สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การทำตาสองชั้นกับคุณหมอดวงดาว ที่ Star Med Clinic
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจมากเลยนำมาแชร์เผื่อคนที่สนใจนะคะ เราเคยอ่านกระทู้ของพี่นุ๊กไอดอเมื่อหลายปีก่อน
ก็คิดว่าหมอคนนี้ทำดีจังเลยเนอะ ตาสวยและหวานมาก เลยอยากจะทำกับคุณหมอท่านนี้ค่ะ
เพื่อนที่เรียนมัธยมมาด้วยกันก็ทำกันคุณหมอดวงดาวทำให้ค่อนข้างมั่นใจในตัวคุณหมอเลย
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกและค่อนข้างพลีชีพพอตัวนะคะ😂
ให้ดูรูปก่อนและหลังก่อนน้า พอจะดูออกใช่มั้ยว่าเราเชื้อสายจีน 555
ก่อนทำ
หลังทำ
เราอยู่ต่างประเทศเลยติดต่อกับคลินิคไปทางเฟสบุ้ค เราได้เจอคุณหมอวันที่ 19 กค 2018 เพื่อประเมินเคสเพิ่มเติมจากรูปหน้าตรง
ที่เราส่งให้คุณหมอทางเฟส ว่าเราต้องทำแบบไหน มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมั้ย ต้องเปิดหัวตามั้ย ทำชั้นตาได้สูงขนาดไหน
คุณหมอจะใช้ไม้จิ้มให้ดู หลังจากตกลงได้วันผ่าตัดเรียบร้อยก็โอนเงินมัดจำค่ะ
บอกก่อนว่า เมื่อก่อนตาเราก้ตาชั้นเดียวปกติ แต่ด้วยความที่เราอยากมีตาสองชั้นเพราะรู้สึกว่ามันสดใสกว่า ก็เลยซื้อพวกสติกเกอร์ตาสองชั้น
กาวตาสองชั้นมาลอง บางอย่างก็เวิร์คบางอย่างก็ไม่ เพราะชั้นตาเราค่อนข้างหนา
แต่เราก็ติดจนวันนึงตื่นขึ้นมาแล้วมีตาสองชั้นเล็กๆข้างเดียวที่ทำให้ตาเราไม่เท่ากัน 555
รูปนี้เป็นรูปที่เราส่งให้คุณหมอประเมินเบื้องต้น (คุณหมอรีเควสหน้าสดนะคะ><) จะเห็นว่าตาเราไม่เท่ากันหนักมากกก
ก่อนจะถึงวันผ่าตัดทางแอคเคาท์คุณหมอก็จะส่งรายละเอียดการเตรียมตัว การดูแลแผลหลังผ่าตัดและเวลานัด
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดอย่างเช่น งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดทานยาบางชนิด อาหารเสริม งดแต่งหน้า/ดัด,ต่อขนตา/ใส่คอนแทคเลนส์
งดร้องไห้จนตาบวม😆
วันผ่าตัด
และแล้วก็ถึงวันทำ3 สค 2018 ไปถึงคลีนิคสิบเอ็ดโมงกว่าๆ คนค่อนข้างเยอะจนเกือบเต็มคลีนิค ที่นี่คลินิคมีบริการอื่นๆด้วย
ไม่ต้องแต่งหน้าเพราะจะต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนแปะยาชา ใส่ชุดคลุมเขียว รอสักพักใหญ่ๆก็ขึ้นไปที่ห้องที่จะทำ พี่พนงถ่ายรูปก่อนทำเก็บไว้
พอสักพักคุณหมอจะเข้ามา ฉีดยาชา ฉีดbotox แถวหน้าผากกับคิ้ว
(เราชอบเลิกคิ้วคุณหมอเลยแนะนำให้ฉีดbotox เพราะการที่เราเลิกคิ้วมันมีผลทำให้ชั้นตาของเราไม่เท่ากัน)
ตอนฉีดก็เจ็บจี๊ดๆนึง แล้วก็ทาเบตาดีน เริ่มการกรีดเลยย!
หนึ่งอุปสรรคของการทำตาครั้งนี้ของเราคือไฟผ่าตัดมันค่อนข้างจ้าสำหรับเรามาก เนื่องจากเราใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกัน
เลยทำให้ตาเราค่อนข้างsensitive กับแสงเป็นบางช่วง ทำให้น้ำตาไหลอยู่เรื่อยๆ
พอคุณหมอเริ่มทำ เราไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ คุณหมอมือเบาจริงๆ มีตึงๆบ้าง ระหว่างทำไม่รู้สึกเจ็บ แต่เกร็งๆนิดหน่อย
ตอนกรีดคุณหมอจะให้หลับตา ห้ามขยับตัว แต่เราจะต้องรู้สึกตัวอยู่ตลอดเพราะคุณหมอจะคอยบอกให้ลืมตา มองขึ้นตรง
เพื่อเช็คว่ารอยกรีดเท่ากันมั้ยแต่เราจำตำแหน่งที่ต้องมองไม่ได้ ก็เลยโดนดุนิดหน่อย แล้วเราหายใจแรง เพราะค่อนข้างกังวล
เป็นsurgeryครั้งแรกในชีวิตเลย แม้แต่ถอนฟันยังไม่เคยเลย TT
เราเป็นคนหายใจแรงเวลาอึดอัด มันเลยเหมือนถอนหายใจ โดนคุณหมอดุเลย 555 เพราะคุณหมอบอกว่าคุณหมอก็เกร็งไปด้วย
มันจะทำให้การผ่าตัดยากขึ้น ละเดี๋ยวออกมาไม่สวย ><
พอทำเสร็จยังไม่รู้สึกอะไรมากไปจากเดิม แค่ตึงๆขึ้นนิดหน่อย พี่พนงจะขอถ่ายรูปเป็นbefore after อีกที
รูปแรกหลังจากทำอยู่ในสปอยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผ่าตัดเสร็จแล้วก้ลงไปชั้นแรกเพื่อประคบเย็น และเมคชัวร์ว่าแผลโอเค คลีนิคจะมีเจลเย็นแช่แข็งห่อด้วยผ้ากอซ
ให้เราประคบตาข้างละอัน พอผ่านไปสักแปปพี่พนงจะเปลี่ยนเจลให้ ตอนแรกที่พลิกเจลกลับไปมาก้จะมีเลือดและเบตาดีนติดมาบนผ้ากอซด้วย
พี่พนงจะเช็คดูแผลว่าบวมประมาณไหน มียาให้ อธิบายการดูแล ละก็กลับบ้านได้ 😄
ตอนแรกก้ชิลๆนะ แต่พอยาชาเริ่มหมดฤทธิ์เท่านั้นแหละ มันปวดๆ ตึงๆ ไปหมด แบบลืมตาไม่ขึ้น
ดีนะที่มีเพื่อนไปด้วย ตอนแรกไล่เพื่อนกลับด้วยเพราะอ่านรีวิวมาว่า บางคนทำตาเสร็จแล้วสบายมาก ไปนู่นไปนี่ต่อได้เลย
แต่ขอบคุณเพื่อนมากที่อยู่รอเราลืมตาได้ไม่เยอะมาก ตอนกลับบ้านต้องไปเรียกแทกซี่ตรงฝั่งตรงข้ามทางเข้าโครงการ
นี่ต้องเกาะเพื่อนเดิน นั่งแทกซี่ไปก้ประคบเย็นไปจนถึงบ้าน ก็กินข้าวกินยา อาบน้ำอะไรไป
ทางคลีนิคก็จะส่งข้อปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดมาให้อีกทางเฟสบุคแชท ซึ่งเราชอบการที่เขาส่งข้อความมาเหมือนเตือนเราอีกรอบ
เพราะเอาเข้าจริงๆเราก็จำได้ไม่หมดหรอกที่เขาบอกตอนอยู่คลีนิคว่าต้องทำอะไรบ้าง
เขาจะลิสท์มาเป็นข้อๆให้เลย ตั้งแต่ประคบเย็น 2-3วัน ห้ามโดนน้ำสิบวัน นอนหมอนสูง วิธีเช็ดแผล อาหารที่ควรงด etc.
แนะนำว่าให้ใส่เสื้อเชิร์ตแบบกระดุมนะคะ เวลาถอดจะได้ไม่ไปโดนตาเรา
หลังทำประมาณสี่ชั่วโมงค่ะ ยังไม่บวมมากเนอะ 🙂
ทั้งหมดในรูปทางคลีนิคเตรียมให้นะคะ มี
ยาฆ่าเชื้อ, ยาลดบวม, น้ำเกลือ, เบตาดีน, cotton bud, ผ้ากอซ, เจลประคบ 2 ชุด (4 ชิ้น), Stratamed ยาลดรอยแผลเป็น,
และ Dermatix ยาลดการเกิดแผลเป็น
ล้างแผลด้วยคอตต้อนบัดใส่น้ำเกลือเสร็จแล้วก็ใส่เบตาดีน และทา Stratamedเคลือบที่แผลไว้เลยค่ะ
ก่อนนอนก็ยังประคบน้ำแข็งไว้นะคะ ทำเหมือนที่คลินิคทำเลยคือเอาผ้ากอซห่อเจลเย็นไว้
วันที่สอง เริ่มบวมแล้ววว 😅
- ช่วงสองสามวันหลังผ่าตัดให้คอยประคบเย็นไว้นะคะ
- งดแผลโดนน้ำ/เหงื่อ 7 วันค่ะ ล้างหน้าได้ ให้เว้นบริเวณรอบดวงตา
- ทานยาตามที่คุณหมอสั่ง ล้างแผลใส่ยาเช้าเย็นทุกวัน จนกว่าจะตัดไหม
- นัดตัดไหม 7 วันหลังผ่าตัด
- ทางคลีนิคแนะนำให้งดของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของแสลงต่างๆ นะคะ
วันที่สาม วันนี้เราออกไปเซนทรัลไปหาเพื่อน กลับมาแค่เดือนเดียวต้องรีบนัดเจอกัน ต่อให้เรายังไม่สวยหน้าสดแต่ก็ต้องไป 555
พอใส่แว่นก็ไม่ค่อยเห็นว่าบวมนะ🤓
เราไม่แต่งหน้าเลยเพราะไม่อยากล้างหน้าเยอะ ทาแค่แป้งฝุ่น อากาศเมืองไทยร้อน และเป็นมนุษย์หน้ามันค่ะ 😅
วันแรกๆเราใช้Cleansing water ล้างกันแดด และใช้ ทิชชู่เปียกเช็ดหน้าค่ะ
รูปรอยเย็บไหมค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ วันที่ห้าหลังผ่าตัด 8 Aug 2018
วันที่สี่
ของเรายังค่อนข้างบวม มารู้ทีหลังว่า ที่มันยังบวมเยอะเพราะเราไม่ลืมตาแบบเต็มๆ ตอนนั้นเราไม่กล้าลืมเต็มตาเพราะมันรู้สึกตึงๆ
กลัวแผลจะเป็นอะไรรึป่าวแต่จริงๆแล้ว หลังผ่าตัดควรลืมตาแบบปกติ น้ำเหลืองจะได้ไม่ค้าง จะได้ไม่บวมปูดๆแบบเราค่ะ TT'
วันที่หก วันก่อนตัดไหมมม ✌️
วันที่เจ็ด ตัดไหมแล้วจ้าา ค่อยโล่งหน่อยย กลับมาที่คลินิคครั้งแรกหลังจากผ่าตัด
ตอนตัดไหมนี่ก็กลัวนะ อย่างที่บอกเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต
แต่เอาจริงๆก็ไม่น่ากลัวนะ555 เขาจะเอาใบมีดมาละค่อยๆตัดที่ไหม จนขาดหมดก็เสร็จเรียบร้อย จะมีเสียงคืดๆนิดนึงให้เสียวเล่นๆ555
วันนี้แหละที่เรารู้ว่าเราต้องลืมตาแบบเต็มๆ เพราะที่คลินิคเขาสังเกตว่าเราต้องยกคาง เงยหน้าขึ้นนึดนึงเวลาคุยกับเขา
มันทำให้เราเสียบุคลิค เขาเลยให้เรามองบนขึ้นตรงๆ ซ้ำๆ 10 ครั้ง มันจะได้หายตึง เวลาเรามองขึ้นเรารู้สึกว่ามันตึงจริงๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเราก็ต้องทำให้มันเหมือนปกติ555 พอกลับบ้านเขาก็ให้หัดมองขึ้นบนวันละ10-20ครั้งเช้าเย็น ตาจะได้หายบวมเร็วๆ 👀
เพราะเราไล่น้ำเหลืองที่อยู่ในเปลือกตาได้แล้วว
หลังจากตัดไหมแล้วยังไม่ให้แผลโดนน้ำและยังต้องทำแผลต่ออีกสองวันนะคะ
ช่วงที่โดนน้ำไม่ได้เราก้ไปสระผมที่ร้านตลอดเลย ไม่อยากเสี่ยงสระเอง 😅
วันที่12 หนึ่งวันก่อนบินกลับเมกา 😌 แผลเราไม่มีความช้ำใดๆเลย มีแค่วันแรกที่ช้ำตรงเปลือกตานิดเดียวมากๆ
วันที่ 28 31 Aug 2018 กลับมาเมกาได้สองอาทิตย์ เราเริ่มกลับมาแต่งหน้าเบาๆแล้วค่ะ แต่ยังไม่เน้นแต่งตานะ
เวลาเช็ดบริเวณตาก็ต้องเบามือค่ะ ถ้ารุนแรงมีโอกาสที่ชั้นตาจะหลุดนะคะ
วีคที่ 12 26 Oct 2018 เรากลับมาใส่คอนแทควันนี้เพราะจะไปคอนเสิร์ตBruno Mars 😂
คุณหมอแนะนำว่างดใส่คอนแทคเลนส์สามเดือนหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันปัญหาชั้นตาไม่เท่ากัน
ที่อาจเกิดจากการที่เราไปโดนชั้นตาเวลาถอดหรือใส่คอนแทคเลนส์
เราแต่งตาปกติแต่ยังไม่ได้ดัดขนตานะ
เดือนที่สี่ เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วจ้า
เวลาหลับตา รอยกรีดก็จางลงแล้ว กลับมาดัดขนตาแล้ว แต่ตรงเปลือกตายังรู้สึกตึงๆนิดหน่อย
โบท็อกเริ่มหมด คิ้วกะหน้าผากก้เริ่มหายตึงด้วย 5555
เดือนที่หก
เดือนที่เก้า เวลาแต่งหน้าและยิ้มชั้นตาเป็นธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ข้างๆนั่นน้องสาวเราเอง เกิดมาตาชั้นเดียวทั้งคู่ 😉
ครบ 1 ปีแล้วจ้า yay!
[CR] บินกลับไทยมาทำตาสองชั้นกับคุณหมอดวงดาว
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจมากเลยนำมาแชร์เผื่อคนที่สนใจนะคะ เราเคยอ่านกระทู้ของพี่นุ๊กไอดอเมื่อหลายปีก่อน
ก็คิดว่าหมอคนนี้ทำดีจังเลยเนอะ ตาสวยและหวานมาก เลยอยากจะทำกับคุณหมอท่านนี้ค่ะ
เพื่อนที่เรียนมัธยมมาด้วยกันก็ทำกันคุณหมอดวงดาวทำให้ค่อนข้างมั่นใจในตัวคุณหมอเลย
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกและค่อนข้างพลีชีพพอตัวนะคะ😂
ให้ดูรูปก่อนและหลังก่อนน้า พอจะดูออกใช่มั้ยว่าเราเชื้อสายจีน 555
ก่อนทำ
หลังทำ
เราอยู่ต่างประเทศเลยติดต่อกับคลินิคไปทางเฟสบุ้ค เราได้เจอคุณหมอวันที่ 19 กค 2018 เพื่อประเมินเคสเพิ่มเติมจากรูปหน้าตรง
ที่เราส่งให้คุณหมอทางเฟส ว่าเราต้องทำแบบไหน มีอาการกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงมั้ย ต้องเปิดหัวตามั้ย ทำชั้นตาได้สูงขนาดไหน
คุณหมอจะใช้ไม้จิ้มให้ดู หลังจากตกลงได้วันผ่าตัดเรียบร้อยก็โอนเงินมัดจำค่ะ
บอกก่อนว่า เมื่อก่อนตาเราก้ตาชั้นเดียวปกติ แต่ด้วยความที่เราอยากมีตาสองชั้นเพราะรู้สึกว่ามันสดใสกว่า ก็เลยซื้อพวกสติกเกอร์ตาสองชั้น
กาวตาสองชั้นมาลอง บางอย่างก็เวิร์คบางอย่างก็ไม่ เพราะชั้นตาเราค่อนข้างหนา
แต่เราก็ติดจนวันนึงตื่นขึ้นมาแล้วมีตาสองชั้นเล็กๆข้างเดียวที่ทำให้ตาเราไม่เท่ากัน 555
รูปนี้เป็นรูปที่เราส่งให้คุณหมอประเมินเบื้องต้น (คุณหมอรีเควสหน้าสดนะคะ><) จะเห็นว่าตาเราไม่เท่ากันหนักมากกก
ก่อนจะถึงวันผ่าตัดทางแอคเคาท์คุณหมอก็จะส่งรายละเอียดการเตรียมตัว การดูแลแผลหลังผ่าตัดและเวลานัด
การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดอย่างเช่น งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดทานยาบางชนิด อาหารเสริม งดแต่งหน้า/ดัด,ต่อขนตา/ใส่คอนแทคเลนส์
งดร้องไห้จนตาบวม😆
วันผ่าตัด
และแล้วก็ถึงวันทำ3 สค 2018 ไปถึงคลีนิคสิบเอ็ดโมงกว่าๆ คนค่อนข้างเยอะจนเกือบเต็มคลีนิค ที่นี่คลินิคมีบริการอื่นๆด้วย
ไม่ต้องแต่งหน้าเพราะจะต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนแปะยาชา ใส่ชุดคลุมเขียว รอสักพักใหญ่ๆก็ขึ้นไปที่ห้องที่จะทำ พี่พนงถ่ายรูปก่อนทำเก็บไว้
พอสักพักคุณหมอจะเข้ามา ฉีดยาชา ฉีดbotox แถวหน้าผากกับคิ้ว
(เราชอบเลิกคิ้วคุณหมอเลยแนะนำให้ฉีดbotox เพราะการที่เราเลิกคิ้วมันมีผลทำให้ชั้นตาของเราไม่เท่ากัน)
ตอนฉีดก็เจ็บจี๊ดๆนึง แล้วก็ทาเบตาดีน เริ่มการกรีดเลยย!
หนึ่งอุปสรรคของการทำตาครั้งนี้ของเราคือไฟผ่าตัดมันค่อนข้างจ้าสำหรับเรามาก เนื่องจากเราใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกัน
เลยทำให้ตาเราค่อนข้างsensitive กับแสงเป็นบางช่วง ทำให้น้ำตาไหลอยู่เรื่อยๆ
พอคุณหมอเริ่มทำ เราไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ คุณหมอมือเบาจริงๆ มีตึงๆบ้าง ระหว่างทำไม่รู้สึกเจ็บ แต่เกร็งๆนิดหน่อย
ตอนกรีดคุณหมอจะให้หลับตา ห้ามขยับตัว แต่เราจะต้องรู้สึกตัวอยู่ตลอดเพราะคุณหมอจะคอยบอกให้ลืมตา มองขึ้นตรง
เพื่อเช็คว่ารอยกรีดเท่ากันมั้ยแต่เราจำตำแหน่งที่ต้องมองไม่ได้ ก็เลยโดนดุนิดหน่อย แล้วเราหายใจแรง เพราะค่อนข้างกังวล
เป็นsurgeryครั้งแรกในชีวิตเลย แม้แต่ถอนฟันยังไม่เคยเลย TT
เราเป็นคนหายใจแรงเวลาอึดอัด มันเลยเหมือนถอนหายใจ โดนคุณหมอดุเลย 555 เพราะคุณหมอบอกว่าคุณหมอก็เกร็งไปด้วย
มันจะทำให้การผ่าตัดยากขึ้น ละเดี๋ยวออกมาไม่สวย ><
พอทำเสร็จยังไม่รู้สึกอะไรมากไปจากเดิม แค่ตึงๆขึ้นนิดหน่อย พี่พนงจะขอถ่ายรูปเป็นbefore after อีกที
รูปแรกหลังจากทำอยู่ในสปอยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผ่าตัดเสร็จแล้วก้ลงไปชั้นแรกเพื่อประคบเย็น และเมคชัวร์ว่าแผลโอเค คลีนิคจะมีเจลเย็นแช่แข็งห่อด้วยผ้ากอซ
ให้เราประคบตาข้างละอัน พอผ่านไปสักแปปพี่พนงจะเปลี่ยนเจลให้ ตอนแรกที่พลิกเจลกลับไปมาก้จะมีเลือดและเบตาดีนติดมาบนผ้ากอซด้วย
พี่พนงจะเช็คดูแผลว่าบวมประมาณไหน มียาให้ อธิบายการดูแล ละก็กลับบ้านได้ 😄
ตอนแรกก้ชิลๆนะ แต่พอยาชาเริ่มหมดฤทธิ์เท่านั้นแหละ มันปวดๆ ตึงๆ ไปหมด แบบลืมตาไม่ขึ้น
ดีนะที่มีเพื่อนไปด้วย ตอนแรกไล่เพื่อนกลับด้วยเพราะอ่านรีวิวมาว่า บางคนทำตาเสร็จแล้วสบายมาก ไปนู่นไปนี่ต่อได้เลย
แต่ขอบคุณเพื่อนมากที่อยู่รอเราลืมตาได้ไม่เยอะมาก ตอนกลับบ้านต้องไปเรียกแทกซี่ตรงฝั่งตรงข้ามทางเข้าโครงการ
นี่ต้องเกาะเพื่อนเดิน นั่งแทกซี่ไปก้ประคบเย็นไปจนถึงบ้าน ก็กินข้าวกินยา อาบน้ำอะไรไป
ทางคลีนิคก็จะส่งข้อปฏิบัติตัวหลังผ่าตัดมาให้อีกทางเฟสบุคแชท ซึ่งเราชอบการที่เขาส่งข้อความมาเหมือนเตือนเราอีกรอบ
เพราะเอาเข้าจริงๆเราก็จำได้ไม่หมดหรอกที่เขาบอกตอนอยู่คลีนิคว่าต้องทำอะไรบ้าง
เขาจะลิสท์มาเป็นข้อๆให้เลย ตั้งแต่ประคบเย็น 2-3วัน ห้ามโดนน้ำสิบวัน นอนหมอนสูง วิธีเช็ดแผล อาหารที่ควรงด etc.
แนะนำว่าให้ใส่เสื้อเชิร์ตแบบกระดุมนะคะ เวลาถอดจะได้ไม่ไปโดนตาเรา
หลังทำประมาณสี่ชั่วโมงค่ะ ยังไม่บวมมากเนอะ 🙂
ทั้งหมดในรูปทางคลีนิคเตรียมให้นะคะ มี
ยาฆ่าเชื้อ, ยาลดบวม, น้ำเกลือ, เบตาดีน, cotton bud, ผ้ากอซ, เจลประคบ 2 ชุด (4 ชิ้น), Stratamed ยาลดรอยแผลเป็น,
และ Dermatix ยาลดการเกิดแผลเป็น
ล้างแผลด้วยคอตต้อนบัดใส่น้ำเกลือเสร็จแล้วก็ใส่เบตาดีน และทา Stratamedเคลือบที่แผลไว้เลยค่ะ
ก่อนนอนก็ยังประคบน้ำแข็งไว้นะคะ ทำเหมือนที่คลินิคทำเลยคือเอาผ้ากอซห่อเจลเย็นไว้
วันที่สอง เริ่มบวมแล้ววว 😅
- ช่วงสองสามวันหลังผ่าตัดให้คอยประคบเย็นไว้นะคะ
- งดแผลโดนน้ำ/เหงื่อ 7 วันค่ะ ล้างหน้าได้ ให้เว้นบริเวณรอบดวงตา
- ทานยาตามที่คุณหมอสั่ง ล้างแผลใส่ยาเช้าเย็นทุกวัน จนกว่าจะตัดไหม
- นัดตัดไหม 7 วันหลังผ่าตัด
- ทางคลีนิคแนะนำให้งดของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของแสลงต่างๆ นะคะ
วันที่สาม วันนี้เราออกไปเซนทรัลไปหาเพื่อน กลับมาแค่เดือนเดียวต้องรีบนัดเจอกัน ต่อให้เรายังไม่สวยหน้าสดแต่ก็ต้องไป 555
พอใส่แว่นก็ไม่ค่อยเห็นว่าบวมนะ🤓
เราไม่แต่งหน้าเลยเพราะไม่อยากล้างหน้าเยอะ ทาแค่แป้งฝุ่น อากาศเมืองไทยร้อน และเป็นมนุษย์หน้ามันค่ะ 😅
วันแรกๆเราใช้Cleansing water ล้างกันแดด และใช้ ทิชชู่เปียกเช็ดหน้าค่ะ
รูปรอยเย็บไหมค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันที่สี่
ของเรายังค่อนข้างบวม มารู้ทีหลังว่า ที่มันยังบวมเยอะเพราะเราไม่ลืมตาแบบเต็มๆ ตอนนั้นเราไม่กล้าลืมเต็มตาเพราะมันรู้สึกตึงๆ
กลัวแผลจะเป็นอะไรรึป่าวแต่จริงๆแล้ว หลังผ่าตัดควรลืมตาแบบปกติ น้ำเหลืองจะได้ไม่ค้าง จะได้ไม่บวมปูดๆแบบเราค่ะ TT'
วันที่หก วันก่อนตัดไหมมม ✌️
วันที่เจ็ด ตัดไหมแล้วจ้าา ค่อยโล่งหน่อยย กลับมาที่คลินิคครั้งแรกหลังจากผ่าตัด
ตอนตัดไหมนี่ก็กลัวนะ อย่างที่บอกเป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต
แต่เอาจริงๆก็ไม่น่ากลัวนะ555 เขาจะเอาใบมีดมาละค่อยๆตัดที่ไหม จนขาดหมดก็เสร็จเรียบร้อย จะมีเสียงคืดๆนิดนึงให้เสียวเล่นๆ555
วันนี้แหละที่เรารู้ว่าเราต้องลืมตาแบบเต็มๆ เพราะที่คลินิคเขาสังเกตว่าเราต้องยกคาง เงยหน้าขึ้นนึดนึงเวลาคุยกับเขา
มันทำให้เราเสียบุคลิค เขาเลยให้เรามองบนขึ้นตรงๆ ซ้ำๆ 10 ครั้ง มันจะได้หายตึง เวลาเรามองขึ้นเรารู้สึกว่ามันตึงจริงๆ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเราก็ต้องทำให้มันเหมือนปกติ555 พอกลับบ้านเขาก็ให้หัดมองขึ้นบนวันละ10-20ครั้งเช้าเย็น ตาจะได้หายบวมเร็วๆ 👀
เพราะเราไล่น้ำเหลืองที่อยู่ในเปลือกตาได้แล้วว
หลังจากตัดไหมแล้วยังไม่ให้แผลโดนน้ำและยังต้องทำแผลต่ออีกสองวันนะคะ
ช่วงที่โดนน้ำไม่ได้เราก้ไปสระผมที่ร้านตลอดเลย ไม่อยากเสี่ยงสระเอง 😅
วันที่12 หนึ่งวันก่อนบินกลับเมกา 😌 แผลเราไม่มีความช้ำใดๆเลย มีแค่วันแรกที่ช้ำตรงเปลือกตานิดเดียวมากๆ
วันที่ 28 31 Aug 2018 กลับมาเมกาได้สองอาทิตย์ เราเริ่มกลับมาแต่งหน้าเบาๆแล้วค่ะ แต่ยังไม่เน้นแต่งตานะ
เวลาเช็ดบริเวณตาก็ต้องเบามือค่ะ ถ้ารุนแรงมีโอกาสที่ชั้นตาจะหลุดนะคะ
วีคที่ 12 26 Oct 2018 เรากลับมาใส่คอนแทควันนี้เพราะจะไปคอนเสิร์ตBruno Mars 😂
คุณหมอแนะนำว่างดใส่คอนแทคเลนส์สามเดือนหลังผ่าตัด เพื่อป้องกันปัญหาชั้นตาไม่เท่ากัน
ที่อาจเกิดจากการที่เราไปโดนชั้นตาเวลาถอดหรือใส่คอนแทคเลนส์
เราแต่งตาปกติแต่ยังไม่ได้ดัดขนตานะ
เดือนที่สี่ เริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วจ้า เวลาหลับตา รอยกรีดก็จางลงแล้ว กลับมาดัดขนตาแล้ว แต่ตรงเปลือกตายังรู้สึกตึงๆนิดหน่อย
โบท็อกเริ่มหมด คิ้วกะหน้าผากก้เริ่มหายตึงด้วย 5555
เดือนที่หก
เดือนที่เก้า เวลาแต่งหน้าและยิ้มชั้นตาเป็นธรรมชาติมากขึ้นแล้ว ข้างๆนั่นน้องสาวเราเอง เกิดมาตาชั้นเดียวทั้งคู่ 😉
ครบ 1 ปีแล้วจ้า yay!
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้