ขอตั้งกระทู้เพื่อแก้บนนะคะ เราต้องตั้งกระทู้บอกเล่าเพื่อแก้บน 3 กระทู้
นี่เป็นกระทู้แรก มาเล่าเรื่องวิ่งในต่างแดนของเราค่ะ
ปกติเคยแต่อ่านกระทู้ ตอนบนไว้ก็รู้แหละว่าการเขียนอะไรยาว ๆ เป็นเรื่องยาก
แต่พอมาตั้งกระทู้จริง ๆ จึงได้รู้ว่ายากมากกกกก รู้งี้บนไว้แค่สองกระทู้พอ ฮือออ
เมื่อสามปีก่อน เราจับสลากได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทตอนอายุค่อนข้างจะเยอะแล้ว
ส่งฝาชิงโชคไปหลายฝา ได้ตอบรับมาจากมหาวิทยาลัยหนึ่งในซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย
ในส่วนนี้ ข้อมูลพื้นฐาน ซานดิเอโก เป็นเมืองหนึ่งของแคลิฟอร์เนีย อยู่ทางใต้มีชายแดนติดกับเม็กซิโก
เมืองที่เค้าเคลมว่าเป็น เมืองที่อากาศดีที่สุดของอเมริกา America’s Finest City หุยยยยย จับสลากได้แล้วก็ไปสิคะ รออะไร
มหาวิทยาลัยเราตั้งอยู่ใน La Jolla (อ่านว่า ลา โฮย่า) เมืองตากอากาศทะเล เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 18 -25 องศาเซลเซียส
La Jolla จึงมีบ้านพักตากอากาศเยอะมาก คนที่มาปักหลักอยู่อาศัยก็เป็นคนค่อนข้างมีฐานะ ค่าครองชีพก็สูง
(แต่เราไม่กลัว เพราะที่ที่เราอยู่นั้นสูงกว่ามาก เกาะไว้มั่นเชียวค่ะ)
(ทะเลหลังมหาวิทยาลัย)
ช่วงแรก ๆ ที่มาถึง ใจนี่คิดเลยว่า วิ่งที่นี่ต้องมีความสุขมากแน่ ๆ บอกใครต่อใครเราจะวิ่งฮาล์ฟแรกที่นี่แหละ
(โถ ๆ งานเมืองไทยยังไม่ค่อยมีเงินสมัคร จะมาสมัครงานวิ่งที่นี่)
จริง ๆ เราไม่ใช่นักวิ่ง วิ่งบ้างเพื่อสุขภาพ ทั้งชีวิตเน้นการวิ่งแบบพอเพียงมาตลอด
ที่มาฝึกวิ่งจริง ๆ เมื่อประมาณสี่ห้าปีก่อน ตอนนั้นจะไปฟูจิซัง คนพาไปก็ขู่มากมายว่าจะเดินแบบ Bullet Climber คือ เดินรวดเดียว แบบไม่นอนพักระหว่างทาง เลยต้องซ้อมวิ่งเยอะ ๆ ฝึกความอึด ทน ถึก แล้วเราก็ผ่านฟูจิซังมาได้ (นี่ก็อยากกลับไปแก้มือ อยากใช้เวลาให้น้อยกว่าเดิม รู้สึกโหยหาความเจ็บปวด แต่ติดโควิดซะก่อน ซึ่งก็เจ็บปวดไม่ต่างกันอะเนอะ) อยู่เมืองไทยไม่ลงงานวิ่งเลย เพราะไม่ชอบการปิดถนน เอ๊ยยย ไม่ใช่ค่ะ แค่ไม่ค่อยมีเงิน (จริง ๆ เคยลงระยะมินิหนึ่งงานถ้วน...ไม่นับเนอะ)
กลับมาที่ La Jolla., ปีแรกที่มาก็ยังไม่ได้สมัครวิ่งค่ะ เคยเข้าไปค่าสมัครแล้วก็ขนหัวลุกกกกกก
จริง ๆ ค่าสมัครไม่ได้แพงมากค่ะ (Half ครั้งนึงจะประมาณ $70 - $100) แต่ค่าใช้จ่ายที่เราได้จากทุนก็ไม่ได้สูงมาก
ครึ่งหนึ่งเราต้องจ่ายเป็นค่าที่พัก ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน แล้วก็ต้องเก็บเงินไว้เที่ยวตอนปิดเทอมอีก
(ไปเที่ยวช่วงปิดเทอม...ใช้เงินไปกับการเที่ยวเยอะจริง ๆ ค่ะ)
พอกำลังจะขึ้นปีสอง อยู่ ๆ ชิซูกะ (นามสมมติ) เพื่อนญี่ปุ่นที่สนิทกัน ก็พูดขึ้นว่า “เนี่ย ๆ ฉันอยากวิ่งจังเลย ฉันเห็นโนบิตะ (นามสมมติอีกแหละ ดูออกเนอะ) ไปวิ่งมาราธอนมา ฉันอยากวิ่งบ้าง ยูสนใจมั้ย” สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเพื่อนชาวญี่ปุ่น คือ เค้าเป็นคนชาติที่มีวินัยและจัดการชีวิตได้ดีมาก ๆ
ปีแรกของการเรียน โนบิตะลงมาราธอนไปสามรายการ ลงฮาล์ฟ และ ไตรไปกี่รายการเราจำไม่ได้ แถมด้วยการลงเรียน surf และกอล์ฟอีก
(ทำไมใช้ร่างกายเหมือนคนว่าง .... เดี๋ยวววววววว นี่คือเราอยู่โลกเดียวกันเนอะ)
(*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต., รูปนี้ไม่ใช่โนบิตะ แต่ไปหาข้อมูลงานวิ่งของเมืองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ)
โจทย์ความท้าทายของสมาชิกประเทศอาเซียน +3 มาขนาดนี้ ทางเราก็สมัครฮาล์ฟมาราธอนแรกทันที ถามว่าได้ซ้อมมั้ย
(ถ้าบอกว่า “ไม่” ก็คงจะมีคอมเมนต์ด่าเนอะ ด่าได้ค่ะ แรง ๆ ก็ได้ เพราะเราชอบความเจ็บปวด)
จริง ๆ ซ้อมยาวแบบตารางซ้อมนั้น เราไม่ได้ทำหรอกค่ะ แต่เราวิ่งบนลู่อยู่เรื่อย ๆ และเวทบ่อย เนื่องจากมียิมอยู่ใต้หอ
ไก่กาหลังเลิกเรียนหรือตอนเช้า ๆ คิดงานไม่ออกเราก็มาวิ่ง (ช่วงนั้นเวทขาเยอะด้วย เพราะเราชอบ hiking มาก)
สรุปว่า ก็เคยซ้อมมาบ้างเนอะ แต่ไกลสุดก็ไม่เกิดสิบโลแน่ ๆ
งานวิ่งดัง ๆ ของที่นี่ มีหลายงานค่ะ เช่น Rock ‘n’ Roll อันนี้ก็จัดตามเมืองทั่วประเทศ (น่าจะมีคนเคยรีวิว)
แต่ส่วนตัวไม่ชอบงานใหญ่ ๆ คนเยอะ ๆ มันดูวุ่นวาย เลยไม่เลือก Rock ‘n’ Roll
(*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต., Rock ‘n’ Roll San Diego คนโหดจริง ยอมแพ้)
สรุปว่างานที่เราสมัครไปเป็นงานประจำของท้องถิ่น วัตถุประสงค์หลักคือ รายได้สนับสนุนโรงพยาบาลและการแพทย์
เป็นงานวิ่งแบบซีรี่ส์ มีสามสนาม ใครวิ่งครบสามสนามในปีเดียวก็ได้เหรียญ Triple Crown เข้าไปดูในเพจแล้วรู้สึกน่าสนใจ
เราชอบงานที่จัดแบบท้องถิ่นเป็นกันเอง ไม่วุ่นวาย และจะได้เรียนรู้วิถีอเมริกันชนได้เต็มที่
งานสามสนามกำหนดการจัดในเดือน ม.ค., เม.ย., และ ส.ค. ตามลำดับตามนี้ค่ะ
1. Carlsbad Half Marathon and Marathon (สนามนี้เป็นสนามเดียวที่มีระยะฟูลมาราธอน)
2. La Jolla Half Marathon
3. American’s Finest City Half Marathon (ปกติชื่องานวิ่งจะเป็นชื่อเมืองหรือไม่ก็สปอนเซอร์ แต่ชื่อสนามนี้ขี้อวดสุด)
เส้นทางวิ่งของทั้งสามสนาม คือ สวยมากค่ะ วิ่งบนถนนหลักของเมือง เลียบชายทะเลทั้งสามสนาม
จริง ๆ เราชอบเส้น American’s Finest City Half Marathon มากที่สุด เพราะวิ่งในเมืองสุดและมีความแตกต่างของภูมิประเทศเยอะดี
แต่เส้นนี้เราไม่ได้วิ่งเพราะต้องกลับไทยก่อน (ตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปวิ่งที่นี่ซักครั้งให้ได้ในชีวิต ขอเวลาสะสมฝาชิงโชคแป๊บนะคะ)
ฮาล์ฟแรกที่ได้เงินจากเราไป ก็คือ Carlsbad Half Marathon 2019 จัดในเดือนมกราคม
ชื่อเต็ม ๆ ว่า TRI-CITY MEDICAL CENTER CARLSBAD FULL AND HALF MARATHON & SURF SUN RUN 5K ชื่อยาวจริง ๆ
(*ภาพมุมสูงบจากเพจของงานค่ะ)
งานนี้เดิมทีเค้าว่าเป็นงานวิ่งมาราธอนแรกสุดของ San Diego เดิมวิ่งในตัวเมือง San Diego เลย แต่ตอนหลังมีคนมาจัดงานที่ใช้ชื่อเหมือนกันหรืออะไรซักอย่าง สุดท้ายเลยเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนเส้นทางวิ่งมาที่ Carlsbad แทน., Carlsbad Half Marathon มีพิเศษเล็ก ๆ ตรงที่จะมีโปรแกรมเรียกว่า “Lucky 13” ไว้ให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือไม่สามารถออกกำลังกายได้อย่างที่ควรจะเป็น (เช่น ความดัน หัวใจ มะเร็ง) ได้ลงสมัครคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมสำหรับการฝึกวิ่งระยะฮาล์ฟ ทางทีมโรงพยาบาลจะจัดคอร์สฝึกแบบครบวงจรที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพทั้ง 13 คน เพื่อให้ทุกคนสามารถร่วมวิ่งได้ เป็นความท้าทายและสนับสนุนให้ผู้มีปัญหาสุขภาพได้ออกกำลังกายอย่างถูกต้อง
(แปะลิงค์ไว้เผื่อสนใจค่ะ
https://www.tricitywellness.com/medical/lucky-13/marathon/)
ภาพวันงานนะคะ
(ที่ฝากของ)
(ห้องน้ำเยอะมาก แต่ไม่กล้าปวดอะ)
(จุดเริ่มต้น)
(วิ่งเรียบชายหาดไปเรื่อย ๆ)
La Jolla - Carlsbad เป็นเมืองตากอากาศติดทะเลทั้งคู่ อารมณ์ประมาณ หัวหิน – ชะอำ หรือ สงขลา - หาดใหญ่
งานนี้ได้เสื้อแขนยาวมาสองตัว (คุ้มมากฮะ ทุกวันนี้หลังจากวิ่งวันนั้นแล้วก็ไม่ได้ใส่อีกเลย เฮ้!)
วันวิ่งก็หนาวค่ะ เนี่ย ๆ บรรยากาศที่ใฝ่ฝันเลย วิ่งหนาว ๆ ที่เมืองนอก
วุ๊ยยยยย วิ่งไปได้สามกิโล ร้อนนนนนน เอาชีวิตพี่ไปเถอะ
วิ่งไป ๆ ก็ดีค่ะ เหนื่อย เมื่อย รองเท้าหยิก มาครบให้สมกับงานแรก
(เหมือนทำให้มีอาการทุกอย่าง กลัวไม่มีเรื่องให้เล่าเนอะ)
ขอเล่าข้ามตอนวิ่งไปเลยนะคะ เพราะไม่มีอะไร วิ่งมาเรื่อย ๆ จนจบ ไม่กล้าหยุดวิ่ง กลัวหยุดแล้วจะเดินยาว
(รูปบรรยากาศนี่มีเพื่อนปั่นจักรยานตามถ่ายรูปให้ค่ะ แค่บอกว่าเป็นฮาล์ฟแรกนี่เพื่อนก็เอ็นดูค่ะ)
บรรยากาศในงานก็น่ารักค่ะ คนมาวิ่งและกองเชียร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในพื้นที่ ออกมาตั้งโต๊ะเก้าอี้เชียร์กันหน้าบ้าน
กองเชียร์สนุก ๆ ตลอดทางค่ะ เป็นงานท้องถิ่นอย่างแท้จริง
ตลอดทางเหมือนมี Dog Show กลาย ๆ เพราะเค้าจะเอาหมามานั่งอาบแดดด้วย หมาหน้ามึน ๆ เยอะเลยค่ะ
(ตอนนี้น่าจะเหนื่อย หยุดเซลฟี่กับหมาหน้ามึน)
วิ่งจบก็เจอชิซูกะเพื่อนสาวที่พลักพรากจากกันตอนกิโลเมตรที่สิบเอ็ด และ โนบิตะที่มาวิ่งในระยะฟูลแถมมีปัญหาที่ wave ปล่อยตัว (ฮีจำ wave ผิด ไปอยู่ท้าย ๆ) แต่สุดท้ายก็เข้าเส้นชัยพร้อม ๆ กับเรา (งงว่าจะรีบวิ่งไปไหน...โลกคู่ขนานของเรากับเค้ามันเป็นแบบนี้นี่เองค่ะ)
กระทู้แก้บน ฉันจะเล่าอะไรก็ได้ 1
นี่เป็นกระทู้แรก มาเล่าเรื่องวิ่งในต่างแดนของเราค่ะ
ปกติเคยแต่อ่านกระทู้ ตอนบนไว้ก็รู้แหละว่าการเขียนอะไรยาว ๆ เป็นเรื่องยาก
แต่พอมาตั้งกระทู้จริง ๆ จึงได้รู้ว่ายากมากกกกก รู้งี้บนไว้แค่สองกระทู้พอ ฮือออ
เมื่อสามปีก่อน เราจับสลากได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทตอนอายุค่อนข้างจะเยอะแล้ว
ส่งฝาชิงโชคไปหลายฝา ได้ตอบรับมาจากมหาวิทยาลัยหนึ่งในซานดิเอโก แคลิฟอร์เนีย
ในส่วนนี้ ข้อมูลพื้นฐาน ซานดิเอโก เป็นเมืองหนึ่งของแคลิฟอร์เนีย อยู่ทางใต้มีชายแดนติดกับเม็กซิโก
เมืองที่เค้าเคลมว่าเป็น เมืองที่อากาศดีที่สุดของอเมริกา America’s Finest City หุยยยยย จับสลากได้แล้วก็ไปสิคะ รออะไร
มหาวิทยาลัยเราตั้งอยู่ใน La Jolla (อ่านว่า ลา โฮย่า) เมืองตากอากาศทะเล เพราะอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ประมาณ 18 -25 องศาเซลเซียส
La Jolla จึงมีบ้านพักตากอากาศเยอะมาก คนที่มาปักหลักอยู่อาศัยก็เป็นคนค่อนข้างมีฐานะ ค่าครองชีพก็สูง
(แต่เราไม่กลัว เพราะที่ที่เราอยู่นั้นสูงกว่ามาก เกาะไว้มั่นเชียวค่ะ)
(ทะเลหลังมหาวิทยาลัย)
ช่วงแรก ๆ ที่มาถึง ใจนี่คิดเลยว่า วิ่งที่นี่ต้องมีความสุขมากแน่ ๆ บอกใครต่อใครเราจะวิ่งฮาล์ฟแรกที่นี่แหละ
(โถ ๆ งานเมืองไทยยังไม่ค่อยมีเงินสมัคร จะมาสมัครงานวิ่งที่นี่)
จริง ๆ เราไม่ใช่นักวิ่ง วิ่งบ้างเพื่อสุขภาพ ทั้งชีวิตเน้นการวิ่งแบบพอเพียงมาตลอด
ที่มาฝึกวิ่งจริง ๆ เมื่อประมาณสี่ห้าปีก่อน ตอนนั้นจะไปฟูจิซัง คนพาไปก็ขู่มากมายว่าจะเดินแบบ Bullet Climber คือ เดินรวดเดียว แบบไม่นอนพักระหว่างทาง เลยต้องซ้อมวิ่งเยอะ ๆ ฝึกความอึด ทน ถึก แล้วเราก็ผ่านฟูจิซังมาได้ (นี่ก็อยากกลับไปแก้มือ อยากใช้เวลาให้น้อยกว่าเดิม รู้สึกโหยหาความเจ็บปวด แต่ติดโควิดซะก่อน ซึ่งก็เจ็บปวดไม่ต่างกันอะเนอะ) อยู่เมืองไทยไม่ลงงานวิ่งเลย เพราะไม่ชอบการปิดถนน เอ๊ยยย ไม่ใช่ค่ะ แค่ไม่ค่อยมีเงิน (จริง ๆ เคยลงระยะมินิหนึ่งงานถ้วน...ไม่นับเนอะ)
กลับมาที่ La Jolla., ปีแรกที่มาก็ยังไม่ได้สมัครวิ่งค่ะ เคยเข้าไปค่าสมัครแล้วก็ขนหัวลุกกกกกก
จริง ๆ ค่าสมัครไม่ได้แพงมากค่ะ (Half ครั้งนึงจะประมาณ $70 - $100) แต่ค่าใช้จ่ายที่เราได้จากทุนก็ไม่ได้สูงมาก
ครึ่งหนึ่งเราต้องจ่ายเป็นค่าที่พัก ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน แล้วก็ต้องเก็บเงินไว้เที่ยวตอนปิดเทอมอีก
(ไปเที่ยวช่วงปิดเทอม...ใช้เงินไปกับการเที่ยวเยอะจริง ๆ ค่ะ)
พอกำลังจะขึ้นปีสอง อยู่ ๆ ชิซูกะ (นามสมมติ) เพื่อนญี่ปุ่นที่สนิทกัน ก็พูดขึ้นว่า “เนี่ย ๆ ฉันอยากวิ่งจังเลย ฉันเห็นโนบิตะ (นามสมมติอีกแหละ ดูออกเนอะ) ไปวิ่งมาราธอนมา ฉันอยากวิ่งบ้าง ยูสนใจมั้ย” สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเพื่อนชาวญี่ปุ่น คือ เค้าเป็นคนชาติที่มีวินัยและจัดการชีวิตได้ดีมาก ๆ
ปีแรกของการเรียน โนบิตะลงมาราธอนไปสามรายการ ลงฮาล์ฟ และ ไตรไปกี่รายการเราจำไม่ได้ แถมด้วยการลงเรียน surf และกอล์ฟอีก
(ทำไมใช้ร่างกายเหมือนคนว่าง .... เดี๋ยวววววววว นี่คือเราอยู่โลกเดียวกันเนอะ)
(*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต., รูปนี้ไม่ใช่โนบิตะ แต่ไปหาข้อมูลงานวิ่งของเมืองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ)
โจทย์ความท้าทายของสมาชิกประเทศอาเซียน +3 มาขนาดนี้ ทางเราก็สมัครฮาล์ฟมาราธอนแรกทันที ถามว่าได้ซ้อมมั้ย
(ถ้าบอกว่า “ไม่” ก็คงจะมีคอมเมนต์ด่าเนอะ ด่าได้ค่ะ แรง ๆ ก็ได้ เพราะเราชอบความเจ็บปวด)
จริง ๆ ซ้อมยาวแบบตารางซ้อมนั้น เราไม่ได้ทำหรอกค่ะ แต่เราวิ่งบนลู่อยู่เรื่อย ๆ และเวทบ่อย เนื่องจากมียิมอยู่ใต้หอ
ไก่กาหลังเลิกเรียนหรือตอนเช้า ๆ คิดงานไม่ออกเราก็มาวิ่ง (ช่วงนั้นเวทขาเยอะด้วย เพราะเราชอบ hiking มาก)
สรุปว่า ก็เคยซ้อมมาบ้างเนอะ แต่ไกลสุดก็ไม่เกิดสิบโลแน่ ๆ
งานวิ่งดัง ๆ ของที่นี่ มีหลายงานค่ะ เช่น Rock ‘n’ Roll อันนี้ก็จัดตามเมืองทั่วประเทศ (น่าจะมีคนเคยรีวิว)
แต่ส่วนตัวไม่ชอบงานใหญ่ ๆ คนเยอะ ๆ มันดูวุ่นวาย เลยไม่เลือก Rock ‘n’ Roll
(*ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต., Rock ‘n’ Roll San Diego คนโหดจริง ยอมแพ้)
สรุปว่างานที่เราสมัครไปเป็นงานประจำของท้องถิ่น วัตถุประสงค์หลักคือ รายได้สนับสนุนโรงพยาบาลและการแพทย์
เป็นงานวิ่งแบบซีรี่ส์ มีสามสนาม ใครวิ่งครบสามสนามในปีเดียวก็ได้เหรียญ Triple Crown เข้าไปดูในเพจแล้วรู้สึกน่าสนใจ
เราชอบงานที่จัดแบบท้องถิ่นเป็นกันเอง ไม่วุ่นวาย และจะได้เรียนรู้วิถีอเมริกันชนได้เต็มที่
งานสามสนามกำหนดการจัดในเดือน ม.ค., เม.ย., และ ส.ค. ตามลำดับตามนี้ค่ะ
1. Carlsbad Half Marathon and Marathon (สนามนี้เป็นสนามเดียวที่มีระยะฟูลมาราธอน)
2. La Jolla Half Marathon
3. American’s Finest City Half Marathon (ปกติชื่องานวิ่งจะเป็นชื่อเมืองหรือไม่ก็สปอนเซอร์ แต่ชื่อสนามนี้ขี้อวดสุด)
เส้นทางวิ่งของทั้งสามสนาม คือ สวยมากค่ะ วิ่งบนถนนหลักของเมือง เลียบชายทะเลทั้งสามสนาม
จริง ๆ เราชอบเส้น American’s Finest City Half Marathon มากที่สุด เพราะวิ่งในเมืองสุดและมีความแตกต่างของภูมิประเทศเยอะดี
แต่เส้นนี้เราไม่ได้วิ่งเพราะต้องกลับไทยก่อน (ตั้งใจไว้ว่าจะกลับไปวิ่งที่นี่ซักครั้งให้ได้ในชีวิต ขอเวลาสะสมฝาชิงโชคแป๊บนะคะ)
ฮาล์ฟแรกที่ได้เงินจากเราไป ก็คือ Carlsbad Half Marathon 2019 จัดในเดือนมกราคม
ชื่อเต็ม ๆ ว่า TRI-CITY MEDICAL CENTER CARLSBAD FULL AND HALF MARATHON & SURF SUN RUN 5K ชื่อยาวจริง ๆ
(*ภาพมุมสูงบจากเพจของงานค่ะ)
งานนี้เดิมทีเค้าว่าเป็นงานวิ่งมาราธอนแรกสุดของ San Diego เดิมวิ่งในตัวเมือง San Diego เลย แต่ตอนหลังมีคนมาจัดงานที่ใช้ชื่อเหมือนกันหรืออะไรซักอย่าง สุดท้ายเลยเปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนเส้นทางวิ่งมาที่ Carlsbad แทน., Carlsbad Half Marathon มีพิเศษเล็ก ๆ ตรงที่จะมีโปรแกรมเรียกว่า “Lucky 13” ไว้ให้ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือไม่สามารถออกกำลังกายได้อย่างที่ควรจะเป็น (เช่น ความดัน หัวใจ มะเร็ง) ได้ลงสมัครคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมสำหรับการฝึกวิ่งระยะฮาล์ฟ ทางทีมโรงพยาบาลจะจัดคอร์สฝึกแบบครบวงจรที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพทั้ง 13 คน เพื่อให้ทุกคนสามารถร่วมวิ่งได้ เป็นความท้าทายและสนับสนุนให้ผู้มีปัญหาสุขภาพได้ออกกำลังกายอย่างถูกต้อง
(แปะลิงค์ไว้เผื่อสนใจค่ะ https://www.tricitywellness.com/medical/lucky-13/marathon/)
ภาพวันงานนะคะ
(ที่ฝากของ)
(ห้องน้ำเยอะมาก แต่ไม่กล้าปวดอะ)
(จุดเริ่มต้น)
(วิ่งเรียบชายหาดไปเรื่อย ๆ)
La Jolla - Carlsbad เป็นเมืองตากอากาศติดทะเลทั้งคู่ อารมณ์ประมาณ หัวหิน – ชะอำ หรือ สงขลา - หาดใหญ่
งานนี้ได้เสื้อแขนยาวมาสองตัว (คุ้มมากฮะ ทุกวันนี้หลังจากวิ่งวันนั้นแล้วก็ไม่ได้ใส่อีกเลย เฮ้!)
วันวิ่งก็หนาวค่ะ เนี่ย ๆ บรรยากาศที่ใฝ่ฝันเลย วิ่งหนาว ๆ ที่เมืองนอก
วุ๊ยยยยย วิ่งไปได้สามกิโล ร้อนนนนนน เอาชีวิตพี่ไปเถอะ
วิ่งไป ๆ ก็ดีค่ะ เหนื่อย เมื่อย รองเท้าหยิก มาครบให้สมกับงานแรก
(เหมือนทำให้มีอาการทุกอย่าง กลัวไม่มีเรื่องให้เล่าเนอะ)
ขอเล่าข้ามตอนวิ่งไปเลยนะคะ เพราะไม่มีอะไร วิ่งมาเรื่อย ๆ จนจบ ไม่กล้าหยุดวิ่ง กลัวหยุดแล้วจะเดินยาว
(รูปบรรยากาศนี่มีเพื่อนปั่นจักรยานตามถ่ายรูปให้ค่ะ แค่บอกว่าเป็นฮาล์ฟแรกนี่เพื่อนก็เอ็นดูค่ะ)
บรรยากาศในงานก็น่ารักค่ะ คนมาวิ่งและกองเชียร์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในพื้นที่ ออกมาตั้งโต๊ะเก้าอี้เชียร์กันหน้าบ้าน
กองเชียร์สนุก ๆ ตลอดทางค่ะ เป็นงานท้องถิ่นอย่างแท้จริง
ตลอดทางเหมือนมี Dog Show กลาย ๆ เพราะเค้าจะเอาหมามานั่งอาบแดดด้วย หมาหน้ามึน ๆ เยอะเลยค่ะ
(ตอนนี้น่าจะเหนื่อย หยุดเซลฟี่กับหมาหน้ามึน)
วิ่งจบก็เจอชิซูกะเพื่อนสาวที่พลักพรากจากกันตอนกิโลเมตรที่สิบเอ็ด และ โนบิตะที่มาวิ่งในระยะฟูลแถมมีปัญหาที่ wave ปล่อยตัว (ฮีจำ wave ผิด ไปอยู่ท้าย ๆ) แต่สุดท้ายก็เข้าเส้นชัยพร้อม ๆ กับเรา (งงว่าจะรีบวิ่งไปไหน...โลกคู่ขนานของเรากับเค้ามันเป็นแบบนี้นี่เองค่ะ)