เราทุกคนมีความฝัน หรือสิ่งที่ต้องการให้เป็นจริง ความฝันไม่มีเล็กหรือใหญ่ เพราะมันมีคุณค่าและมีความหมายในตัวมันเอง
ตอนเด็กๆ เวลาไปโรงเรียน แล้วครูถามว่าความฝันคืออะไร เด็กผู้ชายก็จะตอบว่า ทหาร ตำรวจ เพราะมันเท่ มันได้ต่อสู้ ส่วนผู้หญิงก็จะตอบว่า อยากเป็นพยาบาล ครู อะไรแบบนั้น ซึ่งพอเราทุกคนโตมา ความฝันมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เราโตพอจะค้นหาสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง บ้างก็ฝันถึงสิ่งของ ความรวย หรือการได้ผจญภัย ก็ถือเป็นความฝันที่น่าสนใจ ผมน่ะมีความฝันอย่างหนึ่งมาตั้งแต่จำความได้ และจนถึงตอนนี้ ที่กำลังจะจบปี4 ก็ยังยึดมั่นในความฝันเดิม นั้นก็คือ "อยากมีครอบครัว(เป็นของตัวเอง)" ผมขอเล่านะครับ อาจจะยาวนิดหนึ่ง พ่อแม่ผมแยกทางกันตั้งแต่จำความได้ แล้วผมก็ถูกญาติทางแม่เลี้ยงมาตลอด ด้วยความที่เป็นคนนอก เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แน่นอนว่าเขาก็ต้องห่วงลูกหลานแท้ๆของเขามากกว่า แค่ให้พื้นที่ซุกหัวนอนไปวันๆ เลี้ยงแบบห้ามไปเล่นกับเพื่อน ห้ามพาเพื่อนมาบ้าน ดูTVถึง2ทุ่มแล้วไปนอน มันเลยติดนิสัยไม่ค่อยสุงสิงกับใคร หลังจากนั้นตอนอายุ12 แม่ก็ปลูกบ้านให้แยกออกมาอยู่คนเดียว เพราะบ้านที่เคยอยู่ ลูกสาวเขากำลังจะมีครอบครัว ผมเลยโดนเชิญออก ผมก็ออกมาอยู่คนเดียว ส่วนแม่ผมก็ทำงานอยู่กทม.แล้วส่งเงินมาให้ใช้ ผมก็อยู่คนเดียวมาตลอดจนปัจจุบัน พอมาคิดๆดูแล้ว ในช่วงชีวิตผม ทุกๆคนก็แค่ผ่านมาและผ่านไป ชีวิตในบ้านใหม่ผมก็ใช้ไปกับการ กิน นอน เล่นเกม ดูหนัง วนอยู่อย่างนี้เรื่อยมา พอผมเข้าปวช ผมก็เลือกเรียนคอม แล้วมีแต่ผู้หญิงที่เป็นผู้ดี ผมที่สภาพดูเซอร์ๆก็เลยไม่มีเพื่อน แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะผมก็เก่งพอจะเรียนคนเดียว จนปัจจุบันเรียนมหาลัยเข้าปีที่4ละ ก็ไม่พ้นการอยู่คนเดียวเหมือนเดิม ถ้าถามว่าที่ผ่านมาเหงาไหม ผมก็มั่นใจว่ามากกว่าหลายๆคนที่บ่นเหงาๆในโลกโชเชียลแน่นอน มันเกินจนต้องหาศัพย์ใหม่มาเรียก หลายๆครั้งที่เวลาเรียน อาจารย์ถามว่าอยากเป็นอะไร ผมก็ตอบไปว่า ผมอยากเป็นสามีที่ดีของใครสักคน อยากเป็นพ่อคนที่ได้เล่นกับลูก และได้เห็นลูกโตขึ้น ได้กลับบ้านมาเจอมนุษย์ไม่ใช่เจอแต่สิ่งของ แต่ก็นะ ไม่ใช่ทุกความฝันจะเป็นจริงใช่ไหมล่ะครับ ไม่งั้นบนดวงจันทร์ก็คงมีแต่คนเดินไปมา ไม่งั้นโลกนี้ก็มีแต่คนรวย ด้วยความที่ผมอยู่คนเดียว ผมก็คุยกับใครไม่เป็นด้วย บางคำพูดผมก็เอามาจากหนัง จากสื่อนี่แหละครับ สำหรับผมมันยากนะ มันไม่ใช่แค่บทละครที่เล่นจบแล้วแยกย้าย แต่มันคือการทำให้ใครสักคนเอาชีวิตที่เหลือมาอยู่กับผมตลอดชีวิต ผมน่ะไม่สามารถดูดีให้ใครได้หรอกครับ สูง185 หนัก115โล ดำ+หัวล้าน ผมก็ทำได้แค่แต่งตัวเรียบร้อยเท่านั้นล่ะครับ เชื่อไหมอายุ23 ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีคนคุย ไม่เคยมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตสักวินาที ในแชทก็มีแต่กลุ่มงานในมหาลัย ก็อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นครับ ความฝันมันไม่มีเล็กหรือใหญ่ ผมจะบอกว่า สมัยนี้คนมีครอบครัวเยอะแยะไป บางครั้งเกิดจากการพลาด บางครั้งก็แค่รักสนุก บางครั้งก็นอกใจกันแล้วเลิก มันดูหาง่ายสำหรับหลายๆคน แต่สำหรับผมที่จะให้ใครเข้ามาทำให้ความฝันของผมเป็นจริงด้วยสภาพแบบนี้ มันยาก ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้เลย บางครั้งผู้ใหญ่ก็จะบอกว่า "โตขึ้นมีการมีงานทำ เดี๋ยวผู้หญิงก็เข้ามา" ผมโดนสอนอะไรแบบนี้ประจำ แต่ปัจจุบันผมก็คิดนะ ว่าถ้าต้องรอให้มีทุกอย่างพร้อม ผมต้องรอถึงเมื่อไหร่ มันจะต่างอะไรจากตอนนี้ ที่แค่กลับบ้านมาก็เหนื่อย อาบน้ำเสร็จก็นอน แล้วบางครั้งผมก็ได้เจอคำว่า"ผู้หญิงไม่ได้ชอบคนที่หน้าตา" ก็จริงไม่จริงไม่รู้นะ แต่ไม่เคยเจออ่ะ ก็นั้นแหละครับ ความฝันของผม มันไม่ใช่อะไรที่พยายามแล้วจะเห็นผล เพราะมันไม่มีหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานกำหนด แค่ต้องรอ และรอแบบไม่รู้จบ
[เล่าเรื่อง] ความฝันของผม
ตอนเด็กๆ เวลาไปโรงเรียน แล้วครูถามว่าความฝันคืออะไร เด็กผู้ชายก็จะตอบว่า ทหาร ตำรวจ เพราะมันเท่ มันได้ต่อสู้ ส่วนผู้หญิงก็จะตอบว่า อยากเป็นพยาบาล ครู อะไรแบบนั้น ซึ่งพอเราทุกคนโตมา ความฝันมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เราโตพอจะค้นหาสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง บ้างก็ฝันถึงสิ่งของ ความรวย หรือการได้ผจญภัย ก็ถือเป็นความฝันที่น่าสนใจ ผมน่ะมีความฝันอย่างหนึ่งมาตั้งแต่จำความได้ และจนถึงตอนนี้ ที่กำลังจะจบปี4 ก็ยังยึดมั่นในความฝันเดิม นั้นก็คือ "อยากมีครอบครัว(เป็นของตัวเอง)" ผมขอเล่านะครับ อาจจะยาวนิดหนึ่ง พ่อแม่ผมแยกทางกันตั้งแต่จำความได้ แล้วผมก็ถูกญาติทางแม่เลี้ยงมาตลอด ด้วยความที่เป็นคนนอก เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แน่นอนว่าเขาก็ต้องห่วงลูกหลานแท้ๆของเขามากกว่า แค่ให้พื้นที่ซุกหัวนอนไปวันๆ เลี้ยงแบบห้ามไปเล่นกับเพื่อน ห้ามพาเพื่อนมาบ้าน ดูTVถึง2ทุ่มแล้วไปนอน มันเลยติดนิสัยไม่ค่อยสุงสิงกับใคร หลังจากนั้นตอนอายุ12 แม่ก็ปลูกบ้านให้แยกออกมาอยู่คนเดียว เพราะบ้านที่เคยอยู่ ลูกสาวเขากำลังจะมีครอบครัว ผมเลยโดนเชิญออก ผมก็ออกมาอยู่คนเดียว ส่วนแม่ผมก็ทำงานอยู่กทม.แล้วส่งเงินมาให้ใช้ ผมก็อยู่คนเดียวมาตลอดจนปัจจุบัน พอมาคิดๆดูแล้ว ในช่วงชีวิตผม ทุกๆคนก็แค่ผ่านมาและผ่านไป ชีวิตในบ้านใหม่ผมก็ใช้ไปกับการ กิน นอน เล่นเกม ดูหนัง วนอยู่อย่างนี้เรื่อยมา พอผมเข้าปวช ผมก็เลือกเรียนคอม แล้วมีแต่ผู้หญิงที่เป็นผู้ดี ผมที่สภาพดูเซอร์ๆก็เลยไม่มีเพื่อน แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะผมก็เก่งพอจะเรียนคนเดียว จนปัจจุบันเรียนมหาลัยเข้าปีที่4ละ ก็ไม่พ้นการอยู่คนเดียวเหมือนเดิม ถ้าถามว่าที่ผ่านมาเหงาไหม ผมก็มั่นใจว่ามากกว่าหลายๆคนที่บ่นเหงาๆในโลกโชเชียลแน่นอน มันเกินจนต้องหาศัพย์ใหม่มาเรียก หลายๆครั้งที่เวลาเรียน อาจารย์ถามว่าอยากเป็นอะไร ผมก็ตอบไปว่า ผมอยากเป็นสามีที่ดีของใครสักคน อยากเป็นพ่อคนที่ได้เล่นกับลูก และได้เห็นลูกโตขึ้น ได้กลับบ้านมาเจอมนุษย์ไม่ใช่เจอแต่สิ่งของ แต่ก็นะ ไม่ใช่ทุกความฝันจะเป็นจริงใช่ไหมล่ะครับ ไม่งั้นบนดวงจันทร์ก็คงมีแต่คนเดินไปมา ไม่งั้นโลกนี้ก็มีแต่คนรวย ด้วยความที่ผมอยู่คนเดียว ผมก็คุยกับใครไม่เป็นด้วย บางคำพูดผมก็เอามาจากหนัง จากสื่อนี่แหละครับ สำหรับผมมันยากนะ มันไม่ใช่แค่บทละครที่เล่นจบแล้วแยกย้าย แต่มันคือการทำให้ใครสักคนเอาชีวิตที่เหลือมาอยู่กับผมตลอดชีวิต ผมน่ะไม่สามารถดูดีให้ใครได้หรอกครับ สูง185 หนัก115โล ดำ+หัวล้าน ผมก็ทำได้แค่แต่งตัวเรียบร้อยเท่านั้นล่ะครับ เชื่อไหมอายุ23 ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีคนคุย ไม่เคยมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตสักวินาที ในแชทก็มีแต่กลุ่มงานในมหาลัย ก็อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นครับ ความฝันมันไม่มีเล็กหรือใหญ่ ผมจะบอกว่า สมัยนี้คนมีครอบครัวเยอะแยะไป บางครั้งเกิดจากการพลาด บางครั้งก็แค่รักสนุก บางครั้งก็นอกใจกันแล้วเลิก มันดูหาง่ายสำหรับหลายๆคน แต่สำหรับผมที่จะให้ใครเข้ามาทำให้ความฝันของผมเป็นจริงด้วยสภาพแบบนี้ มันยาก ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้เลย บางครั้งผู้ใหญ่ก็จะบอกว่า "โตขึ้นมีการมีงานทำ เดี๋ยวผู้หญิงก็เข้ามา" ผมโดนสอนอะไรแบบนี้ประจำ แต่ปัจจุบันผมก็คิดนะ ว่าถ้าต้องรอให้มีทุกอย่างพร้อม ผมต้องรอถึงเมื่อไหร่ มันจะต่างอะไรจากตอนนี้ ที่แค่กลับบ้านมาก็เหนื่อย อาบน้ำเสร็จก็นอน แล้วบางครั้งผมก็ได้เจอคำว่า"ผู้หญิงไม่ได้ชอบคนที่หน้าตา" ก็จริงไม่จริงไม่รู้นะ แต่ไม่เคยเจออ่ะ ก็นั้นแหละครับ ความฝันของผม มันไม่ใช่อะไรที่พยายามแล้วจะเห็นผล เพราะมันไม่มีหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานกำหนด แค่ต้องรอ และรอแบบไม่รู้จบ