คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
อันนี้จาก กระทู้ ทำไม คนอังกฤษ ถึงเก่งในด้านการเดินเรือครับ ตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ของคุณ หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น 30 พฤษภาคม 2557 เวลา 23:01 น. https://ppantip.com/topic/32128536
ความคิดเห็นที่ 2 ของคุณ HotChoc 30 พฤษภาคม 2557 เวลา 23:46 น
เพราะอังกฤษแพ้สงคราม 100 ปีครับ
ความพ่ายแพ้นี้ทำให้อังกฤษเสียดินแดนในภาคพื้นทวีปไปจนเกือบหมด เหลือพื้นที่เป็นติ่งนิดเดียวที่เมืองคาเลส์ (ซึ่งต่อมาก็เสียไปในที่สุด) ด้วยกำลังคนและกำลังทรัพย์ของเกาะอังกฤษเองนั้นไม่สามารถต่อกรกับฝรั่งเศสตรงๆ ได้เลย อังกฤษจึงต้องหาวิธีสะสมกำลังทางอื่น นั่นก็คือทางทะเล
การขยายอำนาจทางทะเลของอังกฤษนั้นมีเป้าหมายคือ 1. ควบคุมช่องแคบอังกฤษให้ได้อย่างสมบูรณ์ อันนี้เพื่อป้องกันตัวเองจากฝรั่งเศสและชาติมหาอำนาจอื่นบนพื้นทวีป 2. ผันตัวเองให้เป็นผู้เล่นคนลำคัญในการค้าขายทางทะเล โดยเน้นไปที่เส้นทางการค้าในทะเลเหนือที่ยังมีคู่แข่งไม่มากนัก (กลุ่มฮันซาของรัฐเยอรมันยังเน้นค้าขายในทะเลบอลติคเป็นหลัก ฝรั่งเศสกับรัฐอิตาลีเช่นเจนัวและเวนิซก็เน้นค้าขายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) และในยุคต่อมาก็เพิ่มข้อ 3. คือการหาอาณานิคมโพ้นทะเล
ความคิดเห็นที่ 3 HotChoc 31 พฤษภาคม 2557 เวลา 00:03 น.
และเป็นจังหวะดีมากตอนที่อังกฤษแพ้สงครามร้อยปีนั้น การต่อเรือเดินสมุทรก็เริ่มมีความก้าวหน้าขึ้นพอดี เรือที่ใช้เดินทางในมหาสมุทรได้นั้นต้องใช้เทคโนโลยีสูงกว่าเรือในทะเลปิดแบบเมดิเตอร์เรเนียนหรือบอลติคครับ อีกชาติที่สนใจเทคโนโลยีเรือเดินสมุทรอย่างมากก็คือโปรตุเกส อังกฤษเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับโปรตุเกสตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 14 และต่อสัญญามาจนถึงปัจจุบันเลยนะครับ เป็นสนธิสัญญาพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลย อังกฤษตอนแรกก็สร้างเรือตามแบบของโปรตุเกสครับ ทั้งคาราเวลและคาแร็ค
นอกจากนี้อังกฤษเป็นประเทศเกาะอยู่กลางทะเล ประชาชนจำนวนมากเป็นกลาสีในเรือหาปลาและเรือสินค้าอยู่แล้ว เมื่อกองทัพเรืออังกฤษต้องการขยายขนาดกองเรือก็สามารถ"เอา"กลาสีพวกนี้มาเข้ากองทัพเรือได้ ประเทศในพื้นทวีปแบบฝรั่งเศสหรือสเปนนั้นอาจมีเงินมีกำลังในการต่อกองทัพเรือ แต่มีปัญหาในการหากลาสีเรือเก่งๆ ให้เพียงพอเป็นอย่างมาก
ต่อมาพอมีการค้นพบโลกใหม่และเส้นทางเดินสมุทรมายังอินเดียและเอเซีย อังกฤษก็มีความพร้อมในการหาประโยชน์จากเส้นทางใหม่นี้ ในขณะที่รัฐอิตาลีและกลุ่มฮันซาที่เคยเดินเรือในทะเลปิดเป็นหลักนั้นไม่มีความรู้และเทคโนโลยีที่จะเดินเรือในมหาสมุทรได้ และก็ไม่มีกลาสีที่ชำนาญการเพินเรือในมหาสมุทรด้วย เราจึงไม่เห็นอาณานิคมของเจนัว เวนิสหรือรัฐเยอรมัน
ความคิดเห็นที่ 7 HotChoc 31 พฤษภาคม 2557 เวลา 18:13 น.
ถ้าจะวัดกันด้วย เรือ กลาสี และ กัปตันเรือว่าประเทศไหนดีกว่ากัน ผมว่าพอๆ กันนะครับทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสเปน/โปรตุเกสในช่วงแรก เช่นในช่วงศตวรรษที่ 16 นั้นเรือของอังกฤษดีกว่าฝรั่งเศส แต่มาตอนปลายศตวรรษที่ 18 นั้นเรือของฝรั่งเศสดีกว่าของอังกฤษ และในช่วงศตวรรษที่ 17 นั้นอังกฤษก็โดนเนเธอร์แลนด์สอนมวยกลางทะเลบ่อยไป ส่วนกลาสีที่เก่งๆ ของแต่ละชาติก็เก่งพอๆ กัน แต่อังกฤษมีจำนวนกลาสีที่เก่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่า เพราะเป็นประเทศเกาะดังที่บอกไป ประเทศที่หากลาสีไม่ได้ก็ต้องเอาคนธรรมดามาฝึกซึ่งก็สู้พวกที่ออกทะเลแต่เด็กไม่ได้ (สมัยนั้นเด็กอายุ 12-13 ปีก็ออกทะเลได้แล้ว)
สิ่งที่อังกฤษมีเหนือกว่าประเทศอื่นก็คือนโยบายและสถาบัน อังกฤษดำเนินนโยบายด้านกองทัพเรือติดต่อกันเป็นร้อยๆ ปี แทบจะไม่เคยทอดทิ้งกองทัพเรือเลย ทุกคนในอังกฤษรู้ดีว่ากองทัพเรือเป็นทั้งปราการด่านสุดท้ายของชาติและเป็นทั้งสายป่านสู่ความมั่งคั่งจากอาณานิคมด้วย ไม่ว่าฝ่ายไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็ต้องสนับสนุนกองทัพเรือ ส่วนสถาบันของอังกฤษก็คือ The Admiralty กับ Navy Board ก็ใช้คนที่มีความสามารถ (โดยมากก็เป็นกัปตันเรือที่มีความสามารถที่เกษียณแล้วมาดำรงตำแหน่ง) ทั้งสองสถาบันนี้ฝึกกำลังพลและจัดหายุทโธปกรณ์ให้กองทัพเรืออังกฤษจนเรียกได้ว่าไร้เทียมทานในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึง ต้นศตวรรษที่ 20 เลยครับ
เทียบกับฝรั่งเศสนะครับ กองทัพเรือฝรั่งเศสเนี่ยจะมีช่วงรุ่งโรจน์และดับวูบสลับกันไปมาขึ้นกับว่าใครเป็นกษัตริย์หรือมีนโยบายอย่างไร กองทัพเรือฝรั่งเศสกำเนิดขึ้นในช่วงหลุยส์ที่ 13 แต่เนื่องจากมีการก่อกบฎทำให้เรียกว่ากองเรือถูกทอดทิ้งในช่วงปลายรัชสมัย ต่อมาหลุยส์ที่ 14 ก็ฟื้นฟูกองเรือขึ้นมาให้รุ่งโรจน์ใหม่จนถึงกับกระชากการควบคุมช่องแคบอังกฤษให้มาอยู่ในมือฝรั่งเศสได้น่ะครับ จนถึงตอนนี้เรียกว่ากองทัพเรืออังกฤษและฝรั่งเศสยังผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่หลุยส์ที่ 15-16 นั้นไม่มีเงินพอที่จะมาบำรุงกองเรือ ทำให้ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 นั้นกองทัพเรืออังกฤษได้ชัยตลอด แม้ว่าฝรั่งเศสจะออกแบบเรือได้ดีกว่าก็ตาม ยกเว้นในช่วงสงครามประกาศเอกราชอเมริกาที่อยู่ๆ กองทัพเรือฝรั่งเศสก็พลิกมาได้ชัยชนะในสมรภูมิสำคัญเช่นที่เชซาพีค (ทำให้กองทัพบกอังกฤษโดนล้อมที่ยอร์กทาว์นและขอยอมแพ้ทั้งกองทัพ) พอเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสมีการสังหารเจ้าขุนมูลนายรวมถึงนายพลเรือหลายคนด้วย ก็เรียกว่ากองทัพเรือฝรั่งเศสดับวูบทันทีครับ
ในยุคนโปเลียนก็มีความพยายามที่จะฟื้นฟูกองทัพเรือฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ แต่พอคนที่จะเป็นหัวหอกในการปฏิรูปคือลาทูชนั้นเสียชีวิตลงไป ก็ไม่มีใครมาทำหน้าที่นี้แทน คนที่มาคุมกองทัพเรือต่อคือวิลเลอนิวก็นำกองเรือไปให้เนลสันถล่มที่ทราฟัลกาเสียอีก ถ้าลาทูชคุมทัพเรือไปแทนการรบที่ทราฟัลกานั้นอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้เพราะลาทูชเองก็เคยรบชนะเนลสันมาแล้ว ตรงนี้ก็เป็นความแตกต่างระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส กัปตันหรือแม่ทัพเรือฝรั่งเศสที่เก่งๆ นั้นเก่งเป็นคนๆ ไป พอคนเก่งตายคนต่อไปอาจจะห่วยอย่างมากก็ได้ อย่างลาทูชกับวิลเลอนิว ในขณะที่อังกฤษนั้นสร้างคนด้วยสถาบันทำให้มีคนเก่งทดแทนกันได้เรื่อยๆ ตอนที่เนลสันตายไปนั้นเพื่อนๆ และลูกน้องเนลสันอย่างคอลลิงวูด ทรูบริดจ์ ซัวมาเรส ฮัลโลเวล โฟเลย์ ค๊อกเบิร์น ค๊อกเรน ก็เก่งไม่แพ้เนลสันเลย
กัปตันและแม่ทัพเรือของอังกฤษก็รู้ดีว่าอะไรคือสาเหตุของความแข็งแกร่งของกองทัพเรืออังกฤษครับ ตอนสงครามโลกครั้งที่สองที่ครีต กองทัพเรืออังกฤษนำโดยคันนิ่งแฮมกำลังช่วยกองทัพบกถอนทหารออกจากเกาะครีต ระหว่างนั้นก็โดนลุฟวัฟเฟกองทัพอากาศของเยอรมันระดมโจมตีทิ้งระเบิดใส่อย่างรุนแรง โดยที่กองทัพเรืออังกฤษไม่มีเครื่องบินคุ้มกันด้วย สถานการณ์คับขันถึงขนาดว่านายพลกองทัพบกยังแสดงความกังวลว่าคันนิ่งแฮมจะสูญเสียเรือรบมากเกินไป แต่คันนิ่งแฮมตอบว่า
ความคิดเห็นที่ 2 ของคุณ HotChoc 30 พฤษภาคม 2557 เวลา 23:46 น
เพราะอังกฤษแพ้สงคราม 100 ปีครับ
ความพ่ายแพ้นี้ทำให้อังกฤษเสียดินแดนในภาคพื้นทวีปไปจนเกือบหมด เหลือพื้นที่เป็นติ่งนิดเดียวที่เมืองคาเลส์ (ซึ่งต่อมาก็เสียไปในที่สุด) ด้วยกำลังคนและกำลังทรัพย์ของเกาะอังกฤษเองนั้นไม่สามารถต่อกรกับฝรั่งเศสตรงๆ ได้เลย อังกฤษจึงต้องหาวิธีสะสมกำลังทางอื่น นั่นก็คือทางทะเล
การขยายอำนาจทางทะเลของอังกฤษนั้นมีเป้าหมายคือ 1. ควบคุมช่องแคบอังกฤษให้ได้อย่างสมบูรณ์ อันนี้เพื่อป้องกันตัวเองจากฝรั่งเศสและชาติมหาอำนาจอื่นบนพื้นทวีป 2. ผันตัวเองให้เป็นผู้เล่นคนลำคัญในการค้าขายทางทะเล โดยเน้นไปที่เส้นทางการค้าในทะเลเหนือที่ยังมีคู่แข่งไม่มากนัก (กลุ่มฮันซาของรัฐเยอรมันยังเน้นค้าขายในทะเลบอลติคเป็นหลัก ฝรั่งเศสกับรัฐอิตาลีเช่นเจนัวและเวนิซก็เน้นค้าขายในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) และในยุคต่อมาก็เพิ่มข้อ 3. คือการหาอาณานิคมโพ้นทะเล
ความคิดเห็นที่ 3 HotChoc 31 พฤษภาคม 2557 เวลา 00:03 น.
และเป็นจังหวะดีมากตอนที่อังกฤษแพ้สงครามร้อยปีนั้น การต่อเรือเดินสมุทรก็เริ่มมีความก้าวหน้าขึ้นพอดี เรือที่ใช้เดินทางในมหาสมุทรได้นั้นต้องใช้เทคโนโลยีสูงกว่าเรือในทะเลปิดแบบเมดิเตอร์เรเนียนหรือบอลติคครับ อีกชาติที่สนใจเทคโนโลยีเรือเดินสมุทรอย่างมากก็คือโปรตุเกส อังกฤษเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับโปรตุเกสตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 14 และต่อสัญญามาจนถึงปัจจุบันเลยนะครับ เป็นสนธิสัญญาพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลย อังกฤษตอนแรกก็สร้างเรือตามแบบของโปรตุเกสครับ ทั้งคาราเวลและคาแร็ค
นอกจากนี้อังกฤษเป็นประเทศเกาะอยู่กลางทะเล ประชาชนจำนวนมากเป็นกลาสีในเรือหาปลาและเรือสินค้าอยู่แล้ว เมื่อกองทัพเรืออังกฤษต้องการขยายขนาดกองเรือก็สามารถ"เอา"กลาสีพวกนี้มาเข้ากองทัพเรือได้ ประเทศในพื้นทวีปแบบฝรั่งเศสหรือสเปนนั้นอาจมีเงินมีกำลังในการต่อกองทัพเรือ แต่มีปัญหาในการหากลาสีเรือเก่งๆ ให้เพียงพอเป็นอย่างมาก
ต่อมาพอมีการค้นพบโลกใหม่และเส้นทางเดินสมุทรมายังอินเดียและเอเซีย อังกฤษก็มีความพร้อมในการหาประโยชน์จากเส้นทางใหม่นี้ ในขณะที่รัฐอิตาลีและกลุ่มฮันซาที่เคยเดินเรือในทะเลปิดเป็นหลักนั้นไม่มีความรู้และเทคโนโลยีที่จะเดินเรือในมหาสมุทรได้ และก็ไม่มีกลาสีที่ชำนาญการเพินเรือในมหาสมุทรด้วย เราจึงไม่เห็นอาณานิคมของเจนัว เวนิสหรือรัฐเยอรมัน
ความคิดเห็นที่ 7 HotChoc 31 พฤษภาคม 2557 เวลา 18:13 น.
ถ้าจะวัดกันด้วย เรือ กลาสี และ กัปตันเรือว่าประเทศไหนดีกว่ากัน ผมว่าพอๆ กันนะครับทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และสเปน/โปรตุเกสในช่วงแรก เช่นในช่วงศตวรรษที่ 16 นั้นเรือของอังกฤษดีกว่าฝรั่งเศส แต่มาตอนปลายศตวรรษที่ 18 นั้นเรือของฝรั่งเศสดีกว่าของอังกฤษ และในช่วงศตวรรษที่ 17 นั้นอังกฤษก็โดนเนเธอร์แลนด์สอนมวยกลางทะเลบ่อยไป ส่วนกลาสีที่เก่งๆ ของแต่ละชาติก็เก่งพอๆ กัน แต่อังกฤษมีจำนวนกลาสีที่เก่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่า เพราะเป็นประเทศเกาะดังที่บอกไป ประเทศที่หากลาสีไม่ได้ก็ต้องเอาคนธรรมดามาฝึกซึ่งก็สู้พวกที่ออกทะเลแต่เด็กไม่ได้ (สมัยนั้นเด็กอายุ 12-13 ปีก็ออกทะเลได้แล้ว)
สิ่งที่อังกฤษมีเหนือกว่าประเทศอื่นก็คือนโยบายและสถาบัน อังกฤษดำเนินนโยบายด้านกองทัพเรือติดต่อกันเป็นร้อยๆ ปี แทบจะไม่เคยทอดทิ้งกองทัพเรือเลย ทุกคนในอังกฤษรู้ดีว่ากองทัพเรือเป็นทั้งปราการด่านสุดท้ายของชาติและเป็นทั้งสายป่านสู่ความมั่งคั่งจากอาณานิคมด้วย ไม่ว่าฝ่ายไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็ต้องสนับสนุนกองทัพเรือ ส่วนสถาบันของอังกฤษก็คือ The Admiralty กับ Navy Board ก็ใช้คนที่มีความสามารถ (โดยมากก็เป็นกัปตันเรือที่มีความสามารถที่เกษียณแล้วมาดำรงตำแหน่ง) ทั้งสองสถาบันนี้ฝึกกำลังพลและจัดหายุทโธปกรณ์ให้กองทัพเรืออังกฤษจนเรียกได้ว่าไร้เทียมทานในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึง ต้นศตวรรษที่ 20 เลยครับ
เทียบกับฝรั่งเศสนะครับ กองทัพเรือฝรั่งเศสเนี่ยจะมีช่วงรุ่งโรจน์และดับวูบสลับกันไปมาขึ้นกับว่าใครเป็นกษัตริย์หรือมีนโยบายอย่างไร กองทัพเรือฝรั่งเศสกำเนิดขึ้นในช่วงหลุยส์ที่ 13 แต่เนื่องจากมีการก่อกบฎทำให้เรียกว่ากองเรือถูกทอดทิ้งในช่วงปลายรัชสมัย ต่อมาหลุยส์ที่ 14 ก็ฟื้นฟูกองเรือขึ้นมาให้รุ่งโรจน์ใหม่จนถึงกับกระชากการควบคุมช่องแคบอังกฤษให้มาอยู่ในมือฝรั่งเศสได้น่ะครับ จนถึงตอนนี้เรียกว่ากองทัพเรืออังกฤษและฝรั่งเศสยังผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่หลุยส์ที่ 15-16 นั้นไม่มีเงินพอที่จะมาบำรุงกองเรือ ทำให้ช่วงปลายศตวรรษที่ 18 นั้นกองทัพเรืออังกฤษได้ชัยตลอด แม้ว่าฝรั่งเศสจะออกแบบเรือได้ดีกว่าก็ตาม ยกเว้นในช่วงสงครามประกาศเอกราชอเมริกาที่อยู่ๆ กองทัพเรือฝรั่งเศสก็พลิกมาได้ชัยชนะในสมรภูมิสำคัญเช่นที่เชซาพีค (ทำให้กองทัพบกอังกฤษโดนล้อมที่ยอร์กทาว์นและขอยอมแพ้ทั้งกองทัพ) พอเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสมีการสังหารเจ้าขุนมูลนายรวมถึงนายพลเรือหลายคนด้วย ก็เรียกว่ากองทัพเรือฝรั่งเศสดับวูบทันทีครับ
ในยุคนโปเลียนก็มีความพยายามที่จะฟื้นฟูกองทัพเรือฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ แต่พอคนที่จะเป็นหัวหอกในการปฏิรูปคือลาทูชนั้นเสียชีวิตลงไป ก็ไม่มีใครมาทำหน้าที่นี้แทน คนที่มาคุมกองทัพเรือต่อคือวิลเลอนิวก็นำกองเรือไปให้เนลสันถล่มที่ทราฟัลกาเสียอีก ถ้าลาทูชคุมทัพเรือไปแทนการรบที่ทราฟัลกานั้นอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้เพราะลาทูชเองก็เคยรบชนะเนลสันมาแล้ว ตรงนี้ก็เป็นความแตกต่างระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส กัปตันหรือแม่ทัพเรือฝรั่งเศสที่เก่งๆ นั้นเก่งเป็นคนๆ ไป พอคนเก่งตายคนต่อไปอาจจะห่วยอย่างมากก็ได้ อย่างลาทูชกับวิลเลอนิว ในขณะที่อังกฤษนั้นสร้างคนด้วยสถาบันทำให้มีคนเก่งทดแทนกันได้เรื่อยๆ ตอนที่เนลสันตายไปนั้นเพื่อนๆ และลูกน้องเนลสันอย่างคอลลิงวูด ทรูบริดจ์ ซัวมาเรส ฮัลโลเวล โฟเลย์ ค๊อกเบิร์น ค๊อกเรน ก็เก่งไม่แพ้เนลสันเลย
กัปตันและแม่ทัพเรือของอังกฤษก็รู้ดีว่าอะไรคือสาเหตุของความแข็งแกร่งของกองทัพเรืออังกฤษครับ ตอนสงครามโลกครั้งที่สองที่ครีต กองทัพเรืออังกฤษนำโดยคันนิ่งแฮมกำลังช่วยกองทัพบกถอนทหารออกจากเกาะครีต ระหว่างนั้นก็โดนลุฟวัฟเฟกองทัพอากาศของเยอรมันระดมโจมตีทิ้งระเบิดใส่อย่างรุนแรง โดยที่กองทัพเรืออังกฤษไม่มีเครื่องบินคุ้มกันด้วย สถานการณ์คับขันถึงขนาดว่านายพลกองทัพบกยังแสดงความกังวลว่าคันนิ่งแฮมจะสูญเสียเรือรบมากเกินไป แต่คันนิ่งแฮมตอบว่า
"มันใช้เวลาแค่ 3 ปีในการสร้างเรือลำใหม่ แต่ต้องใช้ถึง 300 ปีในการสร้างจารีตของกองทัพเรือ กองทัพเรือจะไม่ทำให้กองทัพบกต้องผิดหวัง การถอนทหารจะดำเนินต่อไป"
แสดงความคิดเห็น
ทำไมจักรวรรดิอังกฤษครองโลกได้อย่างง่ายดายทั้งๆที่ประเทศเเม่เล็กนิดเดียว
British Empire จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
-ทำไมจักรวรรดิบริเตนใหญ่ครองโลกได้
-ทำไมอังกฤษเป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลกได้
- เพราะอะไรอังกฤษถึงดิ่งตัวลงสุดเหวี่ยงเลยฮะ พอถึงจุดอิ่มตัวเเล้ว นอกจากสงครามโลกเเล้วมีอะไรอีก
- ตอนที่ฝรั่งเศสกับอังกฤษเเย่งกันจับจองโลกใหม่ ทำไมฝรั่งเศสรักษาอาณานิคมหลุยส์เซียน่าซึ่งใหญ่มากๆ ไว้ไม่นานเท่าอังกฤษเลย สาเหตุนึงก็มาจากสงครามเจ็ดปีด้วยนั่นเเหละ เเต่ผมสงสัยว่าฝรั่งเศสทำผิดอะไรขนาดนั้นจนอาณานิคมหายไปเกือบหมดเลยในสงครามเจ็ดปี
- อังกฤษทำอย่างไรทำไมจึงสามารถรักษาอาณารนิคม ไว้ได้นานมากอย่างน้อยเเคนาดาซึ่งเป็นอาณานิคมของคนผิวขาวเเละเป็นอาณานิคมโบราณ อังกฤษรักษาไว้เกือบ 400 ปีเลย
ปล.ผมถามเฉยๆ ไม่ใช่การบ้านไรนะฮะเดี๋ยวมีคนสงสัยอีก