ฝ่ายค้านจี้นายกฯ-รัฐบาลแจงที่มาแหล่งเงินกู้
https://www.innnews.co.th/politics/news_702214/
นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีเงินกู้ 1.9 ล้านล้าน ว่า ถึงวันนี้รัฐบาลไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าเงิน กู้ 1.9 ล้านล้านบาทมาจากไหน รัฐบาลไปกู้มาจากไหน พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่เคยออกมาชี้แจงหรืออธิบายให้ประชาชนทราบเลยว่า จะใช้เงินจากไหน และจะใช้หนี้เมื่อไหร่ รัฐบาลต้องบอกความจริงประชาชนเจ้าของเงิน เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลมีการใช้เงินกู้ไปแล้ว 2.2 แสนล้านบาท พล.อ.
ประยุทธ์ ใช้เงินกู้โดยไม่ชี้แจงประชาชนได้อย่างไร และที่สำคัญเงินงบประมาณที่มีการออกพระราชกำหนดโอนงบประมาณจากกระทรวงต่างๆมาไว้ที่งบกลางจำนวน 88,000 ล้านบาท เชื่อว่ารัฐบาลใช้หมดไปแล้ว ทั้งนี้การใช้งบประมาณที่ผ่านมาของรัฐบาลมีความไม่โปร่งใสมาตลอด มีการปิดบังประชาชน เวลามีใครไปถามกับ พล.อ.
ประยุทธ์ ก็จะออกอาการโวยวายไม่ตอบคำถาม
ทั้งนี้ การใช้เงินกู้ดังกล่าวหากรัฐบาลไปกู้มาแล้วใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญหาประเทศ รวมทั้งใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์กับประชาชนไม่มีใครว่า และพรรคฝ่ายค้านพร้อมสนับสนุน แต่งบประมาณหลายแสนล้านที่รัฐบาลใช้ไป ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน รวมทั้งการตรวจสอบยากมาก รัฐบาลไม่พร้อมอธิบายว่าเอาไปใช้อะไร
นอกจากนี้ การทำงานที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมั่นใจว่าไม่มีใครทำอะไรได้ กฎหมายเอาผิดพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ เนื่องจากออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองไว้แล้ว ถ้าไม่กลัวแล้วนิรโทษกรรมตัวเองทำไม พลเอกประยุทธ์ต้องยอมรับการตรวจสอบจากประชาชน อยากบอกไปยังพลเอกประยุทธ์ว่าแม้กฎหมายเอาผิดไม่ได้แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ หากทำอะไรไม่ดีไว้ระวังจะจบไม่สวย
ยกฟ้อง! 8 กปปส. ก่อม็อบขวางเลือกตั้ง ส่วนแกนนำ เจอแค่โทษปรับ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4339802
ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง 8 ผู้ชุมนุม กลุ่ม กปปส. ขวางเลือกตั้งล่วงหน้าเขตทุ่งครุ สั่งปรับ 2 หมื่น แกนนำสั่งขวางตัดโซ่คล้องปิดประตู สำนักงานเขตทุ่งครุ
วันที่ 18 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.338/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.
ปราณี ธรรมนิยม, นาย
ชวลิต ศิริกังวาลกุล, นาย
ทองใบ แจ่มจำรัส, นาย
ทวี โพธิ์ดำ
น.ส.
กฤษณา น้อยปลา, นาย
ณรงค์ ปิณฑรัตนวิบูลย์, นาย
ทวี อับดุลเลาะห์, น.ส.
กุสุมา อินสมะพันธ์, นาง
จารุวรรณ แสงอรุณ และ น.ส.
ปาตีเมาะ แสงสว่าง เป็นจำเลยที่ 1-10 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76,152
กรณีวันที่ 26 ม.ค. 2557 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสิบกับ นาย
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ นาง
ทยา ทีปสุวรรณ ซึ่งแยกไปดำเนินคดีต่างหากแล้ว กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ประมาณ 50 คน
ไปปิดล้อมทางเข้าสำนักงานเขตทุ่งครุ ซึ่งเป็นที่เลือกตั้งกลาง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 26 กรุงเทพมหานคร อันเป็นสถานที่ที่กำหนดให้ทำการลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป จำเลยกับพวกร่วมกันนำรถไปจอดหน้าสำนักงาน พากันไปยืนและนั่งขวางหน้าประตู ใช้โซ่ขนาดใหญ่คล้องบานประตูทางเข้า-ออก ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สามารถเข้าไปในสำนักงานเขตทุ่งครุได้
คดีนี้จำเลยที่ 3 เสียชีวิต ศาลจึงให้จำหน่ายส่วนของจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2, 6-7 คนละ 1 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4-5, 8-10 คนละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 1-2, 4-10 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง
มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2, 6-7 คนละ 1 ปี จำเลยที่ 4-5, 8-10 คนละ 8 เดือน และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-2, 4-10 คนละ 5 ปี จากนั้นพวกจำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับการประกันตัว
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่ ในส่วนของจำเลยที่ 1 โจทก์มีตำรวจ สน.ทุ่งครุ เป็นพยาน เบิกความพบจำเลยที่ 1 กำลังพูดโทรโข่งเรียกกลุ่มคนให้เข้าไปขัดขวางตำรวจที่จะตัดโซ่คล้องปิดประตูสำนักงานเขตทุ่งครุ
ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เป็นข้าราชการตำรวจท้องที่ จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกสภาเขตท้องที่ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏมูลเหตุจูงใจที่พยานจะปรักปรำจำเลยที่ 1 น่าเชื่อว่าพยานเบิกความไปตามที่พบเห็น ประกอบกับจำเลยที่ 1 รับว่าวันเกิดเหตุได้มาที่สำนักงานเขตทุ่งครุ พูดโทรโข่งรณรงค์ให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำชุมชนในท้องที่เกิดเหตุ เมื่อตำรวจขอเจรจาให้จำเลยที่ 1 เปิดประตูสำนักงานเขต หากจำเลยที่ 1 ไม่มีส่วนรู้เห็นก็น่าจะเจรจากับกลุ่มบุคคลขอให้เปิดกุญแจที่คล้องโซ่ ไม่ปฏิเสธหนักแน่นว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว และใช้โทรโข่งเรียกมวลชนขัดขวางมิให้ตำรวจตัดโซ่
ประกอบกับพยานบุคคลเบิกความเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คุยให้ฟังว่า นายณัฏฐพล เป็นผู้มอบโซ่และกุญแจให้จำเลยที่ 1 จำนวน 3 ชุด ไปปิดประตูสำนักงานเขตทุ่งครุ พยานโจทก์ที่สืบมามีน้ำหนักมั่นคง ส่วนที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยเพียงแต่พูดโทรโข่งเรียกมวลชน ไม่ได้กระทำด้วยความรุนแรง สมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษจำคุก แต่เพื่อให้หลาบจำจึงให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
สำหรับจำเลยที่ 2, 4-10 โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบให้เห็นว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำใดอันเป็นการขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งแต่อย่างใด จำเลยไม่มีการปิดบังอำพรางใบหน้า ชุมนุมอย่างเปิดเผย ด้วยความสงบปราศจากความรุนแรง
แม้มีเจตนาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลที่ใช้โซ่คล้องแล้วใส่กุญแจปิดสำนักงานเขตทุ่งครุ ก็ไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2, 4-10 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วย การกระทำของจำเลยที่ 2, 4-10 ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2, 4-10 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงปรับ 20,000 บาท โทษจำคุก 1 ปี ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 4-10 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้น
JJNY : จี้รบ.แจงที่มาแหล่งเงินกู้/ยกฟ้อง!8กปปส.ขวางเลือกตั้ง/เอดีบีคาดศก.ไทยหดตัว6.5%/ปลุกท่องเที่ยว ทุนใหญ่กินเรียบ
https://www.innnews.co.th/politics/news_702214/
ทั้งนี้ การใช้เงินกู้ดังกล่าวหากรัฐบาลไปกู้มาแล้วใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญหาประเทศ รวมทั้งใช้งบประมาณเพื่อประโยชน์กับประชาชนไม่มีใครว่า และพรรคฝ่ายค้านพร้อมสนับสนุน แต่งบประมาณหลายแสนล้านที่รัฐบาลใช้ไป ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประชาชน รวมทั้งการตรวจสอบยากมาก รัฐบาลไม่พร้อมอธิบายว่าเอาไปใช้อะไร
นอกจากนี้ การทำงานที่ไม่เกรงกลัวกฎหมายของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะมั่นใจว่าไม่มีใครทำอะไรได้ กฎหมายเอาผิดพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ เนื่องจากออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองไว้แล้ว ถ้าไม่กลัวแล้วนิรโทษกรรมตัวเองทำไม พลเอกประยุทธ์ต้องยอมรับการตรวจสอบจากประชาชน อยากบอกไปยังพลเอกประยุทธ์ว่าแม้กฎหมายเอาผิดไม่ได้แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ หากทำอะไรไม่ดีไว้ระวังจะจบไม่สวย
ยกฟ้อง! 8 กปปส. ก่อม็อบขวางเลือกตั้ง ส่วนแกนนำ เจอแค่โทษปรับ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4339802
ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง 8 ผู้ชุมนุม กลุ่ม กปปส. ขวางเลือกตั้งล่วงหน้าเขตทุ่งครุ สั่งปรับ 2 หมื่น แกนนำสั่งขวางตัดโซ่คล้องปิดประตู สำนักงานเขตทุ่งครุ
วันที่ 18 มิ.ย. ที่ห้องพิจารณา 908 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.338/2560 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ปราณี ธรรมนิยม, นายชวลิต ศิริกังวาลกุล, นายทองใบ แจ่มจำรัส, นายทวี โพธิ์ดำ
น.ส.กฤษณา น้อยปลา, นายณรงค์ ปิณฑรัตนวิบูลย์, นายทวี อับดุลเลาะห์, น.ส.กุสุมา อินสมะพันธ์, นางจารุวรรณ แสงอรุณ และ น.ส.ปาตีเมาะ แสงสว่าง เป็นจำเลยที่ 1-10 ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76,152
กรณีวันที่ 26 ม.ค. 2557 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสิบกับ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ นางทยา ทีปสุวรรณ ซึ่งแยกไปดำเนินคดีต่างหากแล้ว กับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) ประมาณ 50 คน
ไปปิดล้อมทางเข้าสำนักงานเขตทุ่งครุ ซึ่งเป็นที่เลือกตั้งกลาง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 26 กรุงเทพมหานคร อันเป็นสถานที่ที่กำหนดให้ทำการลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งทั่วไป จำเลยกับพวกร่วมกันนำรถไปจอดหน้าสำนักงาน พากันไปยืนและนั่งขวางหน้าประตู ใช้โซ่ขนาดใหญ่คล้องบานประตูทางเข้า-ออก ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งและประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่สามารถเข้าไปในสำนักงานเขตทุ่งครุได้
คดีนี้จำเลยที่ 3 เสียชีวิต ศาลจึงให้จำหน่ายส่วนของจำเลยที่ 3 ออกจากสารบบความ ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2, 6-7 คนละ 1 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 4-5, 8-10 คนละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยที่ 1-2, 4-10 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง
มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2, 6-7 คนละ 1 ปี จำเลยที่ 4-5, 8-10 คนละ 8 เดือน และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1-2, 4-10 คนละ 5 ปี จากนั้นพวกจำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับการประกันตัว
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่ ในส่วนของจำเลยที่ 1 โจทก์มีตำรวจ สน.ทุ่งครุ เป็นพยาน เบิกความพบจำเลยที่ 1 กำลังพูดโทรโข่งเรียกกลุ่มคนให้เข้าไปขัดขวางตำรวจที่จะตัดโซ่คล้องปิดประตูสำนักงานเขตทุ่งครุ
ศาลเห็นว่าพยานโจทก์เป็นข้าราชการตำรวจท้องที่ จำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกสภาเขตท้องที่ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏมูลเหตุจูงใจที่พยานจะปรักปรำจำเลยที่ 1 น่าเชื่อว่าพยานเบิกความไปตามที่พบเห็น ประกอบกับจำเลยที่ 1 รับว่าวันเกิดเหตุได้มาที่สำนักงานเขตทุ่งครุ พูดโทรโข่งรณรงค์ให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง
จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำชุมชนในท้องที่เกิดเหตุ เมื่อตำรวจขอเจรจาให้จำเลยที่ 1 เปิดประตูสำนักงานเขต หากจำเลยที่ 1 ไม่มีส่วนรู้เห็นก็น่าจะเจรจากับกลุ่มบุคคลขอให้เปิดกุญแจที่คล้องโซ่ ไม่ปฏิเสธหนักแน่นว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว และใช้โทรโข่งเรียกมวลชนขัดขวางมิให้ตำรวจตัดโซ่
ประกอบกับพยานบุคคลเบิกความเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คุยให้ฟังว่า นายณัฏฐพล เป็นผู้มอบโซ่และกุญแจให้จำเลยที่ 1 จำนวน 3 ชุด ไปปิดประตูสำนักงานเขตทุ่งครุ พยานโจทก์ที่สืบมามีน้ำหนักมั่นคง ส่วนที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษจำคุกนั้น ศาลเห็นว่าจำเลยเพียงแต่พูดโทรโข่งเรียกมวลชน ไม่ได้กระทำด้วยความรุนแรง สมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษจำคุก แต่เพื่อให้หลาบจำจึงให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
สำหรับจำเลยที่ 2, 4-10 โจทก์ไม่มีพยานมานำสืบให้เห็นว่ามีพฤติกรรมหรือการกระทำใดอันเป็นการขัดขวางการลงคะแนนเลือกตั้งแต่อย่างใด จำเลยไม่มีการปิดบังอำพรางใบหน้า ชุมนุมอย่างเปิดเผย ด้วยความสงบปราศจากความรุนแรง
แม้มีเจตนาร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป เช่นเดียวกับกลุ่มบุคคลที่ใช้โซ่คล้องแล้วใส่กุญแจปิดสำนักงานเขตทุ่งครุ ก็ไม่อาจถือว่าจำเลยที่ 2, 4-10 เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วย การกระทำของจำเลยที่ 2, 4-10 ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2, 4-10 ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงปรับ 20,000 บาท โทษจำคุก 1 ปี ให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 4-10 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้น