พท.ประชุมเตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่นกทม.
https://www.innnews.co.th/politics/news_724986/
 
"สุดารัตน์" เป็นประธาน ประชุมเตรียมพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่นทีม กทม. พรรคเพื่อไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมเลือกตั้งท้องถิ่นของทีม กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคในสัดส่วนของ กทม. อาทิ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ร่วมประชุมด้วย
 
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวภายในห้องประชุมว่า สำหรับเขตที่นำเสนอผู้สมัคร ส.ก. วันนี้ ก็จะมีความคืบหน้าจากคณะกรรมการคัดสรรรอบที่ 1 ทั้งนี้ทีมงานใน กทม. จะจัดประชุมกันทุกเดือน เพื่อปรับปรุงปัญหาเรื่องโครงสร้าง และเพื่อพูดคุยกันเรื่อง พ.ร.บ. กรุงเทพมหานคร ที่มีการตัดอำนาจประชาชนในบางส่วนออกไป โดยมีแนวคิดตั้งแต่ คสช. ยึดอำนาจเข้ามา โดยมีการรวบอำนาจไม่ให้มี ส.ข. แล้วใช้วิธีแต่งตั้งข้าราชการประจำเข้ามาทำหน้าที่ เช่น กลุ่ม ผู้อำนวยการเขต การมีส่วนร่วมประชาชนถูกกระทบหลายเรื่องจากแนวคิดของ คสช.ที่ให้นโยบายกับ กทม. ตัดอำนาจของประชาชนโดยเฉพาะเรื่อง ส.ข. พรรคเพื่อไทยขอย้ำจุดยืนว่าไทยต้องมี ส.ข. เพราะทุกคนเกิดจากความไว้วางใจของชาว กทม.
 
พร้อมกันนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตั้งแต่การยึดอำนาจ จนวันนี้ยังไม่มีการเลือกตั้งท้องถิ่นอีก ปัญหาใกล้ที่แก้ไขได้ก็ไม่มีประชาชนเข้าไปทำงาน คนที่ประสงค์ลงสมัครในนามของพรรคเพื่อไทยวันนี้ ต้องมีความมุ่งมั่น ทำงานในพื้นที่ให้หนัก ต้องลงพื้นที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยคณะกรรมการคัดสรร จะดูเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะทุกข์ของประชาชนคือทุกข์ของพวกเรา จากนั้นในรอบที่ 2 เราจะมีการทำไพรมารีโหวตในบางเขตโดยเฉพาะสนาม ส.ก. ที่มีผู้ประสงค์ลงมัครหลายคน
 

---

 
โควิด-19: แกนนำนักศึกษาเดินหน้าจัดชุมนุมต่อ แม้ บช.น. เตือนผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
https://www.bbc.com/thai/thailand-53445906
 
แกนนำนักศึกษายอมรับความเสี่ยงการถูกตั้งข้อหาจากการจัดชุมนุมการเมืองนอกรั้วมหาวิทยาลัยครั้งแรก ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงไม่อนุญาตให้นักศึกษาจัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในช่วงเย็นวันที่ 18 ก.ค. โดยอ้างว่าผิดพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
 
แม้ พล.ต.ท. ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ระบุว่าจากการข่าวไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ได้พูดผ่านสื่อมวลชนขอร้องให้นิสิตนักศึกษาอย่าฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และอย่าทำกิจกรรมที่ไปกระทบสิทธิของผู้อื่น
 
"ในช่วงนี้เป็นช่วงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มีการอนุญาตให้มีการชุมนุมอยู่แล้ว และยังเข้าเงื่อนไขตามมาตรการควบคุมโรคอีกด้วย" ผบช.น. กล่าว
 
สำหรับผู้ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
 
นายทัตเทพ เรืองประไพกิจ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะเลขาธิการ FreeYOUTH กล่าวกับบีบีซีไทยว่า พวกเขาจะเดินหน้าจัดกิจกรรมต่อไป โดยคาดการณ์ว่าจะมีนักศึกษาและประชาชนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 2 พันคน ส่วนเพื่อนบางคนประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมราว 5 พันคน ด้วยเหตุผลที่ว่าคนอึดอัดกับระบบการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย การคุกคามสิทธิของประชาชนรายวัน รวมถึงได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจรุนแรงจากการบริหารของรัฐบาล จนรู้สึกทนไม่ไหว ต้องออกมาทำอะไรสักอย่าง
 
ส่วนสาเหตุที่เลือกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะเป็นสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย แกนนำนักศึกษารายนี้จึงเชื่อว่าน่าจะเป็น "ศูนย์รวมใจของคนที่รักประชาธิปไตยที่ต้องการทวงคืนอำนาจสูงสุดให้กับประชาชนได้" อีกทั้งมีพื้นที่เพียงพอในการรองรับผู้ชุมนุม
 
ประกาศ 3 ข้อเรียกร้องถึงผู้มีอำนาจ
 
หนึ่งวันก่อนถึงวันนัดหมายชุมนุม แกนนำนักศึกษาที่เป็นผู้จัดการชุมนุมได้ประกาศ 3 ข้อเรียกร้องถึงผู้มีอำนาจผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของทางกลุ่ม มีใจความสำคัญโดยสรุป ดังนี้
 
1. ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศยุบสภา โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาล "ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ" หลังเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังปล่อยให้ "วีไอพี" ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยไม่ได้กักตัว สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2
 
2. ให้ "หยุดคุกคามประชาชน" ทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยา โดยอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม
 
3. ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 เพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย
 
เยาวชนกลุ่มนี้คาดหวังจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 2 สัปดาห์ ไม่เช่นนั้นก็ขู่ว่าจะยกระดับการชุมนุม 
 
"สิ่งที่น่ากลัวกว่าไวรัสคือการที่ประชาชนกำลังอดตาย"
 
อย่างไรก็ตามข้อเรียกร้องทำนองเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในระหว่างการชุมนุมของนิสิตนักศึกษาในหลายสถาบันต่าง ๆ ทั่วประเทศ หรือที่รู้จักในนาม "แฟลชม็อบ" เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก่อนที่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดจำต้องยุติลงเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19
 
การกลับมาชุมนุมรอบใหม่ท่ามกลางภาวะวิกฤตโรคระบาดที่ยังไม่รู้จุดจบ และตามมาด้วยวิกฤตเศรษฐกิจระลอกใหม่ ทำให้นายทัตเทพประเมินว่าจุดจบจะไม่เหมือนเดิม และจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้พวกเขายกระดับการกดดันไปที่รัฐบาลได้
 
"ตอนนี้ไวรัส คนอาจไม่แคร์มาก เพราะสามารถใส่หน้ากากและเว้นระยะห่างได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าไวรัสคือการที่ประชาชนกำลังอดตาย และบ้านเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย" เลขาธิการ FreeYOUTH กล่าว
 
ทว่าความต่างที่สำคัญระหว่าง "แฟลชม็อบ" กับการชุมนุมที่กำลังจะเกิดในวันที่ 18 ก.ค. คือการจัดนอกรั้วมหาวิทยาลัย และเชื้อเชิญให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมชุมนุม โดยที่แกนนำนักศึกษารายนี้ประเมินความเสี่ยงไว้ว่า "เป็นไปได้สูงที่พวกผมได้รับข้อกล่าวหา" ซึ่งส่วนตัวพร้อมรับ เพราะต้องการยุติปัญหาทั้งหมดไว้ที่คนรุ่นเขา และไม่มีอะไรจะฝากถึงบรรดาผู้ร่วมชุมนุม
 
"ผมเชื่อว่าคนทั่วไปรู้ดีว่าบ้านเมืองเราอยู่ใต้ภาวะฉุกเฉิน ซึ่งแม้ไม่มีเหตุอะไรต้องฉุกเฉินแล้ว แต่เราก็ยังอยู่กับมัน คนที่ออกมาไม่กลัวหรอกครับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เขากลัวอดตายมากว่า" และ "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้มีไว้คุมโรค แต่มีไว้คุมม็อบ มีไว้เพื่อรวบอำนาจไว้ที่ตัวนายกฯ หรือไม่" นายทัตเทพข้อสังเกต
 
เผย 4 ดาวปราศรัยล้วนถูกตั้งข้อหาผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
 
ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยรายชื่อแกนนำหลักของนักศึกษาที่จะขึ้นปราศรัยในวันที่ 18 ก.ค. อย่างน้อย 4 คน ในจำนวนมี 2 เยาวชนที่ไปชูป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ ในระหว่างลงพื้นที่ จ.ระยอง เมื่อ 15 ก.ค. ด้วย 
 
จุดร่วมของนักศึกษาทั้ง 4 คนคือการมีประสบการณ์ตกเป็น "ผู้ต้องหา" ฝ่าฝืนข้อกำหนดตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยข้อหา "ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย" หลังจัดกิจกรรม/เคลื่อนไหวทางการเมืองในต่างกรรมต่างวาระ
 
• นายทัตเทพ เรืองประไพกิจ เลขาธิการ FreeYOUTH ร่วมจัดกิจกรรมชูป้าย "เซฟวันเฉลิม" หน้าสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย เมื่อ 8 มิ.ย. และร่วมจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์ 24 มิ.ย. ที่ลานสกายวอล์ก กทม. เมื่อ 24 มิ.ย.
 
• น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรม "ทวงความเป็นธรรมให้วันเฉลิม" ที่ลานสกายวอล์ค เมื่อ 5 มิ.ย.
  
• นายภาณุพงศ์ จาดนอก ประธานกลุ่มเยาวชนภาคตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ร่วมจัดกิจกรรม "ใคร-สั่ง-อุ้ม ? วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" ที่สวนศรีเมือง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา, ชูป้ายประท้วงนายกฯ ที่ จ.ระยอง เมื่อ 15 ก.ค.
 
• นายณัฐชนน พยัฆพันธ์ กลุ่มเยาวชนภาคตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย ชูป้ายประท้วงนายกฯ ที่ จ.ระยอง เมื่อ 15 ก.ค.
 

---

 
แหม่มโพธิ์ดำซัดศบค.ต้องชัดเจน ก่อนระลอก2ระบาดหนัก!!
https://www.dailynews.co.th/regional/785366
 
“แหม่มโพธิ์ดำ” ซัด ศบค. หลังเคสระยองการ์ดตก ทำเชื้อระบาดผวาทั้งประเทศ ซ้ำเจอทูตเอสโตเนียไม่กักตัว ขอพักคอนโดสุขุมวิทอีก ลั่นต้องประกาศกฎชัดเจนห้ามแขก VIP ก่อนที่ระลอกสองจะมาใหม่
 
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. แฟนเพจเฟซบุ๊ก @แหม่มโพธิ์ดำ ได้ออกมาเผยข้อมูลระบุว่า 
 
“สงสารชาวระยองจับใจการ์ดตั้งแข็งปั้กมาตลอดหลายเดือนใช้ชีวิตแบบหวาดระแวงช่วยกันควบคุมโรค กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือใส่แมสก์ รักษาระยะห่าง กักตัวตามกฎ แล้วอยู่ๆก็มีท่านอภิสิทธิชน แหกทุกกฎ เอาเชื้อมาระบาดในจังหวัด คนก็ผวาดิ โรคมันไม่ใช่ปีศาจยักษ์ที่เดินมาตรงไหนคนก็เห็น แต่xxxเหมือนผีไง ไม่รู้อยู่ตรงไหน แต่คนกลัวขี้หดทำห้างที่พยายามฟื้นตัว ทำโรงแรมที่กระอักเลือดจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากการระบาดโรคเคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน
 
ปุ๊บปั๊บรับความซวยต้องปิดบางจุด พ่นยาฆ่าเชื่อ เสียภาพลักษณ์ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดอะไรทำตามกฎทุกอย่าง ความเหี้ยมมันคือการต้องรับโทษ ต้องเดือดร้อนจากความxxxของคนอื่น โรงเรียนบางแห่งต้องปิดไม่มีกำหนด เพราะความป่วงของท่านV.I.P ศบค ประกาศ เหมือนเป็นเรื่องที่พวกเราชาวไทยทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยกัน!? เดี๋ยวก่อน!! ประเด็นที่คนโมโหคือ ทำเป็นเข้มกับคนไทย แต่ละมุนละไมกับอภิสิทธิชนปะวะ ถ้าเป็นคนธรรมดาทำแบบนี้ เจอกุดหัวไปแล้ว
 
 แต่พอเป็นคนชนชั้นพิเศษ จากที่สมควรโดนโบยด้วยหวายแช่เยี่ยว กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องเรียนรู้ร่วมกันเฉย ผู้คนถึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอนแรกก็แอบคิดว่าประสบการณ์คราวก่อนจะทำให้ประเทศไทยต้องพักเรื่องการให้เกียรติอภิสิทธิชนเหล่านี้ และมาใช้กฎเดียวกับประชาชนทุกคน เพราะจากที่เห็น พอท่านได้สิทธิพิเศษแล้วเหลิง คุมไม่ได้ แต่ละท่านชอบแหกคอก และถ้าเกิดระบาดระลอกสองจริง คนซวยไม่ใช่xxxไงท่านขา แต่คือคนไทยทุกคน อารมณ์ตอนนี้ก็ประมาณอยากให้น้าค่อมใช้คาถานารุโตะแยกเงาพันร่างแล้วด่าxxxใส่V.I.Pพร้อมกันรัวๆ
 
รอบระยองคนด่าเยอะแล้ว เลยไม่เปิดเพจมาทวงถามอะไร พอวันนี้มาอีกข่าวบอกเจ้าหน้าที่ทูตเอสโตเนียไม่กักตัว (ส่วนกงสุลเอสโตเนียปฏิเสธบอกนั่นเจ้าหน้าที่EU) ดีที่นิติเข้มสุด ไม่ปล่อยให้เข้าคอนโดเป็นบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยให้เหล่าผู้พักได้อย่างดีเยี่ยม ตอนนี้ ศบค.ต้องชัดเจนแล้วต้องประกาศกฎห้ามก่อนที่ระลอกสองจะมาใหม่ ประเทศไทยคือที่สุดแห่งการให้ความร่วมมือ จนทั้งโลกให้คำชื่นชมเรื่องการควบคุมโควิด ทั้งรัฐ ประชาชน สาธารณสุข ทุกฝ่ายประสานงานกัน ด่าไป บ่นไป แต่ก็อดทนร่วมมือกันเป็นอย่างดี จนยอดผู้ป่วยต่ำเตี้ยเรี้ยดิน อย่ามาดีแตกเพราะท่านV.I.Pเหล่านี้เลยนะ.. 
 
https://www.facebook.com/queentogetherisone/photos/a.872227856213717/2614740871962398/