ม.ปลายแห่ไล่ [เผล่ะจัง] 'เด็กสายศิลป์' ปราศรัยปม 'ทุกคนรู้ คนไทยรู้ แต่สลิ่มไม่รู้'
https://www.matichon.co.th/politics/news_2278432
เมื่อเวลา 16.00น. วันที่ 23 กรกฎาคม ที่บริเวณ สวนสาธารณะบึงพระราม อ.พระนครศรีอยุธยา จ. พระนครศรีอยุธยา กลุ่มนักเรียน นักศึกษาและประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร่วมกันชุมนุม ร่วมกันแสดงพลัง “
อยุธยาจะไม่ทนอีกต่อไป” เพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมเรียกร้องให้มีการยุบสภา จัดเลือกตั้งใหม่ และแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องเดียวกับที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก และกลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ออกมาชุมนุมเรียกร้องกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 18 ก.ค. โดยการจัดเวทีปราศรัยขนาดเล็ก โดยมีนักเรียนนักศึกษา ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย และกล่าวบทกวี การแสดงดนตรี กลุ่มนักเรียนนักศึกษา บางส่วนสวมใส่ชุดนักเรียนนักศึกษามาร่วมในการชุมนุม และบางส่วนสวมใส่ชุดดำ มีการเขียนป้ายข้อความ ต่อต้าน [เผล่ะจัง] การสืบทอดอำนาจ ขับไล่รัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักเรียนได้มีการนำเทปกาวปิดชื่อ นามสกุล และโรงเรียน โดยตอนหนึ่งในการปราศรัย มีการเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชนและเปรียบเทียบประเทศกับร่างกายที่มีมะเร็งร้ายเกาะกินทั้ง 77 จังหวัด นอกจากนี้ ยังวิพากษ์วิจารณ์ระบบราชการที่มีการโกงกิน รวมถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ มีนักเรียนหญิงรายหนึ่ง ขึ้นปราศรัยโดยกล่าวว่า ทุกคนที่มาตรงนี้ ทราบแล้วใช่หรือไม่ว่าประเทศของเราไม่ไหวแล้วเพราะมี [เผล่ะจัง] บริหารประเทศ การยุบสภาไม่พอ ต้องแก้รัฐธรรมนูญใหม่ แก้ตั้งแต่ระบบโครงสร้างสังคม เพราะปัญหาเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา เศรษฐกิจ และสวัสดิการรัฐ ซึ่งเมื่อผู้ใหญ่บอกให้ตั้งใจเรียนเพื่อเป็นข้าราชการที่มีสวัสดิการรัฐ พวกตนมีคำถามว่า เหตุใดมีแต่ข้าราชการที่ได้สวัสดิการเหล่านั้น ทำไมคนอื่นไม่ได้ทั้งที่จ่ายภาษี การที่ตนเรียนสายศิลป์-ภาษา จะไม่ได้สวัสดิการรัฐ
สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาของรัฐบาล มีแต่แจกเงิน ซึ่งเป็นการแก้แบบระยะสั้นเท่านั้น ระยะยาว ประเทศอาจล่มจม รายได้ขั้นต่ำ ไม่สัมพันธ์กับค่าครองชีพ แม้มีการเพิ่มเงินเดือน ค่าครองชีพก็เพิ่มตามไปด้วย ตนขอยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
เนื่องจากพรรคที่ได้เสียงจากประชาชนมากที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พลังประชารัฐ แต่ถูกกลไกต่างๆทำให้ได้มาซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันรวมถึง 250 ส.ว. ที่เลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่มีใครต้องการ [เผล่ะจัง] มาบริหารประเทศ ขอให้เลิกโกหกว่ามาจากการเลือกตั้ง เพราะทุกคนรู้ คนไทยรู้ แต่สลิ่มไม่รู้ ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง พวกตนมาชุมนุมกันในวันนี้ เพื่ออนาคตของตัวเอง แม้ถูกผู้ใหญ่มองว่าหัวรุนแรง อย่างไรก็ตาม พวกตนเพียงใช้สิทธิของตัวเอง ไม่ได้ละเมิดสิทธิใคร
นักเรียนหญิงรายเดิม ระบุด้วยว่า แม่สั่งมาไม่ให้ถือป้าย ซึ่งตนก็ไม่ได้ถือป้าย แต่ขึ้นปราศรัยแทน แม่บอกไม่ต้องไปยุ่งการเมืองหรอกลูก แต่ตนมองว่า นี่คืออนาคตของทุกคน ไม่ใช่แค่ตนเพียงคนเดียว
หลังนักเรียนหญิงรายดังกล่าวปราศรัยจบได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง ก่อนผู้ชุมนุมพร้อมใจตะโกนว่า
‘ประยุทธ์ออกไป’
จากนั้นเวลาประมาณ18.00 น ร่วมกันร้องเพลงชาติ พร้อมกับการชูสามนิ้วเพื่อเป็นการแสดงการต่อต้าน [เผล่ะจัง] มีการชักชวนให้ร่วมกันแสดงพลังแสดงความคิดเห็น และบทกวี ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “
เพื่ออยุธยา เพื่อประชาธิปไตย” พร้อมกับให้ร่วมกันแสดงพลังทางโลกออนไลน์ด้วยการติดแฮชแท็ก #อยุธยาจะไม่ทนอีกต่อไป
จากนั้นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ประชาชนเลิกการชุมนุม และจะมีจัดกิจกรรมอีกครั้ง ซึ่งจะมีการแจ้งผ่านสื่อโซเชียล
บอส ทายาทกระทิงแดงหลุดคดีแล้ว ขับรถชนตร.ดับ อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_4566785
บอส ทายาทกระทิงแดงหลุดคดีแล้ว ขับรถชนตร.ดับ อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
บอส ทายาทกระทิงแดงหลุดคดีแล้ว - ซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า นาย
วรยุทธ อยู่วิทยา ชื่อเล่น บอส ทายาท
ตระกูลอยู่วิทยา หลานของนาย
เฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก รอดพ้นคดีต้องสงสัยขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตาย เมื่อปี 2555 แล้ว เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
พ.ต.อ.
สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก. สน. ทองหล่อ ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ว่า
"เราได้รับทราบจากอัยการถึงการตัดสินใจสุดท้าย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่า จะไม่สั่งฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา เราจึงได้แจ้งไปทางนายวรยุทธแล้ว และยกเลิกหมายจับแล้วเช่นกัน"
จดหมายแจ้งเรื่องดังกล่าวส่งจากสถานีตำรวจทองหล่อไปยังบ้านพักของนาย
วรยุทธ อยู่วิทยา ที่กรุงเทพฯ และซีเอ็นเอ็นเห็นจดหมายดังกล่าว มีข้อความว่า
"อัยการสูงสุดตัดสินยกคำฟ้องนายนายวรยุทธ อยู่วิทยา ส่วนคณะกรรมการตำรวจไม่คัดค้านการตัดสินใจนี้ และจะดำเนินการยกเลิกหมายจับต่อไป"
บอส อายุ 28 ปี ตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในคดีที่ระบุว่า อยู่ในรถเฟอร์รารีคันที่พุ่งชนตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บนรถจักรยานยนต์ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เป็นเหตุให้ตำรวจนายดังกล่าวเสียชีวิต
บอสถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมก่อนในตอนนั้น หลังตำรวจพบรอยน้ำมันจากจุดเกิดเหตุปรากฏเป็นทางยาวไปถึงบ้านของ
บอส จึงล้อมบ้านก่อนเข้าไปเมื่อได้หมายจับ โดยพบรถเฟอร์รารีในสภาพยับเยินจากแรงชน บอสให้ปากคำตอนนั้นว่า เป็นผู้ขับรถยนต์ แต่อ้างว่า ถูกมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า จากนั้นประกันตัวออกมาด้วยวงเงิน 5 แสนบาท
คดีดังกล่าว อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งฟ้องนาย
วรยุทธ ในข้อหา
"ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291" มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี
แม้ตำรวจจะออกหมายจับหลายครั้ง แต่บอสแจ้งทุกครั้งว่าอยู่ต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามกฎหมาย คดีนี้มีอายุความในการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีเพื่อยื่นฟ้องศาลภายใน 15 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้กระทำความผิด ดังนั้นจึงจะขาดอายุความวันที่ 3 ก.ย.2570
หลังจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2560 ข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร หมดอายุความมาแล้ว
ซีเอ็นเอ็น รายงานด้วยว่า คดีดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสไม่พอใจอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชน ต่อกระบวนการยุติธรรม ทั้งกรณีอื้อฉาวว่าเจ้าหน้าที่พยายามช่วยปกปิด โดยจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ทำทีเป็นว่าขับรถเฟอร์รารีนเกิดเหตุ อีกทั้งยังมีข้อครหาเรื่องการจ่ายเงินชดใช้ให้ครอบครัวผู้ตาย 3 ล้านบาท
https://edition.cnn.com/2020/07/23/asia/red-bull-vorayud-yoovidhya-charges-dropped-intl/index.html
JJNY : เด็กสายศิลป์ปราศรัยปม'คนไทยรู้ แต่สลิ่มไม่รู้'/บอส ทายาทกระทิงแดงหลุดคดีแล้ว/ทั่วโลกติดโควิด13ล./ติดเชื้อเพิ่ม10
https://www.matichon.co.th/politics/news_2278432
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักเรียนได้มีการนำเทปกาวปิดชื่อ นามสกุล และโรงเรียน โดยตอนหนึ่งในการปราศรัย มีการเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชนและเปรียบเทียบประเทศกับร่างกายที่มีมะเร็งร้ายเกาะกินทั้ง 77 จังหวัด นอกจากนี้ ยังวิพากษ์วิจารณ์ระบบราชการที่มีการโกงกิน รวมถึงการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ มีนักเรียนหญิงรายหนึ่ง ขึ้นปราศรัยโดยกล่าวว่า ทุกคนที่มาตรงนี้ ทราบแล้วใช่หรือไม่ว่าประเทศของเราไม่ไหวแล้วเพราะมี [เผล่ะจัง] บริหารประเทศ การยุบสภาไม่พอ ต้องแก้รัฐธรรมนูญใหม่ แก้ตั้งแต่ระบบโครงสร้างสังคม เพราะปัญหาเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา เศรษฐกิจ และสวัสดิการรัฐ ซึ่งเมื่อผู้ใหญ่บอกให้ตั้งใจเรียนเพื่อเป็นข้าราชการที่มีสวัสดิการรัฐ พวกตนมีคำถามว่า เหตุใดมีแต่ข้าราชการที่ได้สวัสดิการเหล่านั้น ทำไมคนอื่นไม่ได้ทั้งที่จ่ายภาษี การที่ตนเรียนสายศิลป์-ภาษา จะไม่ได้สวัสดิการรัฐ
สำหรับการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาของรัฐบาล มีแต่แจกเงิน ซึ่งเป็นการแก้แบบระยะสั้นเท่านั้น ระยะยาว ประเทศอาจล่มจม รายได้ขั้นต่ำ ไม่สัมพันธ์กับค่าครองชีพ แม้มีการเพิ่มเงินเดือน ค่าครองชีพก็เพิ่มตามไปด้วย ตนขอยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคที่ได้เสียงจากประชาชนมากที่สุดคือ พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่พลังประชารัฐ แต่ถูกกลไกต่างๆทำให้ได้มาซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันรวมถึง 250 ส.ว. ที่เลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ไม่มีใครต้องการ [เผล่ะจัง] มาบริหารประเทศ ขอให้เลิกโกหกว่ามาจากการเลือกตั้ง เพราะทุกคนรู้ คนไทยรู้ แต่สลิ่มไม่รู้ ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง พวกตนมาชุมนุมกันในวันนี้ เพื่ออนาคตของตัวเอง แม้ถูกผู้ใหญ่มองว่าหัวรุนแรง อย่างไรก็ตาม พวกตนเพียงใช้สิทธิของตัวเอง ไม่ได้ละเมิดสิทธิใคร
นักเรียนหญิงรายเดิม ระบุด้วยว่า แม่สั่งมาไม่ให้ถือป้าย ซึ่งตนก็ไม่ได้ถือป้าย แต่ขึ้นปราศรัยแทน แม่บอกไม่ต้องไปยุ่งการเมืองหรอกลูก แต่ตนมองว่า นี่คืออนาคตของทุกคน ไม่ใช่แค่ตนเพียงคนเดียว
หลังนักเรียนหญิงรายดังกล่าวปราศรัยจบได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง ก่อนผู้ชุมนุมพร้อมใจตะโกนว่า ‘ประยุทธ์ออกไป’
จากนั้นเวลาประมาณ18.00 น ร่วมกันร้องเพลงชาติ พร้อมกับการชูสามนิ้วเพื่อเป็นการแสดงการต่อต้าน [เผล่ะจัง] มีการชักชวนให้ร่วมกันแสดงพลังแสดงความคิดเห็น และบทกวี ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ “ เพื่ออยุธยา เพื่อประชาธิปไตย” พร้อมกับให้ร่วมกันแสดงพลังทางโลกออนไลน์ด้วยการติดแฮชแท็ก #อยุธยาจะไม่ทนอีกต่อไป
จากนั้นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา ประชาชนเลิกการชุมนุม และจะมีจัดกิจกรรมอีกครั้ง ซึ่งจะมีการแจ้งผ่านสื่อโซเชียล
บอส ทายาทกระทิงแดงหลุดคดีแล้ว ขับรถชนตร.ดับ อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_4566785
บอส ทายาทกระทิงแดงหลุดคดีแล้ว ขับรถชนตร.ดับ อัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
บอส ทายาทกระทิงแดงหลุดคดีแล้ว - ซีเอ็นเอ็น สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า นายวรยุทธ อยู่วิทยา ชื่อเล่น บอส ทายาทตระกูลอยู่วิทยา หลานของนายเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง อาณาจักรธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก รอดพ้นคดีต้องสงสัยขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแก่ความตาย เมื่อปี 2555 แล้ว เมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องทุกข้อหา
พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผกก. สน. ทองหล่อ ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็น ว่า "เราได้รับทราบจากอัยการถึงการตัดสินใจสุดท้าย เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่า จะไม่สั่งฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา เราจึงได้แจ้งไปทางนายวรยุทธแล้ว และยกเลิกหมายจับแล้วเช่นกัน"
จดหมายแจ้งเรื่องดังกล่าวส่งจากสถานีตำรวจทองหล่อไปยังบ้านพักของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่กรุงเทพฯ และซีเอ็นเอ็นเห็นจดหมายดังกล่าว มีข้อความว่า "อัยการสูงสุดตัดสินยกคำฟ้องนายนายวรยุทธ อยู่วิทยา ส่วนคณะกรรมการตำรวจไม่คัดค้านการตัดสินใจนี้ และจะดำเนินการยกเลิกหมายจับต่อไป"
บอส อายุ 28 ปี ตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในคดีที่ระบุว่า อยู่ในรถเฟอร์รารีคันที่พุ่งชนตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บนรถจักรยานยนต์ ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2555 เป็นเหตุให้ตำรวจนายดังกล่าวเสียชีวิต
บอสถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมก่อนในตอนนั้น หลังตำรวจพบรอยน้ำมันจากจุดเกิดเหตุปรากฏเป็นทางยาวไปถึงบ้านของบอส จึงล้อมบ้านก่อนเข้าไปเมื่อได้หมายจับ โดยพบรถเฟอร์รารีในสภาพยับเยินจากแรงชน บอสให้ปากคำตอนนั้นว่า เป็นผู้ขับรถยนต์ แต่อ้างว่า ถูกมอเตอร์ไซค์ตัดหน้า จากนั้นประกันตัวออกมาด้วยวงเงิน 5 แสนบาท
คดีดังกล่าว อัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหา "ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291" มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี
แม้ตำรวจจะออกหมายจับหลายครั้ง แต่บอสแจ้งทุกครั้งว่าอยู่ต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามกฎหมาย คดีนี้มีอายุความในการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีเพื่อยื่นฟ้องศาลภายใน 15 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้กระทำความผิด ดังนั้นจึงจะขาดอายุความวันที่ 3 ก.ย.2570
หลังจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2560 ข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร หมดอายุความมาแล้ว
ซีเอ็นเอ็น รายงานด้วยว่า คดีดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสไม่พอใจอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชน ต่อกระบวนการยุติธรรม ทั้งกรณีอื้อฉาวว่าเจ้าหน้าที่พยายามช่วยปกปิด โดยจับกุมผู้ต้องสงสัยที่ทำทีเป็นว่าขับรถเฟอร์รารีนเกิดเหตุ อีกทั้งยังมีข้อครหาเรื่องการจ่ายเงินชดใช้ให้ครอบครัวผู้ตาย 3 ล้านบาท
https://edition.cnn.com/2020/07/23/asia/red-bull-vorayud-yoovidhya-charges-dropped-intl/index.html