เพื่อนๆ สังเกดุมั้ยครับว่า "ไลฟ์โค้ช" ยุคนี้ มันเหมือนกลายพันธ์มาจากธุรกิจดาวน์ไลน์ธุรกิจเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ Version 2

คือผมคิดไปเองรึเปล่า จากธุรกิจเครือข่าย หาคนมาต่อๆ กัน เพื่อมาอยู่ใต้อาณัติแล้วให้คนล่างๆ ไปหาสมุนมาต่อๆ คนบนๆ กิน% คนล่างๆ ต่อๆ กันไป ในยุคก่อนที่ระบาดหนักมาก ซึ่งจะมาแนวให้ซื้อโปรดักซ์แลกกับเข้าเป็นสมาชิก แล้วล้างสมองเราด้วยการ จัดสัมนาดูน่าเชื่อถือ มีหน้าหมา เอ้ย หน้าม้า ขึ้นเวทีเปิดเพลง EDM เร้าๆ แสงสีควันไฟตระการตา แบบแกรนด์โอเพ่นนิ่ง ตึ่งๆ ตึงๆ ตะ ดึง ตะ ดึง....ขึ้นมาพูดโชว์ศักยภาพ บอกเล่าชีวิตประมาณว่า เคยจนเคยลำบากอย่างนั้นอย่างนี้ พอมาทำแล้วยกคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นจากหน้าเท้าเป็นหลังมืออย่างอัศจรรย์ใจ เมื่อก่อนนี่ยังมีสินค้าโปรดักซ์ให้เหมือนล้างสมองให้ซื้อนะครับ
แต่ยุคปัจจุบันนี้ อย่าง ไลฟ์โค้ช ตอนนี้ ผมดูๆ เหมือนจะไม่ค่อยลงทุนอะไรเลยด้วยซ้ำ ประดิษฐ์ประโยคสวยๆ โดนๆ Abtract หรือทำคลิปอ่านตามสคริป หรือใส่เพลงเร้าๆ  อาศัยพูดโน้มน้าวเก่ง ผ่านสื่อโซเชี่ยล ซึ่งผมคิดว่า ผมก็ทำตัดต่อวิดีโอแบบนั้นผ่านมือถือกากๆ ผมได้นะครับ 
เมื่อก่อนธุรกิจเครือข่าย กว่าจะหาลูกค้าต้องเช่าสถานที่ มีชากาแฟ ขนมเลี้ยงในงาน เชิญเราไปก่อน พอในงานเปิดตัวจบ ก็จะมีพวกหัวๆ มาเหมือนจะโค้ชชิ่งให้อีกที โน้มน้าวเข้าสู่เครือข่าย มีสินค้าให้ซื้อแลกเข้า อีก
แต่เดียวนี้แทบจะไม่ได้ลงทุนอะไรมากเลยครับ ใช้สื่อในการสร้างอุปทานหมู่คนที่รู้ไม่เท่าทัน ล้างสมองอะไรแบบนั้น
คือ ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง Saving Private Byran ฉากนึงที่โดนสไนเปอร์ ของนาซีสุ่มยิง แล้วทอม แฮง ได้ยินประกาศโทรโข่งของฝ่ายเยอรมัน ประมาณใช้จิตวิทยาปลุกปั่น ประมาณนั้นเลยครับ ยุคสงครามโลก ฮิตเลอร์ก็ใช้สื่อนี่แหละครับเป็นอาวุธสำคัญ
ที่ผมรู้ลึกเรื่องธุรกิจเครือข่ายดีพอสมควร เพราะเมื่อก่อนผมก็เป็นนึงในหลายๆ คนครับ ที่เข้าไปอยู่ในเครือข่าย แบบว่า โลภ มักง่าย ประมาณนั้นอ่ะครับ
คิดดูนะครับ ผมโง่ ไม่โง่ โดนหลอกกินตังค์ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นธุรกิจโสมอะไรสักอย่างนี่แหละ จำได้ว่าไปสัมนาที่ตึกแถวแยกห้วยขวาง ตอนนั้นเหมือนเค้าเช่าที่สัมนางานประชุม คนไปเยอะมาก
อีกครั้งเป็นธุรกิจสมุนไพรอัดเม็ด เขาอ้างว่ามาจากต่างประเทศ ทุกวันนี้ผมยังจำยอดได้อยู่เลยครับ ผมเสียค่าซื้อของสมัครแลกเข้าไป 2,400 
อืม...ผมย้อนคิดไปมองตัวเองตอนนั้น คือ รู้สึกโคตรโง่เลยครับ ก็อย่างว่าหล่ะครับ ตอนนั้นอายุยังน้อย และยังไม่ได้มีการแฉบนโลกออนไลน์ให้อ่านเหมือนในปัจจุบันมากนัก ที่ทำให้เราได้อ่านชั่งใจ เพื่อประกอบน้ำหนักการตัดสินใจ ผมเชื่อว่ายุคนั้นน่าจะมีคนโดนหลอกเยอะพอสมควรนะครับ
คือผมวิเคราะห์ ด้วยสมองอันชาญฉลาดเท่าเม็ดถั่วดำที่โดนอัดแล้วอย่างงี้ครับว่า วิธีการ ของไลฟ์โค้ช จะมีความคล้ายกับธุรกิจ เครือข่ายที่หลอกคนอยู่อย่างนึง
คือ ความโลกสวยด้วยมือเรา พูดวาดฝันเกินจริง คือ เหมือนมองข้ามโลกความเป็นจริงไปไกลพอสมควร มักจะโชว์วัตถุนิยม รถสปอร์ตคาร์ นาฬิกาหรู บ้าน โชว์เงินเป็นตั่บๆ ก้อนๆ ยิ่งไลฟ์โค้ช บางคนนะครับ เท่าที่ผมเห็น คือหนักเลย บางทีรู้สึกออร่าถึงความเห็นแก่ตัว คือ เหมือนเขาจะไม่สนโครงสร้างปัญหาสังคมจริงๆ สักเท่าไหร่ เอาตัวเองเป็นที่ตั้งมากเกินไป จะช่วยเหลือสังคมต่างๆ ผมก็ไม่รู้มีส่วนจริงมากน้อยแค่ไหนนะครับ หรือสร้างภาพไปงั้นๆ ก็ไม่รู้ แต่ที่ผมเห็นคือ ไม่ค่อยเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนเท่าไหร่ คือ เอะอ่ะอะไรก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต สุดยอดดด อะไรแบบนั้น ผมว่าแต่ละคนก็มีปัญหาบริบทที่แตกต่างกัน อ่ะนะ มันคงไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวอ่ะนะครับ ออกไปแนวอวย ฝันหวานโลกสวย มายา ให้คนที่ชอบสิ่งตัวเองอยากชอบ แต่ไม่ยอมรับความเป็นจริง อันนี้น่ากลัวนะครับผมว่า

เอาจริงๆ นะครับ ผมว่าคนในบอร์ด Pantip เนี๊ยะ ยังมีความเป็นไลฟ์โค้ชมากกว่าอีกนะครับ เพราะเท่าที่ผมสังเกตุ เวลาใครมีปัญหาชีวิตอะไรมาตั้งกระทู้ มักจะมีคนในบอร์ดมาช่วยตอบ ช่วยกันเห็นต่าง ช่วยกันออกความเห็นมุมมอง มีความเห็นคัดค้านหักล้างกัน เอาเหตุผลแต่ละคนมาดีเบทกัน ทำให้เห็นหลายมิติ
ให้ความเห็นกันแบบตรงๆ ไม่ต้องอวย บางทีอ่านให้สะดุ้งฉุกคิดเตือนสติได้ มีความหลากหลาย ประกอบการตัดสินใจ จากคนที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อน
แต่ถ้าเป็น ไลฟ์โค้ชข้างนอก เท่าที่ผมเห็นคือ พูดจาโน้มน้าวดี พูดน้ำๆ พูดรวมๆ แต่ไม่ได้เจาะประเด็น โลกสวย อวยไว้ก่อน หรือ แม้แต่ ด่าแบบเฟกๆ แบบว่าฉันคนตรง สร้างคอนดักเตอร์ บุคลิค Personality ให้ดึงดูด แบบเอาอัตตาตัวเองเป็นที่ตั้ง สุดท้ายแล้วก็จะจบด้วยการเปิดคอร์สเก็บตังค์ หรือขายหนังสือก็ว่ากันไป ทัศนคติดีหรือไม่ เราก็ไม่รู้ว่าใช้ในชีวิตจริงได้หรือเปล่า คราวนี้มาประเด็นคอร์สสัมนาเก็บตังค์นี่แหละครับ มันเหมือนกลายพันธ์ุ ประมาณว่า ถ้าคุณเรียนคอร์สนี้แล้ว ถ้าอยากได้เชิงลึกพรีเมี่ยมอีก เรามีคอร์สแอดแว้นซ์ ให้ลงอีก คือ คนเรียนจะเริ่มงงๆ ละ อ่านนึกว่าเรียนคอร์สนี้จบละ อ่าวจ่ายเพิ่มอีกเหรอ เรียนเพิ่มไปอีก พอเข้าไปเรียน อ่าวไม่มี5ไรเลย ก็เหมือนๆ ที่เขาพูดๆ โพสๆ ในสื่อของเขา ดูธรรมดาไปเลย คือ มันมีเคสนี้ที่ต่างประเทศ กรณีของ Dan Lok ครับ มีคนมาแฉจนหมดเปลือกเลย ใช้สื่อโซเชี่ยนี้บูตโพสตัวเองไปเรื่อยๆ จนมีคนหลงเข้าไปในเกมของเค้า ต้องเล่นไปตามเกม บางคนถึงกับกู้เงิน ลาออกจากงานเอาเงินมาลงเรียน ชีวิตพังก็มีครับ

ท้ายที่สุดแล้ว ประเด็นที่อยากจะสื่อ ไม่ว่าใครมาอ่าน คือ สั้นๆ รู้หน้าไม่รู้ใจ อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน เวลาเท่านั้นครับ จะเผยทุกสิ่งอย่าง ผมไม่อยากให้คนในสังคมบ้านเราโดนหลอกง่ายเกินไป

แล้วสุดท้ายแล้ว อย่าเชื่อผมครับ ถ้ายังไม่ได้ประสบกับตัว ซึ่งผมเคยโง่กับเรื่องพวกนี้มาแล้ว 2400 บาท ค่าโง่ ที่ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ครับ
God Bless You ครับ เอ้ยไม่ใช่สิ God คุ้มครองเรื่องนี้ไม่ได้ ต้อง วิจารณญาณ ความรอบคอบ ศึกษาเก็บข้อมูลรอบด้านมาวิเคราะห์ด้วยตัวเอง คุ้มครองคุณครับ

ปล.คือตอนนี้ผมกำลังหาไลฟ์โค้ช ที่สอนการใช้ชีวิตสมถะ เรียบง่าย ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้คุ้มค่า มากๆ ครับ อ่อที่นึกได้มีคนนึง น่าจะเป็น ลุงโจน จันได อ่อนั่นไม่ใช่ไลฟ์โค้ช ผมมองว่าลุงแกน่าจะเป็นอารมณ์เหมือนครูสอนมากกว่า เพราะเขาไม่ได้หวังวัตถุนิยมเป็นที่ตั้งของชีวิต แต่ลุงโจนแกสอนให้คนใช้ชีวิตให้อยู่รอดมากกว่าครับ เพราะลุงโจน เท่าที่ผมเข้าไปดูเขาลงมือทำ สาธิตให้ดูเลยครับ เห็นเป็นรูปธรรมมากกว่า ประมาณนั้น 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่