อยากทราบว่า คำพูดที่ว่า "แต่ก่อนไทยเราเจริญ ตอนนี้ประเทศ... กำลังจะแซง" นี่มีที่มาจากอะไร
เรามักจะเห็นประโยคทำนองนี้ในที่ต่างๆ โดยประเทศแรกๆที่มักพบคือมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทั้งสองประเทศมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่มากกว่าไทยในระดับหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนได้รับเอกราชแล้ว ประเทศต่อมาคือเกาหลีใต้ ที่อาจมีช่วงหลังสงครามเกาหลีที่อาจจะทำให้การพัฒนาชะงักไปบ้าง ทว่าก็มีการพัฒนาพื้นฐานต่างๆมาก่อนหน้านั้นแล้ว ต่อมาก็มีการพัฒนามากขึ้น จนสามารถจัดโอลิมปิกได้ ซึ่งการพัฒนาในระดับนั้นอาจทำให้มองได้ว่าเกาหลีใต้อาจไม่เคยอยู่ในจุดที่ต่ำกว่าไทย อีกประเทศคือเวียดนาม หลายๆกระทู้ได้อธิบายแล้วว่าอาจต้องใช้เวลา และแนวคิดเรื่องการพัฒนาในเวียดนามนั้น จขกท.มองว่ามาจากนักธุรกิจไทยที่เริ่มไปลงทุนที่นั่นเมื่อประมาณหลายสิบปีก่อนหลังจากเวียดนามเริ่มใช้ระบบการตลาดมาพัฒนาเศรษฐกิจ โดยตัว จขกท. เองก็ยอมรับว่าเคยเข้าใจแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณผู้รู้หลายๆท่านจากหลายๆที่ทั้งในพันทิป ใน Youtube และที่อื่นๆที่ได้มาอธิบายเพื่อให้เข้าใจถูกต้อง
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมหลายคนถึงเข้าใจว่าเมืองไทยนั้นดีหรือพัฒนามาโดยตลอด จนพอเรามีอะไรนิดหน่อยก็มักพูดว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะแซง คือตามความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยอาจจะมีภาษีดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่บ้างจะการที่สามารถรักษาเอกราชมาได้โดยไม่ตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก และการที่ได้เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็น แต่การพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยจริงๆน่าจะเริ่มในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งเป็นช่วงที่ GDP และ GDP Per Capita ของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ (เคยเห็นวิดีโอใน Youtube หลายวิดีโอทำกราฟเปรียบเทียบ ซึ่งที่ต่ำนั้นอาจดูที่เงินเป็นหลัก ทว่าผู้คนอาจไม่รู้สึกว่าลำบาก เพราะสมัยนั้นระบบเศรษฐกิจยังไม่อิงเงินตรามากแบบทุกวันนี้ หลายคนยังใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ทำมาหาเลี้ยงชีพในที่ดินของตน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากนักเลยอาจมองว่าไม่ลำบาก) โดยในช่วงนี้ไทยเริ่มมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเริ่มมีนโยบายอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยช่วงนี้สินค้าส่งออกยังเป็นเกษตรกรรมเหมือนกับในช่วงก่อนหน้า มีสินค้าอุตสาหกรรมบ้าง โดยไทยใช้นโยบายนี้มาถึงทศวรรษที่ 1970 ต่อมาในทศวรรษที่ 1980 จนถึงปัจจุบันอุตสาหกรรมของไทยได้พัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก (ในส่วนการท่องเที่ยวที่เป็นแหล่ง GDP ใหญ่ของไทยอีกแหล่งนี่ จขกท. ไม่แน่ใจว่าได้เริ่มรับการส่งเสริมในสมัยใด) ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา ทั้ง GDP และ GDP Per Capita ของไทยได้ขยับขึ้นมาโดยตลอด มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไปในแต่ละช่วง มากสุดน่าจะปลายทศวรรษที่ 1980 ถึงต้นทศวรรษที่ 1990 ทำให้ GDP และ GDP Per Capita ของไทยขยับขึ้นมาจากในอดีตมากพอสมควร จะเห็นได้ว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของไทยนั้นจริงๆก็เพิ่งเริ่มมาเมื่อไม่กี่สิบปีมานี่เอง
จขกท. ไม่แน่ใจว่าแนวคิดที่ จขกท. ตั้งคำถามนี้มาจากไหน ถ้าให้เดา ไม่แน่อาจเป็นการพูดเพื่อหวังผลทางจิตวิทยาให้คนไทยจำนวนมากขยัน กระตือรือร้น ในการพัฒนาตัวเองและประเทศชาติ เพื่อไม่ให้ถูกแซง ซึ่งในความเป็นจริงก็ดีที่มีการกระตุ้น ทว่าผู้เขียนก็มองว่า หากเป็นไปได้ ก็อยากให้คนทุกคนมีความกระตือรือร้นกันอยู่ตลอดเพื่อความก้าวหน้าของเราเอง ไม่ใช่เพื่อต้องการให้ใครมาแซง และการรับรู้ข้อมูลควรเป็นไปอย่างรอบด้าน ว่าประเทศทุกประเทศมีจุดแข็งจุดอ่อนเหมือนกัน มีการพัฒนาเหมือนกันแม้จะต่างระดับกันไปบ้าง แบบนี้น่าจะดีกว่า
ซึ่ง ณ ตอนนี้ไทยอยู่ในระดับรายได้ปานกลาง ถ้าจะขยับขึ้นไปอีก ก็ต้องทำอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านเสนอ คือต้องพัฒนาสินค้าจากสินค้าเดิมมาเป็นสินค้านวัตกรรม มียี่ห้อของเราเอง เพราะไทยคงไม่อาจพึ่งพิงอุตสาหกรรมที่ให้ผู้อื่นมาลงทุนได้ตลอด เนื่องจากค่าแรงสูงขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนแรงงานก็น้อยลงจากอัตราการเกิดที่น้อยลง ทำให้ต้องมีการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น โดยส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมมากขึ้น จขกท.มองว่าคนเก่งของไทยในด้านนวัตกรรมก็มี แต่มักไปทำงานในต่างประเทศที่รายได้สูงกว่า ตรงส่วนนี้ภาครัฐก็ควรส่งเสริมหรือมีแรงจูงใจให้คนมีความรู้ความสามารถกลับมาทำงานด้านการพัฒนานวัตกรรมให้กับไทยด้วยเช่นกัน
ประมาณนี้ รบกวนท่านที่ทราบช่วยตอบด้วยครับ และหากมีส่วนไหนที่ จขกท.เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยด้วยครับ
คำพูดที่ว่า "แต่ก่อนไทยเราเจริญ ตอนนี้ประเทศ... กำลังจะแซง" นี่มีที่มาจากอะไร
เรามักจะเห็นประโยคทำนองนี้ในที่ต่างๆ โดยประเทศแรกๆที่มักพบคือมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทั้งสองประเทศมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่มากกว่าไทยในระดับหนึ่งมาตั้งแต่ก่อนได้รับเอกราชแล้ว ประเทศต่อมาคือเกาหลีใต้ ที่อาจมีช่วงหลังสงครามเกาหลีที่อาจจะทำให้การพัฒนาชะงักไปบ้าง ทว่าก็มีการพัฒนาพื้นฐานต่างๆมาก่อนหน้านั้นแล้ว ต่อมาก็มีการพัฒนามากขึ้น จนสามารถจัดโอลิมปิกได้ ซึ่งการพัฒนาในระดับนั้นอาจทำให้มองได้ว่าเกาหลีใต้อาจไม่เคยอยู่ในจุดที่ต่ำกว่าไทย อีกประเทศคือเวียดนาม หลายๆกระทู้ได้อธิบายแล้วว่าอาจต้องใช้เวลา และแนวคิดเรื่องการพัฒนาในเวียดนามนั้น จขกท.มองว่ามาจากนักธุรกิจไทยที่เริ่มไปลงทุนที่นั่นเมื่อประมาณหลายสิบปีก่อนหลังจากเวียดนามเริ่มใช้ระบบการตลาดมาพัฒนาเศรษฐกิจ โดยตัว จขกท. เองก็ยอมรับว่าเคยเข้าใจแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณผู้รู้หลายๆท่านจากหลายๆที่ทั้งในพันทิป ใน Youtube และที่อื่นๆที่ได้มาอธิบายเพื่อให้เข้าใจถูกต้อง
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมหลายคนถึงเข้าใจว่าเมืองไทยนั้นดีหรือพัฒนามาโดยตลอด จนพอเรามีอะไรนิดหน่อยก็มักพูดว่าประเทศนั้นประเทศนี้จะแซง คือตามความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยอาจจะมีภาษีดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่บ้างจะการที่สามารถรักษาเอกราชมาได้โดยไม่ตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก และการที่ได้เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็น แต่การพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยจริงๆน่าจะเริ่มในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งเป็นช่วงที่ GDP และ GDP Per Capita ของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ (เคยเห็นวิดีโอใน Youtube หลายวิดีโอทำกราฟเปรียบเทียบ ซึ่งที่ต่ำนั้นอาจดูที่เงินเป็นหลัก ทว่าผู้คนอาจไม่รู้สึกว่าลำบาก เพราะสมัยนั้นระบบเศรษฐกิจยังไม่อิงเงินตรามากแบบทุกวันนี้ หลายคนยังใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ทำมาหาเลี้ยงชีพในที่ดินของตน ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากนักเลยอาจมองว่าไม่ลำบาก) โดยในช่วงนี้ไทยเริ่มมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเริ่มมีนโยบายอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า โดยช่วงนี้สินค้าส่งออกยังเป็นเกษตรกรรมเหมือนกับในช่วงก่อนหน้า มีสินค้าอุตสาหกรรมบ้าง โดยไทยใช้นโยบายนี้มาถึงทศวรรษที่ 1970 ต่อมาในทศวรรษที่ 1980 จนถึงปัจจุบันอุตสาหกรรมของไทยได้พัฒนาเป็นอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก (ในส่วนการท่องเที่ยวที่เป็นแหล่ง GDP ใหญ่ของไทยอีกแหล่งนี่ จขกท. ไม่แน่ใจว่าได้เริ่มรับการส่งเสริมในสมัยใด) ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา ทั้ง GDP และ GDP Per Capita ของไทยได้ขยับขึ้นมาโดยตลอด มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไปในแต่ละช่วง มากสุดน่าจะปลายทศวรรษที่ 1980 ถึงต้นทศวรรษที่ 1990 ทำให้ GDP และ GDP Per Capita ของไทยขยับขึ้นมาจากในอดีตมากพอสมควร จะเห็นได้ว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของไทยนั้นจริงๆก็เพิ่งเริ่มมาเมื่อไม่กี่สิบปีมานี่เอง
จขกท. ไม่แน่ใจว่าแนวคิดที่ จขกท. ตั้งคำถามนี้มาจากไหน ถ้าให้เดา ไม่แน่อาจเป็นการพูดเพื่อหวังผลทางจิตวิทยาให้คนไทยจำนวนมากขยัน กระตือรือร้น ในการพัฒนาตัวเองและประเทศชาติ เพื่อไม่ให้ถูกแซง ซึ่งในความเป็นจริงก็ดีที่มีการกระตุ้น ทว่าผู้เขียนก็มองว่า หากเป็นไปได้ ก็อยากให้คนทุกคนมีความกระตือรือร้นกันอยู่ตลอดเพื่อความก้าวหน้าของเราเอง ไม่ใช่เพื่อต้องการให้ใครมาแซง และการรับรู้ข้อมูลควรเป็นไปอย่างรอบด้าน ว่าประเทศทุกประเทศมีจุดแข็งจุดอ่อนเหมือนกัน มีการพัฒนาเหมือนกันแม้จะต่างระดับกันไปบ้าง แบบนี้น่าจะดีกว่า
ซึ่ง ณ ตอนนี้ไทยอยู่ในระดับรายได้ปานกลาง ถ้าจะขยับขึ้นไปอีก ก็ต้องทำอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์หรือผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านเสนอ คือต้องพัฒนาสินค้าจากสินค้าเดิมมาเป็นสินค้านวัตกรรม มียี่ห้อของเราเอง เพราะไทยคงไม่อาจพึ่งพิงอุตสาหกรรมที่ให้ผู้อื่นมาลงทุนได้ตลอด เนื่องจากค่าแรงสูงขึ้นเรื่อยๆ และจำนวนแรงงานก็น้อยลงจากอัตราการเกิดที่น้อยลง ทำให้ต้องมีการพัฒนานวัตกรรมมากขึ้น โดยส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียมมากขึ้น จขกท.มองว่าคนเก่งของไทยในด้านนวัตกรรมก็มี แต่มักไปทำงานในต่างประเทศที่รายได้สูงกว่า ตรงส่วนนี้ภาครัฐก็ควรส่งเสริมหรือมีแรงจูงใจให้คนมีความรู้ความสามารถกลับมาทำงานด้านการพัฒนานวัตกรรมให้กับไทยด้วยเช่นกัน
ประมาณนี้ รบกวนท่านที่ทราบช่วยตอบด้วยครับ และหากมีส่วนไหนที่ จขกท.เข้าใจผิดหรือผิดพลาดไปก็ต้องขออภัยด้วยครับ