เรื่องสั้น "เเว้นซ่าส์ ท้า นรก"


เรื่อง                  แว้นซ่าส์  ท้า นรก

เรื่องโดย            นัฐพันธ์
..........................................................................................................................................................
         
                   เสียงท่อรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกดัดแปลงให้เสียงดังกระหึ่มกำลังเร่งเครื่องส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณซอย  ชาวบ้านหลายคนที่ออกมาดูต่างส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา เป็นระยะเวลาหลายปีที่แก๊งเด็กแว้นก่อกวนด้วยการขับรถบึ้นๆเสียงดัง ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่จะหนักหน่อยก็ช่วยดึกๆ แก๊งกวนเมืองที่ว่านี้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้เด็กที่พวกชาวบ้านเห็นมาตั้งแต่ตีนยังไม่เท้าฝาหอย บางคนก็ลูกหลานของคนในซอยนั้นแหละ พอมันเริ่มโตทั้งๆที่นมยังไม่แตกพาน ก็ริจะตั้งแก๊งขึ้น แรกแรกก็ปั่นจักรยานเล่นกันตามประสาเด็ก พอโตขึ้นมาหน่อยก็หันมาเอาดีทางด้านแข่งรถมอเตอร์ไซค์ เคยได้ยินกันว่า พ่อแม่บางคนไม่ออกรถให้ เด็กพวกนั้นก็จะประชดด้วยการไม่ยอมไปโรงเรียน พานไปถึงหนีออกจากบ้าน พ่อแม่สมัยนี้ก็รักลูกเหลือเกิน ถึงกับต้องไปออกรถมอเตอร์ไซค์ให้ แล้วยิ่งโปรโมชั่นล่อตาล่อใจชาวบ้าน ฟรีดาวน์ ผ่อนถูก คนไม่มีเงินดาวน์ก็ไปออกรถใหม่กันให้ควั่ก ลูกเล็กเด็กแดงในซอยหลายคนจึงขับมอเตอร์ไซค์เป็นกันตั้งแต่เด็ก เดี๋ยวนี้ไม่มีให้เห็นแล้วพวกที่ปั่นจักรยานเล่นแบบแก๊งแฟนฉัน

            กลางดึกของคืนวันศุกร์เสาร์ จะเป็นคืนที่นรกแตก ชาวบ้านหลายคนต่างก็ต้องอดทนกับเสียง
แว้นมอเตอร์ไซค์ของเด็กกลุ่มนี้ บางคืนถึงกับเรียกตำรวจมาจัดการ แต่พอตำรวจมาเด็กเเว้นก็จะสลายกันไปเหมือนมีตาทิพย์

            วันนี้ก็เช่นกัน เสียงจากท่อรถมอเตอร์ไซค์ที่ดังสนั่นอยู่กลางซอยของกลุ่มเด็กแว้นราวสิบกว่าคันกำลังตั้งแก๊งกันอยู่ ผู้ปกครองหลายคน แม้จะพยายามห้ามปรามแล้วก็ตาม แต่เด็กเหล่านั้นไม่แคร์ ไม่สนใจในคำทัดทานของเหล่าพ่อแม่ปู่ย่าตายาย บางรายถึงขนาดพังข้าวของเวลาที่โดนบุคคลเหล่านั้นห้ามปรามในการออกมาแว้นส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน 

            เคยมีคนโทรไปแจ้งตำรวจให้มาจับ วันต่อมาบ้านของคนที่โทรไปแจ้งโดนเขวี้ยงก้อนหินเข้าไปในบ้านจนกระจกแตก ชาวบ้านหลายต่อหลายคนเลยไม่กล้าที่จะทำอะไร ปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม แต่กรรมที่ตกมา มันตกมาที่ชาวบ้านน่ะสิ

            “เฮ้ย ไอ้น้อง รบกวน เสียงเบาๆหน่อย ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง” เสียงของผู้ชายผิวเข้มเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะเดินเข้ามา กลุ่มเด็กแว้นต่างมองหน้า

            “แล้วมันเกี่ยวไรกับพี่ด้วย” เสียงของเด็กคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

            “มันไม่เกี่ยวอะไรหรอก ถ้ามันไม่รบกวนชาวบ้าน” ผู้ชายผิวเข้มบอก เขายังคงสวมชุดกู้ภัยอยู่ เด็กกลุ่มนั้นต่างโห่ร้องแบบไม่สนใจ

            “เด็กๆเขามารวมตัวกัน คนแก่ไม่เกี่ยว” ใครคนหนึ่งในกลุ่มเด็กแว้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงโห่ร้องแบบขบขันตามมา ทำเหมือนชายผิวเข้มเป็นตัวตลก

            “ระวังกันหน่อยไอ้น้อง ทำตัวแบบนี้ ชาวบ้านเขาเดือดร้อน”

            “พวกผมไม่ได้ไปปล้นชิงวิ่งราวใครนี่ครับ อีกอย่าง มันก็เวลาว่าง ไม่ได้เอาเวลาเรียนมาเล่น” พูดไปก็หัวเราะไป เด็กทั้งแก๊งต่างเห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน

            “ระวังเถอะไอ้น้อง เอ็งโตขึ้น เดี๋ยวเองก็รู้เอง ว่าที่ทำผิดหรือถูก”

            “พ่อแม่ผมยังไม่กล้าสอนแล้วลุงเป็นใคร” ชายผิวเข้ม ระงับอาการโกรธ แม้จะรู้ดีว่าการใช้กำลังต่อสู้ ก็มีแต่ปัญหา เด็กพวกนี้เป็นไม้อ่อน ที่รอเป็นไม้แก่ เขาบอกว่า ไม้อ่อน ดัดง่าย ถ้าจะไม่จริงเสียแล้ว ไม้อ่อนบางจำพวกก็ไม่ต่างกับไม้แก่เท่าใดหรอกบางที ดัดอยากยิ่งกว่า

            “และอีกอย่าง เรื่องนี้ มันไม่เกี่ยวกับลุง ขอร้องอย่าเผือก”

            “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตานะพวกเอ็ง จำคำข้าเอาไว้เถอะ ว่าซักวันเอ็งจะต้องเสียใจ”

กลุ่มเด็กแว้นมองด้วยความไม่พอใจกับชายผิวเข้ม

            “ไปพวกเรา เบื่อคนแก่แถวนี้ ไปแว้นแถวตลาดดีกว่าเว้ย” หัวโจกเป็นคนตะโกนบอก ก่อนที่จะพากันขับรถออกไปจากบริเวณนั้น พวกหน่วยกู้ภัยที่มาถึง วิ่งมาที่ชายผิวเข้ม เพราะเกรงว่าจะมีเรื่องกัน

            “เป็นไงบ้างพี่  ไม่น่าไปยุ่งกะพวกมันเล้ย ไอ้เด็กเหลือขอพวกนั้น”

            “ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก ชาวบ้านเขาเดือดร้อนกันทุกวัน”

            “ขนาดตำรวจ พวกมันยังไม่เกรงกลัวเล้ย”

            “สงสารพ่อแม่พวกนั้น” ชายผิวเข้มบอกด้วยสีหน้าสลด

            “จะไปสงสารทำไมพี่ มีลูกแต่เที่ยวปล่อยให้ลูกมาก่อความเดือดร้อนชาวบ้าน เขาเรียกว่าพวกเห็นแก่ตัว สักแต่มีลูกออกมาเป็นโขยงๆ แต่ไม่มีปัญญาเลี้ยงให้มีคุณภาพ” ชายอีกคนบอกด้วยความเบื่อหน่าย

            “คนแถวนี้เขารู้ดีกันทั้งนั้น บางคนก็เป็นลูกหลานตัวเอง แต่ทำอะไรไม่ได้ พอจับไป พ่อแม่พี่น้องพวกนั้นก็เดือดร้อนต้องมาประกัน บางคนยอมขายที่ ขายไร่มาซื้อรถให้ลูกมาขับก่อกวนเมือง แบบนี้สังคมมันจะน่าอยู่ได้ยังไงครับพี่ ในเมื่อครอบครัวเหล่านั้นเห็นแก่ตัว ลูกหลานตัวเองแท้ๆแต่ไม่มีปัญญาอบรมสั่งสอนปล่อยปละละเลยให้ทำเรื่องเสียหาย ”

ชายผิมเข้มได้แต่ฟังอีกคนบ่น ก็ความจริง คือความจริง อย่างที่เพื่อนบ่นนั้นแหละ

            ดึกมากแล้วบนถนน กำลังมีการประลองความเร็ว รถที่สัญจรต่างได้รับความเดือดร้อน ตำรวจมาตรวจดูรอบหนึ่งแต่ไม่พบรถทำผิดเลยกลับไป ไปนานรถเด็กแว้นก็กลับมาประลองความเร็วกันอีกครั้ง ชาวบ้านแถวนั้นนอนไม่ได้เลย เสียงตะโกน เสียงร้อง เสียงเพลง  และเสียงท่อไอเสียที่ถูกดัดแปลงให้ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ

            ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน รถกู้ภัย กำลังนำคนบาดเจ็บมุ่งหน้ามาที่ถนนใหญ่ เสียงไซเรนเปิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว ความมืดปกคลุมอยู่สองข้างทาง  แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปที่ถนนใหญ่ กลุ่มเด็กแว้นยังคงประลองความเร็วกันอยู่อย่างสนุกสนาน โดยไม่เกรงกลัวอาญากฎหมายใดๆทั้งสิ้น

            รถหน่วยกู้ภัย กำลังมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลในอำเภอ โดยวิทยุกู้ภัยรายงานไปถึงโรงพยาบาล ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บไฟฟ้าช็อต หมดสติ กำลังนำส่งโรงพยาบาล

            ร่างของผู้ป่วยนอนนิ่งไม่ได้สติ หน่วยกู้ภัยพยายามประฐมพยาบาลอย่างสุดความสามารถ ไซเรนดังไปทั่วบริเวณเพื่อให้หลีกทาง เมื่อขับผ่านมาถึงแยกบนถนน รถของด็กแว้นขวางทางเอาไว้

            หนึ่งในกลุ่มเด็กแว้น ที่มีเรื่องเมื่อครู่ มองเห็นรถกู้ภัย เขาจำได้ว่า คู่กรณีของเขานั่นเอง ด้วยความคึกคะนองจึงจอดรถปาดหน้าขวางเอาไว้ กลุ่มเด็กแว้นที่เหลือขับรถจำนวนสิบกว่าคัน ทำท่าเย้วๆแบบยั่วยวนกวนโทสะ หัวเราะร่า ทั้งๆที่มีผู้บาดเจ็บอยู่ภายในรถ  หน่วยกู้ภัยบีบแตรเตือนให้หลบ แต่เด็กเหล่านั้นไม่ยอมหลบ แถวยันอวดดีขับรถวนรอบหน่วยกู้ภัย จนมีเสียงไซเรนของรถตำรวจมุ่งตรงมา กลุ่มเด็กแว้นจึงพากันขับหลบหนีไป

            รถกู้ภัย จึงรีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

            ที่สถานีตำรวจ ตำรวจจับเด็กแว้นได้ทั้งหมด จึงพากันมาที่โรงพัก มาลงบันทึกประจำวัน และกักตัวเพื่อปรับทัศนคติเสียใหม่ เด็กพวกนี้ โดนจับจนชิน แต่ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเด็กอายุแค่14-15 บางคนอายุเพียง12ปีเท่านั้น พ่อแม่ปู่ย่าตายาย จึงต้องแบกสังขารมาที่โรงพักเพื่อประกันตัว

            เวลาผ่านไป พ่อแม่เสียเวลามาประกันตัว บางคนก็โดนแม่ด่า บางคนพ่อเอาเข็มขัดฟาดต่อหน้าต่อตาตำรวจ บางคนย่ายายแก่ชราเดินหลังงองงุ้มมาประกันตัวด้วยความรัก เด็กพวกนั้นจะรู้มั้ยหนอ ว่าที่ทำลงไปมันทำให้พ่อแม่พี่น้อง ผู้ปกครองเดือดร้อน

            “อ่าว ไหนพ่อแม่เราละ” เสียงนายตำรวจนายหนึ่งเอ่ย

            “ยังไม่มาเลยครับ” เด็กหนุ่มหน้าหงิกงอ เพราะรอทางบ้านมารับกลับไป แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มารับเสียที 

            “พ่อแม่คงลืมแล้วละมั้ง ทำตัวแบบนี้ ” นายตำรวจพูดขบขัน แต่เด็กหนุ่มไม่ตลกด้วย

            “ผู้หมวดครับ ทางโรงบาลแจ้งมาว่า คนป่วยที่รถกู้ภัยเมื่อครู่ เสียชีวิตแล้วครับ” นายตำรวจสีหน้าสลดลง ทุกคนนิ่งเงียบเหมือนโดนสะกด

            “เป็นไงล่ะไอ้หนู พวกเรานะทำความเดือดร้อนอีกแล้วนะ” ตำรวจหันมาทางเด็กหนุ่ม พ่อแม่เด็กคนอื่นๆที่นั่งอยู่ต่างหันมาฟังตำรวจพูด

            “แว้นอย่างเดียวไม่พอ ยังไปขัดขวางเจ้าหน้าที่กู้ภัย จนคนป่วยเสียชีวิต รู้มั้ยว่ามีความผิด” เสียงตำรวจเข้มขึ้น เด็กแว้นที่นั่งกันอยู่ต่างก้มหน้ารู้สึกผิด

            ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนคนหนึ่ง เดินปรี่ขึ้นมาที่สถานีตำรวจ เด็กหนุ่มที่รอผู้ปกครองมารับดีใจ ร่างของพ่อที่เหงื่อไหลเต็มตัว ถ้าทางรีบร้อนพิกล เดินปรี่มาหาเขา

            “พ่อ  พ่อมาประกันตัวหนูใช่มั้ย”  เด็กหนุ่มร้องบอก  เห็นพ่อปาดเหงื่อ ด้วยความเหนื่อยล้า

            “ไอ้หนู ทำใจดีดีไว้นะ แม่ เอ็ง แม่เอ็งตายแล้ว ศพอยู่โรงพยาบาล เขาว่ากู้ภัยเอาแม่เอ็งไปไม่ทัน”
สิ้นเสียงของพ่อ เท่านั้น ร่างของเด็กหนุ่มก็ทรุดฮวบลงไปที่พื้น

            “ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตานะพวกเอ็ง จำคำข้าเอาไว้เถอะ ว่าซักวันเอ็งจะต้องเสียใจ”

เสียงกู้ภัยลอยมาตามลม มันป็นแบบที่พูดไว้จริงๆ

จบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่