พอดีไปอ่านเจอว่า
ดังนั้นปัจจัยที่ควรพิจารณาว่า เราควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผลหรือไม่ เริ่มจากการหาจุดคุ้มทุนของเราเองก่อนนะครับ
1. ฐานภาษีเงินได้ของเราเองเป็นเท่าไร (อัตราภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา คือ 10%, 20%, 30% และ 37%)
2. เราได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่เสียภาษีในอัตราเท่าไร (อัตราภาษีเงินได้ของนิติบุคคล คือ 15%, 20%, 25%, และ 30%)
ถ้าฐานภาษีเงินได้ของเรา > อัตราภาษีของบริษัท ดังนั้น เราไม่ควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผล
ถ้าฐานภาษีเงินได้ของเรา < อัตราภาษีของบริษัท ดังนั้น เราควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผล
จะเห็นได้ว่า ถ้าฐานเงินได้ของเรายิ่งน้อยเท่าไร การเครดิตภาษีจากเงินปันผลจะได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นในแต่ละปีจะมีผู้ไล่ล่าเงินปันผลเพื่อกาลนี้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าซื้อเพื่อเอาเงินปันผล ได้เงินปันผลก็ขายหุ้นออก เอาเงินไปซื้อหุ้นตัวอื่นๆเพื่อได้เงินปันผลอีก หมุนเงินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อทำเงินจากการขอเครดิตภาษีจากเงินปันผลโดยเฉพาะ
คำถามอยากทราบว่า บริษัทที่เราซื้อหุ้น อัตราภาษีเงินได้ของนิติบุคคล นั้นเขาเสียกี่ % จะหาดูได้จากที่ไหนในอินเตอร์เน็ตหรืออย่างไรแนะนำทีครับ เช่น บริษัท BTS เสียกี่%
สอบถามเรื่อง วิธีการขอเครดิตภาษีเงินปันผล
ดังนั้นปัจจัยที่ควรพิจารณาว่า เราควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผลหรือไม่ เริ่มจากการหาจุดคุ้มทุนของเราเองก่อนนะครับ
1. ฐานภาษีเงินได้ของเราเองเป็นเท่าไร (อัตราภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา คือ 10%, 20%, 30% และ 37%)
2. เราได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่เสียภาษีในอัตราเท่าไร (อัตราภาษีเงินได้ของนิติบุคคล คือ 15%, 20%, 25%, และ 30%)
ถ้าฐานภาษีเงินได้ของเรา > อัตราภาษีของบริษัท ดังนั้น เราไม่ควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผล
ถ้าฐานภาษีเงินได้ของเรา < อัตราภาษีของบริษัท ดังนั้น เราควรใช้เครดิตภาษีเงินปันผล
จะเห็นได้ว่า ถ้าฐานเงินได้ของเรายิ่งน้อยเท่าไร การเครดิตภาษีจากเงินปันผลจะได้ประโยชน์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นในแต่ละปีจะมีผู้ไล่ล่าเงินปันผลเพื่อกาลนี้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าซื้อเพื่อเอาเงินปันผล ได้เงินปันผลก็ขายหุ้นออก เอาเงินไปซื้อหุ้นตัวอื่นๆเพื่อได้เงินปันผลอีก หมุนเงินอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อทำเงินจากการขอเครดิตภาษีจากเงินปันผลโดยเฉพาะ
คำถามอยากทราบว่า บริษัทที่เราซื้อหุ้น อัตราภาษีเงินได้ของนิติบุคคล นั้นเขาเสียกี่ % จะหาดูได้จากที่ไหนในอินเตอร์เน็ตหรืออย่างไรแนะนำทีครับ เช่น บริษัท BTS เสียกี่%