@@ ระหว่างครอบครัวของลูก กับ ครอบครัวของตัวเอง ควรเลือกทางไหนดี @@

สวัสดีค่ะ ดิฉันขออนุญาตเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนะคะ เพื่อประกอบคำแนะนำของเพื่อนๆ ค่ะ อาจจะยาวหน่อยนะคะ จะพยายามย่อให้ได้มากที่สุดค่ะ หากสะกดคำไม่ถูกต้อง ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ และ ขอขอบคุณล่วงหน้านะคะสำหรับเพื่อนๆที่มาให้คำแนะนำ ซึ่งน่าจะช่วยทำให้ดิฉันตัดสินใจอะไรได้มากขึ้น ดิฉันอยากได้คำแนะนำจากคนกลางค่ะ ไม่ใช่จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

                ดิฉันอยู่กินกับสามีมา 13 ปี มีลูกสาว 2 คน คนโต 9 ขวบ คนกลาง 5 ขวบ และตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ 8 เดือนกว่าค่ะ ช่วงเดือน มี.ค. -  พ.ค. สามีเปลี่ยนไปมากค่ะ บวกกับดิฉันร้องขอให้เค้าดูแลเอาใจใส่ดิฉันกับลูกในท้องบ้าง เพราะเค้าไม่สนใจเลย ทั้งๆที่เป็นลูกชายที่เค้าอยากมีมานาน 

                ดิฉันทำงานนอกบ้านมาตั้งแต่ต้นค่ะ ส่วนสามีเรียนจบมา เริ่มแรกก็เปิดร้านทำป้ายเล็ก ๆค่ะในอาคารพาณิชย์ที่เช่าอยู่ หลังจากนั้น ดิฉันตัดสินในซื้อบ้านค่ะ อยู่ในหมู่บ้านปิด สามีก็ว่างงานมา 3 ปี แล้วเมื่อปลายปีที่แล้วรุ่นพี่ที่สามีรู้จักเปิดตลาดค่ะ สามีสนใจการทำกาแฟสดค่ะ ดิฉันก็ลงทุนเปิดร้านกาแฟสดให้ค่ะ อีกอย่างก็เพื่อหารายได้เสริมเข้าครอบครัว โดยตลอดมาอาชีพที่สามีทำ จุดประสงค์ที่เราตกลงกันตั้งแต่ต้นคือ เค้าสามารถดูแลลูกๆได้ด้วย ไปรับไปส่งโรงเรียนได้ สามีรักและห่วงลูกมาก และเคยพูดว่า สงสัยต้องรับส่งไปจนจบมหาวิทยาลัยแน่ๆ เพราะไม่กล้าปล่อยลูกๆ ส่วนตัวดิฉันเค้าก็ไปรับไปส่งค่ะ เค้าเคยพูดกับดิฉันว่า ไม่เคยเบื่อที่ต้องคอยรับคอยส่งอยู่แบบนี้ จนช่วงเปิดร้านกาแฟ เค้าจะมาส่งแค่ช่วงเช้า ส่วนช่วงเย็นดิฉันก็นั่ง Taxi กลับบ้านเอง

                ช่วงแรกๆ ที่เรามีปัญหากัน ดิฉันงอนเรื่องที่เค้าไม่ใส่ใจครอบครัว เค้าก็ตามง้อนะคะ แต่พอหนักขึ้น ดิฉันโทรไปร้องไห้กับทางบ้านทุกวัน จนที่บ้านดิฉันตำหนิว่าดิฉันเอาแต่ใจมากเกินไปรึป่าว ดิฉันเลยตัดสินใจไปขอโทษสามีค่ะ พอขอโทษเสร็จเท่านั้นแหล่ะค่ะ เค้าขอหย่าเลยค่ะ โดยบอกว่า เค้าหมดรักแล้ว เมื่อก่อนมีปัญหาอะไร เค้าไม่เคยพูดไม่เคยเคลียร์ เค้าจะบอกเสมอว่าเค้าจัดการกับความคิดของเค้าได้ตลอดมา แต่มาตอนนี้เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าจัดการความคิดเค้าไม่ได้เหมือนเดิม และเหมือนเอาปัญหาที่สะสมมาตลอด 10 กว่าปีทั้งหมดมาพูด มาถล่มดิฉันจนจมดินภายในวันเดียว โดยบทสรุปคือการขอหย่า โดยมีเงื่อนไขว่า อยู่บ้านเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แต่ต้องการอิสระบ้าง ไม่อยากให้ใบหย่าเป็นบ่วงผูกคอ เพราะตัวสามีคิดว่าดิฉันหึงเค้า 

                จนดิฉันแอบเจอแชทที่เค้าลืมลบค่ะ พร่ำเพ้อกับเพื่อนถึงเพื่อนอีกคนหนึ่ง พอดิฉันถาม เค้าก็บอกว่ามันคือเรื่องโกหก

                ช่วงเวลาไม่นานก็จะมีอะไรแปลกๆ ที่สามีไม่เคยทำมาให้เห็น เช่น เจอใน Google Map Time Line ว่าไปโรงแรม ไปต่างจังหวัดบ่อยๆ โดยอ้างว่าเพื่อนยืมรถ หรือ ไปส่งของ พาญาติหนีคดี คือสร้างเรื่องทั้งนั้น

                ร้านกาแฟที่ทำ สามีก็จะชอบมาทำท่าเครียดใส่ทุกวันว่าร้านขายไม่ดี เอาเงินกลับมาให้ดิฉันวันละ 200 บ้าง 500 บ้าง ตอนหลังดิฉันรู้จากร้านรอบข้างว่า ร้านเราเป็นร้านเดียวที่มีลูกค้าประจำมาบ่อยที่สุด ไม่อยากให้ดิฉันเซ้งร้าน อยากให้ทำต่อไป คือ สรุปว่ารายได้จากร้านก็ถูกนำออกไปทางอื่น ไปเปย์ให้ชู้ และครอบครัวนั่นแหล่ะค่ะ พาไปเที่ยวทะเล ไปซ่อมบ้านให้เค้า ซื้อโน่นซื้อนี่เอาใจสารพัด แต่ครอบครัวตัวเอง และลูกที่ตัวเองบอกว่ารักมาก แทบไม่มีเวลาให้เลย ดิฉันเคยถามลูกสาวคนโตนะคะว่า หม่าม๊าคิดไปเองหรือป่าวว่า ปะป๊าไม่มีเวลาให้เรา หนูคิดว่ายังไง ลูกสาวก็บอกว่า ไม่นะ ป่ะป๊าไม่มีเวลาให้เราเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ หม่าม๊าไม่ได้คิดไปเองหรอก และหนูมีอะไรจะบอก... – วันหนึ่งหนูตื่นไปเข้าห้องน้ำ หนูเห็นไลน์ป่ะป๊ามันสว่างขึ้นมา ไม่รู้คุยกับใคร เรียก ที่รักๆ – เท่านั้นแหล่ะค่ะ เลยโทรเรียกแม่ซึ่งกำลังปฏิบัติธรรมอยู่ ต้องสึกออกมากะทันหัน บินขึ้นมาหาในวันถัดไป เพื่อมาคุยว่าเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรกัน เพราะดิฉันบอกแม่แค่ว่าไม่ไหวแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมมันไม่ดีขึ้น ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว โดยดิฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องที่สงสัยเรื่องชู้ หรือ เรื่องที่ลูกสาวเจอแชทให้แม่ฟังนะคะ

                วันที่ไปรับแม่ นัดเจอกันในห้าง เพื่อนสามีที่ดิฉันเจอแชท ติดต่อมาบอกว่า สามีเป็นชู้กับเพื่อนตัวเอง และให้ดิฉันคุยกับสามีของผู้หญิงเองถึงรายละเอียด จึงได้รู้ว่า แอบมีอะไรกันมาตั้งแต่ช่วงที่เปิดร้านกาแฟ เค้าเอา Chat Line ระหว่างเมียเค้ากับสามีดิฉัน ที่แอบถ่ายจากโทรศัพท์เมียเค้ามาให้ดิฉัน แต่สามีก็แถว่ามีคน Make ขึ้นเพื่อทำลายเค้า

                ผู้ใหญ่มองว่า การที่เค้าต้องการหย่าในตอนต้นคือ ต้องการอิสระ แต่ขออยู่ที่บ้านเหมือนเดิม เพราะ ต้องการ Keep Look เดิมไว้ Family Man มีรถขับ เป็นเจ้าของร้าน มีบ้านหลังใหญ่อยู่  ทางฝั่งชู้คือรับได้ เพราะเค้าเคยเจอดิฉัน

                 สุดท้ายแล้ว สามีกับพ่อแม่ก็ขนของย้ายออกจากบ้านไปเลยค่ะ ดิฉันคิดว่าน่าจะโดนแม่ดิฉันกดดัน

                หลังจากออกไปดิฉันก็ติดต่อกับเค้าไม่ได้เลยค่ะ เพราะโทรศัพท์ 2 เครื่องอยู่ที่ดิฉัน แต่เย็นวันนั้นก็มี E-mail Notification จาก App Life 360 (GPS Group) เด้งเข้ามาว่าชู้กำลัง Add สามีเข้า Device ใหม่ค่ะ ก็คงเอาโทรศัพท์ใหม่ให้กันค่ะ ผ่านไป 2 วันเค้าก็กลับมาหาลูกค่ะ ช่วงแรก ๆ มาก็ร้องไห้ บอกทรมาน คิดถึงลูกมาก อยากตาย ออกไปลำบากมาก ไปอยู่บ้านพักห้องแถวเก่าๆพังๆ ยุงกัด ไม่มีเงินกินข้าว ไม่มีเงินซื้อน้ำ บลาๆ จนดิฉันสงสารมาก แต่ทุกคนบอกว่า ห้ามใจอ่อน และห้ามให้เงิน เพราะสิ่งที่เค้าต้องทำคือ หางานทำ ไม่ใช่มาตัดพ้อแบบนี้ ไม่ใช่ลักษณะของคนเป็นผู้นำครอบครัว แทนที่จะมา Update ว่าหางานที่ไหนอะไรยังไง แต่มาทำให้สงสารแบบนี้

                สามีจะย้ำตลอดว่าเลิกติดต่อกับชู้แล้ว แต่ดิฉันก็จับได้อีกหลายๆครั้งว่ายังคุยกันอยู่ตลอด จนวันนึง ดิฉันตัดสินใจคุยกับชู้ และเค้าก็ยอมรับว่ายังไม่ได้เลิกติดต่อกัน ทำให้ดิฉันตัดสินใจหย่า พอวันหย่า สามีก็บ่ายเบี่ยง แต่สุดท้ายก็หย่าเรียบร้อยค่ะ โดยสามีร้องไห้ตลอดเวลา และบอกดิฉันว่าไม่อยากหย่า!! 

                หลังจากหย่า เค้ามาหาลูกค่ะ แต่แม่ดิฉันไม่ต้องการให้อดีตสามีเข้าบ้าน

                 ทางฝั่งครอบครัวดิฉันเห็นว่า อดีตสามีเห็นแก่ตัวมากค่ะ และทำกับดิฉันก่อน ครอบครัวบอกว่า ให้ทำตัวให้มีค่า อย่าให้เค้ามาเหยียบได้อีก ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้อง ดิฉันมีค่ามากกว่าที่เค้าจะมาทำอะไรแบบนี้ได้ เป็นลูกมีพ่อมีแม่ ให้ดิฉันเก็บเงินเก็บทองเลี้ยงลูก 3 คนดีกว่า เพราะลำพังกับผู้หญิงคนเดียวก็หนักพอแล้ว ดีกว่าการไปรับสามีกลับมา อยู่บนความหวาดระแวง เพราะเค้าโกหกได้ตลอดเวลา และทุกเรื่อง ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำอีกไม๊ แถมยังต้องเลี้ยงพ่อ แม่สามีอีก นอกจากไม่เคยช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน แต่ดิฉันยังต้องซื้อกระทั่งน้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่ แป้ง ให้ด้วย

(ดูเห็นแก่ตัวไม๊คะ แต่ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านเป็นของดิฉันทั้งหมดจริงๆค่ะ รายได้จากร้านที่ได้เสริมมา ก็ถูกแชร์ไปทางชู้)

                เรื่องที่อดีตสามีไม่พอใจ และอดทนมาตลอดสิบปี ถูกพูดปากต่อปากในสังคมกันอย่างสนุกปาก เลยทำให้ครอบครัวดิฉันไม่พอใจมากๆที่เอาดิฉันไปประจาน ทั้งๆที่ตัวเองคบชู้ แต่กลับโยนว่าเป็นความผิดดิฉัน และตอนนี้ก็เป็นความผิดแม่ดิฉันที่ใจดำไม่ยกโทษให้ ทั้งๆที่เป็นเรื่องระหว่างดิฉันกับเค้า
             
                ส่วนตอนนี้เวลาเจอกับเพื่อน หรือผู้ใหญ่ทางฝ่ายอดีตสามี ก็จะพูดให้ดิฉันยกโทษให้อดีตสามี ให้เค้ากลับบ้าน ให้ดิฉันเห็นแก่ลูก จนหลายๆครั้ง ดิฉันก็รู้สึกผิดไปด้วย ว่าทุกวันนี้คือการเห็นแก่ตัวเองรึป่าว ถึงจะถูกบังคับทางอ้อมโดยแม่ และครอบครัวดิฉันก็เหอะ

------

       ตอนนี้ดิฉันคลอดลูกแล้วนะคะ เมื่อวันที่ 17 ที่ผ่านมา ดิฉันไม่ได้โพสต์เพราะยุ่งกับการเปิดร้านกาแฟ 1 สัปดาห์ก่อนคลอด หลังจากปิดไป สรุปแล้ว ดิฉันเกริ่นๆกับน้องสาวไปว่า จะขอแม่ให้อดีตสามีเป็นคนขับรถพาไปคลอด และให้เค้าใช้เวลาตรงนั้นอยู่กับลูกที่ รพ.

         ทางฝั่งอดีตสามีก็เอาพวงมาลัยมาขอขมาแม่ดิฉัน ตอนที่ดิฉันไม่อยู่ วันก่อนคลอดค่ะ เค้าส่งไลน์มาบอกดิฉัน ว่าแม่ยกโทษให้ ดีใจมาก บอกให้เอารถที่บ้านขับไป อยากกลับมาบ้านเป็นครอบครัวไม๊ แม่ก็สงสารหลานเหมือนกัน แต่ทุกอย่างเหมือนราบรื่นมาก

        ทางฝั่งอดีตสามี ด้วยความที่เข้าใจว่าแม่ยกโทษให้แล้ว ก็เข้ามาบ้าน มาทำกับข้าวไว้ให้ดิฉันทาน เปลี่ยนหลอดไฟในห้องน้ำ ล้างรถ แต่แม่ดิฉันเก็บตัวอยู่ในห้องเหมือนก่อนหน้านี้ ดิฉันเลยรู้สึกแปลกๆ ว่ามันไม่ใช่อย่างที่อดีตสามีคิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เค้าก็กลับบ้านเค้าไป

         จนเช้าวันถัดมา แม่ดิฉันมาบอกว่ารู้สึกอึดอัด ต้องการให้ดิฉันตัดสินใจ โดยมี 2 ทางเลือก คือ แม่อยู่บ้านช่วยเลี้ยงหลานเหมือนเดิม แต่ไม่ให้อดีตสามีกลับมา เพราะแม่อึดอัดและไม่สามารถอยู่ร่วมกับได้ เพราะแม่เจ็บแล้วจำ กับอีกทางถ้าอยากกลับไปเป็นครอบครัว ทำเพื่อลูกๆ ก็เรียกเค้ามาคุย มาเคลียร์ ว่าจะเอายังไง แต่แม่จะพาลูกคนเล็กที่เพิ่งคลอด กลับบ้านที่ ตจว ไปด้วย เพื่อให้อดีตสามีได้ทำงานนอกบ้าน ไม่เอาดิฉันไปด่าทีหลังว่า ไม่สามารถไปทำงานได้ เพราะต้องเลี้ยงลูก และไม่พาแม่เค้า แถมพ่อเลี้ยงเค้ากลับเข้ามา โดยอ้างว่ามาดูแลหลาน แม่รับไม่ได้ที่พ่อเลี้ยงเค้าติดเหล้า ขี้เมา เพราะลูกสาวดิฉันกำลังโต แม่ไม่ไว้ใจ และทั้งหมดนี้ก็จะถือว่าดิฉันเลือกชีวิตเองแล้ว แต่ก็จะอยู่บนความหวาดระแวง สำหรับแม่ การที่อดีตสามีเคยประกาศว่า ทนดิฉันมาเป็นสิบปี และหมดรักดิฉันไปแล้ว ขืนอยู่ไป ถ้าเค้าเจอที่หมายใหม่ เค้าก็จะไปอีกเหมือนที่เคยทำ เพราะครอบครัวไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความรัก และการรับกลับบ้านมาครั้งนี้ ถือว่ามันเร็วและง่ายเกินไป กับสิ่งที่เค้าทำ แล้วจะเป็นดิฉันที่จะต้องกลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ เวลามีปัญหาก็ทนทุกข์ทรมาน และจะไม่มีใครช่วยดิฉันได้อีกต่อไป ครอบครัวดิฉันมองว่า เค้าเห็นแก่ตัว ต้องการกลับมาเพื่อจะได้มีหน้ามีตากลับไปยืนอยู่ในสังคมได้เหมือนเดิม มีบ้าน มีรถ มีทุกอย่างเหมือนเดิม เพราะตลอดเวลาที่ออกจากบ้านไปร่วม 2 เดือน เค้าก็ยังไม่ไปทำงาน ส่งข้อความตัดพ้อดิฉันอยู่ทุกวันค่ะ เค้าจะบอกดิฉันตลอดว่าไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าว ต้องกินข้าวบ้านของแม่ แต่ดิฉันเห็นข้อความในมือถืออดีตสามีว่ามีเงินโอนมา 10,000 บาท แต่ตลอดเวลาที่อยู่ที่ รพ. เค้าใช้เงินในกระเป๋าดิฉัน และไม่ได้ช่วยออกค่าคลอดลูกหรือซื้อของให้ลูกแม้แต่บาทเดียว ซึ่งดิฉันก็ไม่ได้หวังอะไรตรงนั้น แต่ไม่เข้าใจ ทำไมยังคงโกหก ทั้งๆที่บอกว่า สำนึกแล้ว และจะไม่มีการปิดบังหรือโกหกอะไรอีกต่อไป
(จากคำพูดของแม่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่ามันไม่ได้มีทางเลือกให้ดิฉันเลย หรือถ้าเลือกครอบครัวเพื่อลูกๆ ดิฉันก็จะกลายเป็นคนอกตัญญู ไม่เลือกแม่)     

        ดิฉันควรทำยังไงดีคะ ตอนนี้ดิฉันเหมือนถูกจับขังกรง ไม่มีอิสระ เลือกอะไรไม่ได้ ทั้งๆที่กรอกหูว่าชีวิตเป็นของดิฉัน ให้ตัดสินใจเอง แต่ทุกครั้งก็จะมีการย้ำถึงผลที่จะเกิด จนดิฉันไม่กล้าคิด กล้าทำอะไร สับสนไปหมดเลยค่ะ ดิฉันอยากได้ความคิดเห็นจากเพื่อนๆ ที่มองมาจากอีกมุมนึง ที่ไม่ใช่ฝั่งดิฉัน หรือฝั่งอดีตสามี ขอโทษด้วยนะคะที่เล่าเรื่องยาวมาก มีแต่น้ำ TT^TT ดิฉันไม่แน่ใจว่าเรื่องราวที่สามีทำ มันสามารถให้อภัยได้ไม๊คะ ทางฝั่งดิฉันซึ่งรู้รายละเอียดทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้กีดกันสุดตัวกันแบบนี้ ส่วนตัวดิฉัน บอกตามตรงนะคะ ไม่รู้ว่าจะ Move On ยังไงค่ะ เพราะทุกครั้งที่คุยกับอดีตสามีก็จะอ่อนตามไปด้วยทุกครั้ง จะตัดไปเลยทีเดียว ก็ติดตรงคำว่าพ่อของลูก ดิฉันเครียดมากๆค่ะตอนนี้ ร้องไห้ทุกวัน แต่ต้องกัดฟันยืนให้ได้ และสู้เพื่อลูกๆ อีก 3 คน ลูกๆแอบถามถึงพ่อเค้าทุกวันค่ะ เค้ารู้ว่าพูดต่อหน้าแม่ดิฉันไม่ได้ แต่ฝ่ายแม่ดิฉันก็คิดว่าหลานๆไม่พูดถึงพ่อ คือพวกเค้าอยู่ได้ ดิฉันมองหน้าลูกทุกวันนี้มีแต่ความปวดใจค่ะ ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่คือการเห็นแก่ตัวเอง ไม่ได้เห็นแก่ลูกเลย ดิฉันกลัวลูกมีปัญหามากค่ะ

ขอบคุณนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่