สุดหยาม! นศ.ฮือเผารูป "ตู่-ป้อม" หน้าทำเนียบ ตร.ผวาเพลิงลุกลาม
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4569924
ภาคี นศ.ศาลายา-นวชีวิน แฟลชม็อบหน้าทำเนียบ ไล่ประยุทธ์ออกไป -เผารูป ตู่-ป้อม อ้าง ไล่ ความชั่วร้ายออกนอกประเทศ ด้าน น.1 ส่ง ตร. ร่ายกฎหมาย เตือน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เวลา 11.20 น.นาย
ณวิบูล ชมภู่ ประธานร่วมกลุ่มภาคีนักศึกษาศาลายา กล่าวว่าในวันนี้ทางกลุ่มเราจะมาอ่านแถลงการณ์ ประกาศข้อเรียกร้องและเผารูปพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
โดยมีเจตนาต้องการสื่อว่าต้องการเผาสิ่งที่ไม่ดี จากในประเทศออกไป และยังจะแจกรูปภาพขนาดเล็กให้กับ ประชาชนที่มาเข้าร่วมงานด้วย หรือถ้าใครมีกระดาษก็เขียนประณามรัฐบาลแล้วนำมาเผาไปพร้อมกันได้
จากนั้นนศ. ได้อ่านแถลงการณ์ภาคีนักศึกษาศาลายา "
รัฐบาลประยุทธ์ออกไปแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจปี 2563" โดยแถลงการณ์ภาคีนักศึกษา มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อคือ
1. การบริการงานของรัฐบาลพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนเอารัดเอาเปรียบประชาชน
2. ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ อาทิ เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 1000 บาท เพิ่มเงินเดือนคนจบปริญญาตรีเดือนละ 20000 บาท จึงหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
3. บริหารงานผิดพลาดจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน ประชาชนเดือดร้อน
4. ไม่มีการเยียวยาหรือประกันรายได้คนว่างงาน
5. ปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรงโดยมีการอุ้มฆ่าสูญหายไปถึง 9 ราย โดยถึงทำร้ายนักกิจกรรม จึงเป็นอาชญากรรมแห่งรัฐ ใช้กฎหมายคุกคามประชาชน
หากปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไปจะทำให้เศรษฐกิจพัง ประชาชนทุกข์ยาก จึงขอให้พล.อ.
ประยุทธ์ลาออกทันทีและยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นทางกลุ่มนักศึกษากำลังจะลงมือเผารูปพล.อ.
ประยุทธ์และพล.อ.
ประวิตร แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาห้าม พร้อมกับระบุว่า การเผาเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และหากภาพของการเผาเผยแพร่ออกไปจะเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรามีความห่วงใยนักศึกษาที่ยังมีอนาคตไม่อยากไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี ดังนั้นจึงขอแนะนำน้องๆว่า ให้เดินกลับเข้าไปยื่นขอเรียกร้องที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของทำเนียบรัฐบาล และขอความร่วมมือน้องๆ
แต่อย่างไรก็ตามทางกลุ่มนักศึกษาก็ยังดำเนินการเผารูปภาพ พล.อ.
ประยุทธ์และพล.อ.
ประวิตร ตามที่ได้ประกาศไว้ข้างต้น และ นักศึกษาบางคนได้นำรูปภาพขนาดเล็กไปเผาไฟ แต่เมื่อไฟติดไปแล้วระยะหนึ่ง นักศึกษาได้ปล่อยมือทำให้ภาพที่ติดไฟอยู่นั้นร่วงลงที่พื้นถนน
ทำให้นักศึกษาอีกคนหนึ่ง ใช้เท้ากระทืบดับไฟลงไปที่รูปดังกล่าว ซึ่งเมื่อเผาไปสักครู่หนึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำถังดับเพลิงมาฉีดเพื่อดับไฟ ทั้งนี้ กลุ่มนักศึกษา ได้ชูสามนิ้วในขณะที่เผารูปด้วย พร้อมสวดแผ่เมตตา ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเถิด พร้อมตะโกนว่าประยุทธ์ออกไป และเรียกร้องให้รัฐบาลแก้แล้วธรรมนูญก่อนที่จะยุบสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มนักศึกษาได้ทำกิจกรรมอยู่ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะแยกย้าย
ด้าน พล.ต.ท.
ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ว่า ขอให้กลุ่มนักศึกษาชุมนุมโดยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทั่วไป ส่วนเรื่องการเผาเจ้าหน้าที่ก็ต้องคอยดูว่า จะทำให้เกิดการลุกลามทำให้ทรัพย์สินเสียหายหรือไม่ ค่อยดูว่า เขาก็ทำผิดอะไรบ้าง และจะต้องให้เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจกับน้องๆ
เพื่อชี้แจงให้เข้าใจเรื่องการระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีอยู่ รวมไปถึงการปฏิบัติที่จะก่อให้เกิดความผิดทางกฎหมายเหมือนที่เราจะต้องชี้แจงในทุกๆ ครั้ง ไม่มีความกังวลใดๆ ซึ่งตนเชื่อว่าน้องๆ นักศึกษามีความเข้าใจดีว่า กรอบของการชุมนุมกระทำการได้แค่ไหน
ส.ส.ก้าวไกลไม่พอใจอัยการสั่งไม่ฟ้องทายาทกระทิงแดง
https://www.innnews.co.th/politics/news_730227/
พ.ต.ต
ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ,นาย
จิราวัฒน์ อรัญกานนท์ และพล.ต.ต.
สุพิศาล ภักดีนฤนาถ สส. พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึง กรณีที่อัยการไม่สั่งฟ้อง นาย
วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ทุกข้อกล่าวหาในคดีขับรถชนดาบตำรวจ
วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดย พ.ต.ต.
ชวลิต กล่าวว่า ในฐานะอดีตนักวิทยาศาสตร์ (สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้พิสูจน์หลักคดีนี้ด้วยตัวเอง ทั้งจดบันทึก ถ่ายรูป เก็บร่อยรอยหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้ ยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาขับรถชนท้ายจริง แต่นาย
วรยุทธกลับส่งคนรับใช้มามอบตัวแทน จนต้องนำกำลังไปล้อมบ้าน 200 นายนาย
วรยุทธจึงมอบตัว พร้อมย้ำถึงหลักฐานที่ยืนยันได้คือรอยช้ำตามแนวคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งตนเองเป็นผู้ดูกล้องวงจรปิดและคำนวณความเร็วด้วยตัวเองและพบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด มั่นใจว่าหลักฐานในขณะนั้นสามารถเอาผิดได้แน่นอน โดยกองพิสูจน์หลักฐานขณะนั้นออกรายงานได้ภายใน 1 เดือน แต่พอเข้าสู่ชั้นพนักงานสอบสวนกลับใช้เวลาหลายปี จึงรู้สึกไม่พอใจมากเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ และควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อขจัดปัญหาให้หมดไป
ด้านนาย
จิรวัฒน์ กล่าวว่าตำรวจและอัยการต้องแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุผลที่ไม่สั่งฟ้องคดี ซึ่งตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกสอบแต่ก็ไม่ได้ผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ไม่ได้นำรายงานเรื่องความเร็วจากกองพิสูจน์หลักฐานมาพิจารณา , ละเว้นไม่ออกหมายจับ , และไม่ติดตามดูแลการสอบสวน จนทำให้กระบวนการหยุดอยู่ที่อัยการ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาลเสียด้วยซ้ำ ซึ่งอัยการเองก็ปล่อยให้มีการเลื่อนนัดพบอัยการถึง 7 ครั้ง ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งในฐานะ ส.ส.ตั้งคำถามว่า คุกมีไว้แค่ขังคนจนหรือไม่ รวยแล้วต้องมีความละอายใจต่อสังคมบ้าง และย้ำว่าเรื่องนี้ต้องติดตาม ปล่อยไว้ไม่ได้
ขณะที่ พล.ต.ต.
สุพิศาล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีการปฏิรูปตำรวจทั้งกระบวนการสอบสวนคดีและการทำงานของตำรวจ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้มีคุณทรัพย์สูง ผู้ก่อเหตุมีฐานะไม่ธรรมดา ขณะที่กระบวนการก็มีการทอดเวลาให้นานออกไป ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจต้องให้ความรู้พนักงานสอบสวน มีเครื่องมือเก็บพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำอะไร ถึงปล่อยให้การปฏิรูปตำรวจคาราคาซัง
JJNY : สุดหยาม! นศ.ฮือเผารูป "ตู่-ป้อม"/ก้าวไกลไม่พอใจอัยการสั่งไม่ฟ้อง/เปิดเอกสารไม่ฟ้องบอส/ส่งออกมิ.ย.ลบ23.17%
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4569924
ภาคี นศ.ศาลายา-นวชีวิน แฟลชม็อบหน้าทำเนียบ ไล่ประยุทธ์ออกไป -เผารูป ตู่-ป้อม อ้าง ไล่ ความชั่วร้ายออกนอกประเทศ ด้าน น.1 ส่ง ตร. ร่ายกฎหมาย เตือน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า เวลา 11.20 น.นายณวิบูล ชมภู่ ประธานร่วมกลุ่มภาคีนักศึกษาศาลายา กล่าวว่าในวันนี้ทางกลุ่มเราจะมาอ่านแถลงการณ์ ประกาศข้อเรียกร้องและเผารูปพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
โดยมีเจตนาต้องการสื่อว่าต้องการเผาสิ่งที่ไม่ดี จากในประเทศออกไป และยังจะแจกรูปภาพขนาดเล็กให้กับ ประชาชนที่มาเข้าร่วมงานด้วย หรือถ้าใครมีกระดาษก็เขียนประณามรัฐบาลแล้วนำมาเผาไปพร้อมกันได้
จากนั้นนศ. ได้อ่านแถลงการณ์ภาคีนักศึกษาศาลายา "รัฐบาลประยุทธ์ออกไปแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจปี 2563" โดยแถลงการณ์ภาคีนักศึกษา มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อคือ
1. การบริการงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนเอารัดเอาเปรียบประชาชน
2. ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ อาทิ เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 1000 บาท เพิ่มเงินเดือนคนจบปริญญาตรีเดือนละ 20000 บาท จึงหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ
3. บริหารงานผิดพลาดจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน ประชาชนเดือดร้อน
4. ไม่มีการเยียวยาหรือประกันรายได้คนว่างงาน
5. ปล่อยให้มีการใช้ความรุนแรงโดยมีการอุ้มฆ่าสูญหายไปถึง 9 ราย โดยถึงทำร้ายนักกิจกรรม จึงเป็นอาชญากรรมแห่งรัฐ ใช้กฎหมายคุกคามประชาชน
หากปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไปจะทำให้เศรษฐกิจพัง ประชาชนทุกข์ยาก จึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกทันทีและยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นทางกลุ่มนักศึกษากำลังจะลงมือเผารูปพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาห้าม พร้อมกับระบุว่า การเผาเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และหากภาพของการเผาเผยแพร่ออกไปจะเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรามีความห่วงใยนักศึกษาที่ยังมีอนาคตไม่อยากไม่อยากให้ถูกดำเนินคดี ดังนั้นจึงขอแนะนำน้องๆว่า ให้เดินกลับเข้าไปยื่นขอเรียกร้องที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของทำเนียบรัฐบาล และขอความร่วมมือน้องๆ
แต่อย่างไรก็ตามทางกลุ่มนักศึกษาก็ยังดำเนินการเผารูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร ตามที่ได้ประกาศไว้ข้างต้น และ นักศึกษาบางคนได้นำรูปภาพขนาดเล็กไปเผาไฟ แต่เมื่อไฟติดไปแล้วระยะหนึ่ง นักศึกษาได้ปล่อยมือทำให้ภาพที่ติดไฟอยู่นั้นร่วงลงที่พื้นถนน
ทำให้นักศึกษาอีกคนหนึ่ง ใช้เท้ากระทืบดับไฟลงไปที่รูปดังกล่าว ซึ่งเมื่อเผาไปสักครู่หนึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำถังดับเพลิงมาฉีดเพื่อดับไฟ ทั้งนี้ กลุ่มนักศึกษา ได้ชูสามนิ้วในขณะที่เผารูปด้วย พร้อมสวดแผ่เมตตา ให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเถิด พร้อมตะโกนว่าประยุทธ์ออกไป และเรียกร้องให้รัฐบาลแก้แล้วธรรมนูญก่อนที่จะยุบสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มนักศึกษาได้ทำกิจกรรมอยู่ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะแยกย้าย
ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ว่า ขอให้กลุ่มนักศึกษาชุมนุมโดยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย คำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทั่วไป ส่วนเรื่องการเผาเจ้าหน้าที่ก็ต้องคอยดูว่า จะทำให้เกิดการลุกลามทำให้ทรัพย์สินเสียหายหรือไม่ ค่อยดูว่า เขาก็ทำผิดอะไรบ้าง และจะต้องให้เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจกับน้องๆ
เพื่อชี้แจงให้เข้าใจเรื่องการระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีอยู่ รวมไปถึงการปฏิบัติที่จะก่อให้เกิดความผิดทางกฎหมายเหมือนที่เราจะต้องชี้แจงในทุกๆ ครั้ง ไม่มีความกังวลใดๆ ซึ่งตนเชื่อว่าน้องๆ นักศึกษามีความเข้าใจดีว่า กรอบของการชุมนุมกระทำการได้แค่ไหน
ส.ส.ก้าวไกลไม่พอใจอัยการสั่งไม่ฟ้องทายาทกระทิงแดง
https://www.innnews.co.th/politics/news_730227/
พ.ต.ต ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ,นายจิราวัฒน์ อรัญกานนท์ และพล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ สส. พรรคก้าวไกล แถลงข่าวถึง กรณีที่อัยการไม่สั่งฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ทุกข้อกล่าวหาในคดีขับรถชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 โดย พ.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า ในฐานะอดีตนักวิทยาศาสตร์ (สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นผู้พิสูจน์หลักคดีนี้ด้วยตัวเอง ทั้งจดบันทึก ถ่ายรูป เก็บร่อยรอยหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้ ยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาขับรถชนท้ายจริง แต่นายวรยุทธกลับส่งคนรับใช้มามอบตัวแทน จนต้องนำกำลังไปล้อมบ้าน 200 นายนายวรยุทธจึงมอบตัว พร้อมย้ำถึงหลักฐานที่ยืนยันได้คือรอยช้ำตามแนวคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งตนเองเป็นผู้ดูกล้องวงจรปิดและคำนวณความเร็วด้วยตัวเองและพบว่าเกินกว่ากฎหมายกำหนด มั่นใจว่าหลักฐานในขณะนั้นสามารถเอาผิดได้แน่นอน โดยกองพิสูจน์หลักฐานขณะนั้นออกรายงานได้ภายใน 1 เดือน แต่พอเข้าสู่ชั้นพนักงานสอบสวนกลับใช้เวลาหลายปี จึงรู้สึกไม่พอใจมากเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ และควรปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อขจัดปัญหาให้หมดไป
ด้านนายจิรวัฒน์ กล่าวว่าตำรวจและอัยการต้องแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุผลที่ไม่สั่งฟ้องคดี ซึ่งตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกสอบแต่ก็ไม่ได้ผิดวินัยร้ายแรง ทั้งที่ไม่ได้นำรายงานเรื่องความเร็วจากกองพิสูจน์หลักฐานมาพิจารณา , ละเว้นไม่ออกหมายจับ , และไม่ติดตามดูแลการสอบสวน จนทำให้กระบวนการหยุดอยู่ที่อัยการ ยังไม่เข้าสู่กระบวนการศาลเสียด้วยซ้ำ ซึ่งอัยการเองก็ปล่อยให้มีการเลื่อนนัดพบอัยการถึง 7 ครั้ง ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งในฐานะ ส.ส.ตั้งคำถามว่า คุกมีไว้แค่ขังคนจนหรือไม่ รวยแล้วต้องมีความละอายใจต่อสังคมบ้าง และย้ำว่าเรื่องนี้ต้องติดตาม ปล่อยไว้ไม่ได้
ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีการปฏิรูปตำรวจทั้งกระบวนการสอบสวนคดีและการทำงานของตำรวจ ซึ่งต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้มีคุณทรัพย์สูง ผู้ก่อเหตุมีฐานะไม่ธรรมดา ขณะที่กระบวนการก็มีการทอดเวลาให้นานออกไป ดังนั้นการปฏิรูปตำรวจต้องให้ความรู้พนักงานสอบสวน มีเครื่องมือเก็บพยานหลักฐาน พร้อมตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า 2 ปีที่ผ่านมาทำอะไร ถึงปล่อยให้การปฏิรูปตำรวจคาราคาซัง