พุทธที่แท้จริง1 วัน ·
การเรียกร้องความเสมอภาคเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ แต่การลบล้างธรรมวินัย ไม่ใช่สิ่งที่ชาวพุทธพึงกระทำ #พระไตรปิฎกไม่ใช่รัฐธรรมนูญ
————————————————-
พระพุทธเจ้าอนุญาติให้เกย์-กะเทย บวชได้หรือไม่?
เคยได้รับคำถามจากหลายท่านอยู่บ่อยๆ ในทำนองว่าคนที่เป็นชายไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีใจสับสน เช่นกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง คนสองเพศ หรือบางทีก็เรียกว่าเกย์ ไบ หรือกะเทย พวกเขานี้บวชได้ไหม มาดูกัน
บุคคลที่พระพุทธเจ้าห้ามบวชโดยเด็ดขาด
📍 จำพวกมีเพศบกพร่อง คือ
- บัณเฑาะก์ ที่แปลว่าคนที่ไม่ใช่เพศตามกำเนิดอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าทางกายหรือใจ
- อุภโตพยัญชนก ที่แปลว่าคนมีทั้ง ๒ เพศ อนึ่งชายผู้ถูกตอน(ขันที) ก็ห้ามอุปสมบทเหมือนกัน
📍 จำพวกคนทำผิดต่อพระศาสนา นั้นแสดงไว้ ๗ ประเภท คือ
- คนฆ่าพระอรหันต์,
- คนผู้ข่มขืนภิกษุณี,
- คนลักเพศ(ปลอมตัวมาบวช),
- ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ (ทั้งที่ยังเป็นภิกษุอยู่ สึกแล้วมาบวชใหม่ก็ห้าม),
- ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว,
- ภิกษุผู้ทำสังฆเภท(ตั้งสำนักตัวเอง อันนอกเหนือวินัย),
- คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิต
📍 จำพวกที่ทำผิดต่อกำเนิดของตนนั้น คือ คนฆ่าพ่อฆ่าแม่
เขาเหล่านี้
📌 ถ้ารู้มาก่อนก็ไม่พึงให้อุปสมบท
📌 แต่ถ้าให้บวชแล้วเพราะไม่รู้ เมื่อภายหลังรู้ พึงให้สึกเสีย
📍 ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันที่เป็นบัณเฑาะก์ ภิกษุไม่พึงให้บวช ที่บวชแล้วพึงให้สึกเสีย ฯ
หลายๆท่าน มักจะเข้าใจว่า บัณเฑาะก์ แปลว่า กระเทย, เกย์ หรือ ตุ๊ดเพียงอย่างเดียว ความเข้าใจเช่นนี้อาจจะยังไม่ตรงไปซะหมด
อันที่จริง คำว่า บัณเฑาะก์ มาจาก ภาษาบาลีว่า ปณฺฑก ดังวจนัตถะ ว่า ปฑติ ลิงฺคเวกลฺลภาวํ คจฺฉตีติ ปณฺฑโก คือ
''ผู้ที่มีเครื่องหมายแห่งบุรุษและสตรีขาดตกบกพร่องไป''
แต่ทว่าทุกวันนี้เห็นมีบวชกันอยู่ทั่วไปในที่ต่างๆ บางแห่งอยู่กันเป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มี นั่นอาจเพราะว่าอุปัชฌาย์ไม่ทราบ หรือผู้ที่บวชไม่ทราบวินัยของพระพุทธเจ้าก็ได้ แต่เมื่อทราบก็ต้องชี้แจงให้เขาได้รับรู้
แต่‼️ บวชไม่ได้ก็ใช่ว่าจะบรรลุธรรมหรือพ้นทุกข์ไม่ได้ อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันอาจมีแค่พระพุทธศาสนาด้วยซ้ำที่ไม่ได้จำแนกเพศที่ 3 ให้เป็นเพศที่ผิดบาป (ที่ว่าเกิดเป็นเพศที่3เพราะทำผิดศีลข้อ3เป็นคำแต่งใหม่ ไม่ใช่คำพระศาสดา)
อย่างที่พระพุทธองค์เคยตรัสกับนาคให้ถือศีล 8 ในวันที่ 14 ,15 และ 8 แห่งปักษ์นั้นเพื่อพ้นจากความเป็นนาค ไม่ใช่เพราะท่านกีดกันผู้ใดไม่ให้เข้าถึงธรรมวินัยนี้ แต่เพราะปัญญาแห่งการตรัสรู้และความเมตตาของพระพุทธองค์ ท่านจึงทราบดีว่า การปฏิบัติแบบใด เหมาะสมกับอัตภาพใด จึงจะเป็นผลให้ถึงจุดหมายอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาอย่างรวดเร็วนั่นเอง
——————————————————
การลบล้างวินัยย่อมมี เพราะการลบล้างธรรม,
การลบล้างธรรมย่อมมี เพราะการลบล้างวินัย
ปญฺจก.อํ.๒๒:๙๑:๗๙ #พุทธวจนะ
พระไตรปิฎกไม่ใช่รัฐธรรมนูญ
การเรียกร้องความเสมอภาคเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ แต่การลบล้างธรรมวินัย ไม่ใช่สิ่งที่ชาวพุทธพึงกระทำ #พระไตรปิฎกไม่ใช่รัฐธรรมนูญ
————————————————-
พระพุทธเจ้าอนุญาติให้เกย์-กะเทย บวชได้หรือไม่?
เคยได้รับคำถามจากหลายท่านอยู่บ่อยๆ ในทำนองว่าคนที่เป็นชายไม่สมบูรณ์หรือผู้ที่มีใจสับสน เช่นกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิง คนสองเพศ หรือบางทีก็เรียกว่าเกย์ ไบ หรือกะเทย พวกเขานี้บวชได้ไหม มาดูกัน
บุคคลที่พระพุทธเจ้าห้ามบวชโดยเด็ดขาด
📍 จำพวกมีเพศบกพร่อง คือ
- บัณเฑาะก์ ที่แปลว่าคนที่ไม่ใช่เพศตามกำเนิดอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าทางกายหรือใจ
- อุภโตพยัญชนก ที่แปลว่าคนมีทั้ง ๒ เพศ อนึ่งชายผู้ถูกตอน(ขันที) ก็ห้ามอุปสมบทเหมือนกัน
📍 จำพวกคนทำผิดต่อพระศาสนา นั้นแสดงไว้ ๗ ประเภท คือ
- คนฆ่าพระอรหันต์,
- คนผู้ข่มขืนภิกษุณี,
- คนลักเพศ(ปลอมตัวมาบวช),
- ภิกษุไปเข้ารีตเดียรถีย์ (ทั้งที่ยังเป็นภิกษุอยู่ สึกแล้วมาบวชใหม่ก็ห้าม),
- ภิกษุต้องปาราชิกละเพศไปแล้ว,
- ภิกษุผู้ทำสังฆเภท(ตั้งสำนักตัวเอง อันนอกเหนือวินัย),
- คนทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิต
📍 จำพวกที่ทำผิดต่อกำเนิดของตนนั้น คือ คนฆ่าพ่อฆ่าแม่
เขาเหล่านี้
📌 ถ้ารู้มาก่อนก็ไม่พึงให้อุปสมบท
📌 แต่ถ้าให้บวชแล้วเพราะไม่รู้ เมื่อภายหลังรู้ พึงให้สึกเสีย
📍 ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันที่เป็นบัณเฑาะก์ ภิกษุไม่พึงให้บวช ที่บวชแล้วพึงให้สึกเสีย ฯ
หลายๆท่าน มักจะเข้าใจว่า บัณเฑาะก์ แปลว่า กระเทย, เกย์ หรือ ตุ๊ดเพียงอย่างเดียว ความเข้าใจเช่นนี้อาจจะยังไม่ตรงไปซะหมด
อันที่จริง คำว่า บัณเฑาะก์ มาจาก ภาษาบาลีว่า ปณฺฑก ดังวจนัตถะ ว่า ปฑติ ลิงฺคเวกลฺลภาวํ คจฺฉตีติ ปณฺฑโก คือ
''ผู้ที่มีเครื่องหมายแห่งบุรุษและสตรีขาดตกบกพร่องไป''
แต่ทว่าทุกวันนี้เห็นมีบวชกันอยู่ทั่วไปในที่ต่างๆ บางแห่งอยู่กันเป็นหมู่เป็นกลุ่มก็มี นั่นอาจเพราะว่าอุปัชฌาย์ไม่ทราบ หรือผู้ที่บวชไม่ทราบวินัยของพระพุทธเจ้าก็ได้ แต่เมื่อทราบก็ต้องชี้แจงให้เขาได้รับรู้
แต่‼️ บวชไม่ได้ก็ใช่ว่าจะบรรลุธรรมหรือพ้นทุกข์ไม่ได้ อย่างที่ทราบกันดีว่าในปัจจุบันอาจมีแค่พระพุทธศาสนาด้วยซ้ำที่ไม่ได้จำแนกเพศที่ 3 ให้เป็นเพศที่ผิดบาป (ที่ว่าเกิดเป็นเพศที่3เพราะทำผิดศีลข้อ3เป็นคำแต่งใหม่ ไม่ใช่คำพระศาสดา)
อย่างที่พระพุทธองค์เคยตรัสกับนาคให้ถือศีล 8 ในวันที่ 14 ,15 และ 8 แห่งปักษ์นั้นเพื่อพ้นจากความเป็นนาค ไม่ใช่เพราะท่านกีดกันผู้ใดไม่ให้เข้าถึงธรรมวินัยนี้ แต่เพราะปัญญาแห่งการตรัสรู้และความเมตตาของพระพุทธองค์ ท่านจึงทราบดีว่า การปฏิบัติแบบใด เหมาะสมกับอัตภาพใด จึงจะเป็นผลให้ถึงจุดหมายอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาอย่างรวดเร็วนั่นเอง
——————————————————
การลบล้างวินัยย่อมมี เพราะการลบล้างธรรม,
การลบล้างธรรมย่อมมี เพราะการลบล้างวินัย
ปญฺจก.อํ.๒๒:๙๑:๗๙ #พุทธวจนะ