สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เขาต้องการดูว่า สิ่งที่คุณกล่าวตอนสัมภาษณ์และข้อมูลต่างๆที่คุณให้ไปเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ
คนบางคน ตอนสัมภาษณ์เล่าประวัติตัวเองเส้นทางชีวิตตัวเองแบบหนึ่ง แต่เมื่อไปดูเฟสบุ๊ค โปรไฟล์เป็นเหมือนคนละคนเลย
ผมเคยเจอมาแล้ว ในเรซูเม่ลงไว้ว่าทำงานที่เดียว 2 ปี แต่ในเฟสบุ๊ค มีโพสต์ไปสัมภาษณ์งาน เปลี่ยนงานบ่อยมาก มีโพสต์ด่าเพื่อนร่วมงานเก่าด้วย
ในฐานะฝ่ายบุคคล ขอบอกว่าผมยังรู้สึกดี ที่บริษัทนี้ยังแจ้งขอก่อน ผมทราบว่าบางบริษัทเขาไม่ขอ แต่เขาส่องเลย
โดยเฉพาะพวกคนที่ต้องใช้ชื่อเฟสบุ๊คเป็นชื่อจริง นามสกุลจริง เวลาจะโพสต์อะไรที่สุ่มเสี่ยง เช่นเรื่องการเมืองหรือเรื่องด้านลบๆ ก็ขอให้ตั้งเห็นเฉพาะเพื่อนในเฟสบุ๊คเท่านั้นนะครับ
บางบริษัทเขาส่อง พิจารณาตัวตนในเฟสบุ๊คคุณ ก่อนนัดสัมภาษณ์งาน ก็มีนะครับ
คนบางคน ตอนสัมภาษณ์เล่าประวัติตัวเองเส้นทางชีวิตตัวเองแบบหนึ่ง แต่เมื่อไปดูเฟสบุ๊ค โปรไฟล์เป็นเหมือนคนละคนเลย
ผมเคยเจอมาแล้ว ในเรซูเม่ลงไว้ว่าทำงานที่เดียว 2 ปี แต่ในเฟสบุ๊ค มีโพสต์ไปสัมภาษณ์งาน เปลี่ยนงานบ่อยมาก มีโพสต์ด่าเพื่อนร่วมงานเก่าด้วย
ในฐานะฝ่ายบุคคล ขอบอกว่าผมยังรู้สึกดี ที่บริษัทนี้ยังแจ้งขอก่อน ผมทราบว่าบางบริษัทเขาไม่ขอ แต่เขาส่องเลย
โดยเฉพาะพวกคนที่ต้องใช้ชื่อเฟสบุ๊คเป็นชื่อจริง นามสกุลจริง เวลาจะโพสต์อะไรที่สุ่มเสี่ยง เช่นเรื่องการเมืองหรือเรื่องด้านลบๆ ก็ขอให้ตั้งเห็นเฉพาะเพื่อนในเฟสบุ๊คเท่านั้นนะครับ
บางบริษัทเขาส่อง พิจารณาตัวตนในเฟสบุ๊คคุณ ก่อนนัดสัมภาษณ์งาน ก็มีนะครับ
ความคิดเห็นที่ 8
ตอนนี้จะขอวีซ่าไปสหรัฐอเมริกาต้องให้ดูบัญชี social network นะครับ ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องใหม่หรือแปลกแล้ว
บริษัทมีสิทธิที่จะขอดูตอนที่จะรับคุณเข้าทำงาน คุณเองก็มีสิทธิที่จะไม่ให้ดูจะบอกว่าพื้นที่ส่วนตัวก็ว่ากันไป
ถ้าคุณไม่ให้บริษัทดูบริษัทก็ไม่ทำสัญญาจ้างคุณแค่นั้นเอง
ตอนนี้หลายบริษัทในประเทศไทยขอดูบัญชี facebook ก่อนรับทำงานกันแล้ว
ที่จริงก็ดีนะถ้าทัศคติต่างกับนายจ้างก็อย่ามาเป็นนายจ้างกับลูกจ้างกันเลยดีกว่า
บริษัทมีสิทธิที่จะขอดูตอนที่จะรับคุณเข้าทำงาน คุณเองก็มีสิทธิที่จะไม่ให้ดูจะบอกว่าพื้นที่ส่วนตัวก็ว่ากันไป
ถ้าคุณไม่ให้บริษัทดูบริษัทก็ไม่ทำสัญญาจ้างคุณแค่นั้นเอง
ตอนนี้หลายบริษัทในประเทศไทยขอดูบัญชี facebook ก่อนรับทำงานกันแล้ว
ที่จริงก็ดีนะถ้าทัศคติต่างกับนายจ้างก็อย่ามาเป็นนายจ้างกับลูกจ้างกันเลยดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าเป็นคนปกติ มีทัศนคติปกติ ไม่มีดร่าม่าใน Facebook ก็ให้ดูไป จริงๆมันเป็นเรื่องส่วนตัว
แต่ถ้าคุณได้ทำงานมันจะไม่ส่วนตัวอีกต่อไป เพราะบางคนชอบเอาเรื่องงานไปโพส ไปประจานเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ
ซึ่งผมมองว่าเขาจับจุดนี้มากกว่า facebook ผมเองก็มีเพื่อนในบริษัทฯ น้อยมากที่ดร่ามาเรื่องงาน เพราะถ้ามีบ่งบอกถึงทัศนคติ
แต่ถ้าคุณได้ทำงานมันจะไม่ส่วนตัวอีกต่อไป เพราะบางคนชอบเอาเรื่องงานไปโพส ไปประจานเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ
ซึ่งผมมองว่าเขาจับจุดนี้มากกว่า facebook ผมเองก็มีเพื่อนในบริษัทฯ น้อยมากที่ดร่ามาเรื่องงาน เพราะถ้ามีบ่งบอกถึงทัศนคติ
ความคิดเห็นที่ 11
เราเคยจะรับพนักงานเพราะความเห็นใจค่ะ
คนสมัครมือพิการเพราะอุบัติเหตุ ตอนคุยก็สวยงาม ดูดี ดูพยายาม แต่เพราะพิการไม่มีที่ใหนให้โอกาส
ตกลงใจว่าจะรับคนนี้ แต่อะไรดลใจสักอย่างว่าอยากลองเช็ค social ดูก่อน ลองเสริท์ชื่อดูว่าเจอในเฟสไหม
ปรากฏว่าคนนี้ตั้งค่าสาธารณะ ดูได้หมด
อันอื่นๆก็เปลี่ยนงาน เพื่อนๆแซว เปลี่ยนอีกแล้ว รอดนี้ครบโปรมั้ย
ด่าคนโน้นนี้ ด่าคนร่วมงาน เด็ดสุด เขียนขู่ฆ่าหัวหน้างานเก่า..
เราวางใบสมัครเลย
คนสมัครมือพิการเพราะอุบัติเหตุ ตอนคุยก็สวยงาม ดูดี ดูพยายาม แต่เพราะพิการไม่มีที่ใหนให้โอกาส
ตกลงใจว่าจะรับคนนี้ แต่อะไรดลใจสักอย่างว่าอยากลองเช็ค social ดูก่อน ลองเสริท์ชื่อดูว่าเจอในเฟสไหม
ปรากฏว่าคนนี้ตั้งค่าสาธารณะ ดูได้หมด
อันอื่นๆก็เปลี่ยนงาน เพื่อนๆแซว เปลี่ยนอีกแล้ว รอดนี้ครบโปรมั้ย
ด่าคนโน้นนี้ ด่าคนร่วมงาน เด็ดสุด เขียนขู่ฆ่าหัวหน้างานเก่า..
เราวางใบสมัครเลย
แสดงความคิดเห็น
สัมภาษณ์งานแล้วทางบริษัทขอดู Facebook เรา คิดว่ามันเกินไปมั้ย
ปล.ออกความเห็นกันได้ เเต่อย่าทำให้ถึงขั้นดราม่าเลย กลางๆกันพอเนอะ เเค่อยากรู้