ผมขอมาแชร์ประสบการณ์การขริบหนอนน้อยที่ได้ไปทำมาเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้ว
เหตุผลทำไหมไปขริบหนอนน้อย
1.หนังหุ้มปลายค่อนข้างเยอะ สามารถล้างทำความสะอาดได้ แต่ทำได้แค่เฉพาะตอนอวัยวะเพศอ่อนตัวส่วนในตอนที่แข็งตัวมันสามารถรูดหนังลงมาจากหัวเห็ดได้ แต่หนังมันตีบทำให้หนังหุ้มปลายหนอนน้อยแผลปริ รอบหนังหุ้มปลายหนอนน้อยทำให้แสบเวลาโดนน้ำ
2. หาข้อมูลยังไง/จากไหน
- ผมเริ่มหาข้อมูลจาก google เลยครับ search คำว่า ขริบ ก็ขึ้นมาเป็นเยอะเลย และจากพันทิพจนได้ไปเจอหมอท่านนึงที่ใช้ชื่อแฝงว่า สาลิกาโบยบิน มีประโยชน์มากครับ ผมก็หาข้อมูลว่าที่ไหน และคุณ สาลิกาโบยบิน แนะนำที่คลีนิกแถวบางกะปิบอกว่าแผลสวยหลังจากขริบ จะขริบบแบบ low ตอนอ่อนตัวจะยังเหลือหนังย่นๆใต้หัวเห็ด และจะตึงตอนแข็งตัว
3. เริ่มต้น/ติดต่อ/ไปยังไง
- ช่วงที่หยุดยาว 25-28/7/63
- เริ่มต้นวันศุกร์ที่ 17/7/63 ผมโทรไปที่ คลีนิกบอกว่าจะขริบ เจ้าหน้าที่รับสายบอกว่าที่คลีนิกไม่รับนัดให้เข้ามาขริบได้เลยวันไหนก็ได้วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 13.00-17.00 น.เจ้าหน้าที่บอกให้ใส่กางเกงหลวมๆมา และก็ให้โกนขนบริเวณนั้นมาด้วย และให้เตรียมใจมาด้วย บอกตอนจะวางสาย (ผมคิดในใจก็เลือกวันที่ 24/7/63 เพราะจะได้หยุดต่อเนื่อง โดยลาหยุดพักร้อน 1 วัน)
-วันที่ศุกร์ที่ 24/7/63 เวลา 10.30 น.ผมก็ขับรถจากบ้านที่อยู่สมุทรปราการไปที่ คลีนิกบางกะปิ เอารถยนต์ไปจอดที่ โลตัสบางกะปิเพราะที่คลีนิกไม่มีที่จอดรถ ให้เดินไปที่คลีนิกประมาน 500 เมตร ถึงประมาณบ่ายโมงทำบัตรรอหมอซักครู่ก็ได้เข้าพบหมอครับ
ช่วงพบหมอ หมอก็ถามว่าทำไมถึงมาขริบและจะตัดเส้นสองสลึงด้วยไหม ผมก็บอกไปว่ามันตีบและขอตัดเส้นสองสลึงออกด้วยเลยเพราะ
รู้สึกว่ามันรั้งๆตอนรูดลงเหมือนกัน แล้วผมก็ถามว่านานไหมกว่าแผลจะหาย สามารถไปทำงานได้เลยไหม แล้วต้องล้างแผลทุกวันหรือเปล่า
หมอก็บอกว่าประมาณเดือนนึงแผลก็หายแล้ว หลังผ่าพัก 2-3 วัน ก็สามารถไปทำงานได้ ส่วนเรื่องล้างแผลผมอยู่สมุทรปราการหมอก็ให้ล้างแผลวันเว้นวัน
ห้ามโดนน้ำ แต่หลังจากขริบให้มาล้างแผลที่คลีนิก เพราะหมอจะดูแผลที่ขริบด้วยว่ามีอาการบวมป่าว หลังจากนั่นให้ล้างแผลเองที่บ้านได้
ช่วงรอก่อนขริบ หมอให้มารอข้างนอกห้องเพราะหมอกับผู้ช่วยจะเตรียมเครื่องมือแพทย์ก่อนขริบ แล้วผู้ช่วยหมอเดินเอายาพารา เอามาให้กิน 1 เม็ด บอกว่าหลังจากขริบจะไม่ปวดแผลมาก หลังจากนี้ อีก 15 นาที
ช่วงขริบ เจ้าหน้าที่ก็เรียกไปเข้าห้องผ่า (ขึ้นเตียงขาหยั่ง) เจ้าหน้าที่ให้ยื่นผ้าถุงให้เปลี่ยนแล้วก็ให้ขึ้นนอนบนเตียงแล้วก็บอกให้ถ่างขากว้างๆๆจากนั้นเจ้าหน้าที่บอกให้เล่นโทรศัพย์ได้ระหว่างขริบพอสักพักหมอก็มาฉีดยาชาประมาณ 4 จุดครับ เจ็บจี๊ดๆ ทนได้ครับ (เข็ม 1 และ เข็ม 2เจ็บประมาณมดกัน เข็ม 3 เจ็บพอประมาณ ตอนฉีดสะดุ้งเลย เข็ม 4 ไม่รู้สึก) แล้วหมอก็รอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 10 นาทีครับ พออยาชาออกฤทธิ์หมอก็เริ่มทำการตัดเส้นสองสลึงก่อน แล้ว ก็มาตัดหนังหุ้มปลายหนอนน้อย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็เสร็จครับ ในระหว่างทำไม่รู้สึกเจ็บใดๆเลยครับ รู้สึกแค่ว่าทำอยู่เท่านั้น หลังจากขริบเสร็จ หมอก็เย็บด้วยไหมละลายต่อ ประมาณ 10 นาที (ช่วงเย็บผมบอกหมอว่าเจ็บนิดหน่อย หมอเลยเพิ่มยาชาอีก 1 เข็ม)พอเย็บเสร็จ หมอให้นอนรอบนเตียงประมาณ 30 นาที เพราะตอนทำเสร็จ จะมึนๆๆหัว หมอบอกว่าจากฤทธิ์ยาชา ทำให้มีอาการดังกล่าว
ช่วงหลังจากนอนพักเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องสบายๆเลยครับ ไม่เจ็บเลย รอจ่ายเงินกับรับยา แต่ !! ระหว่างรอเริ่มรู้สึกคล้ายอาการแสบๆ
ใช่ครับ ยาชาหมดฤทธิ์แล้ว รู้สึกแสบเจ็บคล้ายเอาพิมเสนกับมดไปอยู่ตรงนั้น รู้สึกซี้ดดดดเป็นระยะๆ
เจ้าหน้าที่เรียกคิดเงิน และรับยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และคู่มือการดูแลแผลหลังขริบ แล้วก็จ่ายเงินประมาณ 6200 ครับ จ่ายเสร็จก็ให้แฟนไปขับรถมารับที่หน้าคลีนิก แล้วก็ขับรถกลับบ้าน
4. การดูแลรักษาแผล
ช่วง 1-3 วันแรก
- วันแรก (24/7/63) มาถึงบ้านนอนอย่างเดียว แต่ไม่เจ็บมากเพราะกินยาแก้ปวดทุก 4 ชม. ในส่วนของการฉี่นั้น ฉี่พุ่งไปทุกทิศทุกทางเลยครับน่าจะเป็นเพราะยังมีอาการบวมข้างในอยู่ ฉี่เสร็จก็เอาทิชชู่ซับด้วยเพื่อไม่ให้แผลโดนฉี่(คืนแรกนอนไม่ค่อยหลับเพราะต้องนอนหายตลอด ตอนตี 3 เจ้าหนอนน้อยแข็งตัว จะปวดมากๆๆ ต้องบอกว่าให้อ่อนตัวเร็วๆๆ)
- วันสอง (25/7/63 )กลับล้างแผลที่คลีนิก หมอมาดูแผลบอกว่าไม่บวม แผลดี และก็เรียกแฟนเขาไปดูตอนล้างแผล เพราะหลังจากนี้แฟนผมจะเป็นคนล้างแผลให้ทุกวัน ล้างแผลเสร็จ เจ้าหน้าเรียกรับอุปกรณ์ที่จะนำไปล้างแผลเองที่บ้าน และจ่ายเงิน 300 บาท พอกลับมาถึงบ้านตอนเย็น ผมไม่อาบน้ำ เช็ดตัวเอาครับ เพราะกลัวแผลโดนน้ำ ในส่วนของการฉี่นั้น ฉี่พุ่งไปทุกทิศทุกทางเลยครับน่าจะเป็นเพราะยังมีอาการบวมข้างในอยู่ ฉี่เสร็จก็เอา ทิชชู่ซับ
- วันที่สาม (26/7/63) ตื่นมาตอนเช้า ตอนแข็งตัวเจ็บมาก !! ก็พยายามนอนขดเป็นกุ้งพร้อมกับหยิกตามตัวให้มันอ่อนตัวเร็วๆ พออ่อนตัวลงแล้วก็ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆที่แผลเลยครับ
ตอนทำแผล ให้แฟนทำแผลให้ช่วงเช้าทุกวัน โดยทาเอาน้ำเกลือเช็ดบริเวณแผล แล้วใช้ทิชชู่ซับให้แห้ง แล้วทาเบทาดีน แล้วก็พันแผลให้แน่นๆ (หมอบอกว่าถ้าเราพันแผลแน่นจะทำให้ไม่ปวดตอนเดินไปไหนมาไหนครับ)
- วันที่ 4 (27/7/63 ) ทำแผลช่วงเช้าเหมือนเดิมครับตอนเช้าไม่อาบน้ำ ตอนเย็นเปลี่ยนใหม่ครับเป็นเช็ดตัวแทน
- วันที่ 5 (28/7/63 ) ทำแผลช่วงเช้าเหมือนเดิมครับตอนเช้าไม่อาบน้ำ ตอนเย็นเปลี่ยนใหม่ครับเป็นเช็ดตัวแทน
- วันที่ 6 (29/7/63 ) ทำแผลช่วงเช้าเหมือนเดิมครับตอนเช้าไม่อาบน้ำ ตอนเย็นเปลี่ยนใหม่ครับเป็นเช็ดตัวแทน แต่วันนี้ผมต้องไปทำงานวันแรกหลังหยุดมาหลายวัน โดยต้องขับมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ตอนขับลำบากมากเพราะต้องระวังแผล เพราะกลัวแผลโดนกระแทก ช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี ตอนเย็นกลับบ้าน แผลโดนกระแทกกับเบาะรถ ทำให้เลือดไหล เลอะผ้าก๊อต ผมตกใจมาก โทรหาคลีนิก หมอที่คลีนิกบอกว่าไม่เป็นไร ห้ามเลือดไว้ไม่ให้ไหล ก็พอถ้าเลือดหยุดแล้วก็ไม่เป็นไรครับ ผมโล่งใจ วันนี้เลยต้องล้างแผลตอนเย็น เพราะผ้าก๊อตเลอะเลือด
- วันที่ 7 (30/7/63) ล้างแผลช่วงเช้า ไม่อาบน้ำ เช็ดตัวเอาครับ วันนี้ไปทำงานผมนั่งรถรับส่ง ของบริษัทไม่ต้องขับมอเตอร์ไซด์ไป ตอนเย็นกลับบ้านมาเช็ดตัว ไม่อาบน้ำ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ – ก็เริ่มปรับตัวได้ละครับ เวลาแข็งตัวตอนเช้าต้องทำยังไง ทำความสะอาดตัวยังไง ทำแผลยังไง เดินยังไง
วันนัดดูแผล (1/8/63) – มาถึง คลีนิก ก็ยื่นใบนัด เจ้าหน้าที่เรียกไปขึ้นเตียง และก็ให้ถอดกางเกง พอหมอมาก็บอกว่าแผลดี ทำแผลอีก 2-3 วันก็โดนน้ำได้แล้ว เจ้าหน้าที่ล้างแผล จ่ายค่าล้างแผล 200 บาท กลับบ้าน(แต่ผมคิดในใจว่ารอสัก 2 สัปดาห์ค่อยให้โดนน้ำ)
สัปดาห์ที่ 3 - หลังจากวันที่พบหมอเสร็จ ก็มาสังเกตแผลตัวเองว่าไหมเริ่มละลายออกแล้ว ผมก็ทำแผลไปจนครบกำหนดก็อาบน้ำได้ครับ พออาบน้ำเสร็จก็ซับให้แห้งด้วยทิชชู่ แต่ผมสังเกตเห็นว่า
แผลดีไม่มีเลือด ก็เลยทำแผลแล้วก็พันแผลไว้ไปเรื่อยๆก่อน
สัปดาห์ที่ 4 – แผลแห้ง และผมก็หายาลบรอยแผลเป็นมาทา ตามที่หมอแนะนำ หลังจากนี้เดี่ยวผมจะมา Update ให้อีกครับ เพราะผมเริ่มเข้า สัปดาห์ที่ 4
แชร์ประสบการณ์การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
เหตุผลทำไหมไปขริบหนอนน้อย
1.หนังหุ้มปลายค่อนข้างเยอะ สามารถล้างทำความสะอาดได้ แต่ทำได้แค่เฉพาะตอนอวัยวะเพศอ่อนตัวส่วนในตอนที่แข็งตัวมันสามารถรูดหนังลงมาจากหัวเห็ดได้ แต่หนังมันตีบทำให้หนังหุ้มปลายหนอนน้อยแผลปริ รอบหนังหุ้มปลายหนอนน้อยทำให้แสบเวลาโดนน้ำ
2. หาข้อมูลยังไง/จากไหน
- ผมเริ่มหาข้อมูลจาก google เลยครับ search คำว่า ขริบ ก็ขึ้นมาเป็นเยอะเลย และจากพันทิพจนได้ไปเจอหมอท่านนึงที่ใช้ชื่อแฝงว่า สาลิกาโบยบิน มีประโยชน์มากครับ ผมก็หาข้อมูลว่าที่ไหน และคุณ สาลิกาโบยบิน แนะนำที่คลีนิกแถวบางกะปิบอกว่าแผลสวยหลังจากขริบ จะขริบบแบบ low ตอนอ่อนตัวจะยังเหลือหนังย่นๆใต้หัวเห็ด และจะตึงตอนแข็งตัว
3. เริ่มต้น/ติดต่อ/ไปยังไง
- ช่วงที่หยุดยาว 25-28/7/63
- เริ่มต้นวันศุกร์ที่ 17/7/63 ผมโทรไปที่ คลีนิกบอกว่าจะขริบ เจ้าหน้าที่รับสายบอกว่าที่คลีนิกไม่รับนัดให้เข้ามาขริบได้เลยวันไหนก็ได้วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 13.00-17.00 น.เจ้าหน้าที่บอกให้ใส่กางเกงหลวมๆมา และก็ให้โกนขนบริเวณนั้นมาด้วย และให้เตรียมใจมาด้วย บอกตอนจะวางสาย (ผมคิดในใจก็เลือกวันที่ 24/7/63 เพราะจะได้หยุดต่อเนื่อง โดยลาหยุดพักร้อน 1 วัน)
-วันที่ศุกร์ที่ 24/7/63 เวลา 10.30 น.ผมก็ขับรถจากบ้านที่อยู่สมุทรปราการไปที่ คลีนิกบางกะปิ เอารถยนต์ไปจอดที่ โลตัสบางกะปิเพราะที่คลีนิกไม่มีที่จอดรถ ให้เดินไปที่คลีนิกประมาน 500 เมตร ถึงประมาณบ่ายโมงทำบัตรรอหมอซักครู่ก็ได้เข้าพบหมอครับ
ช่วงพบหมอ หมอก็ถามว่าทำไมถึงมาขริบและจะตัดเส้นสองสลึงด้วยไหม ผมก็บอกไปว่ามันตีบและขอตัดเส้นสองสลึงออกด้วยเลยเพราะ
รู้สึกว่ามันรั้งๆตอนรูดลงเหมือนกัน แล้วผมก็ถามว่านานไหมกว่าแผลจะหาย สามารถไปทำงานได้เลยไหม แล้วต้องล้างแผลทุกวันหรือเปล่า
หมอก็บอกว่าประมาณเดือนนึงแผลก็หายแล้ว หลังผ่าพัก 2-3 วัน ก็สามารถไปทำงานได้ ส่วนเรื่องล้างแผลผมอยู่สมุทรปราการหมอก็ให้ล้างแผลวันเว้นวัน
ห้ามโดนน้ำ แต่หลังจากขริบให้มาล้างแผลที่คลีนิก เพราะหมอจะดูแผลที่ขริบด้วยว่ามีอาการบวมป่าว หลังจากนั่นให้ล้างแผลเองที่บ้านได้
ช่วงรอก่อนขริบ หมอให้มารอข้างนอกห้องเพราะหมอกับผู้ช่วยจะเตรียมเครื่องมือแพทย์ก่อนขริบ แล้วผู้ช่วยหมอเดินเอายาพารา เอามาให้กิน 1 เม็ด บอกว่าหลังจากขริบจะไม่ปวดแผลมาก หลังจากนี้ อีก 15 นาที
ช่วงขริบ เจ้าหน้าที่ก็เรียกไปเข้าห้องผ่า (ขึ้นเตียงขาหยั่ง) เจ้าหน้าที่ให้ยื่นผ้าถุงให้เปลี่ยนแล้วก็ให้ขึ้นนอนบนเตียงแล้วก็บอกให้ถ่างขากว้างๆๆจากนั้นเจ้าหน้าที่บอกให้เล่นโทรศัพย์ได้ระหว่างขริบพอสักพักหมอก็มาฉีดยาชาประมาณ 4 จุดครับ เจ็บจี๊ดๆ ทนได้ครับ (เข็ม 1 และ เข็ม 2เจ็บประมาณมดกัน เข็ม 3 เจ็บพอประมาณ ตอนฉีดสะดุ้งเลย เข็ม 4 ไม่รู้สึก) แล้วหมอก็รอให้ยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 10 นาทีครับ พออยาชาออกฤทธิ์หมอก็เริ่มทำการตัดเส้นสองสลึงก่อน แล้ว ก็มาตัดหนังหุ้มปลายหนอนน้อย ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็เสร็จครับ ในระหว่างทำไม่รู้สึกเจ็บใดๆเลยครับ รู้สึกแค่ว่าทำอยู่เท่านั้น หลังจากขริบเสร็จ หมอก็เย็บด้วยไหมละลายต่อ ประมาณ 10 นาที (ช่วงเย็บผมบอกหมอว่าเจ็บนิดหน่อย หมอเลยเพิ่มยาชาอีก 1 เข็ม)พอเย็บเสร็จ หมอให้นอนรอบนเตียงประมาณ 30 นาที เพราะตอนทำเสร็จ จะมึนๆๆหัว หมอบอกว่าจากฤทธิ์ยาชา ทำให้มีอาการดังกล่าว
ช่วงหลังจากนอนพักเสร็จ ก็เดินออกมาจากห้องสบายๆเลยครับ ไม่เจ็บเลย รอจ่ายเงินกับรับยา แต่ !! ระหว่างรอเริ่มรู้สึกคล้ายอาการแสบๆ
ใช่ครับ ยาชาหมดฤทธิ์แล้ว รู้สึกแสบเจ็บคล้ายเอาพิมเสนกับมดไปอยู่ตรงนั้น รู้สึกซี้ดดดดเป็นระยะๆ
เจ้าหน้าที่เรียกคิดเงิน และรับยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และคู่มือการดูแลแผลหลังขริบ แล้วก็จ่ายเงินประมาณ 6200 ครับ จ่ายเสร็จก็ให้แฟนไปขับรถมารับที่หน้าคลีนิก แล้วก็ขับรถกลับบ้าน
4. การดูแลรักษาแผล
ช่วง 1-3 วันแรก
- วันแรก (24/7/63) มาถึงบ้านนอนอย่างเดียว แต่ไม่เจ็บมากเพราะกินยาแก้ปวดทุก 4 ชม. ในส่วนของการฉี่นั้น ฉี่พุ่งไปทุกทิศทุกทางเลยครับน่าจะเป็นเพราะยังมีอาการบวมข้างในอยู่ ฉี่เสร็จก็เอาทิชชู่ซับด้วยเพื่อไม่ให้แผลโดนฉี่(คืนแรกนอนไม่ค่อยหลับเพราะต้องนอนหายตลอด ตอนตี 3 เจ้าหนอนน้อยแข็งตัว จะปวดมากๆๆ ต้องบอกว่าให้อ่อนตัวเร็วๆๆ)
- วันสอง (25/7/63 )กลับล้างแผลที่คลีนิก หมอมาดูแผลบอกว่าไม่บวม แผลดี และก็เรียกแฟนเขาไปดูตอนล้างแผล เพราะหลังจากนี้แฟนผมจะเป็นคนล้างแผลให้ทุกวัน ล้างแผลเสร็จ เจ้าหน้าเรียกรับอุปกรณ์ที่จะนำไปล้างแผลเองที่บ้าน และจ่ายเงิน 300 บาท พอกลับมาถึงบ้านตอนเย็น ผมไม่อาบน้ำ เช็ดตัวเอาครับ เพราะกลัวแผลโดนน้ำ ในส่วนของการฉี่นั้น ฉี่พุ่งไปทุกทิศทุกทางเลยครับน่าจะเป็นเพราะยังมีอาการบวมข้างในอยู่ ฉี่เสร็จก็เอา ทิชชู่ซับ
- วันที่สาม (26/7/63) ตื่นมาตอนเช้า ตอนแข็งตัวเจ็บมาก !! ก็พยายามนอนขดเป็นกุ้งพร้อมกับหยิกตามตัวให้มันอ่อนตัวเร็วๆ พออ่อนตัวลงแล้วก็ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆที่แผลเลยครับ
ตอนทำแผล ให้แฟนทำแผลให้ช่วงเช้าทุกวัน โดยทาเอาน้ำเกลือเช็ดบริเวณแผล แล้วใช้ทิชชู่ซับให้แห้ง แล้วทาเบทาดีน แล้วก็พันแผลให้แน่นๆ (หมอบอกว่าถ้าเราพันแผลแน่นจะทำให้ไม่ปวดตอนเดินไปไหนมาไหนครับ)
- วันที่ 4 (27/7/63 ) ทำแผลช่วงเช้าเหมือนเดิมครับตอนเช้าไม่อาบน้ำ ตอนเย็นเปลี่ยนใหม่ครับเป็นเช็ดตัวแทน
- วันที่ 5 (28/7/63 ) ทำแผลช่วงเช้าเหมือนเดิมครับตอนเช้าไม่อาบน้ำ ตอนเย็นเปลี่ยนใหม่ครับเป็นเช็ดตัวแทน
- วันที่ 6 (29/7/63 ) ทำแผลช่วงเช้าเหมือนเดิมครับตอนเช้าไม่อาบน้ำ ตอนเย็นเปลี่ยนใหม่ครับเป็นเช็ดตัวแทน แต่วันนี้ผมต้องไปทำงานวันแรกหลังหยุดมาหลายวัน โดยต้องขับมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ตอนขับลำบากมากเพราะต้องระวังแผล เพราะกลัวแผลโดนกระแทก ช่วงเช้าผ่านไปด้วยดี ตอนเย็นกลับบ้าน แผลโดนกระแทกกับเบาะรถ ทำให้เลือดไหล เลอะผ้าก๊อต ผมตกใจมาก โทรหาคลีนิก หมอที่คลีนิกบอกว่าไม่เป็นไร ห้ามเลือดไว้ไม่ให้ไหล ก็พอถ้าเลือดหยุดแล้วก็ไม่เป็นไรครับ ผมโล่งใจ วันนี้เลยต้องล้างแผลตอนเย็น เพราะผ้าก๊อตเลอะเลือด
- วันที่ 7 (30/7/63) ล้างแผลช่วงเช้า ไม่อาบน้ำ เช็ดตัวเอาครับ วันนี้ไปทำงานผมนั่งรถรับส่ง ของบริษัทไม่ต้องขับมอเตอร์ไซด์ไป ตอนเย็นกลับบ้านมาเช็ดตัว ไม่อาบน้ำ
ผ่านไป 1 สัปดาห์ – ก็เริ่มปรับตัวได้ละครับ เวลาแข็งตัวตอนเช้าต้องทำยังไง ทำความสะอาดตัวยังไง ทำแผลยังไง เดินยังไง
วันนัดดูแผล (1/8/63) – มาถึง คลีนิก ก็ยื่นใบนัด เจ้าหน้าที่เรียกไปขึ้นเตียง และก็ให้ถอดกางเกง พอหมอมาก็บอกว่าแผลดี ทำแผลอีก 2-3 วันก็โดนน้ำได้แล้ว เจ้าหน้าที่ล้างแผล จ่ายค่าล้างแผล 200 บาท กลับบ้าน(แต่ผมคิดในใจว่ารอสัก 2 สัปดาห์ค่อยให้โดนน้ำ)
สัปดาห์ที่ 3 - หลังจากวันที่พบหมอเสร็จ ก็มาสังเกตแผลตัวเองว่าไหมเริ่มละลายออกแล้ว ผมก็ทำแผลไปจนครบกำหนดก็อาบน้ำได้ครับ พออาบน้ำเสร็จก็ซับให้แห้งด้วยทิชชู่ แต่ผมสังเกตเห็นว่า
แผลดีไม่มีเลือด ก็เลยทำแผลแล้วก็พันแผลไว้ไปเรื่อยๆก่อน
สัปดาห์ที่ 4 – แผลแห้ง และผมก็หายาลบรอยแผลเป็นมาทา ตามที่หมอแนะนำ หลังจากนี้เดี่ยวผมจะมา Update ให้อีกครับ เพราะผมเริ่มเข้า สัปดาห์ที่ 4