อยากที่จะได้คำแนะนำเพื่อเป็น แสงส่องสว่างให้ไฟชีวิต สวัสดีค่ะนิสิตปี1 ที่มีปัญหากับชีวิตไม่อยากที่จะอยู่ต่อ แต่ขอหาคำตอบจากผู้อ่านทุกท่าน ได้โปรดค่ะ
เราอยู่บ้านทุกคนมีห้องเป็นของตัวเอง ห้องของเราใกล้กับน้อง ปัญหามันรุมเร้ามาเป็นปีเป็นชาติ จากกระทู้ที่เคยเขียนเอาไว้ รอบนี้เราทนไม่ไหว เพราะทั้งกลิ่นบุหรี่ไฟฟ้าและการนำกระท่อมเข้ามาดื่มในบ้าน แม่บอกเพียงแต่ว่าถ้าคนติดอะไรแบบนี้ต้องค่อยๆ พูด ถ้าบอกให้เลิกทีเดียวจะเตลิด แม่จึงเลือกที่จะเฉยๆ เพราะจากประสบการณ์ที่พี่ชายติดม้า
แต่เลิกเร็วมาก เลิกแบบปุบปับเลย ตอนนี้เป็นคนดีสุดๆ เราก็ได้แต่ทน ทน ทน และทน จนกระทั้ง เมื่อวานไม่ไหวแล้วกับกลิ่นและเกลียดคนจำพวกนั้นที่เข้ามาให้บ้าน จึงเกิดการปะทะอารมณ์กันกับน้อง เราร้องไห้ค่ะตัวสั่นทั้งเกลียดที่โดนคำพูดเหล่าออกจากปากคนเป็นน้อง ซึ่งมันบอกว่าจะทำอะไรก็ผิดใช่ไหม แต่สิ่งที่มันทำคือสิ่งผิดกฏหมายทุกอย่าง
โอเค แม่ก็ด่ามันต่อ แม่คุยกันไปสักพัก เอาเรื่องที่ตาบอดข้างเดียวเป็นข้ออ้างเหงา อยู่บ้านจะให้ทำไร แม่ก็ถามแล้วจะเอายังไง จะให้ทำไง ทางเลือกไม่น่าอยากใช่ไหมคะทุกคน ไปเรียนต่อ หางานทำ คงได้เพื่อนแล้ว เพื่อนที่ดีกว่านี้ แม่ลูกก็คุยกันไป ไอคนอย่างเราใช่ลูกรึป่าว นั่งร้องไห้ตัวสั่น ผ้าเช็ดน้ำตาจนแสบหน้าไปหมด
พอแม่คุยกับมันเสร็จ มาคุยกับเราต่อ ว่าจะเอายังไงถ้าน้องเลิกจะหายโกรธ ไหม อารมณ์ตอนนั้น โมโหน้ำตาท่วมจอ จะเอาที่ไหนไปหายโกรธ เพื่อนทะเลาะกันนิดเดียวก็ทำให้โกรธเป็นชาติ แต่ที่มันทำกับเรา เราทนมากี่รอบ ครั้งแรกเอาเพื่อนมาบ้าน อ่านหนังสือสอบไม่ได้ไม่มีใครสนใจเด็กที่ต้องเข้ามหาลัยอย่างเรา ตี2ตี3 ยังคงเสียงดัง แค่หลับตายังทำไม่ได้ สุดท้ายที่บ้าน ก็แก้ปัญหาโดยการให้มาได้แค่ไม่เกิน5ทุ่ม แล้วมันต่างอะไร ถ้าจะมาทุกวันขนาดนี้ ห้องก็ติดกัน ครั้งต่อๆมา ไม่มีใครแก้ ปัญหา ไม่มีใครรู้ว่าคนตรงนี้เจ็บปวด โกรธก็แค่แอบร้องไห้ มันต้องทนมากี่ร้อยครั้ง ตลอดทั้งปีที่ผ่าน แล้วจะมาขอให้หายโกรธ เราเห็นแก่ตัวสินะ เราบอกว่าเกลียดเพื่อนมัน แม่บอกว่าตรงมันเกินไปแล้ว เราผิดสินะ ผิดจริงๆใช่ไหมคนเราไม่มีสิทธ์ที่จะโกรธหรอ โอเคแม่เลิกคุยและเดินออกไป เพราะแม่ถามเพียงแค่ว่า ถ้ามันเลิกจะหายโกรธไหม จะเลิกปิดปะตูปึงปั้งใส่มันไหม แม่เดินออกไป เราร้องไห้หนักมาก แล้วมีงานต้องส่ง จึงเลือกที่จะไปทำกับพี่สาวที่เป็นญาติข้างบ้าน เพราะถ้าทำคนเดียวงานจะเต็มไปด้วยน้ำตาและไม่เสร็จ เราขนของไป แม่เดินมาเราบอกจะไปทำงานบ้านพี่สาว แม่โวยวายแบบคนขาดสติ ไม่สนอะไรทั้งนั้นไม่ฟังคำพูดลูกสาวคนนี้สักครั้งในชีวิต เอาแต่โวยวายหาว่าเราหนีออกจากบ้าน พอเราเดินออกไปด้วยความที่แม่โวยวายแบบขาดสติ ทุกคนเป็นห่วงแหละ สามีใหม่แม่เดินมาตะโกนใส่เราว่าแม่เป็นขนาดนี้แล้วยังจะไปอีก ประมาณนั้น พี่สาวที่เป็นญาติเราก็ได้แต่ปลอบเรา เพราะเค้าไม่รู้อะไรมาก เราไม่ไหวแล้ว ผิดอะไรหรอ ตาก็ตะโกนเรียกเรา ทุกคนโยนความผิดมาที่เรา เราทนไม่ไหวเพราะแม่เสียงดังกับทุกคนที่ตะโกน เราเกรงใจคนรอบบ้านจึงเดินกับไปแล้วบอกว่าจะไปทำงาน แม่ก็บอกว่าปกติทำคนเดียวก็ได้ แม่พูดแบบร้องไห้ไปโวยวายไปและกอดอยู่กับลูกชายของเค้าอยู่ เราไม่เดินไปใกล้หรอกค่ะคุยอยู่ห่าง แล้วน้องมันก็พูดขึ้นมาว่าจะเลิก ก็โอเค แม่ลูกเค้าก็กอดกัน ทุกคนดูสำคัญดีค่ะแยกย้าย เราเดินกับไปทำงานบ้านพี่สาวต่อ น้ำตาไม่มีทางหยุด พี่สาวก็ลูบหัวไป ปลอบใจไป ช่วยทำงานไป น้ำตาที่ไม่มีทางหยุดได้ ก็ค่อยหายไป แต่เราคอดถึงเหตุการณ์ตลอดที่ว่าเพียงแค่เราไม่ให้อภัยมันแค่นั้น แล้วเราคือคนที่โดนรบกวน จนชีวิตเกือบพัง เครียดตลอดร้องไห้เกือบทุกคืน ไม่มีใครสนใจค่ะ ความพยายามที่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทุกอย่าง
เราผิดจริงๆใช่ไหมที่ไม่สามารถให้อภัยได้ เราเห็นแก่ตัวใช่ไหม พิมพ์ไปก็ร้องไห้ไป หยุดเรียนหนึ่งวันเต็ม ชีวิตทำยังไงต่อไปดี
***ถ้าไม่เข้าใจต้องขออถัยค่ะเรื่องมันยาวเกินไป เทียบเป็นครึ่งชีวิตของเราที่มันโดนทำร้าย ไม่รู้จะเล่ายังไงดีค่ะ ขอบคุณที่อ่าน และ ผู้ที่แสดงความคิดเห็นล่วงน่าทุกคนนะคะ
เราเห็นแก่ตัวใช่ไหม มันควรที่จะยกโทษใช่ไหม ?
เราอยู่บ้านทุกคนมีห้องเป็นของตัวเอง ห้องของเราใกล้กับน้อง ปัญหามันรุมเร้ามาเป็นปีเป็นชาติ จากกระทู้ที่เคยเขียนเอาไว้ รอบนี้เราทนไม่ไหว เพราะทั้งกลิ่นบุหรี่ไฟฟ้าและการนำกระท่อมเข้ามาดื่มในบ้าน แม่บอกเพียงแต่ว่าถ้าคนติดอะไรแบบนี้ต้องค่อยๆ พูด ถ้าบอกให้เลิกทีเดียวจะเตลิด แม่จึงเลือกที่จะเฉยๆ เพราะจากประสบการณ์ที่พี่ชายติดม้า
แต่เลิกเร็วมาก เลิกแบบปุบปับเลย ตอนนี้เป็นคนดีสุดๆ เราก็ได้แต่ทน ทน ทน และทน จนกระทั้ง เมื่อวานไม่ไหวแล้วกับกลิ่นและเกลียดคนจำพวกนั้นที่เข้ามาให้บ้าน จึงเกิดการปะทะอารมณ์กันกับน้อง เราร้องไห้ค่ะตัวสั่นทั้งเกลียดที่โดนคำพูดเหล่าออกจากปากคนเป็นน้อง ซึ่งมันบอกว่าจะทำอะไรก็ผิดใช่ไหม แต่สิ่งที่มันทำคือสิ่งผิดกฏหมายทุกอย่าง
โอเค แม่ก็ด่ามันต่อ แม่คุยกันไปสักพัก เอาเรื่องที่ตาบอดข้างเดียวเป็นข้ออ้างเหงา อยู่บ้านจะให้ทำไร แม่ก็ถามแล้วจะเอายังไง จะให้ทำไง ทางเลือกไม่น่าอยากใช่ไหมคะทุกคน ไปเรียนต่อ หางานทำ คงได้เพื่อนแล้ว เพื่อนที่ดีกว่านี้ แม่ลูกก็คุยกันไป ไอคนอย่างเราใช่ลูกรึป่าว นั่งร้องไห้ตัวสั่น ผ้าเช็ดน้ำตาจนแสบหน้าไปหมด
พอแม่คุยกับมันเสร็จ มาคุยกับเราต่อ ว่าจะเอายังไงถ้าน้องเลิกจะหายโกรธ ไหม อารมณ์ตอนนั้น โมโหน้ำตาท่วมจอ จะเอาที่ไหนไปหายโกรธ เพื่อนทะเลาะกันนิดเดียวก็ทำให้โกรธเป็นชาติ แต่ที่มันทำกับเรา เราทนมากี่รอบ ครั้งแรกเอาเพื่อนมาบ้าน อ่านหนังสือสอบไม่ได้ไม่มีใครสนใจเด็กที่ต้องเข้ามหาลัยอย่างเรา ตี2ตี3 ยังคงเสียงดัง แค่หลับตายังทำไม่ได้ สุดท้ายที่บ้าน ก็แก้ปัญหาโดยการให้มาได้แค่ไม่เกิน5ทุ่ม แล้วมันต่างอะไร ถ้าจะมาทุกวันขนาดนี้ ห้องก็ติดกัน ครั้งต่อๆมา ไม่มีใครแก้ ปัญหา ไม่มีใครรู้ว่าคนตรงนี้เจ็บปวด โกรธก็แค่แอบร้องไห้ มันต้องทนมากี่ร้อยครั้ง ตลอดทั้งปีที่ผ่าน แล้วจะมาขอให้หายโกรธ เราเห็นแก่ตัวสินะ เราบอกว่าเกลียดเพื่อนมัน แม่บอกว่าตรงมันเกินไปแล้ว เราผิดสินะ ผิดจริงๆใช่ไหมคนเราไม่มีสิทธ์ที่จะโกรธหรอ โอเคแม่เลิกคุยและเดินออกไป เพราะแม่ถามเพียงแค่ว่า ถ้ามันเลิกจะหายโกรธไหม จะเลิกปิดปะตูปึงปั้งใส่มันไหม แม่เดินออกไป เราร้องไห้หนักมาก แล้วมีงานต้องส่ง จึงเลือกที่จะไปทำกับพี่สาวที่เป็นญาติข้างบ้าน เพราะถ้าทำคนเดียวงานจะเต็มไปด้วยน้ำตาและไม่เสร็จ เราขนของไป แม่เดินมาเราบอกจะไปทำงานบ้านพี่สาว แม่โวยวายแบบคนขาดสติ ไม่สนอะไรทั้งนั้นไม่ฟังคำพูดลูกสาวคนนี้สักครั้งในชีวิต เอาแต่โวยวายหาว่าเราหนีออกจากบ้าน พอเราเดินออกไปด้วยความที่แม่โวยวายแบบขาดสติ ทุกคนเป็นห่วงแหละ สามีใหม่แม่เดินมาตะโกนใส่เราว่าแม่เป็นขนาดนี้แล้วยังจะไปอีก ประมาณนั้น พี่สาวที่เป็นญาติเราก็ได้แต่ปลอบเรา เพราะเค้าไม่รู้อะไรมาก เราไม่ไหวแล้ว ผิดอะไรหรอ ตาก็ตะโกนเรียกเรา ทุกคนโยนความผิดมาที่เรา เราทนไม่ไหวเพราะแม่เสียงดังกับทุกคนที่ตะโกน เราเกรงใจคนรอบบ้านจึงเดินกับไปแล้วบอกว่าจะไปทำงาน แม่ก็บอกว่าปกติทำคนเดียวก็ได้ แม่พูดแบบร้องไห้ไปโวยวายไปและกอดอยู่กับลูกชายของเค้าอยู่ เราไม่เดินไปใกล้หรอกค่ะคุยอยู่ห่าง แล้วน้องมันก็พูดขึ้นมาว่าจะเลิก ก็โอเค แม่ลูกเค้าก็กอดกัน ทุกคนดูสำคัญดีค่ะแยกย้าย เราเดินกับไปทำงานบ้านพี่สาวต่อ น้ำตาไม่มีทางหยุด พี่สาวก็ลูบหัวไป ปลอบใจไป ช่วยทำงานไป น้ำตาที่ไม่มีทางหยุดได้ ก็ค่อยหายไป แต่เราคอดถึงเหตุการณ์ตลอดที่ว่าเพียงแค่เราไม่ให้อภัยมันแค่นั้น แล้วเราคือคนที่โดนรบกวน จนชีวิตเกือบพัง เครียดตลอดร้องไห้เกือบทุกคืน ไม่มีใครสนใจค่ะ ความพยายามที่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทุกอย่าง
เราผิดจริงๆใช่ไหมที่ไม่สามารถให้อภัยได้ เราเห็นแก่ตัวใช่ไหม พิมพ์ไปก็ร้องไห้ไป หยุดเรียนหนึ่งวันเต็ม ชีวิตทำยังไงต่อไปดี
***ถ้าไม่เข้าใจต้องขออถัยค่ะเรื่องมันยาวเกินไป เทียบเป็นครึ่งชีวิตของเราที่มันโดนทำร้าย ไม่รู้จะเล่ายังไงดีค่ะ ขอบคุณที่อ่าน และ ผู้ที่แสดงความคิดเห็นล่วงน่าทุกคนนะคะ