เป็นความอัดอึดในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เริ่มทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ผลกลับกลายเป็นผิด
ดิฉันกับสามีถือครองที่ดินผืนนึง ซึ่งตั้งแต่ได้มาก็มีสภาพเป็นสวนป่ากระถินรณรงค์ กระถินเทพา และมีต้นปาล์มขนาดใหญ่ ยอมรับว่าเข้าไปดูครั้งแรกก็รู้สึกร่มรื่นมาก เราคุยกันว่าจะเก็บมันไว้ ถ้ามีถนนเข้าได้สะดวกเมื่อไหร่จะเก็บแนวป่าที่ร่มรื่นนี้ไว้
จนต้นปีที่ผ่านมา มีจดหมายจากเทศบาลท้องถิ่นว่าให้ไปดำเนินการแจ้งระบุการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
ดิฉันกับแฟนก็ศึกษา และพยายามจะหาข้อมูลจากเวปไซด์กรมทรัพยากร และทำเรื่องผ่านระบบออนไลน์ เมื่อไม่มีการตอบรับ
จึงได้เข้าไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ โดยนำเอกสารเป็นรูปถ่ายและพิกัดเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
ปรากฏว่า ได้รับคำแนะนำว่าตอนนี้ ถ้ามีไม้ป่าเศรษฐกิจอยู่ในสวน หรือต้องการปลูกเพื่อทำประโยชน์เพิ่มก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องขึ้นทะเบียน
ดิฉันก็เลยเดินทางต่อไปเพื่อดำเนินการแจ้งเรื่องนี้ต่อเทศบาลท้องถิ่น โดยนำเอกสารฉบับเดียวกันกับที่ต้องการจะไปแจ้งขึ้นทะเบียนสวนป่า ซึ่งมีภาพประกอบถ่ายไว้ค่อนข้างชัดเจน แนบจดหมายของจากเทศบาลที่ให้ไปติดต่อ เอกสารทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่หน่วยงานนั้น
ดิฉันได้เขียนคำร้องเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ เวลานั้นสถานที่ทำการมีการย้ายที่ตั้งไปไปอาคารใหม่ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ประจำการและรับเรื่องไป
และบอกว่าจะติดต่อกลับไป ล่วงเลยไปจนถึงช่วงประกาศอยู่บ้านหยุดเชื้อโควิต 19 ก็มีสายโทรศัพท์เข้าของพี่ที่อยู่ที่ดินแปลงข้างเคียงบอกว่าเค้าจะตัดไม้บริเวณสวนของเค้าเพื่อขาย สนใจจะตัดพร้อมกันเลยมั้ย เค้าจะเป็นธุระให้ไปพร้อมๆ กันกับสวนเค้าเลย แล้วจะทำการโอนเงินมาให้ ตอนแรกก็ลังเลค่ะ แต่คิดว่าเดี่ยวตัดไปก็จะมีต้นใหม่ขึ้นมาแทนได้เหมือนครั้งก่อนๆ ที่พ่อเคยตัดขายไปแล้ว เราก็เลยต้องรบกวนให้เค้าช่วยดูแลให้เรียบร้อย
วันที่ 21พ.ค.มีจดหมายมา แจ้งระบุว่าสวนเราเป็นที่ดินรกร้าง ดิฉันก็รีบเดินทางไปถึงสำนักงานเทศบาล ถามถึงเอกสารที่เคยยื่นไปว่าได้ดำเนินการตรวจสอบอะไรแล้วบ้าง ได้เห็นสวนป่าของเรารึเปล่า ได้เข้าไปดูตรวจสอบตามที่ยื่นเอกสารไว้มั้ย
คำตอบ...เจ้าหน้าที่บอกว่าเค้าก็ทำไปตามการระบุในเอกสารเก่า ถ้าไม่มีการติดต่อแจ้งไว้ ... เราก็งงค่ะ เราบอกว่าเรามาแจ้งไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ได้เขียนคำร้องไว้ด้วย ขออนุญาตค้นหาคำร้องที่เคยเขียนไว้ด้วยตัวเองวันนี้ได้มั้ยคะ เค้าก็ไม่อนุญาต บอกกับเราว่างานเค้าเยอะมากมาย ของคนอื่นๆ เค้าก็ไม่มีปัญหาอะไร เค้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราไปติดต่อจริง คำตอบแบบนี้มันสะเทือนมากค่ะ สะเทือนความตั้งใจ สะเทือนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้มาเพื่อจะเถียงกับเค้า แต่เรามาเพื่อจะทำให้ถูกต้องเพราะเราตั้งใจดีมาตั้งแต่ต้นแล้ว จะให้เราทำยังไง เค้าบอกว่าเขียนคำร้องเรียนเอาไว้ แล้วเค้าจะติดต่อเรากลับมาในวันถัดไป เราบอกว่าที่ดินก็ไม่ไกลไปดูด้วยกันตอนนี้เลยดีมั้ยคะ เค้าบอกว่างานเค้ายุ่ง รถที่ใช้ก็ไม่ค่อยจะว่าง เค้ารับปากเราอย่างดี ว่าถ้าไปดูก็จะรู้ว่า หากต้นไม้ถูกตัดใหม่ก็จะมีร่องรอยการตัดอยู่ค่ะ เราจึงขอบคุณเค้าไป
วันถัดมาก็รอค่ะ วันนี้อยู่กับโทรศัพท์ทั้งวัน ไม่อยากจะโทรไปกลัวจะไปรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่เค้า สรุปจนเวลาใกล้เลิกงาน ก็โทรไปสอบถาม คำตอบคือ อ่อยังไม่ได้ไป แล้วทางเจ้าหน้าที่บอกกลับมาว่าถ้าไปแล้วจะติดต่อกลับเอง เราจึงย้อนกลับถามเค้ากำหนดวันให้ได้มั้ย เพราะที่ผ่านมาเราเคยรอการติดต่อกลับ แต่ก็ต้องรอเก้อ สุดท้ายก็เป็นปัญหาอย่างที่เห็น เค้าบอกว่าภายในสัปดาห์หน้า เราจึงกล่าวขอบคุณ แต่ข้างในก็ไม่รู้สึกว่าจะต้องขอบคุณแล้วค่ะ และก็คิดต่อไปว่าเราควรจะคิดแง่ดียังไงกับเรื่องนี้ดี ปล่อยวางไปอีก 1 สัปดาห์ รอต่อไปอีก 1 สัปดาห์ต่อมา วันนี้วันพระรู้สึกใจเบาๆ คิดว่าโทรไปตามเรื่องหน่อยดีกว่า สุดท้ายได้รับคำตอบว่า ปีนี้ให้เรายอมจ่ายภาษีเป็นทีดินรกร้างไปก่อน 1 ปีนะ แล้วปีหน้าปลูกอะไรก็ค่อยมาแจ้งเค้าใหม่ เรางงมาก อะไรของเค้าเนี่ย....เหตุผลที่เค้าให้คือ เราได้เป็นคนไปซื้อต้นพันธ์มาปลูกเองรึเปล่า เราได้เข้าไปดูแลถางหญ้ามั้ย (สวนป่ากระถินของเราแถบจะไม่มีหญ้าขึ้นได้เลย) ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปคุยให้ฟังแล้วว่าปลูกอะไรแทบไม่ได้ เพราะต้นไม้เค้าขึ้นสูงทึบ บังจนแดดส่องไม่ถึง และมีหมูป่าที่สวนข้างๆ เลี้ยงไว้มากิน เราก็เลยให้ขึ้นเป็นป่าไปก่อน ต้นไม้ถ้าปลูกก็ต้องขึ้นเป็นแนว (เค้าว่างั้นนะคะ) คือถ้าเจ้าหน้าที่รับฟังเราบ้างผลคงไม่เป็นอย่างนี้ เราพร้อมจะยืนยันและขอรบกวนคนพี่เค้าอยู่สวนใกล้ๆ มาเป็นพยานให้ ว่าเรามีสวนกระถินจริงๆ เค้าก็บอกว่าไม่ต้องนะน้อง สุดท้ายเราบอกว่า งั้นเราจะทำเรื่องตามหน้าที่ของเราเพื่อยืนยันว่าเราได้ทำทุกทางอย่างถูกต้องแล้ว อาจจะไปร้องเรียน คำตอบ...เจ้าหน้าที่จบเรื่องนี้ว่า งั้นเค้าจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตร และจะระบุให้เราเป็นเกษตรกรไป เหตุผลคือ “เพราะเราดื้อค่ะ” คำตอบที่ได้เพราะข้อเท็จจริงหรืออะไรกันแน่คะ ใครมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้คะ
สวนป่ากระถินรณรงค์ตั้งแต่อดีต ล่าสุดตัดไม้ขายไปแล้ว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุให้เป็นที่ดินรกร้าง คิดยังไง
ดิฉันกับสามีถือครองที่ดินผืนนึง ซึ่งตั้งแต่ได้มาก็มีสภาพเป็นสวนป่ากระถินรณรงค์ กระถินเทพา และมีต้นปาล์มขนาดใหญ่ ยอมรับว่าเข้าไปดูครั้งแรกก็รู้สึกร่มรื่นมาก เราคุยกันว่าจะเก็บมันไว้ ถ้ามีถนนเข้าได้สะดวกเมื่อไหร่จะเก็บแนวป่าที่ร่มรื่นนี้ไว้
จนต้นปีที่ผ่านมา มีจดหมายจากเทศบาลท้องถิ่นว่าให้ไปดำเนินการแจ้งระบุการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
ดิฉันกับแฟนก็ศึกษา และพยายามจะหาข้อมูลจากเวปไซด์กรมทรัพยากร และทำเรื่องผ่านระบบออนไลน์ เมื่อไม่มีการตอบรับ
จึงได้เข้าไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ โดยนำเอกสารเป็นรูปถ่ายและพิกัดเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ
ปรากฏว่า ได้รับคำแนะนำว่าตอนนี้ ถ้ามีไม้ป่าเศรษฐกิจอยู่ในสวน หรือต้องการปลูกเพื่อทำประโยชน์เพิ่มก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องขึ้นทะเบียน
ดิฉันก็เลยเดินทางต่อไปเพื่อดำเนินการแจ้งเรื่องนี้ต่อเทศบาลท้องถิ่น โดยนำเอกสารฉบับเดียวกันกับที่ต้องการจะไปแจ้งขึ้นทะเบียนสวนป่า ซึ่งมีภาพประกอบถ่ายไว้ค่อนข้างชัดเจน แนบจดหมายของจากเทศบาลที่ให้ไปติดต่อ เอกสารทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่หน่วยงานนั้น
ดิฉันได้เขียนคำร้องเพิ่มเติมต่อเจ้าหน้าที่ เวลานั้นสถานที่ทำการมีการย้ายที่ตั้งไปไปอาคารใหม่ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ประจำการและรับเรื่องไป
และบอกว่าจะติดต่อกลับไป ล่วงเลยไปจนถึงช่วงประกาศอยู่บ้านหยุดเชื้อโควิต 19 ก็มีสายโทรศัพท์เข้าของพี่ที่อยู่ที่ดินแปลงข้างเคียงบอกว่าเค้าจะตัดไม้บริเวณสวนของเค้าเพื่อขาย สนใจจะตัดพร้อมกันเลยมั้ย เค้าจะเป็นธุระให้ไปพร้อมๆ กันกับสวนเค้าเลย แล้วจะทำการโอนเงินมาให้ ตอนแรกก็ลังเลค่ะ แต่คิดว่าเดี่ยวตัดไปก็จะมีต้นใหม่ขึ้นมาแทนได้เหมือนครั้งก่อนๆ ที่พ่อเคยตัดขายไปแล้ว เราก็เลยต้องรบกวนให้เค้าช่วยดูแลให้เรียบร้อย
วันที่ 21พ.ค.มีจดหมายมา แจ้งระบุว่าสวนเราเป็นที่ดินรกร้าง ดิฉันก็รีบเดินทางไปถึงสำนักงานเทศบาล ถามถึงเอกสารที่เคยยื่นไปว่าได้ดำเนินการตรวจสอบอะไรแล้วบ้าง ได้เห็นสวนป่าของเรารึเปล่า ได้เข้าไปดูตรวจสอบตามที่ยื่นเอกสารไว้มั้ย
คำตอบ...เจ้าหน้าที่บอกว่าเค้าก็ทำไปตามการระบุในเอกสารเก่า ถ้าไม่มีการติดต่อแจ้งไว้ ... เราก็งงค่ะ เราบอกว่าเรามาแจ้งไว้ครั้งหนึ่งแล้ว ได้เขียนคำร้องไว้ด้วย ขออนุญาตค้นหาคำร้องที่เคยเขียนไว้ด้วยตัวเองวันนี้ได้มั้ยคะ เค้าก็ไม่อนุญาต บอกกับเราว่างานเค้าเยอะมากมาย ของคนอื่นๆ เค้าก็ไม่มีปัญหาอะไร เค้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเราไปติดต่อจริง คำตอบแบบนี้มันสะเทือนมากค่ะ สะเทือนความตั้งใจ สะเทือนการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับว่าเราไม่ได้มาเพื่อจะเถียงกับเค้า แต่เรามาเพื่อจะทำให้ถูกต้องเพราะเราตั้งใจดีมาตั้งแต่ต้นแล้ว จะให้เราทำยังไง เค้าบอกว่าเขียนคำร้องเรียนเอาไว้ แล้วเค้าจะติดต่อเรากลับมาในวันถัดไป เราบอกว่าที่ดินก็ไม่ไกลไปดูด้วยกันตอนนี้เลยดีมั้ยคะ เค้าบอกว่างานเค้ายุ่ง รถที่ใช้ก็ไม่ค่อยจะว่าง เค้ารับปากเราอย่างดี ว่าถ้าไปดูก็จะรู้ว่า หากต้นไม้ถูกตัดใหม่ก็จะมีร่องรอยการตัดอยู่ค่ะ เราจึงขอบคุณเค้าไป
วันถัดมาก็รอค่ะ วันนี้อยู่กับโทรศัพท์ทั้งวัน ไม่อยากจะโทรไปกลัวจะไปรบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่เค้า สรุปจนเวลาใกล้เลิกงาน ก็โทรไปสอบถาม คำตอบคือ อ่อยังไม่ได้ไป แล้วทางเจ้าหน้าที่บอกกลับมาว่าถ้าไปแล้วจะติดต่อกลับเอง เราจึงย้อนกลับถามเค้ากำหนดวันให้ได้มั้ย เพราะที่ผ่านมาเราเคยรอการติดต่อกลับ แต่ก็ต้องรอเก้อ สุดท้ายก็เป็นปัญหาอย่างที่เห็น เค้าบอกว่าภายในสัปดาห์หน้า เราจึงกล่าวขอบคุณ แต่ข้างในก็ไม่รู้สึกว่าจะต้องขอบคุณแล้วค่ะ และก็คิดต่อไปว่าเราควรจะคิดแง่ดียังไงกับเรื่องนี้ดี ปล่อยวางไปอีก 1 สัปดาห์ รอต่อไปอีก 1 สัปดาห์ต่อมา วันนี้วันพระรู้สึกใจเบาๆ คิดว่าโทรไปตามเรื่องหน่อยดีกว่า สุดท้ายได้รับคำตอบว่า ปีนี้ให้เรายอมจ่ายภาษีเป็นทีดินรกร้างไปก่อน 1 ปีนะ แล้วปีหน้าปลูกอะไรก็ค่อยมาแจ้งเค้าใหม่ เรางงมาก อะไรของเค้าเนี่ย....เหตุผลที่เค้าให้คือ เราได้เป็นคนไปซื้อต้นพันธ์มาปลูกเองรึเปล่า เราได้เข้าไปดูแลถางหญ้ามั้ย (สวนป่ากระถินของเราแถบจะไม่มีหญ้าขึ้นได้เลย) ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปคุยให้ฟังแล้วว่าปลูกอะไรแทบไม่ได้ เพราะต้นไม้เค้าขึ้นสูงทึบ บังจนแดดส่องไม่ถึง และมีหมูป่าที่สวนข้างๆ เลี้ยงไว้มากิน เราก็เลยให้ขึ้นเป็นป่าไปก่อน ต้นไม้ถ้าปลูกก็ต้องขึ้นเป็นแนว (เค้าว่างั้นนะคะ) คือถ้าเจ้าหน้าที่รับฟังเราบ้างผลคงไม่เป็นอย่างนี้ เราพร้อมจะยืนยันและขอรบกวนคนพี่เค้าอยู่สวนใกล้ๆ มาเป็นพยานให้ ว่าเรามีสวนกระถินจริงๆ เค้าก็บอกว่าไม่ต้องนะน้อง สุดท้ายเราบอกว่า งั้นเราจะทำเรื่องตามหน้าที่ของเราเพื่อยืนยันว่าเราได้ทำทุกทางอย่างถูกต้องแล้ว อาจจะไปร้องเรียน คำตอบ...เจ้าหน้าที่จบเรื่องนี้ว่า งั้นเค้าจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตร และจะระบุให้เราเป็นเกษตรกรไป เหตุผลคือ “เพราะเราดื้อค่ะ” คำตอบที่ได้เพราะข้อเท็จจริงหรืออะไรกันแน่คะ ใครมีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้คะ