สวัสดีค่ะ เพื่อนสมาชิกห้องโต๊ะเครื่องแป้ง
ใครที่เล่นห้องนี้มานานๆ อาจจะคุ้นๆหน้าเบลล์อยู่บ้าง
เมื่อก่อนชอบทำกระทู้แต่งหน้าสาวหมวยมาลงไว้
ถ้านึกไม่ออก ลองคลิกเข้าไปดูได้นะคะ อาจจะร้องอ๋อ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://ppantip.com/topic/32062091
https://ppantip.com/topic/33060664
https://ppantip.com/topic/34149748
https://ppantip.com/topic/30957031
ช่วงหลังๆมานี้ เบลล์เองก็แอบหายไปนานมาก จริงๆก็แอบเบื่อๆโซเชี่ยลไปเยอะ
อาจจะด้วยอายุที่มากขึ้นด้วย (แหะๆ)
แต่วันนี้เบลล์กลับมาพร้อมกระทู้รีวิวที่ซุ่มทำอยู่นาน นั่นก็คือ รีวิวทำตาสองชั้นนั่นเองค่า
เดิมที เบลล์เป็นสาวหมวย ไม่มีชั้นตา จริงๆก็แอบมีบางๆ แทบมองไม่เห็น
เส้นชั้นตาจะชึ้นตอนที่ติดขนตาปลอมเบอร์ใหญ่ๆเท่านั้น เวลาแต่งหน้าจัดเต็ม
หน้าก็จะดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แบบรูปขวานี้ ....
(รูปซ้าย ไม่แต่งหน้า - รูปขวายังไม่ได้ทำตานะคะ แต่แต่งหน้าติดขนตาปลอมแข็งๆหน่อย)
เวลาที่ไม่แต่งหน้า ตาจะดูตี่ ดูง่วง และดูเหวี่ยงตลอดเวลา ทั้งๆที่ไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด T.T
ถึงจะทาแป้งปัดแก้มเขียนคิ้ว แต่ถ้าไม่เขียนอายไลน์เนอร์ จะถูกทักว่าป่วยเสมอๆ
สุดท้ายก็ติดการเขียนไลน์เนอร์หนาเป็นนิ้วมาตอด 10 ปี
(รูปนี้เขียนตาหนามาก ถ้าหลับตาจะเห็นเป็นปื้นใหญ่ๆ หนาประมาณ 1 ซม.ได้ค่ะ 5555)
จริงๆตอนนั้นก็ดูเก๋ ดูเท่ห์ดีนะคะ แต่นานๆไปมันก็เบื่อนะ
เล่นสีๆกับอายแชโดว์แล้วตาดูบวม ไม่สวยเท่าตอนมีชั้นตา จบที่ไลน์เนอร์หนาๆทุกครั้งไป
(แต่งหน้าจัดเต็มออกงาน ก็จะประมาณนี้ เหมือนมีตาสองชั้นแต่กำเนิด แต่จริงๆคือพลังขนตาปลอมล้วนๆจ้า)
พอเราเริ่มแต่งหน้าเต็มๆบ่อยขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่า เราชอบหน้าตัวเองในเวอร์ชั่นที่มีตาสองชั้นมากกว่า
เกิดอยากได้ตาสองชั้นที่ถาวรขึ้นมา ก็เลยหาข้อมูลไว้เยอะ
ในพันทิปเองก็มีหลายรีวิวจากหลายคุณหมอที่ทำออกมาสวย
สาวๆส่วนมาก พอทำตาแล้วหน้าดูเปลี่ยน ส่วนใหญ่เกือบ 100% คือสวยขึ้น
ทางเราเองก็เกิดมั่นใจขึ้นมาว่า ถึงเวลาแล้ว เราควรจะทำตาได้แล้วล่ะ
และประจวบเหมาะกับที่ไปเล่นเกมกับทางคลินิก
ได้เป็นผู้โชคดีทำตากับทีมแพทย์ Lovely Eye and Skin Clinic by หมอรวงข้าว
พอทุกอย่างลงตัว ก็ตัดสินใจทำตาเสียที....
เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าตั้งแต่เริ่มปรึกษา ไปจนถึงหลังทำตาไปแล้ว10เดือน ตาเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ณ วันผ่า Jul31 2019 DAY1
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด จะมีห้องล๊อกเกอร์ให้เก็บของ เปลี่ยนชุด ซึ่งวันผ่า ทางคลินิกมีการแนะนำ
ห้ามฉีดน้ำหอม ทาเล็บ และการเตรียมตัวก่อนมาเจอกันวันผ่า
หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ พี่พนักงานมาอธิบายขั้นตอนทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบ
และอธิบายถึงอาการที่อาจจะเป็น การดูแลตัวเองหลังผ่า การทำความสะอาด ยา และอาหารการกิน
อะไรควรทาน ควรเลี่ยง มีการวัดไข้ วัดความดัน และมีให้ทานยาคลายกังวลก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ไม่มีการวางยาสลบนะคะ รู้สึกตัวตลอดเวลา
ไม่มึนไม่อะไรเลย (เอ๊ะ หรือเราอึดเกินฤทธิ์ยา 5555)
พบคุณหมออีกรอบก่อนเข้าห้องผ่า พูดคุยและย้ำอีกครั้งว่าเราต้องหารชั้นตาแบบไหน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน
ของเบลล์ขอคุณหมอว่าอยากได้แบบชั้นตาไม่หนา ดูเป็นธรรมชาติ
เลยได้ทำแบบกรีดยาว และเปิดหัวตาด้วยค่ะ
เข้าห้องผ่าตัด – เข้าไปในห้องก็จะมีเตียงตรงกลาง มีอุปกรณ์ครบทุกอย่างดูสะอาด
มีคุณหมอเจ้าของไข้ (หมออ้อย) เป็นหนึ่งในทีมแพทย์เลิฟลี่อายส์
และมีคุณหมอรวงข้าวเข้าไปประกบตัวต่อตัว มีพี่ๆผู้ช่วยรายล้อมอยู่ห่างๆ
คุณหมอจะให้เรานั่งบนเตียง แล้วจะทำการกำหนดจุดบนหนังตาก่อนลงมือผ่าตัด
พอได้เส้นที่ต้องการแล้ว ก็นอนลง มีผ้ามาบัง เว้นส่วนตาไว้
มีอุปกรณ์วางบนตัว แล้วก็เริ่มขั้นตอนผ่าตัดเลยจ้า
สมัยที่ยังหาข้อมูลเรื่องทำตาสองชั้น
ใครๆก็ว่าทำตาไม่เจ็บ... มาเจอกับตัวเองถึงเข้าใจ
ทำตานั้นไม่เจ็บเลยจริงๆ คือ ตอนเย็บแผลอ่ะไม่เจ็บเลย แต่มันเจ็บสุดตอนฉีดยาชา step แรก
เจ็บมว๊ากกกกกก!!! เจ็บแต่ห้ามขยับตัว กลัวทำหมอลำบาก 5555
เลยข่มใจ อดทนแล้วคำรามในลำคอเบาๆ 5555555
แต่พอยาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ทุกอย่างก็ผ่านไปแบบชิลๆ ไม่มีความเจ็บเลย
เรารู้สึกตัวตลอดเวลา อย่างมาก็แค่อุ่นๆตอนที่คุณหมอใช้ micro laser กรีดหนัง
มีกลิ่นเหมือนปลาหมึกเผา กุ้งเผา (เอ๊ะหิวหรอ 5555) รู้สึกเหมือนหนังตาถูกจิ้ม สะกิด ดึง
รู้สึกถึงด้ายร้อยผ่านหนังไปตอนที่คุณหมอเย็บแผล แต่ไม่เจ็บ
แต่พอยาชาเริ่มหมดฤทธิ์แล้วเท่านั้นแหละ! ความปวดก็เริ่มกลับมา
ตอนของเบลล์ทำคือยาเริ่มหมดฤทธิ์ตอนยังเย็บแผลไม่เสร็จ โอ้มายก้อด!
คือ ใกล้เสร็จแล้ว เลยอดทน จนจบ เราจะสวย เราต้องอดทน 5555
ตอนนั้นก็ปวดนะ แต่มันทนได้ แต่ถามว่าให้ทำอีกทำมั้ย ... พี่ว่า พี่ขอพักก่อน 555555
ใช้เวลาในห้องผ่าประมาณ 3 ชม. ครึ่ง ออกมาก็ราวๆสองทุ่ม คลินิกปิดพอดี
ตอนทำเสร็จตาจะเบลอๆ เหมือนมันบวมแล้วหนังตามันแอบบังวิว ด้วยความกลัวกลับบ้านยาก
เลยให้คุณสามีมานั่งรอรับกลับ จำได้ว่าวันนั้นออกมาก็ไม่ได้มึนอะไร มีแค่ตามัวๆเท่านั้น
เราก็รับยา (มียาแก้ปวด แก้บวม แก้คัน ยาทาแผล น้ำเกลือเช็ดแผลพร้อมคอตตอนบัท)
นัดวันตัดไหม บอกลาพี่ๆพนักงานในร้าน แล้วออกจากคลิกนิก แวะห้างทานข้าวได้ปกติค่ะ
วันนั้นเตรียมแว่นกรองแสงไว้ด้วย เอาไว้บังสายตาคนอื่น 55555 คือ มันเขินเวลาคนจ้องหน้าอะแหละ
พอเราเริ่มใช้ชีวิตตามปกติ ยาชาหมดฤทธ์แบบเต็มที่แล้ว ความปวดก็กลับมาเต็มที่เช่นกัน
จำได้ว่าตอนนั้นปวดโซนเบ้าตาไปถึงขมับ ปวดหมือนปวดฟัน ทานยาแก้ปวดแล้วก็ยังไม่ค่อยบรรเทาเท่าไหร่
แต่ถามว่าทนได้มั้ย ได้นะ ท่องไว้ว่าจะสวยแล้ว อิอิ
ส่วนสภาพตา หลังจากออกจากห้องผ่าตัด ดูได้ในสปอยล์นะคะ
(เผื่อใครกลัวเลยขอใส่ไว้ในสปอยล์นะคะ) แต่จริงมันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ แหะๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รูปตาหลังทำทันที
DAY1
วันรุ่งขึ้นเบลล์ลางานไว้ เลยพักผ่อนที่บ้าน พยามไม่ใช้สายตาเยอะ
เลี่ยงฝุ่นควันต่างๆ ทำทุกอย่างตาคำแนะนำ ตาของฉันจะต้องยุบไวๆ
ถามว่าถ้าไม่สะดวกลางาน ไปทำงานได้เลยมั้ย จริงๆ ก็สามารถอยู่นะคะ
แต่มันจะยังมีอาการปวดตึงอยู่นิดๆ และตาบวมแบบรู้สึกได้ เวลามองอะไรก็จะไม่ค่อยเต็มที่เท่าเดิม
แต่ก็ไม่ถึงขนาดนอนซมบนเตียงนะ ทำนู้นนี่ได้อยู่ค่ะ อาจจะติดขัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังแต่งหน้าไม่ได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำแนะนำหลังการผ่าตัดทำตาสองชั้น
1.ไม่นอนราบ เลี่ยงการนอนตะแคง โดยให้หาหมอนมาหนุนให้หัวอยู่สูง คล้ายๆนั่งเอน 45องศา
เบลล์ใช้วิธีนอนบนเก้าอี้โยก IKEA มันจะเอนๆและหาหมอนนุ่มๆมาหนุนคอ
ใส่หมอรองคอแบบที่เราใช้บนเครื่องบิน ล๊อกคอไว้ กันคอเคล็ดนนตกหมอน
2. งดทานของสแลง เช่น ของหมักดอง ปลาร้า ไข่ อาหารทะเล กะปิ ปลาร้า ในช่วง 3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
3. ระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ โดนเหงื่อ หรือความมัน ในช่วงก่อนตัดไหม
4. ประคบเย็น ช่วยลดความบวม หลังผ่า 3 วัน เบลล์ประคบช่วงเช้าบนรถก่อนไปทำงาน
กลางวันพักเที่ยงหลังทานข้าว และช่วงเย็นหลังถึงบ้าน แล้วอีกรอบก่อนนอน
5. ทายาขี้ผึ้งที่แผล และทานยาตามที่คุณหมอแนะนำ
6. ระวังไม่ไอ จามแรงๆ กันแผลปริ ถ้ามีเลือดซึมที่แผล ให้ใช้ผ้าก๊อชซับเบาๆ กดไว้จนเลือดหยุด
สำหรับเบลล์เองไม่มีอาการนี้นะคะ แผลสมานไวมาก
7. หยุดทานอาหารเสริมต่างๆ หรือ อะไรที่จำเป็นอาจจะลองปรึกษาคุณหมอก่อนได้นะคะ
8. สวมแว่นตา แว่นกันแดด ช่วยป้องกันฝุ่นเข้าตา
9. ลดการใช้สายตานการเล่นคอม / มือถือ
10. เริ่มประคบอุ่นในวันที่ 6 หลังจากผ่าตัด โดยประคบเช้า-เย็น ครั้งละ 10 นาที นานประมาณ 1 สัปดาห์
ส่วนตัวเบลล์เอง ที่ทำเพิ่มเติมจากที่คุณหมอแนะนำ คือ ทานแคปซูลบัวบกทุกวัน
เท่าที่ทานมาก็รู้สึกว่าแผลหายบวมไวมากจริงๆค่ะ
ช่วงหลังทำตา เบลล์มีทำคลิปอัพเดตทุกวัน ไล่ดูตามนี้ได้เลยค่ะ
1 วันหลังผ่า ไม่ปวดตาเท่าไหร่แล้ว แต่รู้สึกตึงๆระบมนิดๆ เคืองตาหน่อยๆ
ตอนใช้น้ำเกลือเช็ดมีคราบเลือดแห้งๆหลุดออกมานิดหน่อย แผลยังมีเส้นไหมเห็นชัดเจน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY3
เริ่มกลับไปทำงานตามปกติ ไม่ปวดเบ้าตาใดๆแล้ว แต่ก็ยังตึงๆ
เคืองๆแผลเหมือนเวลาแผลตกสะเก็ด มันแอบคันๆ เลยต้องใช้คัตตอนบัทเขี่ยๆเบาๆแทน
ส่วนความบวมยังไม่ต่างจากเมื่อวานมากนักค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY4
แผลยุบลงอีก เหลือแค่อาการคันยิบๆ การดูแลอื่นๆทำตามปกติ ตาบวมเหมือนคนร้องไห้หนักๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY5
เริ่มเข้าที่มากขึ้น แต่แผลยังตึง เวลานิ้วไปโดนแก้มส่วนบนยังรู้สึกตึงไปถึงตา
เหมือนแผลถูกกระชากนิดๆ ต้องระวังให้มากค่ะ
อ่อ แล้วก็ มีแวะไปสระผมที่ร้าน เพราะยังสระเองไม่ได้ กลัวแผลจะโดนน้ำ แหะๆ
ตอนไปสระที่ร้านก็พกผ้าสะอาดไปวางบังแผลไว้ด้วย แผลวันนี้ดูโอเคขึ้นมากๆค่ะ
ส่วนเซ็ทบำรุงผิวในช่วงที่ยังล้างหน้าด้วยน้ำไม่ได้ จะมีอะไรบ้าง ติดตามดูในคลิปได้เลยค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY6
ยังไม่เริ่มแต่งหน้า แต่ตาดูยุบลงไปอีก เริ่มเข้าที่มากขึ้นแล้วค่ะ อาการตึงก็น้อยลง
จากที่ตอนแรกสองข้างตาดูบวมไม่เท่ากัน ตอนนี้เริ่มกลับมาเท่ากันแล้วค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY7
ชั้นตาเริ่มเล็กลงอีก หัวตายังตึงเจ็บตอนเผลอไปเกาหน้าแก้ม อาจจะเพราะยังไม่ได้ตัดไหมด้วยแหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY8
ตาดูเข้าไปขึ้นไปอีกจ้า รอยเย็บเริ่มแห้ง เวลาลืมตาไม่เห็นเส้นไหม ต้องจ้องๆหลับตาถึงจะเห็นค่ะ
รูปไม่ค่อยน่ากลัวแล้ว ขอไม่ใส่สปอยล์แล้วกันนะคะ อิอิ
DAY9
เริ่มแต่งหน้านิดหน่อย ทาแป้ง เขียนคิ้วปัดแก้ม เว้นตาไว้ โดยรวมดูโอเคมากๆ
ไม่มีอาการคันแล้ว แต่ยังตึงหัวตาอยู่ค่ะ
DAY10
ก่อนวันตัดไหม 1 วัน ตาดูทรงๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ตรงหัวตาที่มีติ่งยื่นๆ ดูยุบลงไปแล้วจ้า
ข้อความเกินแล้ว เดี๋ยวต่อในคอมเม้นท์นะคะ
[SR] รีวิว ทำตาสองชั้น Lovely Eye and Skin Clinic (ทีมแพทย์หมอรวงข้าว)
ใครที่เล่นห้องนี้มานานๆ อาจจะคุ้นๆหน้าเบลล์อยู่บ้าง
เมื่อก่อนชอบทำกระทู้แต่งหน้าสาวหมวยมาลงไว้
ถ้านึกไม่ออก ลองคลิกเข้าไปดูได้นะคะ อาจจะร้องอ๋อ....
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วงหลังๆมานี้ เบลล์เองก็แอบหายไปนานมาก จริงๆก็แอบเบื่อๆโซเชี่ยลไปเยอะ
อาจจะด้วยอายุที่มากขึ้นด้วย (แหะๆ)
แต่วันนี้เบลล์กลับมาพร้อมกระทู้รีวิวที่ซุ่มทำอยู่นาน นั่นก็คือ รีวิวทำตาสองชั้นนั่นเองค่า
เดิมที เบลล์เป็นสาวหมวย ไม่มีชั้นตา จริงๆก็แอบมีบางๆ แทบมองไม่เห็น
เส้นชั้นตาจะชึ้นตอนที่ติดขนตาปลอมเบอร์ใหญ่ๆเท่านั้น เวลาแต่งหน้าจัดเต็ม
หน้าก็จะดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แบบรูปขวานี้ ....
(รูปซ้าย ไม่แต่งหน้า - รูปขวายังไม่ได้ทำตานะคะ แต่แต่งหน้าติดขนตาปลอมแข็งๆหน่อย)
เวลาที่ไม่แต่งหน้า ตาจะดูตี่ ดูง่วง และดูเหวี่ยงตลอดเวลา ทั้งๆที่ไม่ได้อารมณ์เสียแต่อย่างใด T.T
ถึงจะทาแป้งปัดแก้มเขียนคิ้ว แต่ถ้าไม่เขียนอายไลน์เนอร์ จะถูกทักว่าป่วยเสมอๆ
สุดท้ายก็ติดการเขียนไลน์เนอร์หนาเป็นนิ้วมาตอด 10 ปี
(รูปนี้เขียนตาหนามาก ถ้าหลับตาจะเห็นเป็นปื้นใหญ่ๆ หนาประมาณ 1 ซม.ได้ค่ะ 5555)
จริงๆตอนนั้นก็ดูเก๋ ดูเท่ห์ดีนะคะ แต่นานๆไปมันก็เบื่อนะ
เล่นสีๆกับอายแชโดว์แล้วตาดูบวม ไม่สวยเท่าตอนมีชั้นตา จบที่ไลน์เนอร์หนาๆทุกครั้งไป
(แต่งหน้าจัดเต็มออกงาน ก็จะประมาณนี้ เหมือนมีตาสองชั้นแต่กำเนิด แต่จริงๆคือพลังขนตาปลอมล้วนๆจ้า)
พอเราเริ่มแต่งหน้าเต็มๆบ่อยขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่า เราชอบหน้าตัวเองในเวอร์ชั่นที่มีตาสองชั้นมากกว่า
เกิดอยากได้ตาสองชั้นที่ถาวรขึ้นมา ก็เลยหาข้อมูลไว้เยอะ
ในพันทิปเองก็มีหลายรีวิวจากหลายคุณหมอที่ทำออกมาสวย
สาวๆส่วนมาก พอทำตาแล้วหน้าดูเปลี่ยน ส่วนใหญ่เกือบ 100% คือสวยขึ้น
ทางเราเองก็เกิดมั่นใจขึ้นมาว่า ถึงเวลาแล้ว เราควรจะทำตาได้แล้วล่ะ
และประจวบเหมาะกับที่ไปเล่นเกมกับทางคลินิก
ได้เป็นผู้โชคดีทำตากับทีมแพทย์ Lovely Eye and Skin Clinic by หมอรวงข้าว
พอทุกอย่างลงตัว ก็ตัดสินใจทำตาเสียที....
เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าตั้งแต่เริ่มปรึกษา ไปจนถึงหลังทำตาไปแล้ว10เดือน ตาเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ณ วันผ่า Jul31 2019 DAY1
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด จะมีห้องล๊อกเกอร์ให้เก็บของ เปลี่ยนชุด ซึ่งวันผ่า ทางคลินิกมีการแนะนำ
ห้ามฉีดน้ำหอม ทาเล็บ และการเตรียมตัวก่อนมาเจอกันวันผ่า
หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ พี่พนักงานมาอธิบายขั้นตอนทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบ
และอธิบายถึงอาการที่อาจจะเป็น การดูแลตัวเองหลังผ่า การทำความสะอาด ยา และอาหารการกิน
อะไรควรทาน ควรเลี่ยง มีการวัดไข้ วัดความดัน และมีให้ทานยาคลายกังวลก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ไม่มีการวางยาสลบนะคะ รู้สึกตัวตลอดเวลา
ไม่มึนไม่อะไรเลย (เอ๊ะ หรือเราอึดเกินฤทธิ์ยา 5555)
พบคุณหมออีกรอบก่อนเข้าห้องผ่า พูดคุยและย้ำอีกครั้งว่าเราต้องหารชั้นตาแบบไหน เพื่อให้เข้าใจตรงกัน
ของเบลล์ขอคุณหมอว่าอยากได้แบบชั้นตาไม่หนา ดูเป็นธรรมชาติ
เลยได้ทำแบบกรีดยาว และเปิดหัวตาด้วยค่ะ
เข้าห้องผ่าตัด – เข้าไปในห้องก็จะมีเตียงตรงกลาง มีอุปกรณ์ครบทุกอย่างดูสะอาด
มีคุณหมอเจ้าของไข้ (หมออ้อย) เป็นหนึ่งในทีมแพทย์เลิฟลี่อายส์
และมีคุณหมอรวงข้าวเข้าไปประกบตัวต่อตัว มีพี่ๆผู้ช่วยรายล้อมอยู่ห่างๆ
คุณหมอจะให้เรานั่งบนเตียง แล้วจะทำการกำหนดจุดบนหนังตาก่อนลงมือผ่าตัด
พอได้เส้นที่ต้องการแล้ว ก็นอนลง มีผ้ามาบัง เว้นส่วนตาไว้
มีอุปกรณ์วางบนตัว แล้วก็เริ่มขั้นตอนผ่าตัดเลยจ้า
สมัยที่ยังหาข้อมูลเรื่องทำตาสองชั้น ใครๆก็ว่าทำตาไม่เจ็บ... มาเจอกับตัวเองถึงเข้าใจ
ทำตานั้นไม่เจ็บเลยจริงๆ คือ ตอนเย็บแผลอ่ะไม่เจ็บเลย แต่มันเจ็บสุดตอนฉีดยาชา step แรก
เจ็บมว๊ากกกกกก!!! เจ็บแต่ห้ามขยับตัว กลัวทำหมอลำบาก 5555
เลยข่มใจ อดทนแล้วคำรามในลำคอเบาๆ 5555555
แต่พอยาชาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ทุกอย่างก็ผ่านไปแบบชิลๆ ไม่มีความเจ็บเลย
เรารู้สึกตัวตลอดเวลา อย่างมาก็แค่อุ่นๆตอนที่คุณหมอใช้ micro laser กรีดหนัง
มีกลิ่นเหมือนปลาหมึกเผา กุ้งเผา (เอ๊ะหิวหรอ 5555) รู้สึกเหมือนหนังตาถูกจิ้ม สะกิด ดึง
รู้สึกถึงด้ายร้อยผ่านหนังไปตอนที่คุณหมอเย็บแผล แต่ไม่เจ็บ
แต่พอยาชาเริ่มหมดฤทธิ์แล้วเท่านั้นแหละ! ความปวดก็เริ่มกลับมา
ตอนของเบลล์ทำคือยาเริ่มหมดฤทธิ์ตอนยังเย็บแผลไม่เสร็จ โอ้มายก้อด!
คือ ใกล้เสร็จแล้ว เลยอดทน จนจบ เราจะสวย เราต้องอดทน 5555
ตอนนั้นก็ปวดนะ แต่มันทนได้ แต่ถามว่าให้ทำอีกทำมั้ย ... พี่ว่า พี่ขอพักก่อน 555555
ใช้เวลาในห้องผ่าประมาณ 3 ชม. ครึ่ง ออกมาก็ราวๆสองทุ่ม คลินิกปิดพอดี
ตอนทำเสร็จตาจะเบลอๆ เหมือนมันบวมแล้วหนังตามันแอบบังวิว ด้วยความกลัวกลับบ้านยาก
เลยให้คุณสามีมานั่งรอรับกลับ จำได้ว่าวันนั้นออกมาก็ไม่ได้มึนอะไร มีแค่ตามัวๆเท่านั้น
เราก็รับยา (มียาแก้ปวด แก้บวม แก้คัน ยาทาแผล น้ำเกลือเช็ดแผลพร้อมคอตตอนบัท)
นัดวันตัดไหม บอกลาพี่ๆพนักงานในร้าน แล้วออกจากคลิกนิก แวะห้างทานข้าวได้ปกติค่ะ
วันนั้นเตรียมแว่นกรองแสงไว้ด้วย เอาไว้บังสายตาคนอื่น 55555 คือ มันเขินเวลาคนจ้องหน้าอะแหละ
พอเราเริ่มใช้ชีวิตตามปกติ ยาชาหมดฤทธ์แบบเต็มที่แล้ว ความปวดก็กลับมาเต็มที่เช่นกัน
จำได้ว่าตอนนั้นปวดโซนเบ้าตาไปถึงขมับ ปวดหมือนปวดฟัน ทานยาแก้ปวดแล้วก็ยังไม่ค่อยบรรเทาเท่าไหร่
แต่ถามว่าทนได้มั้ย ได้นะ ท่องไว้ว่าจะสวยแล้ว อิอิ
ส่วนสภาพตา หลังจากออกจากห้องผ่าตัด ดูได้ในสปอยล์นะคะ
(เผื่อใครกลัวเลยขอใส่ไว้ในสปอยล์นะคะ) แต่จริงมันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ แหะๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY1
วันรุ่งขึ้นเบลล์ลางานไว้ เลยพักผ่อนที่บ้าน พยามไม่ใช้สายตาเยอะ
เลี่ยงฝุ่นควันต่างๆ ทำทุกอย่างตาคำแนะนำ ตาของฉันจะต้องยุบไวๆ
ถามว่าถ้าไม่สะดวกลางาน ไปทำงานได้เลยมั้ย จริงๆ ก็สามารถอยู่นะคะ
แต่มันจะยังมีอาการปวดตึงอยู่นิดๆ และตาบวมแบบรู้สึกได้ เวลามองอะไรก็จะไม่ค่อยเต็มที่เท่าเดิม
แต่ก็ไม่ถึงขนาดนอนซมบนเตียงนะ ทำนู้นนี่ได้อยู่ค่ะ อาจจะติดขัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังแต่งหน้าไม่ได้นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คำแนะนำหลังการผ่าตัดทำตาสองชั้น
1.ไม่นอนราบ เลี่ยงการนอนตะแคง โดยให้หาหมอนมาหนุนให้หัวอยู่สูง คล้ายๆนั่งเอน 45องศา
เบลล์ใช้วิธีนอนบนเก้าอี้โยก IKEA มันจะเอนๆและหาหมอนนุ่มๆมาหนุนคอ
ใส่หมอรองคอแบบที่เราใช้บนเครื่องบิน ล๊อกคอไว้ กันคอเคล็ดนนตกหมอน
2. งดทานของสแลง เช่น ของหมักดอง ปลาร้า ไข่ อาหารทะเล กะปิ ปลาร้า ในช่วง 3 สัปดาห์หลังผ่าตัด
3. ระมัดระวังไม่ให้แผลโดนน้ำ โดนเหงื่อ หรือความมัน ในช่วงก่อนตัดไหม
4. ประคบเย็น ช่วยลดความบวม หลังผ่า 3 วัน เบลล์ประคบช่วงเช้าบนรถก่อนไปทำงาน
กลางวันพักเที่ยงหลังทานข้าว และช่วงเย็นหลังถึงบ้าน แล้วอีกรอบก่อนนอน
5. ทายาขี้ผึ้งที่แผล และทานยาตามที่คุณหมอแนะนำ
6. ระวังไม่ไอ จามแรงๆ กันแผลปริ ถ้ามีเลือดซึมที่แผล ให้ใช้ผ้าก๊อชซับเบาๆ กดไว้จนเลือดหยุด
สำหรับเบลล์เองไม่มีอาการนี้นะคะ แผลสมานไวมาก
7. หยุดทานอาหารเสริมต่างๆ หรือ อะไรที่จำเป็นอาจจะลองปรึกษาคุณหมอก่อนได้นะคะ
8. สวมแว่นตา แว่นกันแดด ช่วยป้องกันฝุ่นเข้าตา
9. ลดการใช้สายตานการเล่นคอม / มือถือ
10. เริ่มประคบอุ่นในวันที่ 6 หลังจากผ่าตัด โดยประคบเช้า-เย็น ครั้งละ 10 นาที นานประมาณ 1 สัปดาห์
ส่วนตัวเบลล์เอง ที่ทำเพิ่มเติมจากที่คุณหมอแนะนำ คือ ทานแคปซูลบัวบกทุกวัน
เท่าที่ทานมาก็รู้สึกว่าแผลหายบวมไวมากจริงๆค่ะ
ช่วงหลังทำตา เบลล์มีทำคลิปอัพเดตทุกวัน ไล่ดูตามนี้ได้เลยค่ะ
1 วันหลังผ่า ไม่ปวดตาเท่าไหร่แล้ว แต่รู้สึกตึงๆระบมนิดๆ เคืองตาหน่อยๆ
ตอนใช้น้ำเกลือเช็ดมีคราบเลือดแห้งๆหลุดออกมานิดหน่อย แผลยังมีเส้นไหมเห็นชัดเจน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY3
เริ่มกลับไปทำงานตามปกติ ไม่ปวดเบ้าตาใดๆแล้ว แต่ก็ยังตึงๆ
เคืองๆแผลเหมือนเวลาแผลตกสะเก็ด มันแอบคันๆ เลยต้องใช้คัตตอนบัทเขี่ยๆเบาๆแทน
ส่วนความบวมยังไม่ต่างจากเมื่อวานมากนักค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY4
แผลยุบลงอีก เหลือแค่อาการคันยิบๆ การดูแลอื่นๆทำตามปกติ ตาบวมเหมือนคนร้องไห้หนักๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY5
เริ่มเข้าที่มากขึ้น แต่แผลยังตึง เวลานิ้วไปโดนแก้มส่วนบนยังรู้สึกตึงไปถึงตา
เหมือนแผลถูกกระชากนิดๆ ต้องระวังให้มากค่ะ
อ่อ แล้วก็ มีแวะไปสระผมที่ร้าน เพราะยังสระเองไม่ได้ กลัวแผลจะโดนน้ำ แหะๆ
ตอนไปสระที่ร้านก็พกผ้าสะอาดไปวางบังแผลไว้ด้วย แผลวันนี้ดูโอเคขึ้นมากๆค่ะ
ส่วนเซ็ทบำรุงผิวในช่วงที่ยังล้างหน้าด้วยน้ำไม่ได้ จะมีอะไรบ้าง ติดตามดูในคลิปได้เลยค่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY6
ยังไม่เริ่มแต่งหน้า แต่ตาดูยุบลงไปอีก เริ่มเข้าที่มากขึ้นแล้วค่ะ อาการตึงก็น้อยลง
จากที่ตอนแรกสองข้างตาดูบวมไม่เท่ากัน ตอนนี้เริ่มกลับมาเท่ากันแล้วค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY7
ชั้นตาเริ่มเล็กลงอีก หัวตายังตึงเจ็บตอนเผลอไปเกาหน้าแก้ม อาจจะเพราะยังไม่ได้ตัดไหมด้วยแหละ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
DAY8
ตาดูเข้าไปขึ้นไปอีกจ้า รอยเย็บเริ่มแห้ง เวลาลืมตาไม่เห็นเส้นไหม ต้องจ้องๆหลับตาถึงจะเห็นค่ะ
รูปไม่ค่อยน่ากลัวแล้ว ขอไม่ใส่สปอยล์แล้วกันนะคะ อิอิ
DAY9
เริ่มแต่งหน้านิดหน่อย ทาแป้ง เขียนคิ้วปัดแก้ม เว้นตาไว้ โดยรวมดูโอเคมากๆ
ไม่มีอาการคันแล้ว แต่ยังตึงหัวตาอยู่ค่ะ
DAY10
ก่อนวันตัดไหม 1 วัน ตาดูทรงๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก แต่ตรงหัวตาที่มีติ่งยื่นๆ ดูยุบลงไปแล้วจ้า
ข้อความเกินแล้ว เดี๋ยวต่อในคอมเม้นท์นะคะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม