคิดว่าถ้าทำอีกสักสองสามครั้งน่าจะหายเลยก็ได้นะ โดยครั้งหน้าเพื่อนสาวตากล้องส่วนตัวก็จะไปรักษาด้วยเพราะนางเห็นผลจากตัวเรา การรักษาโดยแพทย์แผนจีนครั้งนี้ถือว่าเปิดโลกให้เรามาก เพราะส่วนมากเวลาป่วยหรือเป็นอะไรเราจะวิ่งหาแผนปัจจุบันก่อน หลังการคุยกับคุณหมอเราได้ความรู้หลายอย่างทั้งเรื่องการปรับสมดุลให้ร่างกายต่าง ๆ ถ้าใครยังไม่ลองเนี่ยเราแนะนำมากเลยนะคะ มันดีมากจริง ๆ คุณหมอยังบอกอีกว่าการมารักษาโดยแพทย์แผนจีนสำหรับบางคนอาจจะเห็นผลช้าแต่ได้ผลที่ถาวรแน่นอน ซึ่งเราก็คิดว่าแบบนั้นขนาดวันนี้ที่เราแค่รักษาครั้งแรกยังรู้สึกสบาย คลายความปวดเมื่อยได้มากเลย ครั้งต่อไปมันต้องดีขึ้นมากเรื่อย ๆ แน่นอน
สำหรับเรื่องที่เราเอามาแชร์หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้คนที่อยากเริ่มต้นเป็นกำลังต่อสู้กับอาการออฟฟิศซินโดรมนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ…
[CR] ออฟฟิศซินโดรมความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของสาวโสดวัย 30+
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้