........คิดมาเสมอว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว
เราสามารถพูดคุยกับที่บ้านได้ปกติเกือบทุกเรื่อง(ยกเว้นเรื่องในใจ)เราเคยมีปัญหากับที่บ้านหนักมาเรื้อรัง ทำตัวเราที่ไม่ดีเท่าที่ควร และไม่เป็นดั่งหวังตามที่ครอบครัวได้หวังไว้ มันแตกหักสุดๆแต่มีนักจิตวิทยาช่วยเยี่ยวยาเรามาตลอด
เราว่าเราดีขึ้น ที่บ้านเราดีขึ้นเพราะเราทำตัวให้ดีตามแบบเขา
ที่บ้านสอนเราเสมอว่าคนเราต้องทำงาน
ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ใครไม่ทำงานคือคนที่ไม่มีค่าไม่ควรเป็นคน คำนี้เราได้ยินทุกวัน ยิ่งได้ยินเรายิ่งเหนื่อย
เรายังอยู่ที่บ้านได้ ไม่ให้โดนด่าและโดนยอมรับคือทำตามเขา แม้ไม่ใช่งานหนักงานแบกห่ามแต่คืองานที่มีเวลาพักเวลาเดียวคือการนอน ทุกวันนอกจากนอนและอาบน้ำเราจะมีเวลาพักแบบไม่มีคนเรียกไม่กิน 10 นาทีคือสุดๆ นอกนั้นจะมีมาเรื่อยๆ ตั่งแต่เรื่องเล็กน้อยถึงใหญ่
งานจุกจิกตามใจคน ไม่หนักแต่ไม่มีเวลาส่วนตัว
เราเหนื่อย อยากมีเวลาส่วนตัว แต่เขาบอกให้เราดูคนที่อดข้าวอดมื้อกินและเล่าอดีตชาติของเขาทุกครั้งที่เราเริ่มต่อต้าน
เราจะไม่ลำบากเลย เราจะไม่ได้เร่ร่อนถ้าเราทำตามที่เขาบอก เราจะมีข้าวกินมีที่นอนให้นอนมีงานได้ทำมีเงินได้ใช้ที่มั่งคงขอแค่เดินตามรอยที่เขาวางเราจะไม่ลำบากเลยและถ้าเราทำตามคำแนะนำเราจะเจริญแต่ถ้าเราไม่ทำตามเขาชีวิตเราจะไม่มีอะไรว่างเปล่า
เราเหนื่อยมาก เราเหนื่อยการที่เขาบอกแบบนี้เราไม่เห็นมีแรงจะก้าวเดินเราอยากตายมากไม่อยากอยู่ เราพยายามหาความหวังให้ตัวเองมีชีวิต เราอยากมีชีวิตเพราะอยากมี เราอยากรู้คุณค่าของตัวเองด้วยตัวเราเอง เราอยากรับผิดชอบตัวเราเองให้ได้ นี่คือความหวังในชีวิตและเป้าหมายเดียวของเรา
ผ่านมาหลายปีพยายามเข้าใจที่บ้าน เข้าใจสาเหตุที่พวกเขาเป็นแบบนี้และเข้าใจตัวเองที่เปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้
สิ่งที่เราเปลี่ยนได้ก็คือตัวเอง เราพยายามคิดแบบนี้มาตลอด บางเรื่องมันโคตรหนักใจและเศร้ามากนะ บางเรื่องแม้แต่นักจิตวิทยามันก็ยากที่จะบอก เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เจอกับตัวเท่านั้นถึงรู้
เราอดทนในหลายๆอย่างและให้กำลังใจตัวเองตลอด ปรับนิสัยตัวเองเรื่อยๆ
พยายามใจเย็นๆ มีสติ แม้วันที่เศร้าและเสียใจไม่มีใคร แม้ร้องไห้เราก็ยิ้ม เรายิ่มตลอด ยิ้มให้ตัวเอง ในบางครั้งเราก็เป็นผู้ให้คำแนะนำผู้อื่นได้บ้างแต่จะดีหรือไม่ดีเราก็ไม่แน่ใจ
แต่รวมๆเราก็ว่าเราดี เราดูเป็นคนขึ้น
ดูเข้มแข็ง
แต่ทำไม....เวลาเราพยายามจะพูดอะไรในใจกับคนที่บ้านสักประโยค เราไม่สามารถพูดได้คล่องปาก แค่เราคิดคำจะพูดเหมือนบ่อน้ำตามันจะล้นออกมา พอเริ่มพูดเสียงก็สั่น พูดยาวๆไม่ได้ แต่พูด2-3คำแล้วหยุดหายใจหรือตีเนียนกินน้ำหรือข้าวแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอสักพักน้ำตาก็ไหลเอง เสียงเริ่มเปลี่ยน ทั้งๆที่เราไม่ได้ฟู่ฟาย เราแค่จะพูดเสียงก็สั่นน้ำตาก็เริ่มไหล เราไม่อยากเป็นแบบนี้
เราไม่อยากให้เขาเห็นภาพนี้ เราไม่อยากให้เขารู้ว่าเรายังเป็นแบบนี้ เราอยากพูดความในใจอะไรออกไปแบบมั่นใจ เสียงไม่สั่นน้ำตาไม่ไหล ไม่ใช่เราไม่กล้าพูดนะ เรากล้ามากเรียงคำมาดีด้วย แต่ทำไมเสียงถึงได้สั่น น้ำตาก็เริ่มไหล
เราเป็นแค่กับคนที่บ้าน 😰
กับคนอื่นเราเล่าได้ปกติ ไม่สั่น
มีใครเป็นแบบนี้บ้างค่ะ ?? เราไม่อยากเป็นแบบนี้ ใจเราอ้ะคิดว่ามั่นใจมากนะ เราเตรียมมาดีมาก พอเจอหน้าเขาแล้วเราจะเล่าเราก็เหมือนจะร้องไห้แล้ว
แนะนำให้ที Please 🙏🙏
ปล.เรารู้ดีกับคำตอบของเขาไม่ว่าจะตอบมาว่าไม่เห็นด้วยกับเราหรือมองไร้สาระหรือเขาอาจจะดูถูกดูแคลนเราหรือทำให้เราเสียงใจ
เราแค่ไม่อยากร้องไห้ให้เขาเห็น เราอยากให้เขารู้ว่าเราเข้มแข็งมากและตั่งใจจะทำจริง
ขอ How to พูดความในใจกับครอบครัวไม่ให้เสียงสั่น,น้ำตาไหล 😪
เราสามารถพูดคุยกับที่บ้านได้ปกติเกือบทุกเรื่อง(ยกเว้นเรื่องในใจ)เราเคยมีปัญหากับที่บ้านหนักมาเรื้อรัง ทำตัวเราที่ไม่ดีเท่าที่ควร และไม่เป็นดั่งหวังตามที่ครอบครัวได้หวังไว้ มันแตกหักสุดๆแต่มีนักจิตวิทยาช่วยเยี่ยวยาเรามาตลอด
เราว่าเราดีขึ้น ที่บ้านเราดีขึ้นเพราะเราทำตัวให้ดีตามแบบเขา
ที่บ้านสอนเราเสมอว่าคนเราต้องทำงาน
ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ใครไม่ทำงานคือคนที่ไม่มีค่าไม่ควรเป็นคน คำนี้เราได้ยินทุกวัน ยิ่งได้ยินเรายิ่งเหนื่อย
เรายังอยู่ที่บ้านได้ ไม่ให้โดนด่าและโดนยอมรับคือทำตามเขา แม้ไม่ใช่งานหนักงานแบกห่ามแต่คืองานที่มีเวลาพักเวลาเดียวคือการนอน ทุกวันนอกจากนอนและอาบน้ำเราจะมีเวลาพักแบบไม่มีคนเรียกไม่กิน 10 นาทีคือสุดๆ นอกนั้นจะมีมาเรื่อยๆ ตั่งแต่เรื่องเล็กน้อยถึงใหญ่
งานจุกจิกตามใจคน ไม่หนักแต่ไม่มีเวลาส่วนตัว
เราเหนื่อย อยากมีเวลาส่วนตัว แต่เขาบอกให้เราดูคนที่อดข้าวอดมื้อกินและเล่าอดีตชาติของเขาทุกครั้งที่เราเริ่มต่อต้าน
เราจะไม่ลำบากเลย เราจะไม่ได้เร่ร่อนถ้าเราทำตามที่เขาบอก เราจะมีข้าวกินมีที่นอนให้นอนมีงานได้ทำมีเงินได้ใช้ที่มั่งคงขอแค่เดินตามรอยที่เขาวางเราจะไม่ลำบากเลยและถ้าเราทำตามคำแนะนำเราจะเจริญแต่ถ้าเราไม่ทำตามเขาชีวิตเราจะไม่มีอะไรว่างเปล่า
เราเหนื่อยมาก เราเหนื่อยการที่เขาบอกแบบนี้เราไม่เห็นมีแรงจะก้าวเดินเราอยากตายมากไม่อยากอยู่ เราพยายามหาความหวังให้ตัวเองมีชีวิต เราอยากมีชีวิตเพราะอยากมี เราอยากรู้คุณค่าของตัวเองด้วยตัวเราเอง เราอยากรับผิดชอบตัวเราเองให้ได้ นี่คือความหวังในชีวิตและเป้าหมายเดียวของเรา
ผ่านมาหลายปีพยายามเข้าใจที่บ้าน เข้าใจสาเหตุที่พวกเขาเป็นแบบนี้และเข้าใจตัวเองที่เปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้
สิ่งที่เราเปลี่ยนได้ก็คือตัวเอง เราพยายามคิดแบบนี้มาตลอด บางเรื่องมันโคตรหนักใจและเศร้ามากนะ บางเรื่องแม้แต่นักจิตวิทยามันก็ยากที่จะบอก เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่เจอกับตัวเท่านั้นถึงรู้
เราอดทนในหลายๆอย่างและให้กำลังใจตัวเองตลอด ปรับนิสัยตัวเองเรื่อยๆ
พยายามใจเย็นๆ มีสติ แม้วันที่เศร้าและเสียใจไม่มีใคร แม้ร้องไห้เราก็ยิ้ม เรายิ่มตลอด ยิ้มให้ตัวเอง ในบางครั้งเราก็เป็นผู้ให้คำแนะนำผู้อื่นได้บ้างแต่จะดีหรือไม่ดีเราก็ไม่แน่ใจ
แต่รวมๆเราก็ว่าเราดี เราดูเป็นคนขึ้น
ดูเข้มแข็ง
แต่ทำไม....เวลาเราพยายามจะพูดอะไรในใจกับคนที่บ้านสักประโยค เราไม่สามารถพูดได้คล่องปาก แค่เราคิดคำจะพูดเหมือนบ่อน้ำตามันจะล้นออกมา พอเริ่มพูดเสียงก็สั่น พูดยาวๆไม่ได้ แต่พูด2-3คำแล้วหยุดหายใจหรือตีเนียนกินน้ำหรือข้าวแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอสักพักน้ำตาก็ไหลเอง เสียงเริ่มเปลี่ยน ทั้งๆที่เราไม่ได้ฟู่ฟาย เราแค่จะพูดเสียงก็สั่นน้ำตาก็เริ่มไหล เราไม่อยากเป็นแบบนี้
เราไม่อยากให้เขาเห็นภาพนี้ เราไม่อยากให้เขารู้ว่าเรายังเป็นแบบนี้ เราอยากพูดความในใจอะไรออกไปแบบมั่นใจ เสียงไม่สั่นน้ำตาไม่ไหล ไม่ใช่เราไม่กล้าพูดนะ เรากล้ามากเรียงคำมาดีด้วย แต่ทำไมเสียงถึงได้สั่น น้ำตาก็เริ่มไหล
เราเป็นแค่กับคนที่บ้าน 😰
กับคนอื่นเราเล่าได้ปกติ ไม่สั่น
มีใครเป็นแบบนี้บ้างค่ะ ?? เราไม่อยากเป็นแบบนี้ ใจเราอ้ะคิดว่ามั่นใจมากนะ เราเตรียมมาดีมาก พอเจอหน้าเขาแล้วเราจะเล่าเราก็เหมือนจะร้องไห้แล้ว
แนะนำให้ที Please 🙏🙏
ปล.เรารู้ดีกับคำตอบของเขาไม่ว่าจะตอบมาว่าไม่เห็นด้วยกับเราหรือมองไร้สาระหรือเขาอาจจะดูถูกดูแคลนเราหรือทำให้เราเสียงใจ
เราแค่ไม่อยากร้องไห้ให้เขาเห็น เราอยากให้เขารู้ว่าเราเข้มแข็งมากและตั่งใจจะทำจริง