JJNY : จี้รบ.แจงที่มาแหล่งเงินกู้/ยกฟ้อง!8กปปส.ขวางเลือกตั้ง/เอดีบีคาดศก.ไทยหดตัว6.5%/ปลุกท่องเที่ยว ทุนใหญ่กินเรียบ

ฝ่ายค้านจี้นายกฯ-รัฐบาลแจงที่มาแหล่งเงินกู้
https://www.innnews.co.th/politics/news_702214/
 

 
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีเงินกู้ 1.9 ล้านล้าน ว่า ถึงวันนี้รัฐบาลไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าเงิน กู้ 1.9 ล้านล้านบาทมาจากไหน รัฐบาลไปกู้มาจากไหน  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เคยออกมาชี้แจงหรืออธิบายให้ประชาชนทราบเลยว่า จะใช้เงินจากไหน และจะใช้หนี้เมื่อไหร่ รัฐบาลต้องบอกความจริงประชาชนเจ้าของเงิน เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลมีการใช้เงินกู้ไปแล้ว 2.2 แสนล้านบาท พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เงินกู้โดยไม่ชี้แจงประชาชนได้อย่างไร และที่สำคัญเงินงบประมาณที่มีการออกพระราชกำหนดโอนงบประมาณจากกระทรวงต่างๆมาไว้ที่งบกลางจำนวน 88,000 ล้านบาท เชื่อว่ารัฐบาลใช้หมดไปแล้ว ทั้งนี้การใช้งบประมาณที่ผ่านมาของรัฐบาลมีความไม่โปร่งใสมาตลอด มีการปิดบังประชาชน เวลามีใครไปถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะออกอาการโวยวายไม่ตอบคำถาม
 
ทั้งนี้ การใช้เงินกู้ดังกล่าวหากรัฐบาลไปกู้มาแล้วใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญหาประเทศ รวมทั้งใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์กับประชาชนไม่มีใครว่า และพรรคฝ่ายค้านพร้อมสนับสนุน  แต่งบประมาณหลายแสนล้านที่รัฐบาลใช้ไป ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน รวมทั้งการตรวจสอบยากมาก รัฐบาลไม่พร้อมอธิบายว่าเอาไปใช้อะไร
 
นอกจากนี้ การทำงานที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมั่นใจว่าไม่มีใครทำอะไรได้  กฎหมายเอาผิดพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ เนื่องจากออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองไว้แล้ว ถ้าไม่กลัวแล้วนิรโทษกรรมตัวเองทำไม  พลเอกประยุทธ์ต้องยอมรับการตรวจสอบจากประชาชน  อยากบอกไปยังพลเอกประยุทธ์ว่าแม้กฎหมายเอาผิดไม่ได้แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ หากทำอะไรไม่ดีไว้ระวังจะจบไม่สวย
 

 
ยกฟ้อง! 8 กปปส. ก่อม็อบขวางเลือกตั้ง ส่วนแกนนำ เจอแค่โทษปรับ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4339802
 
ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง 8 ผู้ชุมนุม กลุ่ม กปปส. ขวางเลือกตั้งล่วงหน้าเขตทุ่งครุ สั่งปรับ 2 หมื่น แกนนำสั่งขวางตัดโซ่คล้องปิดประตู สำนักงานเขตทุ่งครุ
 
วันที่ 18 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.338/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ปราณี ธรรมนิยม, นายชวลิต ศิริกังวาลกุล, นายทองใบ แจ่มจำรัส, นายทวี โพธิ์ดำ
 
น.ส.กฤษณา น้อยปลา, นายณรงค์ ปิณฑรัตนวิบูลย์, นายทวี อับดุลเลาะห์, น.ส.กุสุมา อินสมะพันธ์, นางจารุวรรณ แสงอรุณ และ น.ส.ปาตีเมาะ แสงสว่าง เป็นจำเลยที่ 1-10 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76,152
 
กรณีวันที่ 26 ม.ค. 2557 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสิบกับ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ นางทยา ทีปสุวรรณ ซึ่งแยกไปดำเนินคดีต่างหากแล้ว กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ประมาณ 50 คน
 
ไปปิดล้อมทางเข้าสำนักงานเขตทุ่งครุ ซึ่งเป็นที่เลือกตั้งกลาง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 26 กรุงเทพมหานคร อันเป็นสถานที่ที่กำหนดให้ทำการลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป จำเลยกับพวกร่วมกันนำรถไปจอดหน้าสำนักงาน พากันไปยืนและนั่งขวางหน้าประตู ใช้โซ่ขนาดใหญ่คล้องบานประตูทางเข้า-ออก ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สามารถเข้าไปในสำนักงานเขตทุ่งครุได้
 
คดีนี้จำเลยที่ 3 เสียชีวิต ศาลจึงให้จำหน่ายส่วนของจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2, 6-7 คนละ 1 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4-5, 8-10 คนละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 1-2, 4-10 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง
 
มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2, 6-7 คนละ 1 ปี จำเลยที่ 4-5, 8-10 คนละ 8 เดือน และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-2, 4-10 คนละ 5 ปี จากนั้นพวกจำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับการประกันตัว
 
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่ ในส่วนของจำเลยที่ 1 โจทก์มีตำรวจ สน.ทุ่งครุ เป็นพยาน เบิกความพบจำเลยที่ 1 กำลังพูดโทรโข่งเรียกกลุ่มคนให้เข้าไปขัดขวางตำรวจที่จะตัดโซ่คล้องปิดประตูสำนักงานเขตทุ่งครุ
 
ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เป็นข้าราชการตำรวจท้องที่ จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกสภาเขตท้องที่ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏมูลเหตุจูงใจที่พยานจะปรักปรำจำเลยที่ 1 น่าเชื่อว่าพยานเบิกความไปตามที่พบเห็น ประกอบกับจำเลยที่ 1 รับว่าวันเกิดเหตุได้มาที่สำนักงานเขตทุ่งครุ พูดโทรโข่งรณรงค์ให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
 
จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำชุมชนในท้องที่เกิดเหตุ เมื่อตำรวจขอเจรจาให้จำเลยที่ 1 เปิดประตูสำนักงานเขต หากจำเลยที่ 1 ไม่มีส่วนรู้เห็นก็น่าจะเจรจากับกลุ่มบุคคลขอให้เปิดกุญแจที่คล้องโซ่ ไม่ปฏิเสธหนักแน่นว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว และใช้โทรโข่งเรียกมวลชนขัดขวางมิให้ตำรวจตัดโซ่
 
ประกอบกับพยานบุคคลเบิกความเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คุยให้ฟังว่า นายณัฏฐพล เป็นผู้มอบโซ่และกุญแจให้จำเลยที่ 1 จำนวน 3 ชุด ไปปิดประตูสำนักงานเขตทุ่งครุ พยานโจทก์ที่สืบมามีน้ำหนักมั่นคง ส่วนที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยเพียงแต่พูดโทรโข่งเรียกมวลชน ไม่ได้กระทำด้วยความรุนแรง สมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษจำคุก แต่เพื่อให้หลาบจำจึงให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
 
สำหรับจำเลยที่ 2, 4-10 โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบให้เห็นว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำใดอันเป็นการขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งแต่อย่างใด จำเลยไม่มีการปิดบังอำพรางใบหน้า ชุมนุมอย่างเปิดเผย ด้วยความสงบปราศจากความรุนแรง
 
แม้มีเจตนาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลที่ใช้โซ่คล้องแล้วใส่กุญแจปิดสำนักงานเขตทุ่งครุ ก็ไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2, 4-10 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วย การกระทำของจำเลยที่ 2, 4-10 ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2, 4-10 ฟังขึ้น
 
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงปรับ 20,000 บาท โทษจำคุก 1 ปี ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 4-10 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่