แชร์ประสบการณ์ทำเด็กหลอดแก้ว IVF ครั้งเดียวติด

“การแต่งงานและปัญหาเรื่องซีส”
         เราทั้งสอง แต่งงานกันเดือน ธันวาคม 2559
คุณแม่มีแนวโน้มจะมีปัญหามีบุตรยาก เพราะ 5 ปีที่แล้วมีปัญหาซีสที่รังไข่ และได้ทำการผ่าตัด หลังจากนั้นเจ้าซีสต์ก็ขึ้นแล้วขึ้นอีก ผลุบๆโผล่ จึงต้องรักษา โดยการฉีดยาคุม เรื่อยมา แต่คุณหมอยังยืนยันเสมอมาว่า ไม่ได้ส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยาก

“ตรวจเจอเนื้องอกไปอีก”
        หลังแต่งงาน ก็ตรวจพบเนื้องอกนอกโพรงมดลูกอีก 3 ซม. แต่ก็ยังคิดว่า คงไม่เป็นไรมั้ง เด่วก็คงยุบเหมือนซีสต์แหล่ะ

“เริ่มปรึกษาแพทย์เรื่องการมีบุตรยาก”
        เราทั้งสองตัดสินใจลองปล่อยธรรมชาติ อยู่ประมาณสัก 7-8 เดือน แต่น้องก็ไม่มา เราจึงตัดสินใจว่า ไปหาหมอดีมั้ย บางคนอาจะคิดว่า เร็วไปมั้ยสำหรับการไปปรึกษาหมอ แต่เราสองคนมองว่า ในเมื่อเราพอรู้สาเหตุอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้เสียเวลา

“ฟ้าฟาดอีกรอบ ฮอร์โมนต่ำดุจวัยทอง”
เราทั้งสองตัดสินใจไปตรวจ ทั้งอสุจิและฮอร์โมน AMH  ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่บ่งบอกว่ามีไข่ในรังไข่เท่าไหร่ ซึ่งก็เท่าๆกับคนวัยทอง(0.66) แถมด้วยเนื้องอกนอกโพรงมดลูกอีก 3 ซม. 
โชคดีที่อสุจิ ปกติแถมยังแข็งแรงเว่ออออร์(สามีไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่)

“เข้าสู่กระบวนการเด็กหลอดแก้ว IVF”
ปรึกษาคุณหมอกุ้ง (คุณหมอนุจรีย์  ลีละสุวัฒนากุล) ที่ SFC ขอนแก่น ทางเดียวสำหรับปัญหานี้คือ การทำ IVF ซึ่งค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง คุณหมอแล้วแต่ความสมัครใจ จึงปรึกษาครอบครัว คุณแม่บอก “จัดไป” อย่ารอ ** คุณหมอแนะนำและอธิบายดี ไม่ให้ความหวังเกินไป พูดด้วยเหตุผล เข้าใจง่าย

“ขั้นแรก เตรียมเก็บไข่”
ก่อนที่จะเก็บไข่ คุณหมอทำการตรวจ ฮอร์โมน FSH และตรวจไข่ตั้งต้น ปรากฏว่า ฮอร์โมนน่ากระตุ้น ไข่ตั้งต้นมีถึง 3 ใบซึ่งคนปรกติเค้ามีกันเป็น 10 แต่ 3 ใบก็โอเครรรมากกก สำหรับคนดุจวัยทองอย่างเราจึงจ่ายยากินและฉีดเข้าหน้าท้องให้ เพื่อกระตุ้น
ไข่

“ประสบการฉีดยาเข้าหน้าท้องครั้งแรก”
สามีฉีดให้ ปรากฏว่าทะเลาะกัน เพราะนางทำยาหกไปจิ๊ดนึง เราก็กลัวจะว่า ยาไม่ครบโดสและมันแพงมากกกก จึงงอลเล็กน้อย
สรุปฉีดไปประมาณ 5 ครั้ง

“พระธาตุพนมที่พึ่งทางใจของเรา”
หลังจากฉีดยา เราก็เดินทางไปจังหวัด นครพนม เพื่อไหว้พระธาตุสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ภาคอิสานเพื่อความเป็นศิริมงคล ทันที

“ เก็บไข่”
วันเก็บไข่ ต้องฉีดยาเข้าหน้าท้องกระตุ้นให้ไข่ตก ต้องตรงเวลามากๆ และหาหมอเพื่อเก็บไข่ให้ตรงเวลา
การเก็บไข่ คือ ขึ้นขาหยั่ง ต้องวางยาสลบ ใช้เวลา 30 นาทีเสร็จ เพิ่มเติมคือส่องกล้องไปดูโพรงมดลูก ซึ่งคุณหมอก็ตกแต่งโพรงมดลูก ขูดติ่งเนื้อให้พร้อมสำหรับการย้ายตัวอ่อนไปเลย ( มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
หลังเก็บไข่แล้วรู้สึกหน่วงๆเหมือนปวดประจำเดือน 2-3 วันหาย
หลังจากฉีดกระตุ้นไข่ไปประมาณ 5 โดส ค่ายาโหดๆๆ เก็บไข่ได้แค่ 7 ใบ สมบูรณ์ 5 ใบ แค่นั้นเอง

“เก็บอสุจิ”
ระหว่างที่คุณแม่ เก็บไข่ คุณพ่อก็ต้องเก็บอสุจิ
นางบอกว่า เป็นห้องเย็นๆ มาโซฟา มี หนังโป๊
ขั้นตอนก็ตามนั้นแหล่ะค่ะ ฮ่าาา เก็บใส่กระบอกใสๆ
ง่ายมากกกก (หนังโป๊เก่าไปหน่อย นางกล่าว) 555
คุณผู้ชายก่อนเก็บอสุจิ ต้องรักษา สุขภาพให้แข็งแรงด้วยนะคะ 

“ผสมตัวอ่อน” ด้วยวิธี ICSI 
เอาไข่ทีได้ ผสม กับอสุจิด้วยวิธี ICSI คือเอาอสุจิเจาะลงไปผสมในไข่เลย เลี้ยงจนถึงระยะ 5 วัน
หรือเรียกว่า Blastosis 
สรุปเหลือตัวอ่อนแค่ 3 ตัว เกรด AA AB BA
แอบร้องไห้ เพราะมันน้อยมากกกก แต่คุณหมอก็ปลอยใจว่า น้อยแต่ คุณภาพดี

“ย้ายตัวอ่อนรอบสดไม่ได้ ต้องรอรอบแช่แข็งเนื่องจากฮอร์โมนต่ำเกินไป”

“ก่อนย้ายตัวอ่อน ต้องจัดการกะเนื้องอกก่อน”
ซึ่งไม่ควรผ่าตัด คุณหมอแจ้งว่ายิ่งผ่าตัดมดลูกยิ่งเสียหาย จึงให้ไปฉีดยา เพื่อยับยั้งการเติบโต เพื่อไม่ให้ไปรบกวนการฝังตัวของตัวอ่อน ฉีดไปทั้งหมด 2 เข็ม

“เตรียมตัวย้ายตัวอ่อน”
หลังจากเก็บไข่ก็วอร์มร่างกายเพื่อย้ายตัวอ่อน
หนึ่งในวิธีนั้น คือ ลาออกจากงาน เหอะๆๆ
ออกกำลังกาย ทานวิตตามินบำรุง ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
อัลตร้าซาวน์ดูความพร้อมของผนังมดลูก ทานยาปรับฮอร์โมน เพื่อให้ผนังมดลูกมีขนาดที่พร้อมกับการฝังตัวอ่อน

“ย้ายตัวอ่อน”
ตื่นเต้นมากกกก
ในวันนั้นคุณหมอให้ดื่มน้ำให้มากที่สุด เพื่อจะได้มองเห็นชัดๆ
เปลี่ยนชุด ขึ้นขาหยั่ง เอาเครื่องอัลตร้าซาวน์มาใส่หน้าท้อง จากนั้นใช้หลอดยาวๆสอดเข้าไปในช่องคลอดแล้ววางตัวอ่อนลงในโพรงมดลูก
ตอนนั้นเลือกวาง 2 ตัว เกรด AA และ BA (หมอให้เลือกเอง) เลือกดีสุดกะแย่สุดเข้าไป
ไม่ได้อยากได้แฝดนะ แต่กลัวไม่ติดเลยใส่ 2 ไปเลย
นอนพักนิ่งก่อนกลับบ้าน 1 ชม. ปวดฉี่มากแต่ลุกไม่ได้ คุณหมอสอดท่อปัสสาวะให้เลย สบายยนอนฉี่
ถามถึงความรู้สึก เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น มีแค่ความกังวลต่างๆนาๆ เต็มสมองไปหมด

“ระหว่างทางกลับบ้าน”
ย้ายเสร็จนั่งรถกลับ หนองบัวลำภูเลยจ้า (ไม่แนะนำนะคะ) ควรพักก่อน
ระยะทางประมาน 200 กม. บวกกทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ใช้ผ้าห่มรองตูด + พักรถบ่อย
แอบเครียดกลัวน้องหลุดด 

“รักษาเนื้อรักษาตัวที่บ้าน รอผลการย้ายตัวอ่อน”
ใช้เวลาประมาณ 7 วัน
ขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นจุดที่ทรมานที่สุด ทรมานใจ
เอาจริงๆ ไม่มีอาการอะไรเลย ไม่เจ็บนม ปกติมากก จนคิดว่าไม่ติดหรอก
• การเทคฮอร์โมน กิน แปะ สอด ฉีด เคร่งครัด ตรงเวลา มีวินัย
• ปฏิบัติตัว กลางๆ นอนพัก (ไม่ติดเตียงนะ) นอนดูหนัง ลุกเดินบ้าง ทำกิจวัตรตามปกติ ไม่ขึ้นลงบันได ไม่ยกของหนัก นอกนั้นก็ปกติ
• การทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ ไม่กินอะไรที่เสี่ยงท้องเสีย / ท้องผูก
• ความเครียด เครียดแหล่ะ แต่ก็พยายาม ดูหนังดูคลิปฮาๆวนไป  เล่นกะแมวชิวๆวนไป
• พันทิปคือแหล่งความเครียดชั้นดี
• ไม่กลั้นปัสสาวะ 
• รักษาสุขภาพ อย่าทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการมีไข้

“ลุ้นผล” 
ตื่นเช้า ต้องเดินทาง หนองบัวลำภู - ขอนแก่น เช่นเคย
ก่อนออกจากบ้านบอกกะแมวว่า ถ้าแม่มีน้องแม่ก็จะยังรักพี่อ้วนเหมือนเดิมนะ พร้อมลูบหัว 1 ที
ถึงคลีนิคเจาะเลือด รอผลประมาณ 30 นาที
ตื่นเต้นจนไม่เป็นอันจะทำอะไร มือไม้สั่นไปหมด 
หมอเรียกเข้าห้อง หมอบอก  ฮอร์โมนขึ้น 200 กว่าน้องมาแล้วนะคะ คุณแม่ ชอคคคค !!!! น้ำตาไหลทั้งผัวและเมียกลับบ้านท้อง 2 สัปดาห์ 5 วันแบบ งงๆ

“เจาะฮอร์โมนซ้ำ”  
ถึงจะท้องแล้ว ก็ต้องตรวจค่าฮอร์โมน ซ้ำอีกหลังจากนั้น 5 วัน เจาะออกมาได้ค่า HCG 2000 กว่าๆถือว่าโอเคร แต่ ค่า  ฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน ต่ำ
หมอสั่งเหน็บยาเพิ่มจาก ตอนแรก เหน็บเช้าอย่างเดียว เป็นเช้าเย็น
ส่วนอื่นๆก็ยังต้องประคับประคองด้วยฮอร์โมนเช่นเดิม กิน ฉีด แปะ เหน็บ

“เมื่อคุณแม่ป่วย” 
หลังจากไปตรวจฮอร์โมนซ้ำได้แค่ 1 วัน ก็เกิดอาการเจ็บคอ ไม่มีไข้ เป็นหวัดและไอหนักมาก
เครียดมาก กลัวลูกหลุดด เพราะไอหนักมากจริงๆ ไอจนร้องไห้ เครียดสุดๆ
จึงไปหาหมอพร้อมกะการอัลตร้าซาวครั้งแรก

“อัลตร้าซาวน์ครั้งแรก”
มองเห็นถีงตั้งครรภ์ข้างในมีถุงไข่แดง 1 ถุง (ได้ 1 อีก 1 หลุด) ซึ่งถุงหันหลังชนกะเนื้องอกพอดี!!! หมอบอกเด่วเด็กก็โตแซงเนื้องอกเอง Dont worry 
ส่วนอาการไอ หวัด หมอก็สั่งยาให้กิน ราว 1 สัปดาห์ก็หายย

“เห็นหัวใจละเด้อ” 
หลังจากเห็นถุงไข่แดง แล้ว 1 สัปดาห์ถัดมาก็เห็นตัวอ่อนน้อย สัปดาห์ถัดไปอีก ก็มอวเห็นหัวใจเต้น ได้ยินเสียงง ดังมากกก ดีใจปนๆอิ่มใจบอกไม่ถูก
ฮอร์โมนก็ยังต้องเทควนไป แต่หมอปรับลดลงเรื่อยๆดพราะเริ่มมีฮอร์โมนคนท้องปกติแล้ว

“ 12 สัปดาห์แล้ววว ตรวจโคโมโซม” 
ไหนๆก็มากันขนาดนี้แล้ว ก็ตรวจทุกอย่างเพื่อความแน่ใจ คือ การตรวจความผิดปกติของ โครโมโซมคู่ที่
21 18 13 ง่ายๆคือ โอกาสที่จะเป็นดาวน์ซินโดมและโรคร้ายแรงอื่นๆ พร้อมตรวจเพศ โดยการเจาะเลือด
ประมาณ 1 สัปดาห์รู้ผล ซึ่งก็แอบกังวลนิดหน่อย แต่ก็คิดว่า คามเสี่ยงต่ำ ไม่น่าจะมีอะไร
ผลออก >> ทุกอย่างปกติ และเป็นเพศชาย ซึ่งคุณพ่อกะคุณตาดีใจมากกเว่อร์

“12 สัปดาห์ หยุดฮอร์โมน กลายเป็นคนท้องปกติ”
หมอให้หยุดฮอร์โมน และทำตัวเหมือนคนท้องปกติ ฝากครรภ์ปกติ ทุกทุกอย่างเหมือนคนท้องปกติ
คลอดธรรมชาติ หรือ ผ่าคลอดตามสะดวก

“ทำไมเลือกผ่าคลอด”
เหตุง่ายๆ คือ กลัว และ ขี้เกียจจะลุ้นและกังวลกะอะไรใดๆแล้วว ขอต่อขนตาไปคลอดสบายใจดีกว่า

“เมื้อวันผ่าคลอดมาถึง”
ตื่นเต้น แต่งหน้าเบาๆพอน่ารักก
9.59 นาที เด็กชายจิณณ์ อดีตตัวอ่อนก็คลอดออกมาสมบูรณ์แข็งแรง ปิดจอปกระบวนการท้องอย่างสมบูรณ์

“ค่าใช้จ่าย”
น่าจะเกือบๆครึ่งล้าน

ในกระบวนการนี้จะสำเร็จไม่ได้ ถ้าขาดบุคคลดังต่อไปนี้

1. คุณตาโนช คุณยายเฮียง สำหรับกำลังใจและกำลังทรัพย์
2. น้องโม สำหรับ วิตตามิน Elevit ตั้งแต่ก่อนท้อง ท้อง ยันคลอดด และกำลังใจพร้อมเสียงหัวเราะ
3. สามีที่น่ารัก เจ้าของอสุจิ ฮ่าๆๆ ที่อยู่เคียงข้างกันเสมอมา ไม่เคยห่างไปไหน
4. คุณหมอกุ้งและคุณหมอเจี๊ยบ พี่เจ้าหน้าที่พยาบาล ที่ SFC ขอนแก่น
5. ดวงใจของแม่เด็กชายจิณณ์ ผู้ที่เกาะมดลูกแม่อย่างแน่นหนาอยู่ในท้องแบบชิว ไม่ทำให้แม่ตื่นเต้น แถมคลอดออกมายังเลี้ยงง่ายย

ตอนนั้นอายุ 28 ปี สามี 29 
ตอนนี้อายุ 31 สามี 32 
เด็กชายปัจจุบันอายุ 1.8 ขวบแล้วค๊าา

แม่ติ๊ดเองงง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่