คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,216 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 14 ราย)
-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 47
-และมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 14 ราย
เสียชีวิตรวม 58 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 3,088 ราย (96.02%) (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 1 ราย)
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 14 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State quarantine โดยมีรายละเอียดดังนี้
- มาจากประเทศซูดาน 12 ราย เข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จังหวัดสมุทรปราการ (8 ราย) จังหวัดฉะเชิงเทรา (3 ราย) กรุงเทพมหานคร ( 1 ราย)
- มาจากประเทศบาห์เรน 1 ราย เข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี
- มาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร
สถานการณ์โลกในวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของเม็กซิโกแซงหน้าสหราชอาณาจักร ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 8 ของโลกแล้ว โดยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 289,174 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อของไทยขยับอันดับลงอยู่อันดับที่ 100 ของโลกแล้ว
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2922262334565986
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2563
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/162310942053905
ความคืบหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศ
การเตรียม 3 แนวทาง ได้แก่
(1) การวิจัยพัฒนาในประเทศ จากการพัฒนาวัคซีนต้นแบบ 20 ชนิด การทดสอบในสัตว์ 6 ชนิด การทดสอบในมนุษย์อย่างน้อย 2 ชนิด ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้ในปลายปี 2564
(2) การร่วมวิจัยกับต่างประเทศ โดย 7 หน่วยงานจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น ด้วยการพัฒนาวัคซีนต้นแบบ 128 ชนิด และการทดสอบในมนุษย์ 13 ชนิด โดยมีงบประมาณการวิจัยในคน จำนวน 500 ล้านบาท
(3) การจัดซื้อจากต่างประเทศ โดยมีความเป็นไปได้ในการจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้า จากความร่วมมือกับ 5 หน่วยงานจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง
ขั้นตอนการทดลองวัคซีนในสัตว์ มีความก้าวหน้าไปมากใน 2 ชนิด จาก 6 ชนิด
(1) จะมีการเริ่มทดลองวัคซีนในคน ระยะแรก เดือนตุลาคม 2563, ระยะที่สอง ในช่วงเดือนธันวาคม 2563 และระยะที่สาม คาดว่าจะเริ่มทดลองได้ในช่วงต้นปี 2564
(2) คาดว่าสามารถนำวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนไทยได้ ในช่วงกลางปี 2564 นี้
(3) โรงงานในประเทศไทย ที่มีศักยภาพรองรับการผลิตวัคซีนโควิด - 19 มีจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไบโอเนท - เอเชีย จำกัด, องค์การเภสัชกรรม และโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ ซึ่งสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 30 ล้านโดส/ปี โดยการปรับปรุงโรงงานที่มีอยู่ ใช้งบประมาณ 1,513 ล้านบาท
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/314484886603507
รัฐบาลเดินหน้าจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สำคัญ สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ฯ และคณะรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับประชาชนคนไทยทุกเพศ ทุกช่วงวัย
โดยโครงการนี้เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องมาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 เพื่อให้เด็กๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีพัฒนาการที่สมวัย อีกทั้งช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว จนได้รับความชื่นชมจากองค์การยูนิเซฟประเทศไทย
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/photos/a.125488468836484/314543816597614/
นายกรัฐมนตรีถกที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศจากพิษโควิด - 19
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ร่วมกับคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางการช่วยเหลือ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ และกรอบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 พร้อมหาแนวทางการช่วยเหลือและฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการทำงานแบบ New Normal หารือ รับฟังข้อเสนอแนะ ระดมความคิดเห็น จากทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบหลายอย่าง รวมถึงสงครามทางการค้า ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันร่วมคิด
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/photos/a.125488468836484/314140859971243/
พลเอก เจมส์ ซี แมคคอนวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ชื่นชมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี ที่ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
นายกรัฐมนตรีขอบคุณสหรัฐฯ ที่อำนวยความสะดวกให้แก่คนไทยในการเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มอบเวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือไทยในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
รัฐบาลไทยยินดีร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 โดยพร้อมอำนวยความสะดวกในการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนสหรัฐฯ และขอให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้สำเร็จ และค้นพบวัคซีนได้โดยเร็ว
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/photos/a.125488468836484/314069413311721/
ไทย - สหรัฐฯ เดินหน้าความร่วมมือด้านความมั่นคงรอบด้าน
#ไทยคู่ฟ้า พลเอก เจมส์ ซี แมคคอนวิลล์ (General James C. McConville) ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณกองทัพบกสหรัฐฯ ที่อำนวยความสะดวกแก่คนไทยในการเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มอบเวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือไทยในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และยินดีร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนแก่ภาคเอกชนสหรัฐฯ เช่นกัน
ด้านผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ชื่นชมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี ที่ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และขอให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้สำเร็จ และค้นพบวัคซีนได้โดยเร็ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/33266
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/photos/a.210271022772045/955930651539408/
รัฐบาล ย้ำ อย่าเพิ่งการ์ดตก หลังผลสำรวจพบว่าแนวโน้มป้องกันตนเองของประชาชนลดลง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย ผลสำรวจเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน เพื่อประเมินว่า คนไทยการ์ดตกหรือไม่ โดยพบว่าคนไทยยังมีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศ แต่ยังมั่นใจในมาตรการของรัฐบาล ว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจยังพบว่าการป้องกันตนเองภาพรวมของประชาชนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล สามารถคลายมาตรการเฝ้าระวังโรคระบาดได้ เพราะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนในการปฏิบัติตามข้อกำหนด รวมถึงป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง แม้วันนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายไปมากแล้ว แต่ในหลายประเทศยังอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง รัฐบาลจึงต้องขอความร่วมมือทุกคนให้ยังคงเฝ้าระวัง ป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 อันจะนำมาซึ่งผลกระทบหลายด้านตามมา
น.ส.ไตรศุลี กล่าวขอบคุณประชาชนที่เชื่อมั่นในมาตรการของรัฐบาลว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ซึ่งรัฐบาลต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถและเสียสละ รวมถึงประชาชนที่มีส่วนสำคัญช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ด้วยดี
ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการเฝ้าระวังต่างๆไปมาก เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ แต่เราทุกคนก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเอง โดยใช้ชีวิตตามวิถีใหม่ new normal เพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ
https://www.facebook.com/realnewsthailand/photos/a.247431929422878/722122018620531/
รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ณ วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2563
ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,216 ราย ใน 68 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 14 ราย)
-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 47
-และมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine เพิ่มขึ้น 14 ราย
เสียชีวิตรวม 58 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 3,088 ราย (96.02%) (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 1 ราย)
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในวันนี้ 14 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State quarantine โดยมีรายละเอียดดังนี้
- มาจากประเทศซูดาน 12 ราย เข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จังหวัดสมุทรปราการ (8 ราย) จังหวัดฉะเชิงเทรา (3 ราย) กรุงเทพมหานคร ( 1 ราย)
- มาจากประเทศบาห์เรน 1 ราย เข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่จังหวัดชลบุรี
- มาจากสหรัฐอเมริกา 1 ราย เข้า State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร
สถานการณ์โลกในวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของเม็กซิโกแซงหน้าสหราชอาณาจักร ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 8 ของโลกแล้ว โดยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 289,174 ราย ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อของไทยขยับอันดับลงอยู่อันดับที่ 100 ของโลกแล้ว
ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2922262334565986
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม 2563
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/162310942053905
ความคืบหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศ
การเตรียม 3 แนวทาง ได้แก่
(1) การวิจัยพัฒนาในประเทศ จากการพัฒนาวัคซีนต้นแบบ 20 ชนิด การทดสอบในสัตว์ 6 ชนิด การทดสอบในมนุษย์อย่างน้อย 2 ชนิด ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้ในปลายปี 2564
(2) การร่วมวิจัยกับต่างประเทศ โดย 7 หน่วยงานจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น ด้วยการพัฒนาวัคซีนต้นแบบ 128 ชนิด และการทดสอบในมนุษย์ 13 ชนิด โดยมีงบประมาณการวิจัยในคน จำนวน 500 ล้านบาท
(3) การจัดซื้อจากต่างประเทศ โดยมีความเป็นไปได้ในการจัดซื้อวัคซีนล่วงหน้า จากความร่วมมือกับ 5 หน่วยงานจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรอง
ขั้นตอนการทดลองวัคซีนในสัตว์ มีความก้าวหน้าไปมากใน 2 ชนิด จาก 6 ชนิด
(1) จะมีการเริ่มทดลองวัคซีนในคน ระยะแรก เดือนตุลาคม 2563, ระยะที่สอง ในช่วงเดือนธันวาคม 2563 และระยะที่สาม คาดว่าจะเริ่มทดลองได้ในช่วงต้นปี 2564
(2) คาดว่าสามารถนำวัคซีนมาฉีดให้ประชาชนไทยได้ ในช่วงกลางปี 2564 นี้
(3) โรงงานในประเทศไทย ที่มีศักยภาพรองรับการผลิตวัคซีนโควิด - 19 มีจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ไบโอเนท - เอเชีย จำกัด, องค์การเภสัชกรรม และโรงงานต้นแบบผลิตยาชีววัตถุแห่งชาติ ซึ่งสามารถขยายกำลังการผลิตได้ถึง 30 ล้านโดส/ปี โดยการปรับปรุงโรงงานที่มีอยู่ ใช้งบประมาณ 1,513 ล้านบาท
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/314484886603507
รัฐบาลเดินหน้าจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สำคัญ สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ฯ และคณะรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับประชาชนคนไทยทุกเพศ ทุกช่วงวัย
โดยโครงการนี้เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องมาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 เพื่อให้เด็กๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีพัฒนาการที่สมวัย อีกทั้งช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว จนได้รับความชื่นชมจากองค์การยูนิเซฟประเทศไทย
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/photos/a.125488468836484/314543816597614/
นายกรัฐมนตรีถกที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศจากพิษโควิด - 19
นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ร่วมกับคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางการช่วยเหลือ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจ และกรอบการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2563 พร้อมหาแนวทางการช่วยเหลือและฟื้นฟูวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19
การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการทำงานแบบ New Normal หารือ รับฟังข้อเสนอแนะ ระดมความคิดเห็น จากทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบหลายอย่าง รวมถึงสงครามทางการค้า ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันร่วมคิด
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/photos/a.125488468836484/314140859971243/
พลเอก เจมส์ ซี แมคคอนวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ชื่นชมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี ที่ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
นายกรัฐมนตรีขอบคุณสหรัฐฯ ที่อำนวยความสะดวกให้แก่คนไทยในการเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มอบเวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือไทยในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
รัฐบาลไทยยินดีร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 โดยพร้อมอำนวยความสะดวกในการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนสหรัฐฯ และขอให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้สำเร็จ และค้นพบวัคซีนได้โดยเร็ว
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/photos/a.125488468836484/314069413311721/
ไทย - สหรัฐฯ เดินหน้าความร่วมมือด้านความมั่นคงรอบด้าน
#ไทยคู่ฟ้า พลเอก เจมส์ ซี แมคคอนวิลล์ (General James C. McConville) ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณกองทัพบกสหรัฐฯ ที่อำนวยความสะดวกแก่คนไทยในการเดินทางกลับประเทศ รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณราว 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มอบเวชภัณฑ์ และวัสดุอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล เพื่อช่วยเหลือไทยในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และยินดีร่วมมือกับสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนแก่ภาคเอกชนสหรัฐฯ เช่นกัน
ด้านผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐฯ ชื่นชมมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของรัฐบาลไทย และการบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรี ที่ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และขอให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง โดยเชื่อมั่นว่าสหรัฐฯ จะสามารถแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ได้สำเร็จ และค้นพบวัคซีนได้โดยเร็ว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/33266
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/photos/a.210271022772045/955930651539408/
รัฐบาล ย้ำ อย่าเพิ่งการ์ดตก หลังผลสำรวจพบว่าแนวโน้มป้องกันตนเองของประชาชนลดลง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผย ผลสำรวจเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน เพื่อประเมินว่า คนไทยการ์ดตกหรือไม่ โดยพบว่าคนไทยยังมีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศ แต่ยังมั่นใจในมาตรการของรัฐบาล ว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจยังพบว่าการป้องกันตนเองภาพรวมของประชาชนมีแนวโน้มลดลง ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาล สามารถคลายมาตรการเฝ้าระวังโรคระบาดได้ เพราะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประชาชนในการปฏิบัติตามข้อกำหนด รวมถึงป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง แม้วันนี้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยจะคลี่คลายไปมากแล้ว แต่ในหลายประเทศยังอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง รัฐบาลจึงต้องขอความร่วมมือทุกคนให้ยังคงเฝ้าระวัง ป้องกันตัวเองจากความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 อันจะนำมาซึ่งผลกระทบหลายด้านตามมา
น.ส.ไตรศุลี กล่าวขอบคุณประชาชนที่เชื่อมั่นในมาตรการของรัฐบาลว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ซึ่งรัฐบาลต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถและเสียสละ รวมถึงประชาชนที่มีส่วนสำคัญช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ด้วยดี
ทั้งนี้ แม้รัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการเฝ้าระวังต่างๆไปมาก เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ แต่เราทุกคนก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเอง โดยใช้ชีวิตตามวิถีใหม่ new normal เพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ
https://www.facebook.com/realnewsthailand/photos/a.247431929422878/722122018620531/
แสดงความคิดเห็น
❣/มาลาริน/11ก.ค.ไทยติดเชื้อโควิด14 ราย จากตปท. โพลมั่นใจรบ.รับมือโควิด สหรัฐติดเชื้อพุ่ง ส.ส.อิรักคนแรกเสียชีวิตจากโควิด
วันที่ 11 ก.ค.2563 เฟซบุ๊คเพจ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ 14 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) จาก บาห์เรน 1 ราย, สหรัฐอเมริกา 1 ราย และ ซูดาน 12 ราย
สรุปยอดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ "โควิด-19" ในประเทศไทย ณ วันที่ 11 ก.ค.2563 ประเทศไทยมีผู้ป่วย "โควิด-19"ยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 3,216 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงเดิมอยู่ที่ 58 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,088 ราย
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/888859?utm_source=slide_topnews&utm_medium=internal_referral
สธ.เผย ผลสำรวจคนไทยมั่นใจรัฐบาลรับมือโควิด-19 ภาพรวมคนไทยหย่อนพฤติกรรมป้องกันตนเอง
นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยว่าผลสำรวจเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน เพื่อประเมินว่าคนไทยการ์ดตกหรือไม่ และนำข้อมูลไปใช้ในการเฝ้าระวังและปรับมาตรการผ่อนปรนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยทำการเก็บข้อมูล ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม – 2 กรกฎาคม 2563 รวมทั้งสิ้น 407,008 ตัวอย่าง พบว่า คนไทยยังมีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศ มากที่สุดจากกลุ่มผับ บาร์ คาราโอเกะ รองลงมาตลาดสด ศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนตามลำดับ รวมถึงยังกังวลมาก หากประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 รายต่อวัน
อย่างไรก็ตามยังมั่นใจในมาตรการของรัฐบาลว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดย มั่นใจมากร้อยละ 14.8 มั่นใจร้อยละ 40.5 ไม่มั่นใจนักร้อยละ 28.6 ไม่มั่นใจเลยร้อยละ 10.2 ไม่ทราบ/ไม่แสดงความคิดเห็นร้อยละ 5.9
นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองภาพรวมมีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 85.3 ในสัปดาห์ที่ 1 ลดลงเป็นร้อยละ 80.7 ในสัปดาห์ที่ 7 แบ่งเป็นพฤติกรรม 5 ด้าน ได้แก่ การใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา ร้อยละ 87.9, การกินอาหารร้อนช้อนตนเอง ร้อยละ 86.2, การล้างมือบ่อยๆ ร้อยละ 84.9, การระวังตัวไม่อยู่ใกล้ผู้อื่นในระยะ 2 เมตร ร้อยละ 73.4 และการระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ร้อยละ 72.4, ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 88 สนับสนุนการรับคนไทยกลับจากต่างประเทศ และร้อยละ 80 คิดว่ามาตรการ Travel Bubble จะสามารถกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศได้ แต่ร้อยละ 70 ไม่สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนไทยอย่างต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ อีก 6 ครั้ง ระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม – 24 กันยายน 2563 เพื่อนำผลการศึกษามาใช้ในการเฝ้าระวังและปรับมาตรการผ่อนปรนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป
https://www.innnews.co.th/social/news_719442/
ยังอ่วม! สหรัฐฯ ติดเชื้อใหม่พุ่งกว่า 63,000 คนในรอบ 24 ชม.
สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นอีก 63,643 รายเมื่อวันศุกร์ (11 ก.ค.) ตามฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ และมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่ม 774 รายในรอบ 24 ชั่วโมง
สหรัฐฯ เป็นชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 โดยล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (11) ตามเวลาในไทยยอดติดเชื้อสะสมในอเมริกาเพิ่มเป็นกว่า 3.18 ล้านคน เสียชีวิตแล้ว 134,089 คน
สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มถึง 65,551 รายในรอบ 24 ชั่วโมงเมื่อวันพฤหัสบดี (9) ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นสถิติรายวันสูงสุดตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด และการที่จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ โดยเฉพาะในรัฐทางใต้และตะวันตก ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขกังวลว่าอัตราการเสียชีวิตจะขยับสูงขึ้นตามกันไป
“ในฐานะประเทศหนึ่ง หากคุณเปรียบเทียบสหรัฐฯ กับชาติอื่นๆ ผมว่าคุณคงไม่คิดหรอกนะว่าเราทำได้ดีแล้ว” นพ. แอนโธนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งเป็นแนวหน้าต่อสู้โควิด-19 เผยกับเว็บไซต์วิเคราะห์การเมือง FiveThirtyEight เมื่อวันพฤหัสบดี (9)
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาโต้แย้งความเห็นของหมอใหญ่รายนี้ โดยบอกกับฟ็อกซ์นิวส์ว่า “ดร.เฟาซี เป็นคนดีนะ แต่เขาทำอะไรผิดพลาดหลายเรื่อง”
ทรัมป์ อ้างว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ เกิดจากการที่สหรัฐฯ “ตรวจหาเชื้อมากกว่าและดีกว่าประเทศอื่น” ซึ่งเมื่อวานนี้ (10) เขาก็ยังเดินทางไปที่เมืองไมอามีซึ่งเป็นพื้นที่ที่โควิด-19 ระบาดหนักเพื่อร่วมกิจกรรมระดมทุนและงานอีเวนต์อื่นๆ
https://mgronline.com/around/detail/9630000071056
ส.ส.อิรักรายแรกเสียชีวิตจากโควิด-19 หลังติดเชื้อเกลื่อนสภาฯหลายสิบคน
กิดา กัมบัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอิรักเสียชีวิตในวันศุกร์(10ก.ค.) ถือเป็นสมาชิกรัฐสภาคนแรกที่สังเวยชีวิตให้กับไวรัสมรณะ ในขณะที่โคโรนาสายพันธุ์ใหม่กำลังแพร่ระบาดหนักหน่วงขึ้นในประเทศแห่งนี้ โดยเฉพาะแค่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดถึง 600%
ส.ส.หญิง 3 สมัย วัย 46 ปี จากเมืองบากูบา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงแบกแดด กลายเป็นสมาชิกรัฐสภาคนแรกของอิรักที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยเธอเคยมีบทบาทผ่านกฎหมายปฏิรูปการศึกษาและสวัสดิการสังคม และการจากไปครั้งนี้ เธอทิ้งลูกๆ 4 คนไว้เบื้องหลัง
การเสียชีวิตของเธอ มีขึ้นหลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว โมฮัมเมด อัล-ฮัลบุสซี ประธานรัฐสภาเปิดเผยว่ามีผู้แทนราษฎรราวๆ 20 คนที่ยืนยันติดเชื้อโควิด-19
จนถึงวันศุกร์(10ก.ค.) กระทรวงสาธารณสุขอิรัก ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 72,000 คน ในนั้นเสียชีวิตเกือบ 3,000 คน และรักษาหายประมาณ 41,000 คน
คณะกรรมการช่วยเหลือและกู้ภัยนานาชาติ(ไออาร์ซี) ระบุว่าหลังจากพบเห็นการแพร่ระบาดที่เป็นไปค่อนข้างช้าในช่วง 5 เดือนของปี 2020 ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งพรวด 600% ในเดือนมิถุนายน "อัตราการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วอิรัก น่ากังวลอย่างยิ่ง" คริสติน เปตรี ผู้อำนวยการไออารซี ประจำอิรักกล่าว
ระบบสาธารณสุขของประเทศ ที่ถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆมานานหลายปีจากสงครามและขาดการลงทุน ไม่อาจรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นได้แล้ว
อุปกรณ์ป้องกัน, เครื่องช่วยหายใจหรือแม้แต่กระทั่งเตียงคนไข้ เหลืออยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับเปลี่ยนศูนย์แสดงสินค้า, สนามกีฬาและโรงแรม เป็นห้องรองรับผู้ป่วยโควิด-19 และเป็นศูนย์กักกันโรค แม้ได้รับการบริจาคและความช่วยเหลือ จากองค์การอนามัยโลกและต่างประเทศ ในนั้นรวมถึงตุรกี, สหรัฐเอมิเรตส์และอเมริกา
อิรักผ่อนปรนมาตรการเคอร์ฟิวเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกำหนดล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างเข้มงวดในช่วงปลายเดือนมีนาคม
ข้อจำกัดต่างๆส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคเอกชนที่ยังเปราะบางของอิรัก ด้วยผลสำรวจของคณะกรรมการช่วยเหลือและกู้ภัยนานาชาติ พบว่า 87% ของชาวอิรักต้องตกงานสืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ และ 61% ต้องเป็นหนี้
https://mgronline.com/around/detail/9630000071015
❣ไทยพบติดเชื้อโควิด..จากบาร์เรน1 ราย, สหรัฐอเมริกา 1 รายและ
ซูดาน 12 ราย ไม่มีในประเทศ รอลุ้นไปอีก 3,4 วัน ครบ 14 วัน ระยะฟักตัว ครบผ่อนปรนเฟส 5
❣ประชาชนยังมั่นใจในการรับมือโควิดจากรัฐบาลมั่นใจมากร้อยละ 14.8 มั่นใจร้อยละ 40.5
❣คนไทยยังมีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศ มากที่สุดจากกลุ่มผับ บาร์ คาราโอเกะ รองลงมาตลาดสด ศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียน
❣พฤติกรรมการป้องกันตนเองภาพรวมมีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 85.3 ในสัปดาห์ที่ 1 ลดลงเป็นร้อยละ 80.7 ในสัปดาห์ที่ 7 ขอร้องอย่าการ์ดตกค่ะ
❣ปธ. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกมาโต้แย้งความเห็นของหมอที่บอกว่า.... หากคุณเปรียบเทียบสหรัฐฯ กับชาติอื่นๆ ผมว่าคุณคงไม่คิดหรอกนะว่าเราทำได้ดีแล้ว" ทรัมป์บอกว่า....“ดร.เฟาซี เป็นคนดีนะ แต่เขาทำอะไรผิดพลาดหลายเรื่อง” ดีนะคะที่ลุงตู่เชื่อคำแนะนำจากหมอต่างจากทรัมป์
❣ส.ส.อิรักเสียชีวิตจากโควิดรายแรก จากผู้ติดเชื้อในสภาเป็นสิบคน สถานการณ์ไม่สู้ดีค่ะ เกิดภาวะตกงานถึง 87% ของชาวอิรัก หลังจากคลายล็อคไปเมื่อเดือนปลายเดือนมีนาคม
ประเทศไทยยังดีกว่าชาติอื่นๆทั้งสถานการณ์โควิด ทั้งด้านความเป็นอยู่และการทำมาหากินของประชาชน ยังมีการเกษตรเอาไว้หล่อเลี้ยงชีวิตทุกคน
มีรัฐบาลที่มุ่งมั่นตั้งใจทำงานในยุคโควิด และด้านสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง
รักประเทศไทยในยุคลุงตู่สู้โควิดที่สุดค่ะ.....💜