ม้าที่มีชื่อเสียงในอดีต

Incitatus



จักรพรรดิกาลิกุลา (Caligula) หรือชื่อเต็มคือ ไกอัส จูเลียส ซีซาร์ ออกัสกัส เจอมานิคัส (Gaius Julius Caesar Augustus Germanicus) ทรงเป็นจักรพรรดิที่ปกครองอาณาจักรโรมัน ในช่วง ค.ศ.37-41 
ในด้านการปกครองในสมัยของพระองค์ ไม่ได้มีการถูกพูดถึงแต่ประการใด แต่สิ่งที่ทำให้พระองค์มีชื่อเสียงขึ้นมานั้นมาจากตัวของพระองค์เอง
ไม่ว่าจะเป็น ทรงเชื่อว่าพระองค์เป็นเทพเจ้าจูปิเตอร์ (หรือซูสตามธรรมเนียมกรีก) พระองค์จึงสั่งให้ทุบทำลายรูปปั้นของเทพเจ้าต่าง ๆ ในกรุงโรม แล้วสั่งให้ปั้นรูปของพระองค์แทน และยังเชื่อว่า พระองค์สามารถติดต่อสื่อสารกับปวงเทพได้

นอกจากนี้ พระองค์ยังมีความชื่นชอบในการจับคนมาต่อสู้กับสัตว์ในโคลอสเซียม ชื่นชอบในการมีเพศสัมพันธ์แบบหมู่ และพระองค์ยังออกกฎหมายว่า ใครก็ตามที่เห็นศีรษะล้านของพระองค์ จะต้องถูกลงโทษอีกด้วย  แต่มีอีกหนึ่งสิ่ง ที่ทำให้จักรพรรดิกาลิกุลา ถูกพูดถึงและมีชื่อเสียงขึ้นมา ก็คือ พระองค์ได้แต่งตั้งให้ม้าทรงโปรดของพระองค์นามว่า "อินคิเตตุส" (Incitatus) เป็นกงสุลของสภาซีเนตโรมัน

ม้าอินคิเตตุส ถือได้ว่าเป็นม้าทรงโปรดและเป็นเพื่อนคู่ใจของจักรพรรดิกาลิกุลา พระองค์มักจะนำม้าตัวนี้ ไปไหนมาไหนกับพระองค์อยู่เสมอ แม้เวลาที่ทรงบรรทมก็จะนำม้าอินคิเตตุส มานอนกับพระองค์ด้วย
มีอยู่วันหนึ่ง จักรพรรดิกาลิกุลาได้นำม้าอินคิเตตุส มายังที่ประชุมสภาซีเนต (Senate) หรือวุฒิสภาของโรมัน  เมื่อมาถึงพระองค์ก็ได้ประกาศต่อหน้าเหล่าวุฒิสมาชิกว่า บัดนี้พระองค์ได้แต่งตั้งให้ม้าอินคิเตตุสเป็นกงสุล (Consul) หรือผู้นำของสภาซีเนตทั้งปวง แต่สุดท้ายพระองค์ก็ให้มันไปเป็นพระ

มีรูปปั้นที่ทำด้วยหินอ่อนและงาช้างที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Incitatus  มันถูกคลุมตัวด้วยผ้าสีม่วงและประดับคอด้วยอัญมณี  ส่วนอาหารของมันคือ  ข้าวโอ๊ตผสมกับเกล็ดทอง
ในที่สุดราว ค.ศ.41 จักรพรรดิกาลิกุลาก็ถูกลอบปลงพระชนม์จนสวรรคตในวัยแค่ 28 พรรษา ปิดฉากจักรพรรดิที่มีนิสัยสุนทรีย ์และติสท์มากที่สุดองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์โรมัน
ที่มา
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Caligula
https://www.history.com/news/did-caligula-really-make-his-horse-a-consul
https://museumhack.com/caligula-mad-emperor/
https://historycollection.co/caligula-the-infamous-roman-emperor-who-made-his-horse-a-senator/
Cr.https://www.blockdit.com/posts/5ea13914432b750bfa2db00b

 
Clever Hans


เคลฟเวอร์แฮนส์ (Clever Hans) หรือ แดร์คลูเกอฮันส์  เป็นม้าพันธุ์รัสเซีย (Orlov Trotter) ตัวหนึ่งที่มีการอ้างว่า มันสามารถคิดเลขง่าย ๆ และแก้ปัญหาใช้สติปัญญาอื่น ๆ บางอย่างได้
แต่ว่าหลังจากได้ทำการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบแล้วในปี ค.ศ. 1907 นักจิตวิทยาชาวเยอรมันออสคาร์ พฟุงสท์ ก็ได้แสดงหลักฐานว่า เจ้าม้าไม่ได้ทำงานทางสติปัญญาเหล่านั้นได้จริง ๆ  มันเพียงแต่สังเกตปฏิกิริยาของพวกมนุษย์ที่กำลังดูมันทำงานอยู่เท่านั้น

เพราะการตรวจสอบม้า พฟุงสท์จึงได้ค้นพบปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุระเบียบวิธีวิจัย คือเจ้าม้ามีการตอบสนองต่อปฏิกิริยาที่ไม่ได้ตั้งใจ
(และควบคุมไม่ได้) ของมนุษย์ที่เป็นคนฝึกม้าซึ่งที่จริง ๆ แล้วเป็นผู้แก้ปัญหาที่ต้องใช้สมองเหล่านี้ และตัวผู้ฝึกเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังให้คำตอบแก่ม้า

ตั้งแต่นั้นมาเพื่อให้เกียรติกับงานของพฟุงสท์ ปรากฏการณ์ที่ไม่พึงประสงค์นี้จึงได้ชื่อว่า "ปรากฏการณ์เคลฟเวอร์แฮนส์" (Clever Hans effect) และได้กลายเป็นความรู้ความเข้าใจที่สำคัญ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ความคาดหมายของผู้สังเกตการณ์ (observer-expectancy effect) และต่องานวิจัยอื่น ๆ เกี่ยวกับประชานของสัตว์
นอกจากพฟุงสท์แล้ว นักปราชญ์และนักจิตวิทยาชาวเยอรมันผู้มีชื่อเสียงคือคาร์ล ชตุมพฟ์ยังได้ทำงานศึกษาเกี่ยวกับม้าตัวนี้ด้วย คือชตุมพฟ์ได้สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์เกี่ยวกับเจ้าม้า ซึ่งมีอิทธิพลต่องานทางปรากฏการณ์วิทยา (phenomenology) ของเขา

หลังจากที่ฟอน ออสเทินเจ้าของมันเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1909 แฮนส์ได้เปลี่ยนเจ้าของหลายครั้ง และหลังจากปี ค.ศ. 1916 ก็ไม่ได้ยินข่าวอะไรเกี่ยวกับมันอีกเลย 
ที่มา จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Cr.https://th.wikipedia.org/wiki/เคลฟเวอร์แฮนส์

bucephalus


มีตำนานม้าในประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจหลายตัว แต่ถ้าจะหาตำนานม้าที่สำคัญ ม้าบูเซเฟลัสก็คือหนึ่งในนั้น
ในสมัยที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)ทรงพระเยาว์ อยู่นั้น พระบิดาของพระองค์ได้ม้าสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่หัวขนาดใหญ่ ขนสีดำทั่วตัว แต่มีขนสีขาวรูปดาวบนหน้าผากของมัน ซึ่งบรรดาขุนพลและนายทหารต่างๆ พยายามที่จะขี่มัน แต่ไม่มีใครทำสำเร็จได้เลย

จนกระทั่งอเล็กซานเดอร์มหาราชปราบพยศมันได้ จนพระบิดาถึงกับอุทานว่า “มาซิโดเนีย เล็กเกินไปแล้วสำหรับเจ้า” และให้ม้าตัวนี้ให้อเล็กซานเดอร์ พระองค์ทรงตั้งชื่อว่า บูเซเฟลัส (Bucephalus) ซึ่งได้กลายเป็นม้าคู่พระทัยและทรงใช้ทำศึกตลอดมา  ทรงเป็นกษัตริย์นักรบที่ทรงอานุภาพมาก ได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุดพระองค์หนึ่งว่าเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ 

และในช่วงเวลาเพียง 10 ปีหลังจากขึ้นครองราชย์ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์และม้าของพระองค์ออกรบโดยไม่แพ้เลย ไล่ตั้งแต่ สามารถพิชิตอาณาจักรบาบิโลน อียิปต์ จักรวรรดิเปอร์เซีย และยกทัพไปถึงอินเดียในปี 217 และสามารถยึดแคว้นมคธเป็นเมืองขึ้น แม้ว่าบูเซเฟลัสจะเสียชีวิตหลังสงครามฝั่งแม่น้ำไฮเดส แต่มันทำให้เจ้านายครองโลกกว่าครึ่งได้สำเร็จ พระองค์ทรงสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่งชื่อเมืองบูเซฟาลา เพื่อเป็นที่ระลึกถึงม้าแสนรักของพระองค์
Cr.https://www.facebook.com/2178609179035447/photos/bucephalusมีตำนานม้าในประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจหลายตัว-แต่ถ้าจะหาตำนานม้าที่สำคัญ-/2268513983378299/
Cr.https://www.silpa-mag.com/history/article_38964

Reckless


การเดินทางไปมา 51 รอบเพียงลำพัง ผ่านทุ่งนาไร้ผู้คน ผ่านเขาชัน ต่อสู้กับธรรมชาติจนคอและขาล้าเต็มทีก็เพื่อนำกระสุนมาส่งให้แก่หน่วยรบ โดยทหารในกองทัพรู้ดีถึงวีรกรรมกล้าหาญของทหารที่ไม่ธรรมดาผู้นี้ เพราะว่าเธอคนนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็น “ม้า”

ม้าตัวนี้ชื่อ “Reckless” ตลอดชีวิตในสมครามของมัน มันได้ขนของไปมาบนเขา และอพยพผู้บาดเจ็บลงเขาไปรักษา มันโดนกระสุนเข้าสองนัด และมีครั้งหนึ่งที่มันสวมชุดป้องกันและได้เข้าไปปกป้องทหาร 4 นายจากสะเก็ดระเบิด  “ม้าเป็นสัตว์นักสู้ แต่ Reckless วิ่งฝ่าอันตรายไปอย่างนั้น เพราะมันรู้ว่ามีคนต้องการมันอยู่” Robin Hutton นักเขียน Sgt. Reckless: America’s War Horse กล่าว

มันเกิดในสนามม้ากรุงโซล ประเทศเกาหลี มีขนสีน้ำตาล ซึ่งมันเคยมีชื่อว่า “Ah Chim Hai” ที่แปลว่า “เปลวเพลิงแห่งรุ่งอรุณดิ์” ม้าตัวนี้ถูกกำหนดให้เป็นม้าแข่ง แต่เมื่อสงครามเกาหลีได้แพร่กระจายไปทุกแห่ง เจ้าของเดิมของมันจึงได้รับผลกระทบ และต้องการเงินเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องของ Reckless ซึ่งเสียขาไปจากการเหยียบระเบิด

ในเดือนตุลาคม 1952 เขาขาย Reckless ให้กับ Eric Pedersen ทหารของกองทัพปืนใหญ่ เพื่อใช้ขนของเล็กน้อยส่งไปยังพื้นที่ที่รถบรรทุกไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยชื่อ “Reckless” ก็ตั้งตามคำเรียกชื่อปืน

Reckless ถูกสอนให้ก้าวข้ามลวดหนามและสายโทรศัพท์  และสามารถหลบเข้าบังเกอร์หากได้ยินคำว่า “Incoming” และมันยังหาทางไปหาทหารแต่ละนายได้ด้วยตัวของมันเอง รวมทั้งเข้าใจสัญญาณมืออีกด้วย  ขณะนั้นมันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ เพราะมันไปไหนมาไหนกับกองทัพตลอดเวลา ทั้งกินทั้งนอนก็ทำร่วมกับกองทัพเช่นกัน 
Reckless ได้รับยศจ่าในวันที่ 10 เมษายน 1954 เป็นสัตว์ตัวเดียวที่ได้ยศอย่างเป็นทางการในกองทัพเรือ จากนั้นไม่นานเรื่องของ Reckless ก็ถูกเขียนโดยพันโท Andrew Geer ทำให้เป็นที่รู้จักและนำชื่อเสียงมาให้ทั้งกองทัพเรือและสหรัฐอเมริกา
 
Reckless กลับมาถึงอเมริกาในเดือนพฤศจิกายน 1954 และสังกัดอยู่ในค่าย Pendleton ในแคลิฟอร์เนีย มันได้รับการเลื่อนยศและออกลูกมา 4 ตัว สุดท้ายมันได้ตายลงในปี 1968 ซึ่งลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งและจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติที่มันควรจะได้รับ
ที่มา  History
Cr.https://www.catdumb.com/heroic-horse/ By เหมียวโลลิ

Bamboo Harvester 


Bamboo Harvester (1949–1970) เป็นชื่อของม้าพันธ์ American Saddlebred  ที่แสดงภาพยนตร์ตลกเรื่อง Mister Ed  ในปี 2504-2509  มันเกิดใน  Los Angeles 
ในปี 1968 Bamboo Harvester ได้รับความทุกข์ทรมานจากปัญหาสุขภาพที่หลากหลาย มันถูกการุณยฆาตในฟาร์มแห่งหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่ว่ามันแก่แล้วและมีโรคภัยไข้เจ็บมาก โดยนักแสดง อลัน ยัง ผู้เคยแสดงหนังร่วมกับเจ้าม้าตัวนี้ไปเยี่ยมมันที่ฟาร์มเสมอๆ

Bamboo Harvester ถูกฝังอยู่ในฟาร์มที่ Snodgrass Farm ใน Tahlequah รัฐโอคลาโฮมา จนฤดูร้อนปี 1990 แฟนคลับของเอ็ดแห่งโอคลาโฮมาได้ทำหลุมศพหินแกรนิตเพื่อเป็นเกียรติแก่มัน  และคำจารึกบนหินใช้ชื่อจากภาพยนตร์ที่มันเล่นว่า 'Mr. เอ็ด ' 
Cr.https://en.wikipedia.org/wiki/Bamboo_Harvester
Cr.https://www.zapjeed.com/news/9-holywood-animals/

Thumbelina


Thumbelina เป็นม้าที่ได้รับการบันทึกใน กินเนสบุ๊ค เมื่อปี 2006 ขณะนั้น Thumbelina มีอายุ 4 ขวบ ว่าเป็น ม้า ตัวเล็ก ที่สุดในโลก ด้วยความสูงเพียง 43 เซ็นติเมตร ( ปกติม้าแคระจะมีสูง 86 เซ็นติเมตร ) น้ำหนักเพียง 27 กิโลกรัม 3 ขีด ( ปกติม้าแคระจะมีน้ำหนัก 113 กิโลกรัม )

Thumbelina เกิดใน Goose Creek ฟาร์มที่เซ็นหลุยส์ อเมริกา โดยมีพ่อแม่เป็นม้าแคระ โดยมีน้ำหนักแรกเกิดเพียง 3 กิโลกรัม 6 ขีด นับว่าเป็นม้าแคระ ในม้าแคระทีเดียว เมื่อแรกเกิดทุกคนในฟาร์มคิดว่าเธอจะไม่รอด เนื่องจากเธอตัวเล็กมาก และเธอก็ไม่แข็งแรง เมื่อโตขึ้นมาก็พบว่าเธอมีขาที่เล็กไม่สมส่วนกับลำตัว และหัว ทำให้ต้องสวมอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือ และคาดว่าเธอจะมีอายุได้เพียง 17 ปี (โดยทั่วไปจะมีอายุ 35 ปี )

เธอค่อนข้างแข็งแรงยกเว้นปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับขาหลังซึ่งมีขนาดเล็กกว่าลำตัวและศีรษะอย่างไม่เป็นสัดส่วน Tumbelin ยังสามารถตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูก แต่มันมีความเสี่ยงมากเกินไปเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ในปี 2549 คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ Guinness Book of Records ได้ยอมรับว่าม้าแดงตัวนี้มีขนาดเล็กที่สุดในโลก   ปัจจุบันมีลูกม้าแคระเกิดขึ้นอีกสองตัวซึ่งคงต้องมีการบันทึกกันใหม่อีกครั้งต่อไป

(Einstein เกิดที่เมือง Barnstead รัฐนิวแฮมป์เชียร์ประเทศอังกฤษในฟาร์มเพาะพันธุ์ม้าจิ๋วที่ชื่อว่า Tiz Miniature Horse ลูกหมีตัวแรกเกิดนี้มีน้ำหนักเพียง 2.7 กิโลกรัมและมีความสูง 36 เซนติเมตร นี่ทำให้เขามีสิทธิ์ที่จะแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่ง "ม้าตัวเล็ก" ตอนนี้น้ำหนัก 28 กิโลกรัม)


หมายุเหตุ ม้าที่จะถือว่าเป็น ม้าแคระ จะต้องมีความสูงน้อยกว่า 97 เซ็นติเมตร เมื่อวัดจากตะโหงกม้า ( ส่วนที่สูงที่สุดของม้าบริเวณหัวไหล่)
ที่มา http://wowboom.blogspot.com/2009/05/smallest-horse.html
Cr.https://board.postjung.com/750759 / โพสท์โดย winnercnx
Cr.https://klubfedotova.ru/th/trenirovki/dyuimovochka-karlikovaya-loshad-samye-malenkie-porody-loshadei/

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่