ฉันตอนนี้อายุ 20ปี เป็นคนไทย แม่เป็นคนจังหวัดที่อยู่ทางเหนือ ส่วนพ่อเป็นคนจากภาคตะวันออก ฉันไม่รู้ว่าทั้งสองคนมาเจอกันได้ยังไง เพราะฉันไม่สนใจชีวิตรักหรือตำนานการพบเจอของพวกเขาหรอก
แม่กับพ่อเคยบอกกับฉัน ว่าจริงๆแล้วพวกเขาไม่เคยอยากจะให้ฉันเกิดมา พอแล้วกับการมีลูกหญิงชายแค่สองคน แน่นอนสมัยคนแก่ๆ ของพ่อแม่ คำว่าคุมกำเนิด มันออกจะไม่ค่อยรัดกุมเหมือนสมัยนี้ ฉันถึงได้หลงเกิดมาจนได้ แม่บอกว่าเธอจะฆ่าฉัน เธอจะกินยาและขับฉันออกมา แน่นอน พ่อห้ามเธอไว้ ไม่ใช่เพราะอยากจะมีเพิ่มอะไรหรอก(ถึงพวกเขาไม่ได้บอกแต่ฉันก็รู้ดี) พ่อกลัวว่าฉันจะไม่ตาย และถ้าฉันเกิดมาแล้วพิการ พวกเขาคงได้ลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่แน่
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดี หรือโชคร้ายจะได้ไหมนะ? ที่ฉันเกิดมาและยังมีทุกอย่างในร่างกายสมบรูณ์ครบถ้วน
เอาเถอะ ฉันเบื่อที่จะมาเซ็งๆ กับอารมณ์โง่ๆ ไร้สาระพรรณนี้แล้วล่ะ
ฉันเกิดมาก็ไม่ได้เก่ง ฉลาด หรือมีความสามารถในด้านใดๆ ฉันเป็นคนโง่ หลงตัวเอง นักแต่งเรื่อง เพ้อฝัน ตัวขี้เกียจ สารพัดเรื่องยอดแย่รวมอยู่ในตัวของฉันนี้แหล่ะ
ฉันไม่ค่อยจะภูมิใจเท่าไหร่ที่เกิดมาเป็นผู้หญิงหรอกนะ ฉันอยากจะเกิดมาเป็นผู้ชายมากกว่าหน่ะ โอ้! แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเป็นทอม หรือพวกรักร่วมเพศนะ
เรื่องของฐานะบ้านของพวกเราก็ไม่ได้ร่ำรวยหรือยากจนอดอยากซะทีเดียว มันก็พอมีพอกินอยู่เรื่อยไปนั้นแหล่ะ ฉันจำได้ลางๆ ว่าสมัยฉันยังเป็นเด็ก ตอนที่เข้าเรียนอนุบาลครั้งแรก ฉันร้องห่มร้องไห้อยากกลับบ้าน แน่ล่ะ ใครเขาอยากจะออกไปเจอโลกภายนอกและทิ้งความขี้เกียจไว้ในบ้านกันล่ะ? ฉันรู้สึกอับอายนิดหน่อย พอลองนึกมองย้อนกลับไปคิดถึงตัวเองในตอนนั้น เฮ้! ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะโตแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่อยากร้องไห้ขออยู่แต่ในบ้านหรอกนะ ฉันโคตรอยากจะทำอย่างนั้นอยู่หรอก ในทุกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน แต่ถ้าฉันอยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหนเลย ซักวันฉันคงจะอดตาย ฉันอยากเกิดมาสบายไม่ต้องทำอะไรเลย แหม่ จริงๆฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้มีแค่ฉันหรอกนะที่คิดแบบนี้ แต่ว่าโลกมันโหดร้าย พวกเราก็ต้องดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อกันไป อยากสบาย อยากได้อยากมี ก็ต้องดิ้นรน แย่งชิง และไขว้คว้ามา มันฟังดูโคตรจะน่าเบื่อและออกจะน่ากลัวสำหรับคนอย่างฉัน
อ่า... เพราะความคิดโง่ๆ ที่อย่างจะสุขสบายโดยไม่ต้องทำอะไรเลย บ้างครั้งมันก็ทำให้ฉันกลายเป็นบ้า!
ฉันพยายามฆ่าตัวตายครั้งแรกเมื่อตอนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 ฉันกินยาพาราและแก้แพ้ไปครึ่งกระปุก รู้อะไรไหม? ว่ามันโคตรขม! รสขมติดลิ้น ติดคอ กินน้ำหมดไปเป็นขวดๆ ก็ไม่หาย หลังจากที่ยัดยาไปขนาดนั้น ช่วงแรกก็ยังไม่เป็นอะไรหรอก แต่หลังจากนั้นซักสองสามชั่วโมงผ่านไป ถ้าใครเป็นคนที่ชอบทรมานตัวเองล่ะก็ แนะนำให้ทำตามเลย
คืนนั้นทั้งคืนเรียกว่านรกแตกเลยก็ว่าได้ เพราะร่างกายพยายามขับไล่สิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย ด้วยการ อ้วก! ใช่แล้ว ฉันอ้วกแตกแทบทั้งคืนจนเจ็บคอ เจ็บท้องไปหมด อยากจะตายไปจริงๆ เลยนั้นแหล่ะ(จริงๆ ก็จะกินยาให้มันตายนั้นแหล่ะ) นรกชัดๆ
พอนั่งอ้วกอยู่หน้าส้วมเป็นชั่วโมงๆ ร่างกายก็อ่อนเพลียและหลับไป แน่นอน ใครก็ตามที่ยัดยาเกิดขนาดไปแบบนั้น จะไม่มีวันได้ลิ้มรสการนอนหลับฝันดีหรอกนะ เพราะร่างกายจะมีอาการคลื่นไส้อยู่ตลอดเวลา และมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงอยู่ต่อเนื่อง อุณหภูมิในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนตัวแทบจะมอดไหม้ เกิดอาการหนาวสั่น และร้อนตับแตกปะปนกัน ช่างเป็นประสบการณ์ที่ยอดแย่
และอีกครั้งในเดือนตุลาคมปี 60 ที่ฉันพยายามฆ่าตัวตายด้วยยาอีกครั้ง ฉันจำไม่ได้ว่าเพราะอะไร และทำไมฉันถึงคิดที่อยากจะตาย แต่ฉันก็ทำมันอีกครั้ง คราวนี้ฉันไม่อยากให้มันอ้วกออกมาอีก ฉันเลยละลายยาพาราครึ่งกระปุกกับแก้แพ้อีกหนึ่งกำมือ(โอ้! ยาสามัญที่หาได้ทั่วไป ฉันหามาOverdoseได้เท่าที่ฉันหาได้)เอาพวกมันมาละลายกับน้ำ สีขาวของมันเหมือนนม แต่รสชาติกับกลิ่นมันคนละเรื่องกันเลย ฉันอยากจะอ้วกตั้งแต่ที่ได้กลิ่นมันแล้ว (แค่คิดถึงมันก็อยากจะอ้วกอยู่แล้ว!!!) ฉันซัดยกมันดื่มเข้าไปรวดเดียว รู้ไหมว่าฉันอยากจะอ้วกซะตั้งแต่ตอนที่มันไหลลงคอ พระเจ้า! ถึงแม้ว่าฉันจะดื่มน้ำองุ่นแดงของทิปโก้เข้าไป ในปากกับลำคอมันก็ไม่ช่วยให้มันหายขมเลย
และก็ไม่ต้องเสียเวลาเดา ฉันไม่ตาย และยังเจอกับวงจรอุบาทว์เหมือนเดิม อ่า ประสาตจะ- และฉันยังทำให้แม่ต้องมาลำบาก คอยลูบหลังทนฟังเสียงฉันอ้วกทั้งคืน ดีที่แม่เชื่อว่าฉันแค่ป่วยเพราะไม่สบายจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงและนอนดึก
หลังหายดีแต่ไม่มีทางหายขาด ฉันเกิดอาการประสาตหลอน ทุกครั้งที่ฉันเห็นยา ได้กลิ่นของมัน เห็นนม หรือน้ำอะไรก็ตามที่เป็นสีขาวหรือแดงน้ำองุ่นแดงของทิปโก้ ฉันจะมีความรู้สึกอยากจะอ้วก หรืออยู่ๆ ก็มีอาการขมที่คอ ฉันไม่สามารถทานยาอะไรก็ตามได้อีกต่อไป เพราะมันจะทำให้จิตตกและแย่ลงไปกว่าเดิม แหล่ะนี่ ก็คือผลข้างเคียงที่ฉันได้รับจากการพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาด จนท้ายที่สุดฉันก็ไม่สามารถกินยาได้อีกต่อไป
ในต้นปี61 ฉันพยายามที่จะฆ่าตัวตายอีกครั้งด้วยการกรีดข้อมือ แหม่....ก็เห็นในเน็ตผู้คนส่วนใหญ่เขาฮิตกันดีนี่ ก็เลยลองบ้าง แต่แย่หน่อย มันเจ็บโคตรๆ เลย และฉันก็ไม่ได้มีความกล้าหรือความอดทนต่อความเจ็บปวดมากพอซะด้วยสิ ฉันกรีดมันไม่ลึกพอที่จะโดนเส้นเหลือใหญ่ เลือดมันเลยออกมาน้อยมากๆ น้อยเกินไปที่มันจะทำให้ฉันตายได้จริงๆ แต่ตอนที่เสียเลือดถึงมันจะน้อย แต่มันก็ทำให้แขนหนักและปวดขึ้นมานิดหน่อย ช่วงที่แผลเริ่มดีขึ้นก็รู้สึกคันๆ จนเผลอไปเกาเปิดแผลอยู่หลายครั้ง แต่ถึงอย่างงั้นถ้ากรีดเล่นๆ ล่ะก็ ฉันทำได้นะ และฉันคิดว่าฉันชอบที่จะทำมันด้วย ฉันเลิกกรีดที่แขน เพราะคิดว่าพ่อกับแม่อาจจะเห็นมันอีกครั้ง เลยมากรีดเล่นที่ข้อเท้าแทน
และปลายปี 62 ฉันลองผูกคอตัวเอง ด้วยเชือกผ้าโง่ๆ สองเส้นกับรูอิฐกำแพงในห้องนอนและทำเป็นบ่วงเตรียมแขวนคอ แม่เห็นมันและถามฉัน ฉันตอบไปว่าทำเอาไว้แขวนไม้แขวนเสื้อ ฉันไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อฉันไหม? แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือพูดถึงมันอีก
ตอนกลางดึก ฉันเอาเก้าอี้มาเหยียบยืนขึ้นไปแขวนคอกับบ่วงที่เตรียมไว้ เอาหัวสวมบ่วง และปล่อยตัวเองร่วงหล่นลงจากเก้าอี้ช้าๆ
ฉันหายใจไม่ออก ฉันเจ็บคอและกรามมากๆ หัวของฉันเหมือนกำลังต่อสู้กับแรงดันมหาศาล อากาศไม่สามารถไปเลี้ยงสมองของฉันได้ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ฉันพยายามเขย่งยืนด้วยปลายเท้า ดิ้นทุรนทุรายในอากาศ กล่องเสียงถูกรัดแน่นขึ้น วิสัยทัศน์เริ่มกลายเป็นขาวดำ ฉันทนไม่ได้ ฉันยอมแพ้ ฉันกลับไปเหยียบยืนบนเก้าอี้อีกครั้ง และเอาหัวออกจากบ่วง ฉันพยายามหายใจเข้าลึกๆ จนเจ็บคอและหน้าอก มันเจ็บและทรมานกว่ากรีดแขนซะอีก
ฉันล้มตัวและนอนลงบนที่นอนและหลับไป ฉันตื่นมาอีกครั้งส่องกระจกดูตัวเอง คอของฉันเขียวช้ำเป็นรอยเชือก เบ้าตาของฉันก็มีจุดช้ำเขียวๆ ขึ้นรอบๆ มันแย่มาก สภาพฉันไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ขี้ยาเลยล่ะ แม่ก็ถามฉันอยู่หรอกว่าคอไปโดนอะไรมา แต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตอบอะไรกลับไป
ตอนนี้ฉันหยุดกรีดขาตัวเองแล้ว รอยแผลก็จางลงไปมากจนแทบจะมองไม่เห็น แต่ถึงยังไงซะ จนถึงตอนนี้ ปี 2563 แล้ว ฉันก็ไม่อาจหยุดคิดเรื่องฆ่าตัวตายได้เลย ฉันอยากตาย ฉันอยากตาย ฉันอยากตาย ความอยากมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความหวาดกลัว ฉันไม่กลัวที่จะตาย แต่ฉันหวาดกลัวในความเจ็บปวด
ฉันในตอนนี้ไม่ได้เรียนหนังสืออีกแล้ว แต่ฉันก็จบ ม.6 กศน.มาจนได้แหล่ะนะ ฉันมีงานทำ เป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่เข้างานตอน 6โมงเช้า เลิกงาน 4โมงครึ่ง ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ รายได้เดือนละ 5,000บาทต่อเดือน ดูๆแล้วมันก็ไม่เลวใช้ไหมล่ะ? ฉันจ่ายแค่ค่าอินเตอร์เน็ตประมาณ 700บาทต่อเดือน ให้แม่ 1,000บาททุกเดือน ก็เหลือกินเหลือใช้ 3,000เศษๆ
ชีวิตมันก็ไม่ได้แย่ พวกคนในที่ที่ฉันไปทำงานด้วย ก็ล้วนแต่เป็นคนดี ฉันไม่ได้เป็นหนี้ใคร ไม่เคยยืมเงินหรือติดตังค์ใครๆ ไม่มีอริหรือเป็นศัตรูกับใคร ฉันมีแมว มีหมา และเลี้ยงปลา ฉันรักพวกมัน ถึงแม้บางครั้งมันจะทำให้ฉันปวดหัวไปบ้างกับความซุกซนของพวกมัน แต่พวกมันก็ยังน่ารัก ฉันปลูกต้นไม้ ฉันชอบมองดูในตอนที่พวกมันเบ่งบาน ถึงแม้บางครั้งฉันจะลืมที่ไปดูแลหรือถอนหญ้าให้ พวกมันก็ยังคงเป็นพืชที่สวยงาม
ฉันผ่อนคลายกับเพลงที่ฉันฟัง สนุกไปกับรายการตลกในยูทูป หรือดูคนอื่นเล่นเกม ฉันรู้สึกสงบที่ได้อยู่ในห้องนอนของตัวเอง ใส่หูฟังเปิดเพลงมิกซ์แจ๊สคลาสสิกแล้วนอนตากพัดลมตัวเก่าๆ ที่เปิดพัดลมมาใส่ตัวฉันเบาๆ
แต่ฉันไม่มีความสุข
ฉันพยายามหาเพื่อนคุย ทั้งในเกม ในแชท หรือในชีวิตจริง เพื่อผ่อนคลายจิตใจ ฉันสนุกที่ได้คุยกับพวกเขาแต่อาการและความอยากที่อยากจะตาย ก็ไม่เคยลดลง ยิ่งผ่านไปนานวันเข้า ฉันก็ยิ่งอยากตายมากขึ้นเท่านั้น ฉันไม่เข้าใจตัวเอง ฉันอยากตาย แต่ฉันก็หวาดกลัวความเจ็บปวด
ฉันชอบที่จะคุยกับเพื่อนๆ แต่อีกใจฉันเบื่อที่จะต้องคุยกับพวกเขา
ฉันสื่อสารกับผู้คนได้ลำบาก ฉันอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ยาก แต่ฉันชอบที่จะเขียนมัน เพราะมันให้เวลาฉันคิด และแก้ไขคำให้มันถูกต้องได้ และบางครั้ง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
ฉันเป็นคนขี้อายและกลัวคนแปลกหน้ามาก และฉันไม่ชอบเที่ยว ฉันไม่อยากจะรู้จักกับใครอีก ไม่อยากจะทักทาย ไม่อยากจะแนะนำตัว ฉันคิดว่าฉันไม่มีความสุขที่จะต้องลองเริ่มใหม่และเริ่มทำอะไรซักอย่าง และฉันไม่ชอบมัน มันให้ฉันเครียด และอยากจะตาย ฉันอยากตาย อยากหายไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย
ฉันหยุดความคิดและความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ และฉันก็ไม่อยากจะหยุดมันด้วย
ฉันเคยปรึกษาเรื่องนี้กับใครบางคนในเน็ต เขาเริ่มเล่าชีวิตที่ย่ำแย่ของคนอื่นให้ฉันฟัง มันจะทำให้คนมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาได้ แต่กลับฉันมันไม่ใช่....
มันเหมือนกับการตอกย้ำ ว่าสิ่งที่ฉันทำ มันโง่และบ้าบิ่นไร้หัวคิดมาก ที่ไม่สามารถลุกขึ้นต่อต้านมันได้เหมือนกับผู้คนที่เจอเรื่องแย่ๆ มากกว่าเรื่องของฉัน
ฉันรู้สึกแย่ ฉันอยากตาย
ฉันต้องทำยังไงคะ?
ฉันอยากตาย ต้องทำยังไง?
แม่กับพ่อเคยบอกกับฉัน ว่าจริงๆแล้วพวกเขาไม่เคยอยากจะให้ฉันเกิดมา พอแล้วกับการมีลูกหญิงชายแค่สองคน แน่นอนสมัยคนแก่ๆ ของพ่อแม่ คำว่าคุมกำเนิด มันออกจะไม่ค่อยรัดกุมเหมือนสมัยนี้ ฉันถึงได้หลงเกิดมาจนได้ แม่บอกว่าเธอจะฆ่าฉัน เธอจะกินยาและขับฉันออกมา แน่นอน พ่อห้ามเธอไว้ ไม่ใช่เพราะอยากจะมีเพิ่มอะไรหรอก(ถึงพวกเขาไม่ได้บอกแต่ฉันก็รู้ดี) พ่อกลัวว่าฉันจะไม่ตาย และถ้าฉันเกิดมาแล้วพิการ พวกเขาคงได้ลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่แน่
ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดี หรือโชคร้ายจะได้ไหมนะ? ที่ฉันเกิดมาและยังมีทุกอย่างในร่างกายสมบรูณ์ครบถ้วน
เอาเถอะ ฉันเบื่อที่จะมาเซ็งๆ กับอารมณ์โง่ๆ ไร้สาระพรรณนี้แล้วล่ะ
ฉันเกิดมาก็ไม่ได้เก่ง ฉลาด หรือมีความสามารถในด้านใดๆ ฉันเป็นคนโง่ หลงตัวเอง นักแต่งเรื่อง เพ้อฝัน ตัวขี้เกียจ สารพัดเรื่องยอดแย่รวมอยู่ในตัวของฉันนี้แหล่ะ
ฉันไม่ค่อยจะภูมิใจเท่าไหร่ที่เกิดมาเป็นผู้หญิงหรอกนะ ฉันอยากจะเกิดมาเป็นผู้ชายมากกว่าหน่ะ โอ้! แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเป็นทอม หรือพวกรักร่วมเพศนะ
เรื่องของฐานะบ้านของพวกเราก็ไม่ได้ร่ำรวยหรือยากจนอดอยากซะทีเดียว มันก็พอมีพอกินอยู่เรื่อยไปนั้นแหล่ะ ฉันจำได้ลางๆ ว่าสมัยฉันยังเป็นเด็ก ตอนที่เข้าเรียนอนุบาลครั้งแรก ฉันร้องห่มร้องไห้อยากกลับบ้าน แน่ล่ะ ใครเขาอยากจะออกไปเจอโลกภายนอกและทิ้งความขี้เกียจไว้ในบ้านกันล่ะ? ฉันรู้สึกอับอายนิดหน่อย พอลองนึกมองย้อนกลับไปคิดถึงตัวเองในตอนนั้น เฮ้! ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะโตแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่อยากร้องไห้ขออยู่แต่ในบ้านหรอกนะ ฉันโคตรอยากจะทำอย่างนั้นอยู่หรอก ในทุกวันที่ฉันต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน แต่ถ้าฉันอยู่แต่บ้านไม่ได้ไปไหนเลย ซักวันฉันคงจะอดตาย ฉันอยากเกิดมาสบายไม่ต้องทำอะไรเลย แหม่ จริงๆฉันคิดว่ามันก็ไม่ได้มีแค่ฉันหรอกนะที่คิดแบบนี้ แต่ว่าโลกมันโหดร้าย พวกเราก็ต้องดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อกันไป อยากสบาย อยากได้อยากมี ก็ต้องดิ้นรน แย่งชิง และไขว้คว้ามา มันฟังดูโคตรจะน่าเบื่อและออกจะน่ากลัวสำหรับคนอย่างฉัน
อ่า... เพราะความคิดโง่ๆ ที่อย่างจะสุขสบายโดยไม่ต้องทำอะไรเลย บ้างครั้งมันก็ทำให้ฉันกลายเป็นบ้า!
ฉันพยายามฆ่าตัวตายครั้งแรกเมื่อตอนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 ฉันกินยาพาราและแก้แพ้ไปครึ่งกระปุก รู้อะไรไหม? ว่ามันโคตรขม! รสขมติดลิ้น ติดคอ กินน้ำหมดไปเป็นขวดๆ ก็ไม่หาย หลังจากที่ยัดยาไปขนาดนั้น ช่วงแรกก็ยังไม่เป็นอะไรหรอก แต่หลังจากนั้นซักสองสามชั่วโมงผ่านไป ถ้าใครเป็นคนที่ชอบทรมานตัวเองล่ะก็ แนะนำให้ทำตามเลย
คืนนั้นทั้งคืนเรียกว่านรกแตกเลยก็ว่าได้ เพราะร่างกายพยายามขับไล่สิ่งแปลกปลอมออกจากร่างกาย ด้วยการ อ้วก! ใช่แล้ว ฉันอ้วกแตกแทบทั้งคืนจนเจ็บคอ เจ็บท้องไปหมด อยากจะตายไปจริงๆ เลยนั้นแหล่ะ(จริงๆ ก็จะกินยาให้มันตายนั้นแหล่ะ) นรกชัดๆ
พอนั่งอ้วกอยู่หน้าส้วมเป็นชั่วโมงๆ ร่างกายก็อ่อนเพลียและหลับไป แน่นอน ใครก็ตามที่ยัดยาเกิดขนาดไปแบบนั้น จะไม่มีวันได้ลิ้มรสการนอนหลับฝันดีหรอกนะ เพราะร่างกายจะมีอาการคลื่นไส้อยู่ตลอดเวลา และมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรงอยู่ต่อเนื่อง อุณหภูมิในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนตัวแทบจะมอดไหม้ เกิดอาการหนาวสั่น และร้อนตับแตกปะปนกัน ช่างเป็นประสบการณ์ที่ยอดแย่
และอีกครั้งในเดือนตุลาคมปี 60 ที่ฉันพยายามฆ่าตัวตายด้วยยาอีกครั้ง ฉันจำไม่ได้ว่าเพราะอะไร และทำไมฉันถึงคิดที่อยากจะตาย แต่ฉันก็ทำมันอีกครั้ง คราวนี้ฉันไม่อยากให้มันอ้วกออกมาอีก ฉันเลยละลายยาพาราครึ่งกระปุกกับแก้แพ้อีกหนึ่งกำมือ(โอ้! ยาสามัญที่หาได้ทั่วไป ฉันหามาOverdoseได้เท่าที่ฉันหาได้)เอาพวกมันมาละลายกับน้ำ สีขาวของมันเหมือนนม แต่รสชาติกับกลิ่นมันคนละเรื่องกันเลย ฉันอยากจะอ้วกตั้งแต่ที่ได้กลิ่นมันแล้ว (แค่คิดถึงมันก็อยากจะอ้วกอยู่แล้ว!!!) ฉันซัดยกมันดื่มเข้าไปรวดเดียว รู้ไหมว่าฉันอยากจะอ้วกซะตั้งแต่ตอนที่มันไหลลงคอ พระเจ้า! ถึงแม้ว่าฉันจะดื่มน้ำองุ่นแดงของทิปโก้เข้าไป ในปากกับลำคอมันก็ไม่ช่วยให้มันหายขมเลย
และก็ไม่ต้องเสียเวลาเดา ฉันไม่ตาย และยังเจอกับวงจรอุบาทว์เหมือนเดิม อ่า ประสาตจะ- และฉันยังทำให้แม่ต้องมาลำบาก คอยลูบหลังทนฟังเสียงฉันอ้วกทั้งคืน ดีที่แม่เชื่อว่าฉันแค่ป่วยเพราะไม่สบายจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงและนอนดึก
หลังหายดีแต่ไม่มีทางหายขาด ฉันเกิดอาการประสาตหลอน ทุกครั้งที่ฉันเห็นยา ได้กลิ่นของมัน เห็นนม หรือน้ำอะไรก็ตามที่เป็นสีขาวหรือแดงน้ำองุ่นแดงของทิปโก้ ฉันจะมีความรู้สึกอยากจะอ้วก หรืออยู่ๆ ก็มีอาการขมที่คอ ฉันไม่สามารถทานยาอะไรก็ตามได้อีกต่อไป เพราะมันจะทำให้จิตตกและแย่ลงไปกว่าเดิม แหล่ะนี่ ก็คือผลข้างเคียงที่ฉันได้รับจากการพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาด จนท้ายที่สุดฉันก็ไม่สามารถกินยาได้อีกต่อไป
ในต้นปี61 ฉันพยายามที่จะฆ่าตัวตายอีกครั้งด้วยการกรีดข้อมือ แหม่....ก็เห็นในเน็ตผู้คนส่วนใหญ่เขาฮิตกันดีนี่ ก็เลยลองบ้าง แต่แย่หน่อย มันเจ็บโคตรๆ เลย และฉันก็ไม่ได้มีความกล้าหรือความอดทนต่อความเจ็บปวดมากพอซะด้วยสิ ฉันกรีดมันไม่ลึกพอที่จะโดนเส้นเหลือใหญ่ เลือดมันเลยออกมาน้อยมากๆ น้อยเกินไปที่มันจะทำให้ฉันตายได้จริงๆ แต่ตอนที่เสียเลือดถึงมันจะน้อย แต่มันก็ทำให้แขนหนักและปวดขึ้นมานิดหน่อย ช่วงที่แผลเริ่มดีขึ้นก็รู้สึกคันๆ จนเผลอไปเกาเปิดแผลอยู่หลายครั้ง แต่ถึงอย่างงั้นถ้ากรีดเล่นๆ ล่ะก็ ฉันทำได้นะ และฉันคิดว่าฉันชอบที่จะทำมันด้วย ฉันเลิกกรีดที่แขน เพราะคิดว่าพ่อกับแม่อาจจะเห็นมันอีกครั้ง เลยมากรีดเล่นที่ข้อเท้าแทน
และปลายปี 62 ฉันลองผูกคอตัวเอง ด้วยเชือกผ้าโง่ๆ สองเส้นกับรูอิฐกำแพงในห้องนอนและทำเป็นบ่วงเตรียมแขวนคอ แม่เห็นมันและถามฉัน ฉันตอบไปว่าทำเอาไว้แขวนไม้แขวนเสื้อ ฉันไม่รู้ว่าแม่จะเชื่อฉันไหม? แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือพูดถึงมันอีก
ตอนกลางดึก ฉันเอาเก้าอี้มาเหยียบยืนขึ้นไปแขวนคอกับบ่วงที่เตรียมไว้ เอาหัวสวมบ่วง และปล่อยตัวเองร่วงหล่นลงจากเก้าอี้ช้าๆ
ฉันหายใจไม่ออก ฉันเจ็บคอและกรามมากๆ หัวของฉันเหมือนกำลังต่อสู้กับแรงดันมหาศาล อากาศไม่สามารถไปเลี้ยงสมองของฉันได้ มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ฉันพยายามเขย่งยืนด้วยปลายเท้า ดิ้นทุรนทุรายในอากาศ กล่องเสียงถูกรัดแน่นขึ้น วิสัยทัศน์เริ่มกลายเป็นขาวดำ ฉันทนไม่ได้ ฉันยอมแพ้ ฉันกลับไปเหยียบยืนบนเก้าอี้อีกครั้ง และเอาหัวออกจากบ่วง ฉันพยายามหายใจเข้าลึกๆ จนเจ็บคอและหน้าอก มันเจ็บและทรมานกว่ากรีดแขนซะอีก
ฉันล้มตัวและนอนลงบนที่นอนและหลับไป ฉันตื่นมาอีกครั้งส่องกระจกดูตัวเอง คอของฉันเขียวช้ำเป็นรอยเชือก เบ้าตาของฉันก็มีจุดช้ำเขียวๆ ขึ้นรอบๆ มันแย่มาก สภาพฉันไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ขี้ยาเลยล่ะ แม่ก็ถามฉันอยู่หรอกว่าคอไปโดนอะไรมา แต่ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตอบอะไรกลับไป
ตอนนี้ฉันหยุดกรีดขาตัวเองแล้ว รอยแผลก็จางลงไปมากจนแทบจะมองไม่เห็น แต่ถึงยังไงซะ จนถึงตอนนี้ ปี 2563 แล้ว ฉันก็ไม่อาจหยุดคิดเรื่องฆ่าตัวตายได้เลย ฉันอยากตาย ฉันอยากตาย ฉันอยากตาย ความอยากมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความหวาดกลัว ฉันไม่กลัวที่จะตาย แต่ฉันหวาดกลัวในความเจ็บปวด
ฉันในตอนนี้ไม่ได้เรียนหนังสืออีกแล้ว แต่ฉันก็จบ ม.6 กศน.มาจนได้แหล่ะนะ ฉันมีงานทำ เป็นแม่บ้านทำความสะอาดที่เข้างานตอน 6โมงเช้า เลิกงาน 4โมงครึ่ง ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ รายได้เดือนละ 5,000บาทต่อเดือน ดูๆแล้วมันก็ไม่เลวใช้ไหมล่ะ? ฉันจ่ายแค่ค่าอินเตอร์เน็ตประมาณ 700บาทต่อเดือน ให้แม่ 1,000บาททุกเดือน ก็เหลือกินเหลือใช้ 3,000เศษๆ
ชีวิตมันก็ไม่ได้แย่ พวกคนในที่ที่ฉันไปทำงานด้วย ก็ล้วนแต่เป็นคนดี ฉันไม่ได้เป็นหนี้ใคร ไม่เคยยืมเงินหรือติดตังค์ใครๆ ไม่มีอริหรือเป็นศัตรูกับใคร ฉันมีแมว มีหมา และเลี้ยงปลา ฉันรักพวกมัน ถึงแม้บางครั้งมันจะทำให้ฉันปวดหัวไปบ้างกับความซุกซนของพวกมัน แต่พวกมันก็ยังน่ารัก ฉันปลูกต้นไม้ ฉันชอบมองดูในตอนที่พวกมันเบ่งบาน ถึงแม้บางครั้งฉันจะลืมที่ไปดูแลหรือถอนหญ้าให้ พวกมันก็ยังคงเป็นพืชที่สวยงาม
ฉันผ่อนคลายกับเพลงที่ฉันฟัง สนุกไปกับรายการตลกในยูทูป หรือดูคนอื่นเล่นเกม ฉันรู้สึกสงบที่ได้อยู่ในห้องนอนของตัวเอง ใส่หูฟังเปิดเพลงมิกซ์แจ๊สคลาสสิกแล้วนอนตากพัดลมตัวเก่าๆ ที่เปิดพัดลมมาใส่ตัวฉันเบาๆ
แต่ฉันไม่มีความสุข
ฉันพยายามหาเพื่อนคุย ทั้งในเกม ในแชท หรือในชีวิตจริง เพื่อผ่อนคลายจิตใจ ฉันสนุกที่ได้คุยกับพวกเขาแต่อาการและความอยากที่อยากจะตาย ก็ไม่เคยลดลง ยิ่งผ่านไปนานวันเข้า ฉันก็ยิ่งอยากตายมากขึ้นเท่านั้น ฉันไม่เข้าใจตัวเอง ฉันอยากตาย แต่ฉันก็หวาดกลัวความเจ็บปวด
ฉันชอบที่จะคุยกับเพื่อนๆ แต่อีกใจฉันเบื่อที่จะต้องคุยกับพวกเขา
ฉันสื่อสารกับผู้คนได้ลำบาก ฉันอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ยาก แต่ฉันชอบที่จะเขียนมัน เพราะมันให้เวลาฉันคิด และแก้ไขคำให้มันถูกต้องได้ และบางครั้ง ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
ฉันเป็นคนขี้อายและกลัวคนแปลกหน้ามาก และฉันไม่ชอบเที่ยว ฉันไม่อยากจะรู้จักกับใครอีก ไม่อยากจะทักทาย ไม่อยากจะแนะนำตัว ฉันคิดว่าฉันไม่มีความสุขที่จะต้องลองเริ่มใหม่และเริ่มทำอะไรซักอย่าง และฉันไม่ชอบมัน มันให้ฉันเครียด และอยากจะตาย ฉันอยากตาย อยากหายไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย
ฉันหยุดความคิดและความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ และฉันก็ไม่อยากจะหยุดมันด้วย
ฉันเคยปรึกษาเรื่องนี้กับใครบางคนในเน็ต เขาเริ่มเล่าชีวิตที่ย่ำแย่ของคนอื่นให้ฉันฟัง มันจะทำให้คนมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาได้ แต่กลับฉันมันไม่ใช่....
มันเหมือนกับการตอกย้ำ ว่าสิ่งที่ฉันทำ มันโง่และบ้าบิ่นไร้หัวคิดมาก ที่ไม่สามารถลุกขึ้นต่อต้านมันได้เหมือนกับผู้คนที่เจอเรื่องแย่ๆ มากกว่าเรื่องของฉัน
ฉันรู้สึกแย่ ฉันอยากตาย
ฉันต้องทำยังไงคะ?