มันจะต้องให้เกิดกรณีแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ คนไทยจึงจะมีภูมิคุ้มกันด้านวิจารณญาณและ critical thinking
- ดาราป่วย
- คนขับแท็กซี่
- แม่วางยา
- ล่าสุดก็ ...ไลฟ์โค้ช
- ฯลฯ และอีกหลายประเด็นก่อนหน้านี้ ที่ "หลง-ลืม-เลือน" ไปตามกาลเวลา และช่วยตอกย้ำว่า คนทำมาหากินสุจริต คือ คนโง่ที่ไม่มีที่ยืนในสังคม

กลายเป็นว่า ความทันสมัยของเทคโนโลยี (ด้านการเงิน) กลับเป็นช่องทางทำมาหากิน หลายกรณีเป็นทางให้มิจฉาชีพเข้ามาหาประโยชน์ จากความขี้สงสารแบบไร้สติ ด้วยอาการหิวบุญแบบไร้สมอง พุทธแต่ปาก พอความแดงก็หลอกตัวเองด้วยประโยคที่ว่า

"ทำด้วยใจบริสุทธิ์ ได้บุญแล้ว เขาโกงไปก็รับกรรมเอง"

ก็เหมาะแล้วกับสังคมอย่างไทย ที่ชอบสำเร็จความใคร่ทางศีลธรรม เชิดชูคุณงามความดีมากกว่าความถูกต้อง หลักการ และเหตุผล

คนไทยปัจจุบันชอบมองอะไรแค่สองมิติ มีแค่ ขาว-ดำ, ดี-ชั่ว, บุญ-บาป ช่องโหว่ตรงนี้+ความขี้สงสาร+ไร้สติ "การได้บริจาค" มันก็เหมือนช่วยสนองความใคร่ทางศีลธรรมให้กับคนไทยในยุคปัจจุบัน ได้ปลดปล่อยความ "รู้สึกผิด" ของตนที่ห่างเหินศาสนา ทำให้มีโอกาสได้เล่น "เป็นคนดี+ทำบุญ+ทำความดี" ได้เป็นฮีโร่ "ช่วยเหลือสังคม" แบบปลอม ๆ สร้างความภาคภูมิใจหลอก ๆ ว่า "เป็นคนดี" จนกลายเป็นวิธีทำกินรูปแบบใหม่ ที่รวยลัดเร็วทันใจ สิบล้านร้อยล้านนี่ไม่ยาก

สังคมไทยที่ยกย่องแต่คนที่ "ทำดี+คนดี+ความดี" ผลลัพธ์ที่ได้มันก็จะบิดเบี้ยวแบบนี้ ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว สังคมจะเชิดชูคนที่ "ทำถูกต้อง+ตามกฎหมาย+มีระเบียบวินัย" เมื่อค่านิยมในสังคมมันถูกปลูกฝังกันมาแบบนี้ ผมก็มองว่ายากที่กรณีแบบนี้จะหายไปจากสังคมไทย