พรรคประชาชน-คนรุ่นใหม่วางหรีดรำลึกลุงนวมทอง ย้ำอุดมการณ์ ‘คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย’
https://www.matichon.co.th/politics/news_4875379
เนื่องในวันครบรอบ 18 ปี การเสียชีวิตของ นาย
นวมทอง ไพรวัลย์ สามัญชนคนขับแท็กซี่ ผู้กระทำอัตวิบาตกรรมด้วยการขับรถแท็กซี่ชนรถถัง เพื่อต่อต้านการทำรัฐประหาร ปี 2549 ก่อนผูกคอปลิดชีพตนเองหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 เพื่อลบคำสบประมาทของพันเอก
อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษกคณะรัฐประหาร คปค. ที่ว่า “
ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่หน้าสำนักงาน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 53 ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงและเครือข่าย จัดงาน ’
รำลึก 18 ปี นวมทอง ไพรวัลย์ ต้านเผด็จการ สานต่อประชาธิปไตย นิรโทษกรรม 112 วัน‘
บรรยากาศเวลา 12.00 น. ที่สดมภ์อนุสรณ์
นวมทอง ไพรวัลย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการการแขวนป้ายไวนิลขนาดใหญ่บริเวณใต้สะพานลอย หน้า นสพ.ไทยรัฐ ซึ่งเป็นจุดที่ นายนวมทองกระทำอัตวินิบาตกรรม โดยระบุข้อความ “
18 ปี ต่อต้านรัฐประหาร 2549 รำลึก นวมทอง ไพรวัลย์“ พร้อมภาพใบหน้าของนายนวมทอง ไปจนถึงป้ายข้อความ ‘
นวมทอง ไพรวัลย์ ตำนานแท็กซี่ชนรถถัง‘
นอกจากนี้ ยังมีองค์กร, กลุ่มกิจกรรมร่วมส่งพวงหรีดมาร่วมรำลึกอย่างต่อเนื่อง อาทิ พวงหรีดจาก ครอบครัว, คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 53,
ธิดา ถาวรเศรฐ, นพ.
เหวง โตจิราการ, ญาติวีรชนเมษา-พฤษภา 53, มูลนิวีรชนประชาธิปไตย, สมาพันธ์ประชาธิปไตย ตลอดจนพวงหรีดของ ทะลุแก๊ซ, คณะก้าวหน้า ที่มีข้อความว่า ดาวยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน, คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย – พรรคประชาชน เป็นต้น
ท่ามกลางนักกิจกรรม ตลอดจนคนเสื้อแดง ทยอยเดินทางมาร่วมงาน และร่วมรับประทานอาหาร อาทิ ขนมจีนแกงเขียวหวาน และข้าวกล่อง ระหว่างนี้ นาย
โชคดี ร่มพฤกษ์ หรือ
อาเล็ก กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฏร และ นาย
เจษฎา ศรีปลั่ง หรือ
เจมส์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ร่วมขับขานบทเพลง มีนักกิจกรรมทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, น.ส.
ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ
มายด์, นายส
ตายุ สาธร หรือ อันเจลโลว์ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตลอดกลุ่มทะลุแก๊ซ ร่วมด้วย
เวลา 13.00 น. มีการนิมนต์พระสงฆ์ 4 รูป มาร่วมประกอบพิธีสงฆ์ จากนั้น ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชารัตนตรัย นำโดย นาง
บุญชู ไพรวัลย์ ภรรยาลุง
นวมทอง, นาง
ธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นพ.
เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช., นาง
ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ดวงประทีป, อดีต ส.ว. และ นาย
สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ
จ่านิว สมาชิกพรรคเพื่อไทย
ต่อมา มีการถวายสังฆทานและผ้าไตรจีวร นำโดย นาง
บุญชู, นาง
ธิดา, นาง
ประทีป และ ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นพ.
สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิดวงประทีป ตามด้วยการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์
จากนั้น เวลา 13.35 น. น.ส.
ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ
ตะวัน นักกิจกรรมอิสระ, นายคทาธร ดาป้อม หรือ
ต๊ะ, นาย
จิรภาส กอรัมย์ หรือแก๊ป ทะลุแก๊ซ และหนวดริมทาง ในนามวงริมทาง ร่วมขับขานบทเพลง 10 เพลง
จากนั้น เวลา 14.30 น. มีการร่วมวางพวงหรีดใต้ สดมภ์อนุสรณ์ ที่มีข้อความจดหมายลาตาย ‘
ชาติหน้า เกิดมา คงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก’
โดยเริ่มจาก นาง
บุญชู ภรรยานาย
นวมทอง, มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.
สันต์, สมาพันธ์ประชาธิปไตย โดย ครู
ประทีป,
ธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.
เหวง โตจิราการ, ญาติวีรชนเมษา-พฤษภา 53, คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553
ตามด้วย นาย
สิรวิชญ์ หรือจ่านิว วางช่อดอกไม้ เป็นดอกกุหลาบสีแดง ต่อด้วย แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, คณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.), สภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย โดย นาย
สมยศ ต่อด้วย กลุ่มทะลุแก๊ส, คณะนิรโทษกรรมประชาชน ร่วมวางดอกไม้โดย น.ส.
ภัสราวลี หรือมายด์
คณะก้าวหน้า และ พรรคประชาชน โดย น.ส.
เบญจา แสงจันทร์ อดีต ส.ส.บัญชีราบชื่อพรรคก้าวไกล น.ส.
ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม และ นาย
ปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ต่อด้วย พลเมืองโต้กลับ
‘พิธา’ ชี้ รบ.ประวิงเวลา แก้ รธน.-นิรโทษกรรม ซัด เมินสัญญา ที่ให้ไว้กับปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4874996
‘พิธา’ มองกระบวนการแก้ รธน.-นิรโทษกรรม ถูกประวิงเวลา ซัดเมินสัญญาที่ให้ไว้กับปชช.
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ที่ไม่ทันในสมัยนี้นั้นมีข้อกังวลอะไรหรือไม่ว่า ตนกังวลถึงสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน กังวลถึงสัญญาที่เคยพูดต่อหน้าสื่อมวลชนว่าสิ่งแรกๆ ที่ควรจะทำคือการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องมีการทำประชามติ แล้วก็การนิรโทษกรรมทางการเมือง ถึงแม้จะเห็นต่างและไม่เห็นต่าง ก็ดูเหมือนจะมีการประวิงเวลา ศึกษาแล้วศึกษาอีกโดยที่ไม่มีความจำเป็นอะไร และ ส.ว.ก็เปลี่ยนชุดใหม่มีประธาน ยังเห็นไม่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังเป็นความไม่แน่นอนในการเมืองไทยต่อไป คำนึงถึงประชาชนที่โดนลิดรอนสิทธิเพียงเพราะเห็นต่างทางการเมือง
เมื่อถามว่ามองทางออกนี้อย่างไร นาย
พิธากล่าวว่า เจตจำนงของประชาชนมากพอก็มีทางออกทั้งนั้น แน่นอนว่านักการเมืองก็ดี ไม่ว่าจะเป็นสภาสูงสภาล่างไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน พูดไว้อย่างทำอีกแบบนึง คนที่เป็นประธานก็อยู่พรรคเดียวกัน ปรากฏว่าโหวตออกมาก็ไม่ตรงกับที่ญัตติตัวเองเสนอ ตนกังวลว่าคนจะรู้สึกได้ว่ามันวนไปวนมาไม่มีความชัดเจนขึ้นมา
พิธา มั่นใจ เท้ง ผ่านได้ ย้อนโพลตัวเองครั้งแรกแค่ 3% ชี้ยังมีเวลากว่าจะถึงเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4874961
‘พิธา’ ชี้ ผลโพลไม่ดูตัวเลข แต่ต้องดูว่าใครทำ หลัง ปชช.ไม่เชื่อมั่นฝ่ายค้าน มอง ‘เท้ง’ ต้องผ่านได้ วอน อย่าใส่นามสกุลให้ ‘พรรคประชาชน’ หลังถูกโจมตีเป็นพรรคพม่า-บีอาร์เอ็น
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงผลโพลที่ประชาชนเกินครึ่งไม่เชื่อมั่นพรรคฝ่ายค้านว่า เวลาจะอ่านโพล ตนไม่ค่อยดูตัวเลขเท่าไร แต่จะดูว่าใครเป็นผู้ทำผลโพล ก่อนจะนำมาวิเคราะห์เพื่อดูข้อที่ควรปรับปรุง ซึ่งเชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านก็จะนำมาปรับปรุง เพื่อให้กำลังใจไม่เสีย
ส่วนจะมีช่องโหว่ใดที่พรรคประชาชนจะต้องปรับนั้น นายพิธาระบุว่า ต้องใช้เวลาและหากดูตามเนื้อผ้าและติดตามการทำงานของผู้นำฝ่ายค้าน อย่างน้อยที่สุดก็ทำได้เทียบเท่ากับมาตรฐาน เหมือนตอนที่เป็นพรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะสามารถทำงานและบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่ามีการโจมตีพรรคเยอะพอสมควร จึงขอใช้โอกาสนี้ในฐานะที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานมา 5-6 ปี เห็นว่าพรรคประชาชนก็มีความตั้งใจทำงานเพื่อคนไทย ไม่ใช่เป็นพรรคประชาชนที่มีนามสกุลพม่า ไม่ใช่พรรคประชาชนบีอาร์เอ็นแน่นอน แต่เพราะมีความตั้งใจทำงานแก้ปัญหาให้คนไทย เพียงแต่ว่าบางปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น ฝุ่น คอร์รัปชั่น แรงงานต่างด้าวที่ไม่ขึ้นทะเบียนในระบบ ต้องได้รับการจัดการเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย เพราะฉะนั้นที่มีกระบวนการบอกว่าเป็นพรรคประชาชนพม่า รวมทั้งที่มีการพูดว่า พรรคภูมิใจกัมพูชา ถือเป็นการใช้ชาตินิยมมาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง ก็ต้องขอวิงวอนไปถึงประชาชนว่าไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย ยกเว้นคนที่ต้องการจะโจมตี และต้องการเบี่ยงประเด็นสำคัญ จึงขอแยกให้ออกว่าเป็นการโจมตี หรือเฟคนิวส์ หรือเป็นการพูดข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเปล่งประกาย นายพิธากล่าวว่า ถามถูกคนแล้ว พร้อมเล่าย้อนว่า นิด้าโพลครั้งแรกของตน 3% และขึ้นถึง 45% ในระยะเวลา 3 ปี ฉะนั้นหากถามว่ามีเวลาเท่าไร ตนก็มองว่ามีเวลาตัดสินใจก่อนที่ประชาชนจะเข้าคูหา จะต้องผ่านและเชื่อว่าเป็นกระบวนการที่จะต้องผ่านทั้งอุณหภูมิการเมือง ความกดดันและความอดทน ซึ่งเชื่อว่าหากตนผ่านไปได้ นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็จะผ่านไปได้เช่นกัน
พิธา จี้รัฐบาลเคลียร์ให้ชัดเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา รวมเกาะกูดหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4874778
พิธา จี้ รบ.เคลียร์ให้ชัดเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา รวมเกาะกูดหรือไม่ เชื่อ จะทำให้เชื้อไฟความชาตินิยมหมดไป มองเกาะกูดควรเป็นของไทย หาก ‘ภูมิธรรม’ ไม่แจงปชช.จะคิดเลยเถิด
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในไหล่ทวีป (MOU 44) ซึ่งนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยระบุว่า ขอให้อย่านำความคลั่งชาติทำให้เสียประโยชน์ของประเทศ
นาย
พิธา กล่าวว่า ชาตินิยมไม่ใช่เรื่องผิด เผลอๆ อาจจะเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ชาตินิยมที่ล้นเกินจนทำให้เกิดการทำลายล้างกันทางการเมือง และการสูญเสียโอกาสความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศประชาคมอาเซียน เป็นปัญหาที่ต้องระวัง
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า ถ้าพูดถึงเรื่องเกาะกูด คือ การฟื้นฟูการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่ง MOU 44 จบไปแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าเกาะกูดอย่างไรก็ต้องเป็นของคนไทยแน่นอน ถ้าจะมีการพูดคุยกันในระดับ OCA ก็ต้องกำหนดพื้นที่ซึ่งมีปิโตรเลียมอยู่ และมีการพูดคุยกันแค่นั้น เกาะกูดไม่ควรเข้าไปอยู่ในการเจรจาครั้งนั้น ถ้าจำไม่ผิด พื้นที่ไม่ถึง 20,000 กว่าตารางกิโลเมตร แต่หากว่าไปไกลถึงขนาดกว้างเท่าเกาะกูด ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย
“
รัฐบาลเองก็ต้องออกมาพูดให้ชัดว่าถ้าจะทำเรื่องเกี่ยวกับปิโตรเลียม ก็คือหลังจากทำ OCA ต้องจำกัดให้ไม่เกี่ยวข้องกับเกาะกูด และเกาะกูดไม่มีทางเป็นของชาติอื่น ยกเว้นประเทศไทย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การตกลงกันระหว่างไทยและกัมพูชา แต่คือเรื่องระดับสหประชาชาติ ที่มีระเบียบโลกบอกไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้ เป็นปัญหาเรื่องอาณาเขต (Territorial Issue) ของแต่ละชาติ” นาย
พิธา กล่าว
นาย
พิธากล่าวต่อว่า หากรัฐบาลพูดได้ชัด ก็จะทำให้เรื่องจบไปว่าพื้นที่ที่มีข้อพิพาทอยู่ จำกัดอยู่แค่ตรงนี้เท่านั้น และไม่รวมเกาะกูด ซึ่งมองว่าจะทำให้เชื้อไฟที่ทำให้เกิดความชาตินิยมแบบล้นเกินให้หมดไป แล้วค่อยมาสู้กันในเรื่องการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน และออกกฎหมายที่มีความก้าวหน้า การตรวจสอบรัฐบาลแบบที่ควรจะเป็น
นาย
พิธา กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลยังไม่ออกมาพูดให้ชัดเจนจะเป็นผลเสียต่อทั้งรัฐบาลเอง จะเกิดการตั้งคำถามว่าตกลงแล้วพื้นที่ซึ่งจะเจรจากับกัมพูชาคือหลักพันหรือหลักหมื่น หากพูดให้ชัดว่าจบแค่นี้จริงๆ ประชาชนก็จะไม่คิดเลยเถิดในแบบที่รองนายกรัฐมนตรีกังวล แต่เมื่อรองนายกฯ ไม่ยอมบอกว่าการเจรจาจบแค่นี้ ไม่ได้ต่างจากเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกันในอ่าวไทย (Joint Development Area) ระหว่างไทยและมาเลเซีย เราไม่สูญเสียผลประโยชน์แต่อย่างใด การแบ่งผลประโยชน์เป็นไปในลักษณะแบบไหน
JJNY : 6in1 วางหรีดรำลึกลุงนวมทอง│‘พิธา’ซัดเมินสัญญา│พิธามั่นใจเท้ง│พิธาจี้รบ.เคลียร์│กะทิสดพุ่ง│จีนสั่งค่ายระงับลงทุน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4875379
เนื่องในวันครบรอบ 18 ปี การเสียชีวิตของ นายนวมทอง ไพรวัลย์ สามัญชนคนขับแท็กซี่ ผู้กระทำอัตวิบาตกรรมด้วยการขับรถแท็กซี่ชนรถถัง เพื่อต่อต้านการทำรัฐประหาร ปี 2549 ก่อนผูกคอปลิดชีพตนเองหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 เพื่อลบคำสบประมาทของพันเอกอัคร ทิพโรจน์ รองโฆษกคณะรัฐประหาร คปค. ที่ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่หน้าสำนักงาน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 53 ร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดงและเครือข่าย จัดงาน ’รำลึก 18 ปี นวมทอง ไพรวัลย์ ต้านเผด็จการ สานต่อประชาธิปไตย นิรโทษกรรม 112 วัน‘
บรรยากาศเวลา 12.00 น. ที่สดมภ์อนุสรณ์ นวมทอง ไพรวัลย์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการการแขวนป้ายไวนิลขนาดใหญ่บริเวณใต้สะพานลอย หน้า นสพ.ไทยรัฐ ซึ่งเป็นจุดที่ นายนวมทองกระทำอัตวินิบาตกรรม โดยระบุข้อความ “18 ปี ต่อต้านรัฐประหาร 2549 รำลึก นวมทอง ไพรวัลย์“ พร้อมภาพใบหน้าของนายนวมทอง ไปจนถึงป้ายข้อความ ‘นวมทอง ไพรวัลย์ ตำนานแท็กซี่ชนรถถัง‘
นอกจากนี้ ยังมีองค์กร, กลุ่มกิจกรรมร่วมส่งพวงหรีดมาร่วมรำลึกอย่างต่อเนื่อง อาทิ พวงหรีดจาก ครอบครัว, คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 53,
ธิดา ถาวรเศรฐ, นพ.เหวง โตจิราการ, ญาติวีรชนเมษา-พฤษภา 53, มูลนิวีรชนประชาธิปไตย, สมาพันธ์ประชาธิปไตย ตลอดจนพวงหรีดของ ทะลุแก๊ซ, คณะก้าวหน้า ที่มีข้อความว่า ดาวยังพรายศรัทธาเย้ยฟ้าดิน, คนยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย – พรรคประชาชน เป็นต้น
ท่ามกลางนักกิจกรรม ตลอดจนคนเสื้อแดง ทยอยเดินทางมาร่วมงาน และร่วมรับประทานอาหาร อาทิ ขนมจีนแกงเขียวหวาน และข้าวกล่อง ระหว่างนี้ นายโชคดี ร่มพฤกษ์ หรือ อาเล็ก กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฏร และ นายเจษฎา ศรีปลั่ง หรือ เจมส์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ร่วมขับขานบทเพลง มีนักกิจกรรมทยอยเดินทางเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ มายด์, นายสตายุ สาธร หรือ อันเจลโลว์ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตลอดกลุ่มทะลุแก๊ซ ร่วมด้วย
เวลา 13.00 น. มีการนิมนต์พระสงฆ์ 4 รูป มาร่วมประกอบพิธีสงฆ์ จากนั้น ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชารัตนตรัย นำโดย นางบุญชู ไพรวัลย์ ภรรยาลุงนวมทอง, นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช., นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ดวงประทีป, อดีต ส.ว. และ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ จ่านิว สมาชิกพรรคเพื่อไทย
ต่อมา มีการถวายสังฆทานและผ้าไตรจีวร นำโดย นางบุญชู, นางธิดา, นางประทีป และ ศาสตราจารย์ เกียรติคุณ นพ.สันต์ หัตถีรัตน์ ประธานมูลนิธิดวงประทีป ตามด้วยการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์
จากนั้น เวลา 13.35 น. น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน นักกิจกรรมอิสระ, นายคทาธร ดาป้อม หรือ ต๊ะ, นายจิรภาส กอรัมย์ หรือแก๊ป ทะลุแก๊ซ และหนวดริมทาง ในนามวงริมทาง ร่วมขับขานบทเพลง 10 เพลง
จากนั้น เวลา 14.30 น. มีการร่วมวางพวงหรีดใต้ สดมภ์อนุสรณ์ ที่มีข้อความจดหมายลาตาย ‘ชาติหน้า เกิดมา คงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก’
โดยเริ่มจาก นางบุญชู ภรรยานายนวมทอง, มูลนิธิวีรชนประชาธิปไตย โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.สันต์, สมาพันธ์ประชาธิปไตย โดย ครูประทีป, ธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ, ญาติวีรชนเมษา-พฤษภา 53, คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553
ตามด้วย นายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว วางช่อดอกไม้ เป็นดอกกุหลาบสีแดง ต่อด้วย แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, คณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.), สภานักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย โดย นายสมยศ ต่อด้วย กลุ่มทะลุแก๊ส, คณะนิรโทษกรรมประชาชน ร่วมวางดอกไม้โดย น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์
คณะก้าวหน้า และ พรรคประชาชน โดย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ อดีต ส.ส.บัญชีราบชื่อพรรคก้าวไกล น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม และ นายปิยรัฐ จงเทพ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน ต่อด้วย พลเมืองโต้กลับ
‘พิธา’ ชี้ รบ.ประวิงเวลา แก้ รธน.-นิรโทษกรรม ซัด เมินสัญญา ที่ให้ไว้กับปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4874996
‘พิธา’ มองกระบวนการแก้ รธน.-นิรโทษกรรม ถูกประวิงเวลา ซัดเมินสัญญาที่ให้ไว้กับปชช.
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ที่ไม่ทันในสมัยนี้นั้นมีข้อกังวลอะไรหรือไม่ว่า ตนกังวลถึงสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน กังวลถึงสัญญาที่เคยพูดต่อหน้าสื่อมวลชนว่าสิ่งแรกๆ ที่ควรจะทำคือการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องมีการทำประชามติ แล้วก็การนิรโทษกรรมทางการเมือง ถึงแม้จะเห็นต่างและไม่เห็นต่าง ก็ดูเหมือนจะมีการประวิงเวลา ศึกษาแล้วศึกษาอีกโดยที่ไม่มีความจำเป็นอะไร และ ส.ว.ก็เปลี่ยนชุดใหม่มีประธาน ยังเห็นไม่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ยังเป็นความไม่แน่นอนในการเมืองไทยต่อไป คำนึงถึงประชาชนที่โดนลิดรอนสิทธิเพียงเพราะเห็นต่างทางการเมือง
เมื่อถามว่ามองทางออกนี้อย่างไร นายพิธากล่าวว่า เจตจำนงของประชาชนมากพอก็มีทางออกทั้งนั้น แน่นอนว่านักการเมืองก็ดี ไม่ว่าจะเป็นสภาสูงสภาล่างไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน พูดไว้อย่างทำอีกแบบนึง คนที่เป็นประธานก็อยู่พรรคเดียวกัน ปรากฏว่าโหวตออกมาก็ไม่ตรงกับที่ญัตติตัวเองเสนอ ตนกังวลว่าคนจะรู้สึกได้ว่ามันวนไปวนมาไม่มีความชัดเจนขึ้นมา
พิธา มั่นใจ เท้ง ผ่านได้ ย้อนโพลตัวเองครั้งแรกแค่ 3% ชี้ยังมีเวลากว่าจะถึงเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4874961
‘พิธา’ ชี้ ผลโพลไม่ดูตัวเลข แต่ต้องดูว่าใครทำ หลัง ปชช.ไม่เชื่อมั่นฝ่ายค้าน มอง ‘เท้ง’ ต้องผ่านได้ วอน อย่าใส่นามสกุลให้ ‘พรรคประชาชน’ หลังถูกโจมตีเป็นพรรคพม่า-บีอาร์เอ็น
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงผลโพลที่ประชาชนเกินครึ่งไม่เชื่อมั่นพรรคฝ่ายค้านว่า เวลาจะอ่านโพล ตนไม่ค่อยดูตัวเลขเท่าไร แต่จะดูว่าใครเป็นผู้ทำผลโพล ก่อนจะนำมาวิเคราะห์เพื่อดูข้อที่ควรปรับปรุง ซึ่งเชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านก็จะนำมาปรับปรุง เพื่อให้กำลังใจไม่เสีย
ส่วนจะมีช่องโหว่ใดที่พรรคประชาชนจะต้องปรับนั้น นายพิธาระบุว่า ต้องใช้เวลาและหากดูตามเนื้อผ้าและติดตามการทำงานของผู้นำฝ่ายค้าน อย่างน้อยที่สุดก็ทำได้เทียบเท่ากับมาตรฐาน เหมือนตอนที่เป็นพรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะสามารถทำงานและบริหารจัดการได้ ขณะเดียวกันก็เข้าใจว่ามีการโจมตีพรรคเยอะพอสมควร จึงขอใช้โอกาสนี้ในฐานะที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานมา 5-6 ปี เห็นว่าพรรคประชาชนก็มีความตั้งใจทำงานเพื่อคนไทย ไม่ใช่เป็นพรรคประชาชนที่มีนามสกุลพม่า ไม่ใช่พรรคประชาชนบีอาร์เอ็นแน่นอน แต่เพราะมีความตั้งใจทำงานแก้ปัญหาให้คนไทย เพียงแต่ว่าบางปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น ฝุ่น คอร์รัปชั่น แรงงานต่างด้าวที่ไม่ขึ้นทะเบียนในระบบ ต้องได้รับการจัดการเพื่อผลประโยชน์ของคนไทย เพราะฉะนั้นที่มีกระบวนการบอกว่าเป็นพรรคประชาชนพม่า รวมทั้งที่มีการพูดว่า พรรคภูมิใจกัมพูชา ถือเป็นการใช้ชาตินิยมมาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างทางการเมือง ก็ต้องขอวิงวอนไปถึงประชาชนว่าไม่ได้เป็นประโยชน์กับใครเลย ยกเว้นคนที่ต้องการจะโจมตี และต้องการเบี่ยงประเด็นสำคัญ จึงขอแยกให้ออกว่าเป็นการโจมตี หรือเฟคนิวส์ หรือเป็นการพูดข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเปล่งประกาย นายพิธากล่าวว่า ถามถูกคนแล้ว พร้อมเล่าย้อนว่า นิด้าโพลครั้งแรกของตน 3% และขึ้นถึง 45% ในระยะเวลา 3 ปี ฉะนั้นหากถามว่ามีเวลาเท่าไร ตนก็มองว่ามีเวลาตัดสินใจก่อนที่ประชาชนจะเข้าคูหา จะต้องผ่านและเชื่อว่าเป็นกระบวนการที่จะต้องผ่านทั้งอุณหภูมิการเมือง ความกดดันและความอดทน ซึ่งเชื่อว่าหากตนผ่านไปได้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ก็จะผ่านไปได้เช่นกัน
พิธา จี้รัฐบาลเคลียร์ให้ชัดเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา รวมเกาะกูดหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4874778
พิธา จี้ รบ.เคลียร์ให้ชัดเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา รวมเกาะกูดหรือไม่ เชื่อ จะทำให้เชื้อไฟความชาตินิยมหมดไป มองเกาะกูดควรเป็นของไทย หาก ‘ภูมิธรรม’ ไม่แจงปชช.จะคิดเลยเถิด
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบบันทึกความเข้าใจไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลในไหล่ทวีป (MOU 44) ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยระบุว่า ขอให้อย่านำความคลั่งชาติทำให้เสียประโยชน์ของประเทศ
นายพิธา กล่าวว่า ชาตินิยมไม่ใช่เรื่องผิด เผลอๆ อาจจะเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ชาตินิยมที่ล้นเกินจนทำให้เกิดการทำลายล้างกันทางการเมือง และการสูญเสียโอกาสความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศประชาคมอาเซียน เป็นปัญหาที่ต้องระวัง
นายพิธา กล่าวต่อว่า ถ้าพูดถึงเรื่องเกาะกูด คือ การฟื้นฟูการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล (Overlapping Claims Area: OCA) ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่ง MOU 44 จบไปแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าเกาะกูดอย่างไรก็ต้องเป็นของคนไทยแน่นอน ถ้าจะมีการพูดคุยกันในระดับ OCA ก็ต้องกำหนดพื้นที่ซึ่งมีปิโตรเลียมอยู่ และมีการพูดคุยกันแค่นั้น เกาะกูดไม่ควรเข้าไปอยู่ในการเจรจาครั้งนั้น ถ้าจำไม่ผิด พื้นที่ไม่ถึง 20,000 กว่าตารางกิโลเมตร แต่หากว่าไปไกลถึงขนาดกว้างเท่าเกาะกูด ก็จะทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย
“รัฐบาลเองก็ต้องออกมาพูดให้ชัดว่าถ้าจะทำเรื่องเกี่ยวกับปิโตรเลียม ก็คือหลังจากทำ OCA ต้องจำกัดให้ไม่เกี่ยวข้องกับเกาะกูด และเกาะกูดไม่มีทางเป็นของชาติอื่น ยกเว้นประเทศไทย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การตกลงกันระหว่างไทยและกัมพูชา แต่คือเรื่องระดับสหประชาชาติ ที่มีระเบียบโลกบอกไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้ เป็นปัญหาเรื่องอาณาเขต (Territorial Issue) ของแต่ละชาติ” นายพิธา กล่าว
นายพิธากล่าวต่อว่า หากรัฐบาลพูดได้ชัด ก็จะทำให้เรื่องจบไปว่าพื้นที่ที่มีข้อพิพาทอยู่ จำกัดอยู่แค่ตรงนี้เท่านั้น และไม่รวมเกาะกูด ซึ่งมองว่าจะทำให้เชื้อไฟที่ทำให้เกิดความชาตินิยมแบบล้นเกินให้หมดไป แล้วค่อยมาสู้กันในเรื่องการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน และออกกฎหมายที่มีความก้าวหน้า การตรวจสอบรัฐบาลแบบที่ควรจะเป็น
นายพิธา กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลยังไม่ออกมาพูดให้ชัดเจนจะเป็นผลเสียต่อทั้งรัฐบาลเอง จะเกิดการตั้งคำถามว่าตกลงแล้วพื้นที่ซึ่งจะเจรจากับกัมพูชาคือหลักพันหรือหลักหมื่น หากพูดให้ชัดว่าจบแค่นี้จริงๆ ประชาชนก็จะไม่คิดเลยเถิดในแบบที่รองนายกรัฐมนตรีกังวล แต่เมื่อรองนายกฯ ไม่ยอมบอกว่าการเจรจาจบแค่นี้ ไม่ได้ต่างจากเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกันในอ่าวไทย (Joint Development Area) ระหว่างไทยและมาเลเซีย เราไม่สูญเสียผลประโยชน์แต่อย่างใด การแบ่งผลประโยชน์เป็นไปในลักษณะแบบไหน