"ถนนสายสุดท้าย" เป็นนวนิยายของ "โบตั๋น" ที่สะท้อนถึงปัญหาต่างๆทั้งการชีวิต ปัญหาครอบครัวสังคม
เนื้อเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นิยายของโบตั๋น โดดเด่นในการสะท้อนภาพความจริงในสังคม โดยเฉพาะในสังคมชาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ ที่บางครั้งเป็นเหมือนเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและพบเห็นได้ตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ทั่วไป ถนนสายสุดท้ายก็เช่นกัน นิยายเรืองนี้ สะท้อนภาพของ “ดิถี” หนุ่มใหญ่ที่ถีบตัวเองขึ้นมาจากกรรมกรก่อสร้าง ช่างทาสี จนกลายเป็นเจ้าของกิจการเสาเข็มก่อสร้างที่มีลูกน้องในโรงงานของตัวเองนับสิบคน
ไม่มีใครรู้ประวัตินายจ้างหนุ่มใหญ่รูปงามผู้นี้ นอกจากรู้ว่าเขายังครองตัวเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอม และร่ำรวยขึ้นจากการค้า ที่ไม่ใช่วิธีการที่สะอาดเท่าใดนัก
ที่โรงงานของดิถี นางถวิล คนงานคนหนึ่ง มาขอให้เขาช่วยรับหลานสาวของแกที่อยู่ต่างจังหวัดให้เข้ามาทำงานเป็นกรรมกรด้วย ดิถีตกปากรับคำ และนั่นก็ทำให้เขาได้รู้จักกับแตง หรือประอร สาวน้อยแสนสวยสะดุดตา ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งต้องการถีบตัวเองขึ้นมาจากสภาพกรรมกรหาเช้ากินค่ำ และอีกฝ่าย มักมากในกามตัณหา ในที่สุด ดิถี ก็ได้แตงเป็นเมียอย่างลับๆ สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงเป็นแค่เครื่องบำรุงบำเรอความสุขทางเพศเท่านั้น
และหลังจากนั้น เขาเพิ่งรู้ว่า แตงยังมีน้องสาววัยเรียนอีกคนหนึ่งชื่อหนูเล็ก หรือวิชชุอร ซึ่งเรียนชั้นมัธยมอยู่ต่างจังหวัด แต่ดิถีก็ไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะตอนนี้โรงงานและโครงการก่อสร้างของเขากำลังถูกตรวจสอบจากสถาปนิกสาว นารีนาฎ ที่สำคัญหล่อนคือลูกสาวอธิบดีที่เขาคุ้นเคยและมีการรับมอบเงินใต้โต๊ะกันด้วยจำนวนมหาศาลอยู่ด้วย
นารีนาฎพบความผิดปกติในการสั่งซื้อวัสดุ อุปกรณ์ก่อสร้างมากมาย แต่ ดิถี ก็ใช้เล่ห์กลและมาดเสี่ยใหญ่บุคลิกดี หวังผลประโยชน์โดยการทำให้หล่อนเกิดความประทับใจและตกหลุมรัก จนยอมแต่งงานด้วย แม้จะรู้ภายหลังว่า เขามีลูกติดมากับเมียเก่าสองคน คือพรดิษฐา และอินทุอร ฝาแฝดต่างเพศ ที่อยู่ในวัยรุ่นทั้งคู่ก็ตาม
พรดิษฐาและอินทุอร เป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่นมาตั้งแต่เยาว์วัย แม่ทะเลาะกับพ่อ และหนีหายจากไปโดยไม่เคยกลับมาเลย เด็กหนุ่มจึงประชดตัวเอง ด้วยการสำมะเลเทเมา เพราะคิดว่าไม่มีใครรักเขา แม้แต่พ่อก็เอาแต่ทำงานไม่เคยสนใจลูก ส่วนอินทุอร ก็เป็นเด็กมีปัญหาขังตัวเองอยู่ในห้อง
แตงรับรู้การแต่งงานอย่างโก้หรูของดิถีสามีตัวเองกับนารีนาฎด้วยความเจ็บใจโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะหล่อนเป็นได้แค่เมียเก็บ... มันช่างเป็นชีวิตคู่ที่ขมขื่น เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับพ่อแม่ของตนมาแล้วในอดีต บังอร แม่ของแตง อยู่กินกับพ่อจนมีลูกคือแตงและน้องเล็ก แต่แล้ว บังอร ก็หนีตามชายชู้ชื่อดิษฐ์ไป โดยไม่เคยกลับมาเหลียวแล ลูกกำพร้าทั้งสองอีกเลย ทำให้ชีวิตของแตง ต้องขาดความอบอุ่น และเมื่อมาพบกับดิถี ที่ตนเองหลงรัก ก็ยังถูกเขาหลอกให้เป็นเมียเก็บโดยไม่อาจเปิดเผยกับสังคมภายนอกได้
น้องเล็กเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว และเข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ แตงจึงให้น้องเล็กมาอยู่กับตนที่บ้านพักในโรงงาน ความสวยงามน่าเอ็นดูของน้องเล็ก ทำให้พรดิษฐา ลูกชายของดิถี ที่แม้จะอ่อนวัยกว่าเกือบสามปี ติดใจ จากเด็กหนุ่มใจแตกไม่สนใจเรียน เขากลับตัวกลับใจ มาเรียนหนังสืออีกครั้งจนสามารถสอบเข้าเรียนต่อวิศวะได้ ด้วยความหวังว่าจะทำให้น้องเล็กประทับใจและยอมรับในตัวเขา จนดิถีเองก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
เขารู้แต่ว่า ลูกชายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็เพราะน้องสาวของแตง ในขณะที่แตงเองก็เชียร์ให้น้องเล็กเป็นแฟนกับพรดิษฐา เพราะสำหรับตัวแตงเอง ไม่เหลือความภาคภูมิใจหรืออนาคตใดๆอีกต่อไปแล้ว แตงรักน้องมากและรู้ว่าพรดิษฐาเองก็จริงใจกับน้องสาวของเธอจึงได้แต่ฝากความหวังเดียวที่เหลืออยู่ไว้กับน้องสาวที่ตนเองรักสุดชีวิต แต่แล้วทุกอย่างก็พังพินาศ เมื่อดิถีได้เห็นหน้าของน้องเล็ก
น้องเล็กหรือวิชชุอร หน้าตาละม้ายเหมือนกับบังอร ราวกับพิมพ์เดียวกัน และเมื่อเขาสืบประวัติต่อมา จึงรู้ว่าแท้จริงแล้ว ทั้งแตงและน้องเล็กก็คือลูกของบังอรนั่นเอง ส่วนชายชู้ที่พาบังอรหนีมาก็คือกรรมกรก่อสร้างชื่อดิษฐ์ในอดีต และชายคนนั้นก็คือ ดิถีในเวลานี้นั่นเอง!
ดิถีรู้แล้วว่าความทุกข์ทรมานเหมือนอยู่ในกองเพลิงนรกนั้นเป็นอย่างไร เมื่อเห็นลูกที่เกิดกับเมียตัวเอง กำลังรักกัน และต้องการจะแต่งงานกัน แต่เขาปริปากบอกใครไม่ได้ แม้แต่แตง หญิงสาวที่เขายังรักเธอและรู้ว่าแตงเกลียดผู้ชายชื่อดิษฐ์ที่เคยทำลายครอบครัวของหล่อนมาก่อนตั้งแต่ยังเด็ก ถ้าแตงรู้ความจริงเรื่องนี้ หล่อนจะต้องเกลียดเขาและจากเขาไปตลอดกาล...
การเข้ามาขัดขวางของเขายิ่งทำให้แตงเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น หล่อนคิดว่า ดิถีดูถูกหล่อนให้เป็นเมียเก็บคนเดียวยังไม่พอ แต่ยังดูถูกน้องสาวของหล่อนอีกด้วย แตงคว้าปืนออกมายิงดิถี แต่ก็ยังช้ากว่าบุญหลาย คนงานในโรงงานที่เคียดแค้นดิถี แล้วเอาปืนมายิงเขาจนเสียชีวิต
ดิถีต้องการให้คนงานทำงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาจึงวางแผนผสมยาขยันลงไปในถังน้ำ หลอกให้คนงานดื่มกินทุกวัน จนทุกคนติดยาโดยไม่รู้ตัว แต่ต่อมาด้วยผลของยาเสพย์ติด ทำให้หลายคนก็ล้มป่วยลงและไม่ได้รับการดูแลใดๆจากดิถี แต่บุญหลายและเพื่อนไหวตัวทันเสียก่อน จนล่วงรู้ความจริงและด้วยความโกรธแค้น กรรมกรหนุ่มจึงตัดสินใจบุกเข้าไปที่บ้านของดิถี และยิงเขาในจังหวะที่ดิถีกำลังทะเลาะทุ่มเถียงกับแตงอยู่พอดี
ก่อนตาย ดิถีสารภาพความจริงทั้งหมด รวมถึงการหายตัวไปของบังอร... เขาทะเลาะกับเมียจนพลั้งมือฆ่าหล่อนตาย และนำบังอรไปโบกปูนฝังทับไว้ใต้แทงค์น้ำโดยไม่เคยมีใครล่วงรู้ และบัดนี้กรรมนั้นได้ตามสนองแล้ว...
พรดิษฐาและหนูเล็กหัวใจสลาย เมื่อรู้ว่าต่างเป็นพี่น้อง ลูกแม่คนเดียวกัน ทั้งคู่พยายามหักใจตนเองด้วยความเจ็บปวด แต่อย่างน้อยที่สุดก็ยังโชคดีที่ไม่มีอะไรเกินเลยกันไปกว่านั้น ในขณะที่อนงนาฏเองก็เพิ่งรู้ว่าหนุ่มใหญ่ที่หล่อนหลงรักจนยอมแต่งงานด้วย แท้จริงเขามีหน้ากากที่ซ้อนทับเอาไว้เบื้องหลังลึกเร้นเกินกว่าที่หล่อนจะล่วงรู้
ในที่สุดถนนชีวิตของ ดิถี ก็ดำเนินมาถึงสายสุดท้ายปลายทางอันน่าอนาถใจ โดยไม่เหลือโอกาสใดๆไว้แก้ตัวอีกแล้ว แต่สำหรับลูกของเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังต้องก้าวเดินต่อไป พรดิษฐาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะดูแลพี่ทั้งสามด้วยสมองและสองมือของตัวเอง โดยไม่หลงเดินทางไปตามเส้นทางแบบผิดๆที่พ่อของเขาเคยเดินมาแล้ว...
และนวนิยายเรื่องถนนสายสุดท้ายนี้เคยถูกนำมาสร้างเป็นละครแล้วก่อนหน้านี้เมื่อปี 2537 นำแสดงโดย ไพโรจน์ สังวริบุตร, ปรียานุช ปานประดับ, เงาะ กชกร นิมากรณ์, ธรรม์ โทณะวณิก, แอน ทองประสม และนักแสดงอีกมากมาย
ถ้านวนิยายถนนสายสุดท้ายถูกนำมาสร้างเป็นละครอีกครั้ง อยากให้นักแสดงท่านใดมารับบทหลักของเรื่อง
ดิถี / ดิษฐ์ -
นารีนาฎ -
ประอร -
พรดิษฐา -
วิชชุอร (น้องเล็ก) -
ถ้านวนิยายเรื่อง "ถนนสายสุดท้าย" ของ โบตั๋น ถูกนำมาสร้างเป็นละครอีกครั้ง อยากนักแสดงท่านใดรับบทอะไรบ้าง
"ถนนสายสุดท้าย" เป็นนวนิยายของ "โบตั๋น" ที่สะท้อนถึงปัญหาต่างๆทั้งการชีวิต ปัญหาครอบครัวสังคม
เนื้อเรื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และนวนิยายเรื่องถนนสายสุดท้ายนี้เคยถูกนำมาสร้างเป็นละครแล้วก่อนหน้านี้เมื่อปี 2537 นำแสดงโดย ไพโรจน์ สังวริบุตร, ปรียานุช ปานประดับ, เงาะ กชกร นิมากรณ์, ธรรม์ โทณะวณิก, แอน ทองประสม และนักแสดงอีกมากมาย
ถ้านวนิยายถนนสายสุดท้ายถูกนำมาสร้างเป็นละครอีกครั้ง อยากให้นักแสดงท่านใดมารับบทหลักของเรื่อง
ดิถี / ดิษฐ์ -
นารีนาฎ -
ประอร -
พรดิษฐา -
วิชชุอร (น้องเล็ก) -