JJNY : ม.มหาสารคาม-ขอนแก่นเปิดแคมเปญ'ตามหาคนหาย'/พท.โต้แทน“รบ.ยิ่งลักษณ์”/จ่อดันกม.คุมเกม นักแคสค้าน/'เน็ตประชารัฐ'​เละ

โปสเตอร์ตามหา 'เตียง-หะยีสุหลง' พร้อมเหยื่ออุ้มกว่า 10 รายผุด ม.มหาสารคาม-ขอนแก่น เปิดแคมเปญ 'ตามหาคนหาย'
https://www.matichon.co.th/politics/news_2251999
 

 
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ ‘ขอนแก่นพอกันที’ เปิดเผยถึงการผลักดันแคมเปญ ‘ตามหาคนหาย’ ทั่วขอนแก่นโดยระบุว่า จากอดีตถึงปัจจุบันมีนักกิจกรรมทางการเมืองถูกอุ้มหายเเล้วอย่างน้อย 16 ราย โดยบางรายพบว่า เสียชีวิตเเล้ว
 
นอกจากนี้ เพจ แนวร่วมนิสิตมมส.เพื่อประชาธิปไตย – MSU Democracy Front ยังเผยแพร่ภาพป้ายตามหาคนหายที่ติดในจุดต่างๆภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยย้อนไปถึงบุคคลในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมือง อาทิ นายเตียง ศิริขันธ์ อดีตเสรีไทย , หะยีสุหลง นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชาวมุสลิมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ของไทยที่มีบทบาทโดดเด่นขึ้นมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2,  นายทนง โพธิ์อ่าน อดีตประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ถูกอุ้มหายตัวไปเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2534, นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความ อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งหายตัวไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2547, นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย จังหวัดเพชรบุรี รวมถึง นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ ซึ่งถูกกลุ่มบุคคลลักพาตัวจากหน้าที่พักที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา เป็นต้น
 
เพจดังกล่าวระบุด้วยว่า
 
‘มาช่วยกันตามหาคนหาย และแล้วความเคลื่อนไหว​ก็ปรากฏ​ขึ้นที่ มมส.
ป้ายตามหาคนที่ถูกรัฐไทยอุ้มหายได้โผล่​ขึ้นในพื้นที่
มหาวิทยาลัย​มหาสารคาม​ มาช่วยกันตามหาความจริง เหตุใด ? 
พวกเขาถึงต้องถูกบังคับ​ให้สูญหาย​ แต่เราจะไม่มีวันลืมตัวตนของเขาเหล่านี้ที่ได้เคยเสียสละ ต่อสู้กับอำนาจอธรรม

เรายังคงยืนเด่นโดยท้าทาย‘
 
https://www.facebook.com/MSUDemocracyFront/posts/175249953997606
 

 
พท.โต้แทน ยัน “รบ.ยิ่งลักษณ์” ลดภาษีช่วยธุรกิจแข่งต่างชาติ แนะอุตตมเลิกโบ้ยผิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_2251955
 
“นายทะเบียนเพื่อไทย” โต้แทน “ปู” ยัน “รบ.ยิ่งลักษณ์” ลดภาษีเพื่อช่วยผู้ประกอบการแข่งขันต่างชาติได้ แนะ “อุตตม” เลิกโบ้ยความผิดทั้งที่ตัวเองบริหารศก.พลาด
 
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบันระบุว่า การจัดเก็บภาษีปี 2563 ไม่เข้าเป้าเกิดจากการที่ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ลดอัตราภาษีลงมาก ซึ่งคงหมายถึงการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากอัตรา 30% มาที่ 23% และลดอีกครั้งจนมาอยู่ที่ 20% นั้น เป็นการรำไม่ดี โทษปี่โทษกลองตามถนัด
 
ทั้งนี้ การเข้ามาของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ในปี 2554 ประเทศไทยมีอัตราภาษีนิติบุคคลสูงถึง 30% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเอเซีย ถือเป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ทำให้บริษัทที่ประกอบการโดยสุจริตในประเทศไทย เสียเปรียบบริษัทในต่างประเทศ เป็นอัตราที่สูงจนจูงใจให้เกิดการหลบเลี่ยงภาษี และคุ้มค่ากับกิจกรรมการโอนกำไรออกไปนอกประเทศ ซึ่งส่งผลเป็นการปล้นเงินภาษีไทยไปเอื้อเป็นรายได้ภาษีให้ชาติอื่นด้วยสารพัดวิธีการโดยเฉพาะ transfer pricing อย่างน่าเสียดาย รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์มุ่งสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการในประเทศไทย ลดอัตราภาษีที่สูงลิ่วอันเป็นภาระของผู้สุจริต แต่เปิดช่องให้กลุ่มที่คุ้มจะหลบเลี่ยงภาษี
 
ซึ่งการลดอัตราภาษีสามารถสนับสนุนการขยายฐานภาษีให้กว้างขวาง ส่งเสริมให้บริษัทในประเทศให้สามารถแข่งขันกับบริษัทต่างชาติได้ จึงทำให้การลดภาษีนิติบุคคลลงจาก 30% มาเป็น 23% ในปี2555 และลดลงเป็น 20% ในปี 2556 ดังกล่าว ยังส่งผลให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และสูงตามประมาณการเป้าหมาย โดยไม่ต้องไปเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตของราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง หรือไปเอาเงินจากการประมูลคลื่นความถึ่ หรือรีดเอาเงินนำส่งจากรัฐวิสาหกิจอย่างที่ทำอยู่ในเวลานี้
 
นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า GDP ปี 2555 หลังน้ำท่วมใหญ่ เติบโต และเติบโตต่อเนื่องไปในปี 2556 ก่อนการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ยอมรับความจริงเถิดว่า การจัดเก็บที่ไม่เป็นไปตามเป้าส่วนสำคัญมาจากนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดซ้ำผิดซาก ขาดความรู้ความเข้าใจในการบริหารงาน ส่วนถ้าจะหนีไปโทษโควิด-19 ก็คงต้องปุจฉาวิสัชนากันยาว แต่ถ้าจะเอาสั้นๆ ขอชี้ว่าลดเป้าเพราะโควิด ยอมรับได้ แต่ที่ลดเป้าตั้งมากมายแล้วยังทำได้ไม่ถึงเป้านั้นไม่มีฝีมือต่างหาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่