ยิ่งลักษณ์ ขอบคุณทุกคำอวยพรวันเกิด ขอคนไทยฟันฝ่าวิกฤตโควิด-พิษเศรษฐกิจ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4357354
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขอบคุณทุกคำอวยพรวันเกิดปีนี้ ขอให้คนไทยมีหัวใจเข้มแข็ง ฟันฝ่าวิกฤตโควิด-พิษเศรษฐกิจให้ได้
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.63 น.ส.
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
"เป็นอีกปีหนึ่งที่ดิฉันขอส่งความขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรในวันเกิดปีนี้ ที่ส่งผ่านมาจากหลายช่องทางมาให้กับดิฉัน บางท่านก็นัดกันเป่าเค้กอวยพรวันเกิด และส่งคำอวยพรเป็นวิดีโอมาให้
แม้ว่าปีนี้สถานการณ์จะทำให้วิถีชีวิตเราต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่เรียกว่า New Normal ทุกคนต้องปรับตัวสู่มาตรฐานแบบใหม่ แต่สำหรับดิฉันไม่ว่าจะความหมายใด ทุกท่านยังคงอยู่ในใจของดิฉันเสมอค่ะ
ขอให้ทุกคำอวยพร ทุกความปรารถนาดีที่ทุกท่านตั้งใจมอบให้กับดิฉัน ส่งผลย้อนกลับไปสร้างสิ่งดี ๆให้กับแฟนคลับ และพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยนะคะ
ขอให้เราผ่านพ้นจากสถานการณ์โควิด-19 และพิษจากเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงกันมา ดิฉันก็ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดี มีหัวใจที่เข้มแข็ง เพื่อที่ฟันฝ่าต่ออุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้ไปได้ด้วยดี เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกันเหมือนเดิม ตลอดไปค่ะ ขอบคุณมากค่ะ"
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/photos/a.106877456023385/3404115892966175/?type=3
'จาตุรนต์' ชี้ ศก. วิกฤตเร็ว-หนักกว่าที่หลายฝ่ายคาด ซ้ำโครงสร้างเมืองเป็นอุปสรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_2237036
‘จาตุรนต์’ ชี้ ศก. วิกฤตเร็ว-หนักกว่าที่หลายฝ่ายคาด ซ้ำโครงสร้างเมืองเป็นอุปสรรค
นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในขณะนี้ว่า วิกฤตเศรษฐกิจมาเร็วและร้ายแรงกว่าที่หลายฝ่ายคิด ขณะที่ระบบโครงสร้างและวัฒนธรรมทางการเมืองกำลังเป็นอุปสรรคและซ้ำเติมให้ปัญหาเลวร้ายลงไปอีก ทำให้ประเทศอยู่ในสภาพที่ไร้อนาคต
การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกคำสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลและห้ามซื้อหุ้นคืน สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจต่างๆกำลังประสบความเสียหายเกิดหนี้เสียจำนวนมากและคงคาดการณ์ด้วยว่าจากนี้ไปจะเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกมาก
ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงว่าการออกคำสั่งนี้เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนสูงของสถานการณ์โควิด -19 แต่จริงๆแล้วการออกคำสั่งนี้กำลังสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงที่มีผลต่อประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วหน้ากัน
พลเอก
ประยุทธ์ประกาศชัยชนะในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยดูแต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ไม่ได้ดูความเสียหายในด้านอื่นๆโดยเฉพาะเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ที่ผ่านมาการใช้มาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มเกินไปโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของการแพร่ระบาด ไม่เตรียมการดูแลผลกระทบจาการใช้มาตรการ และไม่คิดช่วยประคับประคองธุรกิจให้สามารถจ้างงานหรือรักษากิจการไว้ไม่ให้ล้มไป ประกอบกับการเยียวยาที่ล่าช้า ทำให้เกิดความเสียหายกว่าที่จำเป็น
สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้พูดถึงแต่เป็นที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้วก็คือระบบเศรษฐกิจของไทยปรับตัวช้า เศรษฐกิจไทยพึ่งเศรษฐกิจโลกมาก การส่งออกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง แม้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆเต็มที่แล้ว ธุรกิจจำนวนมากก็จะไม่สามารถกลับมาประกอบการได้ปัญหาหนี้เสียจึงจะรุนแรงยิ่งขึ้นและเศรษฐกิจจะถดถอยและเกิดความเสียหายรุนแรงกว่าทุกวันนี้อีกมาก
วิกฤตที่ใหญ่หลวงนี้ต้องการการร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อจะได้ใช้ความรู้ประสบการณ์และความคิดเห็นมาทำให้เกิดนโยบายมาตรการและการวางแผนที่สามารถนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตได้
ล่าสุดนายกฯได้ออกมาพูดถึงความตั้งใจที่จะรับฟังทุกฝ่ายรวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียและจะทำงานในเชิงรุก แต่การออกทีวีพูลในเรื่องสำคัญครั้งนี้กลับไม่ได้รับความสนใจ เพราะแม้จะมีคนร่างมาให้อย่างดี แต่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่านายกฯจะคิดและทำอย่างที่พูด
มีการต้องถอดรหัสกันไปต่างๆ นานา แต่ส่วนใหญ่ที่ตรงกันคือไม่ทำให้เกิดความหวังหรือความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
สาเหตุที่คำพูดของนายกฯไม่เป็นที่น่าเชื่อถือและจะไม่มีทางเกิดเป็นจริงได้เพราะคำพูดนั้นย้อนแย้งกับสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทำมาตลอดหลายปีมานี้ การตัดสินใจสั่งการต่างๆทำกันอยู่ในวงจำกัด ไม่เคยรับฟังความเห็นของฝ่ายต่างๆ ยิ่งผู้ที่เห็นต่างด้วยแล้วยิ่งถูกกดถูกห้ามหรือขัดขวางไม่ให้แสดงออก
ในการรับมือกับโควิด-19 รัฐบาลตามหลังปัญหามาตลอด ไม่เคยใส่ใจรับฟังผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย ไม่เคยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ถ้าจะฟังอยู่บ้างก็มีแต่เจ้าสัวไม่กี่รายซึ่งก็มักได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากรัฐมากกว่าผู้อื่น ไม่เคยมีการร่วมกันวางแผนสำหรับอนาคต นายกฯไม่มีความกระตือรือร้นสนใจที่จะฟังควมามเห็นของสภาผู้แทนราษฎรทั้งยังเห็นการวิพากษ์วิจารณ์และการเสนอแนะในสภาเป็นเรื่องน่ารำคาญและเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล นอกจากนั้นการใช้พรก.ฉุกเฉินได้กลายเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชนที่ต้องการแสดงความคิดเห็นถึงขั้นที่มีการใช้ไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อจัดการกับผู้ที่เห็นต่าง ไม่ตรงกับข้ออ้างวัตถุประสงค์ของการใช้พรก.ฉุกเฉิน สิ่งที่นายกฯพูดทั้ง 3 ข้อจึงเป็นเรื่องย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
สภาพที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าดูผิวเผินก็อาจรู้สึกว่าเป็นเพราะบุคลิกความเคยชินส่วนตัวของพลเอก
ประยุทธ์ แต่ความจริงแล้ว สภาพเช่นนี้เป็นผลมาจากระบบโครงสร้างและวัฒนธรรมการเมืองของประเทศที่เป็นต้นตอ
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังต้องการการปรับตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องการรวบรวมกำลังสติปัญญาของทุกฝ่าย แต่ระบบโครงสร้างทางการเมืองกลับถูกจำกัดวนเวียนกันอยู่ในกลุ่มที่ยึดโยงกับอำนาจและผลประโยชน์
สว. 250 คน นอกจากมีไว้คอยยกมือให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯและคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯกันแล้ว ก็ไม่เคยทำหน้าที่สะท้อนปัญหาหรือเสนอความเห็นอะไรเลยทั้งๆที่ประเทศอยู่ท่ามกลางวิกฤต
พรรคการเมืองส่วนใหญ่ถูกทำให้อ่อนแอ แตกแยก ขณะที่พรรคพลังประชารัฐกำลังเกิดการแก่งแย่งอำนาจครั้งใหญ่ที่จะส่งผลเสียต่อการบริหารประเทศ
ส่วนวัฒนธรรมทางการเมืองที่นายกฯกับพวกคุ้นเคยคือการสกัดกั้นขัดขวางการแสดงความเห็นที่แตกต่างด้วยการคุกคามและการใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมซึ่งนับวันจะยิ่งสร้างความขัดแย้งให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เป็นการซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
การ “
รวมไทยสร้างชาติ” จึงเป็นเพียงคำพูดลมๆแล้งๆ ที่ไม่มีความหมายใดๆ
JJNY : ยิ่งลักษณ์ขอคนไทยฝ่าโควิด-พิษศก./จาตุรนต์ชี้ศก.วิกฤตเร็ว-หนักกว่าคาด/ผู้ปกครองซื้อเท่าที่จำเป็น/ศก.โลกแย่รอวัคซีน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4357354
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.63 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
"เป็นอีกปีหนึ่งที่ดิฉันขอส่งความขอบคุณสำหรับทุกคำอวยพรในวันเกิดปีนี้ ที่ส่งผ่านมาจากหลายช่องทางมาให้กับดิฉัน บางท่านก็นัดกันเป่าเค้กอวยพรวันเกิด และส่งคำอวยพรเป็นวิดีโอมาให้
แม้ว่าปีนี้สถานการณ์จะทำให้วิถีชีวิตเราต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่เรียกว่า New Normal ทุกคนต้องปรับตัวสู่มาตรฐานแบบใหม่ แต่สำหรับดิฉันไม่ว่าจะความหมายใด ทุกท่านยังคงอยู่ในใจของดิฉันเสมอค่ะ
ขอให้ทุกคำอวยพร ทุกความปรารถนาดีที่ทุกท่านตั้งใจมอบให้กับดิฉัน ส่งผลย้อนกลับไปสร้างสิ่งดี ๆให้กับแฟนคลับ และพี่น้องประชาชนทุกคนด้วยนะคะ
ขอให้เราผ่านพ้นจากสถานการณ์โควิด-19 และพิษจากเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงกันมา ดิฉันก็ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่ดี มีหัวใจที่เข้มแข็ง เพื่อที่ฟันฝ่าต่ออุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้ไปได้ด้วยดี เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกันเหมือนเดิม ตลอดไปค่ะ ขอบคุณมากค่ะ"
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/photos/a.106877456023385/3404115892966175/?type=3
'จาตุรนต์' ชี้ ศก. วิกฤตเร็ว-หนักกว่าที่หลายฝ่ายคาด ซ้ำโครงสร้างเมืองเป็นอุปสรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_2237036
‘จาตุรนต์’ ชี้ ศก. วิกฤตเร็ว-หนักกว่าที่หลายฝ่ายคาด ซ้ำโครงสร้างเมืองเป็นอุปสรรค
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในขณะนี้ว่า วิกฤตเศรษฐกิจมาเร็วและร้ายแรงกว่าที่หลายฝ่ายคิด ขณะที่ระบบโครงสร้างและวัฒนธรรมทางการเมืองกำลังเป็นอุปสรรคและซ้ำเติมให้ปัญหาเลวร้ายลงไปอีก ทำให้ประเทศอยู่ในสภาพที่ไร้อนาคต
การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกคำสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลและห้ามซื้อหุ้นคืน สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจต่างๆกำลังประสบความเสียหายเกิดหนี้เสียจำนวนมากและคงคาดการณ์ด้วยว่าจากนี้ไปจะเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกมาก
ธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจงว่าการออกคำสั่งนี้เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนสูงของสถานการณ์โควิด -19 แต่จริงๆแล้วการออกคำสั่งนี้กำลังสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงที่มีผลต่อประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วหน้ากัน
พลเอกประยุทธ์ประกาศชัยชนะในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยดูแต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ไม่ได้ดูความเสียหายในด้านอื่นๆโดยเฉพาะเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ที่ผ่านมาการใช้มาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มเกินไปโดยไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของการแพร่ระบาด ไม่เตรียมการดูแลผลกระทบจาการใช้มาตรการ และไม่คิดช่วยประคับประคองธุรกิจให้สามารถจ้างงานหรือรักษากิจการไว้ไม่ให้ล้มไป ประกอบกับการเยียวยาที่ล่าช้า ทำให้เกิดความเสียหายกว่าที่จำเป็น
สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้พูดถึงแต่เป็นที่รู้กันทั่วไปอยู่แล้วก็คือระบบเศรษฐกิจของไทยปรับตัวช้า เศรษฐกิจไทยพึ่งเศรษฐกิจโลกมาก การส่งออกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบรุนแรง แม้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆเต็มที่แล้ว ธุรกิจจำนวนมากก็จะไม่สามารถกลับมาประกอบการได้ปัญหาหนี้เสียจึงจะรุนแรงยิ่งขึ้นและเศรษฐกิจจะถดถอยและเกิดความเสียหายรุนแรงกว่าทุกวันนี้อีกมาก
วิกฤตที่ใหญ่หลวงนี้ต้องการการร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อจะได้ใช้ความรู้ประสบการณ์และความคิดเห็นมาทำให้เกิดนโยบายมาตรการและการวางแผนที่สามารถนำพาประเทศให้พ้นจากวิกฤตได้
ล่าสุดนายกฯได้ออกมาพูดถึงความตั้งใจที่จะรับฟังทุกฝ่ายรวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียและจะทำงานในเชิงรุก แต่การออกทีวีพูลในเรื่องสำคัญครั้งนี้กลับไม่ได้รับความสนใจ เพราะแม้จะมีคนร่างมาให้อย่างดี แต่คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่านายกฯจะคิดและทำอย่างที่พูด
มีการต้องถอดรหัสกันไปต่างๆ นานา แต่ส่วนใหญ่ที่ตรงกันคือไม่ทำให้เกิดความหวังหรือความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
สาเหตุที่คำพูดของนายกฯไม่เป็นที่น่าเชื่อถือและจะไม่มีทางเกิดเป็นจริงได้เพราะคำพูดนั้นย้อนแย้งกับสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ทำมาตลอดหลายปีมานี้ การตัดสินใจสั่งการต่างๆทำกันอยู่ในวงจำกัด ไม่เคยรับฟังความเห็นของฝ่ายต่างๆ ยิ่งผู้ที่เห็นต่างด้วยแล้วยิ่งถูกกดถูกห้ามหรือขัดขวางไม่ให้แสดงออก
ในการรับมือกับโควิด-19 รัฐบาลตามหลังปัญหามาตลอด ไม่เคยใส่ใจรับฟังผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย ไม่เคยเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ถ้าจะฟังอยู่บ้างก็มีแต่เจ้าสัวไม่กี่รายซึ่งก็มักได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากรัฐมากกว่าผู้อื่น ไม่เคยมีการร่วมกันวางแผนสำหรับอนาคต นายกฯไม่มีความกระตือรือร้นสนใจที่จะฟังควมามเห็นของสภาผู้แทนราษฎรทั้งยังเห็นการวิพากษ์วิจารณ์และการเสนอแนะในสภาเป็นเรื่องน่ารำคาญและเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล นอกจากนั้นการใช้พรก.ฉุกเฉินได้กลายเป็นเครื่องมือปิดปากประชาชนที่ต้องการแสดงความคิดเห็นถึงขั้นที่มีการใช้ไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อจัดการกับผู้ที่เห็นต่าง ไม่ตรงกับข้ออ้างวัตถุประสงค์ของการใช้พรก.ฉุกเฉิน สิ่งที่นายกฯพูดทั้ง 3 ข้อจึงเป็นเรื่องย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
สภาพที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าดูผิวเผินก็อาจรู้สึกว่าเป็นเพราะบุคลิกความเคยชินส่วนตัวของพลเอกประยุทธ์ แต่ความจริงแล้ว สภาพเช่นนี้เป็นผลมาจากระบบโครงสร้างและวัฒนธรรมการเมืองของประเทศที่เป็นต้นตอ
ในขณะที่ประเทศไทยกำลังต้องการการปรับตัวอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องการรวบรวมกำลังสติปัญญาของทุกฝ่าย แต่ระบบโครงสร้างทางการเมืองกลับถูกจำกัดวนเวียนกันอยู่ในกลุ่มที่ยึดโยงกับอำนาจและผลประโยชน์
สว. 250 คน นอกจากมีไว้คอยยกมือให้พลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯและคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯกันแล้ว ก็ไม่เคยทำหน้าที่สะท้อนปัญหาหรือเสนอความเห็นอะไรเลยทั้งๆที่ประเทศอยู่ท่ามกลางวิกฤต
พรรคการเมืองส่วนใหญ่ถูกทำให้อ่อนแอ แตกแยก ขณะที่พรรคพลังประชารัฐกำลังเกิดการแก่งแย่งอำนาจครั้งใหญ่ที่จะส่งผลเสียต่อการบริหารประเทศ
ส่วนวัฒนธรรมทางการเมืองที่นายกฯกับพวกคุ้นเคยคือการสกัดกั้นขัดขวางการแสดงความเห็นที่แตกต่างด้วยการคุกคามและการใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรมซึ่งนับวันจะยิ่งสร้างความขัดแย้งให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น เป็นการซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
การ “รวมไทยสร้างชาติ” จึงเป็นเพียงคำพูดลมๆแล้งๆ ที่ไม่มีความหมายใดๆ