วิธีจัดการความวิตกกังวลแบบจิตวิทยา
.
อันนี้เอามาจากคุณ Amy Morin ครับ ใน Psychology Today เธอเป็นนักจิตบำบัดและก็ได้นำเสนอวิธีในการจัดการกับความวิตกไว้ 2 แบบ
.
1)
อะไรที่จัดการได้ก็จัดการ อะไรที่จัดการไม่ได้ก็ปล่อยไป
.
: เธอบอกว่าโลกนี้ปัญหาอยู่ 2 แบบ คือเรื่องที่เราจัดการได้เรื่องที่เราจัดการไม่ได้ (อันนี้ไม่ได้กวนนะ) คือเรื่องที่เราจัดการได้ เราก็จัดการมันให้เรียบร้อย ทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด ส่วนปัจจัยภายนอก อย่างจิตใจคนอื่น เหตุการณ์ที่เราคุมไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยมันไป กลับมาจัดการภายในใจ ปรับทัศนคติให้ดี ก่อนจะเรื่องราวเหล่านั้น
.
เหมือนเราพยายามทำงานนึงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เราก็บังคับให้คนมาชอบงานเราไม่ได้ ก็ทำให้มันเต็มที่ไว้ก่อน คนจะชอบไม่ชอบ ก็ค่อยเอามาปรับปรุง จัดการทัศนคติกันไป อะไรทำนองนั้น
.
2)
แบ่งเวลาไว้ 15 นาทีในแต่ละวันเพื่อนั่งกังวลโดยเฉพาะ
.
เธอแนะนำว่าไหน ๆ ก็กังวลแล้ว ก็แบ่งเวลาสัก 10-15 ของวันไปนั่งกังวล นั่งคิดกับเรื่องนั้นไปเต็มๆ เลย คือจะจดออกมาด้วยก็ได้ แต่ถ้ากังวลนอกเวลานั้น ก็ต้องเตือนสติตัวเอง ว่ามันไม่ใช่เวลากังวลนะ ไว้กังวลในเวลาที่เตรียมไว้ดีกว่า (มีการศึกษาพิสูจน์ว่ามันช่วยได้จริงนะ)
.
เธอถึงท้ายไว้ดีมากครับ พวกสิ่งที่เราจัดการไม่ได้ อย่างธรรมชาติ ความคิดผู้คน สภาพอากาศ สภาพหรือเศรษฐกิจ ก็ปล่อยมันไป อย่าไปเปลืองเวลา เปลืองแรง เอาแรงมาใส่ใจกับสิ่งที่เราพอแก้ไขได้ พอจัดการได้ดีกว่า แทนที่มันจะพังกันหมด ให้มันพังเพียงไม่กี่อย่างดีกว่า อย่ามานั่งกังวลจนทุกมิติในชีวิตพังไม่เป็นท่าเลย
ลองขจัดความกังวล ด้วยวิธีง่ายๆแค่2วิธี
.
อันนี้เอามาจากคุณ Amy Morin ครับ ใน Psychology Today เธอเป็นนักจิตบำบัดและก็ได้นำเสนอวิธีในการจัดการกับความวิตกไว้ 2 แบบ
.
1)
อะไรที่จัดการได้ก็จัดการ อะไรที่จัดการไม่ได้ก็ปล่อยไป
.
: เธอบอกว่าโลกนี้ปัญหาอยู่ 2 แบบ คือเรื่องที่เราจัดการได้เรื่องที่เราจัดการไม่ได้ (อันนี้ไม่ได้กวนนะ) คือเรื่องที่เราจัดการได้ เราก็จัดการมันให้เรียบร้อย ทำทุกอย่างให้มันดีที่สุด ส่วนปัจจัยภายนอก อย่างจิตใจคนอื่น เหตุการณ์ที่เราคุมไม่ได้ เราก็ต้องปล่อยมันไป กลับมาจัดการภายในใจ ปรับทัศนคติให้ดี ก่อนจะเรื่องราวเหล่านั้น
.
เหมือนเราพยายามทำงานนึงให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เราก็บังคับให้คนมาชอบงานเราไม่ได้ ก็ทำให้มันเต็มที่ไว้ก่อน คนจะชอบไม่ชอบ ก็ค่อยเอามาปรับปรุง จัดการทัศนคติกันไป อะไรทำนองนั้น
.
2)
แบ่งเวลาไว้ 15 นาทีในแต่ละวันเพื่อนั่งกังวลโดยเฉพาะ
.
เธอแนะนำว่าไหน ๆ ก็กังวลแล้ว ก็แบ่งเวลาสัก 10-15 ของวันไปนั่งกังวล นั่งคิดกับเรื่องนั้นไปเต็มๆ เลย คือจะจดออกมาด้วยก็ได้ แต่ถ้ากังวลนอกเวลานั้น ก็ต้องเตือนสติตัวเอง ว่ามันไม่ใช่เวลากังวลนะ ไว้กังวลในเวลาที่เตรียมไว้ดีกว่า (มีการศึกษาพิสูจน์ว่ามันช่วยได้จริงนะ)
.
เธอถึงท้ายไว้ดีมากครับ พวกสิ่งที่เราจัดการไม่ได้ อย่างธรรมชาติ ความคิดผู้คน สภาพอากาศ สภาพหรือเศรษฐกิจ ก็ปล่อยมันไป อย่าไปเปลืองเวลา เปลืองแรง เอาแรงมาใส่ใจกับสิ่งที่เราพอแก้ไขได้ พอจัดการได้ดีกว่า แทนที่มันจะพังกันหมด ให้มันพังเพียงไม่กี่อย่างดีกว่า อย่ามานั่งกังวลจนทุกมิติในชีวิตพังไม่เป็นท่าเลย