อาการดับหรือวูบดับ​ของวิปัสสนา​ นั้นมีหลายกรณี​ ทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมเข้าใจผิดได้​ ซึ่งก็มีอยู่มาก

การปฏิบัติธรรม​ ที่พอให้เกิดวิปัสสนาญาณเบื่องต้น​ ในวิปัสสนาญาณ​ 16  ของวิปัสสนาญาณ​ที่​ 3​ สมนสนญาณ​  ก็เป็นเรื่ิองที่ต้องใช้เวลาพอประมาณ​  

    และการปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดเห็น​ การเกิด-ดับ​ ในอุทยัพยญาณ​ หรือเริ่มต้นในญาณที่​ 1​ ของ​ วิปัสสนาญาณ​ 9​ ก็เป็นเรื่ิองที่ยากขึ้นไปอีก​  

   ดังนั้น​ การเบื่อหน่ายจนเข้าใจผิดไปว่า​ เป็นนิพพิทาญาณ​  และ​ การวูบหาย​ การวูบดับ​ ฯลฯ​ เมื่อกำหนดภาวนา​ ก็จะเกิดในช่วง​  สมนสนญาณ​ และอุทยัพพยญาณ​ นี้เองเป็นส่วนมาก

    เพื่อกันการเข้าใจผิดในการปฏิบัติธรรม​ หรือวิปัสสนากรรมฐาน​ ของผู้ปฏิบัติธรรม​ ได้มีการบัญยัติไว้ให้ผู้ปฏิบัติ​ได้พิจารณาตนเอง​ ถึงสภาวะธรรมที่​ วูบ​ วูบหาย​ วูบดับ​ หรือ​ ดับ​ ไว้ถึง​ 8​ อย่าง​ คือ.. 

    1.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของถีนมิทธะ

    2.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของปีติ

    3.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของปัสสัทธิ

    4.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของสมาธิ

    5.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของอุเบกขา

    6.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของพระไตรลักษณ์ เกิดสันตติขาด 

    7.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของ​ มรรคญาณ​ (มัคคสมังคี)​   หรือผลสมาบัติของพระอริยะ

    8.การ​ วูบดับหรือดับ​ ด้วยอำนาจของนิโรธสมาบัติ

   ดังนั้น​ เมื่อเกิดจิตรวม​ จนวูบ​ หรือวูบดับ​ หรือดับ​ สามารถเกิดได้หลายกรณี

   จึงไม่ควรด่วนตัดสินใจไปก่อนว่าเป็น​ มรรคญาณ​ หรือมัคคสมังคี​ แม้จะได้ฌาน​ 1​-4​ เห็นถึงความแตกต่าง​ ของฌาน​ และวิปัสสนสาญาณ​ แล้วก็ตาม​ และแม้จะเป็นสภาวะธรรมจริง​

    เพราะไม่มีผู้ใดจะชี้ชัดให้ได้  แม้กระทั้งตนเอง​ ด้วยยังไม่มีธรรมศึกษา​หรือข้อมูลบัญยัติของตนเองเพื่อตัดสินตนเองเทียบเคียง​ ว่าใช่หรือไม่ใช่.. 
     จนเมื่อมรรคญาณ​ หรือมัคคสมังคี​ รอบที่​ 2​ บังเกิดขึ้น​ และด้วยกิเลสที่เบาบางลงไปอีก​ จึงพอชี้ชัดสภาวธรรมที่เกิดขึ้นกับตนได้.. 

มีตัวอย่าง​ ที่อธิบายของการเกิดดับ​ ตามแนวปฏิบัติธรรมแบบ​ พองหนอ-ยุบหนอ​ ตามลิงค์ข่างล่าง

อาการเกิดดับของวิปัสสนา - วัดพิชโสภาราม
https://www.watpitch.com/dhamma-for-performing/2362/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่