STGT บริษัทถุงมือยาง ที่ใหญ่กว่า โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ /โดย ลงทุนแมน

กระทู้คำถาม
หากพูดถึงตลาดหุ้นไทย..
หนึ่งในบริษัทที่ร้อนแรงที่สุดช่วงนี้
คงหนีไม่พ้นบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ หรือ STGT
ที่เพิ่งจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
STGT ทำธุรกิจผลิตถุงมือยาง มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมทางการแพทย์ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศ
รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบัน STGT มีมูลค่าบริษัทสูงถึง 96,797 ล้านบาท
ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากกว่าบํารุงราษฎร์ โรงพยาบาลอันดับต้นๆ ของประเทศ
แล้วทำไมธุรกิจผลิตถุงมือ
ถึงมีมูลค่ามากขนาดนี้?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit
มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
ทำให้หลายกลุ่มอุตสาหกรรมต้องหยุดชะงัก
ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจผลิตถุงมือยางกลับมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะการส่งออกไปยังต่างประเทศ
หากเรามาดูมูลค่าการส่งออกถุงมือยาง ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้
ประเทศจีน ขยายตัว 130%
ประเทศออสเตรเลีย ขยายตัว 79%
อาเซียน ขยายตัว 77%
สิ่งเหล่านี้ สะท้อนไปยังการส่งออกถุงมือยางของประเทศไทย
ที่ขยายตัว 16% และยังขยายตัวอีก 33% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
เรื่องนี้จึงทำให้ STGT ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกลายมาเป็นบริษัทเนื้อหอม
เนื้อหอมในระดับที่ว่า
STGT มีมูลค่าบริษัท 96,797 ล้านบาท
ในขณะที่บริษัทมีกำไร 4 ไตรมาสล่าสุด 900 ล้านบาท
หมายความว่าตอนนี้ นักลงทุนกำลังซื้อขาย STGT กันที่ Trailing P/E สูงถึง 107 เท่า..
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายแห่งก็ได้คาดการณ์กันว่า ปีนี้ STGT จะมีกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดดจากความต้องการถุงมือยางทั่วโลก
บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดการณ์กำไรไว้ที่ 3,200 ล้านบาท
บล. ฟินันเซีย ไซรัส คาดการณ์กำไรไว้ที่ 3,100 ล้านบาท
บล. เคทีบี คาดการณ์กำไรไว้ที่ 2,800 ล้านบาท
ซึ่งถ้าเรานำกำไรที่ นักวิเคราะห์เหล่านี้คาด
และเทียบกับมูลค่าบริษัท STGT ณ ตอนนี้
P/E เฉลี่ยจะลดลงเหลือ 32 เท่า
หากเรามาดูมูลค่าบริษัทของ STGT ในตอนนี้
เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ ที่มีมูลค่าใกล้เคียงกัน
CBG มูลค่าบริษัท 105,000 ล้านบาท
TMB มูลค่าบริษัท 102,141 ล้านบาท
STGT มูลค่าบริษัท 96,797 ล้านบาท
BH มูลค่าบริษัท 96,145 ล้านบาท
MINT มูลค่าบริษัท 96,075 ล้านบาท
จากการเปรียบเทียบข้างต้น สะท้อนให้เห็นว่า STGT
กลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว
โดยแซงทั้งโรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ และ บริษัทไมเนอร์ เจ้าของเชนโรงแรม และร้านอาหารทั่วโลก
ด้วยมูลค่าที่มากขนาดนี้
คำถามที่ตามมาก็คือ “กำไร” ของ STGT
จะเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือไม่
แต่ดูเหมือนว่าจากราคาที่เป็นอยู่ตอนนี้
นักลงทุนจะมองว่า โควิด-19 จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหุ้นตัวนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง                                                            https://www.longtunman.com/24029

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่