ณ สายการบินแห่งหนึ่งสีแดง บินตรงจาก ดอนเมืองสู่ โอซาก้า
ช่วงประมาณเดือน มกราคม เราต้องบินไปหาแม่ (คนเดียว) ซึ่งจะไปหาบ่อยอยู่แล้วเลยเป็นเรื่องปกติที่นั่งเครื่องคนเดียวหรือจะนั่งข้างใครก็ชิวๆๆ แต่วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นค่าาาาา เรานั่ง 17E นั่นแปลว่านั่งตรงกลางระหว่างอีก 2 คน ซึ่งคนทางซ้ายเราเป็นผู้หญิงชาวต่างชาติและด้านขวาของเราเป็นหนุ่มยุ่นนั่นเองเป็นหนุ่มยุ่นที่หน้าตี๋มากกก ขาว สูงประมาณ 177 ใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงขาสั้น ธรรมดาใส่แว่นตาใสๆ พร้อมกับหนังสือ1เล่ม นั่งอยู่ เราเห็นที่ข้างหลังมันว่างก็เลยเดินไปนั่งเพราะไม่อยากนั่งเบียดเพราะต้องนั่งตรงกลาง ตอนแรกก็นั่งปกติไม่ได้สนใจอะไร แต่เจ้าของที่มาทวงที่นั่งคืนนนน นึกในใจต้องนั่งเบียดใช่มั้ย เราก็เลยต้องย้ายที่นั่งไปที่ของเรา ตอนแรกก็นั่งไปปกติไม่มีอะไรไม่ได้คุยอะไรกับใครเพราะคนต่างชาติหมดคนละภาษาคนละประเทศเลยเราเลยชิงหลับนอนดีกว่าเพราะปกติก็จะนอนบนเครื่อง( มันนาน 5-6 ชม. กว่าจะถึง ) หนุ่มยุ่นข้างๆ ก็ดูทั้งหนังทั้งอ่านหนังสือ หัวเราะคนเดียวเบาๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมองดูคนอื่นไปรอบๆ ทั้งซ้ายและขวา นึกในใจเมื่อไหร่จะถึง นับเวลาแล้วเวลาอีก พอตอนที่เค้าให้เขียนใบตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น ซึ่งเราไม่เคยพกปากกาไปชอบขอยืมแอร์ สาวต่างชาติข้างซ้ายมีปากกาแต่หมึกนางหมดค่ะ ส่วนหนุ่มยุ่นข้างขวานางกำลังนั่งเขียนเราก็แอบมองนางจะขอยืมปากกาแอบดูตอนนางเขียนวันเกิดเราเลยรู้ว่ารุ่นนางเป็นรุ่นน้องค่าาาา นางอายุ 22 จะ 23 เด็กกว่าเรา 2-3 ปีนี่เอง ส่วนตัวเราเอง 25 แล้วค่ะ ( เป็นผญ ตัวเล็กอวบนิดๆ ตาโต ขาว ) เราเลยหันไปขอยืมปากกาหนุ่มยุ่น โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นการสื่อสารแต่จริงๆแล้ว (เราพูดญี่ปุ่นได้ ประมาณว่าพอสื่อสารได้ไม่เก่งมาก) I can borrow your pen ? นางก็หันมาตอบว่า Of course ณตอนนั้นทุกคนจะเห็นแค่ครึ่งเพราะมันเป็นช่วงระบาดโคโรน่าใหม่ๆ เลยได้เห็นแค่ครึ่งหน้า แล้วพอเรายืมปากกานางเราเลยเอาปากกาของนางให้สาวต่างชาติข้างซ้ายยืมอีกทีแล้วเราก็หันไปบอกนางว่า รอแปบนะค่ะ แต่เราเผลอพูดภาษาญี่ปุ่น แล้วนางก็ตกใจ แบบทำหน้าสงสัยว่าทำไมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เราก็บอกเราเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมา 1ปี และก็ชอบญี่ปุ่นด้วยนางก็แบบชมว่าเก่งนะ
เรา : มาเที่ยวไทยหรอค่ะ
หนุ่มยุ่น : ป่าวฉันไปเที่ยวเวียดนามมาแล้วมาขึ้นเครื่องที่ Bangkok แต่เคยมาไทย 1ครั้งเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว
เรา : ไปเที่ยวที่ไหนมาหรอ(เวียดนาม)
หนุ่มยุ่น : นางก็เล่าให้ฟังพร้อมกับโชว์รูปภาพในมือถือ ทั้งเวียดนามและไทย พร้อมกับถามกลับมาว่าเคยไปมั้ยที่เวียดนาม
เรา : ไม่เคยไปแต่มีแพลนว่าจะไปตอน พ.ค นี้กับเพื่อน อยากไป นางก็แนะนำสถานที่สวยๆที่นางไปมานางบอกนางอยากกลับไปเที่ยวอีกครั้ง
เรา : ไม่ไปเที่ยวไทยบ้างหรอ
หนุ่มยุ่น : ไปสิว่าจะไปตอนช่วงต้นมีนาคม เพราะนางมีแพลน ปลายเดือนกุมภา นางจะไปเที่ยว พม่า ลาว มาเล และ ไทย
เรา : วันหยุดเยอะหรอทำไมไปเที่ยวบ่อยจัง
หนุ่มยุ่น : ฉันพึ่งเรียนจบมหาลัย เลยมีวันหยุดเยอะ (อารมณ์น่าจะแบบเรียนจบแล้วเที่ยวพักสมอง) ถามเรากลับว่ามาทำอะไรที่โอซาก้าหรอ เคยไปที่ไหนมาบ้าง
เรา : มาหาแม่ (ช่วงนั้นแม่ไม่สบายเลยไปหาบ่อย ) เคยไปมาไม่กี่จังหวัดเองส่วนมากก็ โอซาก้าล้วนๆ
หนุ่มยุ่น : แนะนำที่ท่องเที่ยวทั้งในโอซาก้าและหลายๆจังหวัด
****ช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าหนาวน่าจะช่วงหิมะจะตก *****
คุยกันไปเรื่อยๆ นู้นนี่นั่น ก็ไม่มีอะไรมาก เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว
หนุ่มยุ่น : สักพักนางถามมีแฟนหรือยัง ชอบคนแบบไหน เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ชอบประเทศไหนมากกว่ากัน
เรา : แหมมมมม นึกในใจนั่งคุยกับคนญี่ปุ่นฉันคงจะตอบว่าชอบเกาหลีหรอกมั้ง เราตอบกลับทันควันว่า โสดดดดค่ะโสดนานแล้วชอบญี่ปุ่นสิไม่ชอบจะมาญี่ปุ่นบ่อยๆหรอ ส่วน สเป็ค ชอบผช ธรรมดา ใจดี แค่อยู่ด้วยแล้วมีแต่รอยยิ้มก็พอ
หนุ่มยุ่น : หันมายิ้มแล้วบอกว่า ฉันใจดี แล้วยิ้มใต้แมส (หน้ากากอนามัย) สีดำ
เรา : ไม่รอช้าถามกลับบ้าง นางก็ตอบกลับทันควันว่าโสด แต่เหมือนจะพึ่งโสดไม่เท่าไหร่ ส่วน สเป็คนางจำไม่ค่อยได้ว่านางพูดว่าอะไร
สักพักสาวต่างชาติข้างซ้ายได้ย้ายที่นั่งไปนั่งเบาะข้างหน้า ( หรือลำคานเรา2 คน ไม่รู้ 5555555 ) เหลือเรา2คน นั่งคุยกันยาวเลย
ตอนนั้นเอาจริงๆนะเราไม่ค่อยได้คิดอะไรคิดว่าเจอเพื่อนใหม่มีเพื่อนคุยตอนนั่งเครื่องดีไม่เหงา สรุปเที่ยวบินนั้นเราไม่ได้นอนนั่งคุยกับนางตั้งแต่ กรุงเทพ จนถึง โอซาก้า คุยไปเรื่อยๆๆ จนกัปตันประกาศว่าเครื่องจะลงจอดอีก 30 นาที เรานึกในใจสงสัยก็คงจบการสนทนาบนเครื่องไม่มีคอนแท็กใดๆทั้งสิ้น หรือเราจะขอคอนแท็กนางดีนะ ได้แต่คิดและก็สงสัย 5555555555555+
สรุปนางเป็นขอคอนแท็กเอง โดยถามแบบมีมารยาท ฉันขอ follow IG เธอได้มั้ย เรารีบตอบกลับว่า ได้สิ พอเครื่องจอดต่างคนต่างเตรียมสัมภาระ แล้วนางก็หันมาว่าให้รอมั้ย เราบอกไม่ต้องไปก่อนเลยไว้เจอกันนะ นางเดินจากไปพร้อมโบกมือให้
เราก็ต่างคนต่างกลับบ้าน แล้วก็มี เมสเสส จาก ไอจีแจ้งเตือน ภาษาญี่ปุ่น ยินดีที่ได้รู้จักนะ นางทักมา
คุยทั่วไปจิปะทะ แล้วนางก็บอกว่าวันที่ 9 ก.พ ไปดูหิมะที่โกเบมั้ย จะพาไป เราก็ตอบรับนัดหมายโดยเร็ว นับไปอีก 8 วันกว่าจะได้เจอ แต่ป่าวจ้ะ
นางมาดูสตอรี่เราทุกอันแล้วก็แบบมาแซวในสตอรี่ แบบน่ากินจัง ชวนคุยนุ้นนี่นั่น สักพักวันที่ 3 นางทักมาว่าทำอะไรอยู่อยากเจอ ณ ตอนนั้นน่าจะดึกประมาณ 22.00 รถไฟญี่ปุ่นจะหมดประมาณ 23.30-00.00 เราถามจะมาทันหรอ จากบ้านนางมา อุเมดะ ใช้เวลา 40-50 นาที นางบอกจะมาถ้ามาก็จะไม่มีรถไฟกลับ
นางก้จะมา สรุปนางก็มาหาค่ะ นัดเจอกันที่ สถานีรถไฟกว่าจะเจอกันได้เดินหลงกันพักนึง
นางพาไปกินร้าน อีซากาย่า และก็ดื่มกัน ตอนนั้นเราก็ไม่คิดอะไรดื่มอย่างเดียว กินไปคุยไปเขิลไป แต่พอแอลกอฮอเริ่มเข้าที่ความเขิลก็ได้หมดลง ดื่มกันไปถึงประมาณตี 3 นางก็ชวนไปร้องคาราโอเกะ ใช่ค่ะการที่เราจะไปร้องคาราโอเกะกับหนุ่มญี่ปุ่นเป็นอะไรที่แบบอันตรายที่สุดเพราะจะถึงเนื้อถึงตัวได้ง่ายมาก สรุปเราก็เช็คบิลแล้วเราจ่ายคนละครึ่งค่ะ แต่นางจะออกเยอะกว่านิดกน่อย ( เป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวญี่ปุ่นค่ะที่จะอเมริกันแชร์ ) แล้วเราก็ไปต่อที่คาราโอเกะค่ะ ร้องเพลงไปก็ดื่มไปต่อค่ะ ต่างคนต่างกรึ่มๆๆ อยู่ดีๆ นางก็บอกว่าฉันขอหอมแก้มเธอได้มั้ย เราได้ยินตกใจมากอะไรวะ แต่ด้วยอายุ 25 แล้วไม่มีมาเขิลอายหรือว่าอะไรแล้ว เราหันไปจุ้บนางเองเลยค่ะ 1 ที แต่กลับเป็นนางที่เขิลลลเราไปเลยจ้า ทีนี้นั่งชิดไม่ห่างเลยค่ะ พอถึงเวลารถไฟที่ญี่ปุ่นเริ่มขบวนแรกน่าจะประมาณ 05.00 หรือ 05.30 จำไม่ได้ เราก็แยกย้ายกันนางก็กลับบ้านค่ะ เพราะนางมีไบร์ทงานต่อตอนกลางคืน
เราก็ต่างไปพักผ่อนแล้วก็คุยกันผ่านไอจี คุยไปคุยมาเลยขอแลกไลน์กันไว้เพราะมันง่ายต่อการติดต่อ
พอวันที่ 6 ก.พ นางก็เรียกร้องอยากเจอเราอีกครั้ง โดยชวนกันไปกินร้านไก่ย่างญี่ปุ่น อารมแบบดื่มนั่งชิว วัยรุ่นเยอะๆ แล้วเราก็นัดกันอีกค่ะ นัดเจอที่สถานีรถไฟเหมือนเดิมเวลาเดิม หนุ่มยุ่นหน้าตี๋ๆๆ เดินมาพร้อมร้อยยิ้มอันสดใส แล้วเราก็ไปดื่มกันต่อค่ะ ครั้งนี้มีช็อตเด็ดที่ร้านคือเราต้องสั่งเมนูเครื่องดื่มกับเมนูอาหารด้วยภาษาที่ต่างกัน และความรู้อันน้อยของเราเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น
หนุ่มยุ่น : ดื่มอะไร
เรา : ชี้ไปในเมนูของเด็กที่เป็นเมนูเครื่องดื่มสำหรับเด็กคือมันไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นคันจิเต็มไปหมด
หนุ่มยุ่น : อันนี้มันเป็น Kids นะแต่นางแค่พูดจ้ะแล้วออกเสียงแบบ คิส อันนี้ คิส
เรา : ตอบกลับแบบฮาๆ ด้วยการบอกว่า คิส แล้วทำปากจู๋ คือเราคิดว่า จูบหรอ นางเขิลแล้วบอกไม่ใช่ แปลอังกฤษเป็นญี่ปุ่นอีกที 55555555555555 ++ ตอนนั้นแบบตลกมาก 2คนขำแบบ อะไรวะน่ะ
แล้วแอลกอฮอเริ่มได้ที่ เราก็ขอไปนั่งข้างๆนาง เพราะน้องสาวเราจะมาดื่มด้วย คือเราเป็นผญ คุยเก่ง เวลาเมาแล้วชอบเกาะแกะกับคนข้าง ชอบแกล้งคนอื่น ชอบให้คนอื่นหัวเราะ เราก็เลยไปนั่งข้างนาง นางแบบเป็นยุ่นก็จริงแต่นางไม่เคยเหยียดหรืออะไรกับต่างชาติเลยและก็ไม่เคยอายที่เราเป็นต่างชาติกล้าที่จะพาไปนู้นไปนี่ เพราะ หนุ่มยุ่นบางคนที่เราเคยเจอมาก็ไม่กล้าไปไหนกับเรา หรือพาเราไปไหน
พอดื่มกันเสดนางก็พาไปเดินเล่นด้วยความเมาและบรรยากาศที่หนาว ณ สาวที่อายุ 25 นางชวนไป รร เราก็แบบเออมันจะเป็นไงก็ชั่งมันเหอะ ไม่อยากคาดหวังหรืออะไรปล่อยไปตามธรรมชาติและเวลา เพราะเราคิดว่าเราอยู่คนละประเทศ ห่างกันตั้ง 4,000 กิโล แล้วเราก็จบด้วยการไป รร ด้วยกัน ถ้าสำหรับหนุ่มสาวที่ญี่ปุ่นแล้วมันจะเป็นเรื่องปกติมากสำหรับการไป รร แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านตอนเช้า เพราะนางมีไบร์ท งานต่อตอนกลางคืน ทำ พาสทามที่ร้านคาราโอเกะแถวบ้านนาง เราก็คุยไลน์กันปกติ
วันนัดหมายจริงๆ ก็มาถึง วันที่ 9 ก.พ นัดกันไปดูหิมะ ที่โกเบ
นัดเจอกันที่ สถานีรถไฟเหมือนเดิมวันนั้นอากาศหนาวมากหนาวไม่พอลมพัดอีก แล้วเราก็ไปโกเบกันเราก็นั่งข้างกัน คนญี่ปุ่นจะเป็นคนวางแผนเตรียมแผนทุกอย่างแต่ผิดคาดค่ะ วันนั้นท้องฟ้าครึ้มมากแต่หิมะไม่ตกค่าาา นางหันหน้ามามองเราแล้วทำหน้าเศร้าๆๆ >--< อารมณ์เหมือนสำนึกผิดพูดขอโทดเราหลายรอบมาก เราบอกไม่เป็นไรไว้ค่อยมาดูใหม่ครั้งหน้าก็ได้ แล้วนางก็พาไป ไชนาทาว ที่อยู่ในโกเบ พาไปกินอาหารจีนอร่อยๆ แล้วก็เดิน ไชนาทาว จับมือตลอดเวลา ด้วยอากาศหนาวมากมือเย็นมากแข็ง นางก็เอามือเราไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของนางแล้วก็จับไว้จะได้อุ่น >< . เขิลเบาๆ
แล้วเราก็เดินมาถึงท่าเรือ นางบอกนางไม่เคยนั่งเรือชมวิวเลย ไปนั่งเรือชมวิวกันมั้ย เราก็บอกว่าไปสิ เรายืนดูทะเลและชมวิวกัน นางก็คอยชี้บอกว่านั่นคืออะไร นี่คืออะไร รู้จักมั้ย ทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ มาหมดเลย ขอบคุณนางมากๆ ที่พยายามเพื่อเรามากพยายามที่จะคุยกับเรา นางเก่งภาษาอังกฤษมากแต่ตัวเรา อังกฤษก็อ่อน ญี่ปุ่นก็อ่อนเฮ้อ แต่ก็ไปกันรอด 5555555 นั่งเรือเสดต่อด้วยเดินห้างกินชานมไข่มุกต่อด้วยนั่งชิงช้า ค่ะ ตอนนั้นก็หลงนางไปแล้วด้วยการเอาใจใส่ถามนู้นถามนี่ เฮ้อเราเป็นอะไรกันมันก็ดังขึ้นมาในหัวทันที วันนั้นก็กลับจากโกเบแล้วก็พาไปกินข้าวที่โอซาก้าต่อ นางชอบกิน โอโคโนมิยากิ ง่ายๆคือ พิซซ่าญี่ปุ่น เราก็ไปกินกันค่ะตามใจนาง นางก็จะคอยทำคอยตักให้เรากิน ตอนนั้นเราก็ยังเขิลกันอยู่แต่น้อยลงกว่าแรกๆที่เจอกัน วันนั้นก็จบทริปแล้วแยกย้ายกันเราจะต้องกลับไทยวันที่ 13 เช้า วันที่ 12 นางจะมาหาเราอีกอยากมามากแต่เรากลัวว่าเดี๋ยวถ้านัดเจอกันแล้วกลัวตกเครื่องเราเลยบอกว่าไม่ต้องมาหรอกไว้ครั้งหน้าดีกว่าไว้เจอกันใหม่ นางเศร้าแล้วเราก็เดินทางกลับไทย ณ ตอนนั้นเราคิดว่าสงสัยจบแล้วแน่เลยพอกลับไทยเดี๋ยวนางก้หายไปเราเตรียมใจรอไว้เลย เพราะเราไปมาญี่ปุ่น รวมๆ 5-6 ปี แต่พึ่งจะมาลองคุยกับหนุ่มยุ่นจริงๆ ก็ เมื่อ 1 ปีนี้เองเพราะเมื่อก่อนเรามีแฟนเป็นคนไทยเลยไม่ค่อยอะไร แล้วหนุ่มยุ่นที่เคยเจอมาแต่ละคนเย็นชาไม่พอ ใจดำ ใจแข็ง นึกว่าหิน พอเรากลับถึงไทยนางก็ทักมาว่าถึงอย่างปลอดภัยใช่มั้ย โยกัตตะ นะ แบบดีใจนะ แล้วก็ไลน์มาทุกวันวันละครั้ง 2 ครั้งแต่ยังไม่เคยโทรมาหรือวีดีโอมา...
นางบอกว่าจะมาไทยวันที่ 1-6 มีนาคม ..... เพราะนางจะไปเที่ยว ลาว พม่า อินเดีย มาเลเซีย และนางจะแวะมาหาเราที่ไทย อุ้ย หมายความว่าไงอะ จะมาหา
ปิ้งรักกับหนุ่มยุ่นบนเครื่องบิน ( เรื่องบังเอิญหรือตั้งใจ ) ☺️
ช่วงประมาณเดือน มกราคม เราต้องบินไปหาแม่ (คนเดียว) ซึ่งจะไปหาบ่อยอยู่แล้วเลยเป็นเรื่องปกติที่นั่งเครื่องคนเดียวหรือจะนั่งข้างใครก็ชิวๆๆ แต่วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นค่าาาาา เรานั่ง 17E นั่นแปลว่านั่งตรงกลางระหว่างอีก 2 คน ซึ่งคนทางซ้ายเราเป็นผู้หญิงชาวต่างชาติและด้านขวาของเราเป็นหนุ่มยุ่นนั่นเองเป็นหนุ่มยุ่นที่หน้าตี๋มากกก ขาว สูงประมาณ 177 ใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงขาสั้น ธรรมดาใส่แว่นตาใสๆ พร้อมกับหนังสือ1เล่ม นั่งอยู่ เราเห็นที่ข้างหลังมันว่างก็เลยเดินไปนั่งเพราะไม่อยากนั่งเบียดเพราะต้องนั่งตรงกลาง ตอนแรกก็นั่งปกติไม่ได้สนใจอะไร แต่เจ้าของที่มาทวงที่นั่งคืนนนน นึกในใจต้องนั่งเบียดใช่มั้ย เราก็เลยต้องย้ายที่นั่งไปที่ของเรา ตอนแรกก็นั่งไปปกติไม่มีอะไรไม่ได้คุยอะไรกับใครเพราะคนต่างชาติหมดคนละภาษาคนละประเทศเลยเราเลยชิงหลับนอนดีกว่าเพราะปกติก็จะนอนบนเครื่อง( มันนาน 5-6 ชม. กว่าจะถึง ) หนุ่มยุ่นข้างๆ ก็ดูทั้งหนังทั้งอ่านหนังสือ หัวเราะคนเดียวเบาๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมองดูคนอื่นไปรอบๆ ทั้งซ้ายและขวา นึกในใจเมื่อไหร่จะถึง นับเวลาแล้วเวลาอีก พอตอนที่เค้าให้เขียนใบตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น ซึ่งเราไม่เคยพกปากกาไปชอบขอยืมแอร์ สาวต่างชาติข้างซ้ายมีปากกาแต่หมึกนางหมดค่ะ ส่วนหนุ่มยุ่นข้างขวานางกำลังนั่งเขียนเราก็แอบมองนางจะขอยืมปากกาแอบดูตอนนางเขียนวันเกิดเราเลยรู้ว่ารุ่นนางเป็นรุ่นน้องค่าาาา นางอายุ 22 จะ 23 เด็กกว่าเรา 2-3 ปีนี่เอง ส่วนตัวเราเอง 25 แล้วค่ะ ( เป็นผญ ตัวเล็กอวบนิดๆ ตาโต ขาว ) เราเลยหันไปขอยืมปากกาหนุ่มยุ่น โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นการสื่อสารแต่จริงๆแล้ว (เราพูดญี่ปุ่นได้ ประมาณว่าพอสื่อสารได้ไม่เก่งมาก) I can borrow your pen ? นางก็หันมาตอบว่า Of course ณตอนนั้นทุกคนจะเห็นแค่ครึ่งเพราะมันเป็นช่วงระบาดโคโรน่าใหม่ๆ เลยได้เห็นแค่ครึ่งหน้า แล้วพอเรายืมปากกานางเราเลยเอาปากกาของนางให้สาวต่างชาติข้างซ้ายยืมอีกทีแล้วเราก็หันไปบอกนางว่า รอแปบนะค่ะ แต่เราเผลอพูดภาษาญี่ปุ่น แล้วนางก็ตกใจ แบบทำหน้าสงสัยว่าทำไมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เราก็บอกเราเคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมา 1ปี และก็ชอบญี่ปุ่นด้วยนางก็แบบชมว่าเก่งนะ
เรา : มาเที่ยวไทยหรอค่ะ
หนุ่มยุ่น : ป่าวฉันไปเที่ยวเวียดนามมาแล้วมาขึ้นเครื่องที่ Bangkok แต่เคยมาไทย 1ครั้งเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว
เรา : ไปเที่ยวที่ไหนมาหรอ(เวียดนาม)
หนุ่มยุ่น : นางก็เล่าให้ฟังพร้อมกับโชว์รูปภาพในมือถือ ทั้งเวียดนามและไทย พร้อมกับถามกลับมาว่าเคยไปมั้ยที่เวียดนาม
เรา : ไม่เคยไปแต่มีแพลนว่าจะไปตอน พ.ค นี้กับเพื่อน อยากไป นางก็แนะนำสถานที่สวยๆที่นางไปมานางบอกนางอยากกลับไปเที่ยวอีกครั้ง
เรา : ไม่ไปเที่ยวไทยบ้างหรอ
หนุ่มยุ่น : ไปสิว่าจะไปตอนช่วงต้นมีนาคม เพราะนางมีแพลน ปลายเดือนกุมภา นางจะไปเที่ยว พม่า ลาว มาเล และ ไทย
เรา : วันหยุดเยอะหรอทำไมไปเที่ยวบ่อยจัง
หนุ่มยุ่น : ฉันพึ่งเรียนจบมหาลัย เลยมีวันหยุดเยอะ (อารมณ์น่าจะแบบเรียนจบแล้วเที่ยวพักสมอง) ถามเรากลับว่ามาทำอะไรที่โอซาก้าหรอ เคยไปที่ไหนมาบ้าง
เรา : มาหาแม่ (ช่วงนั้นแม่ไม่สบายเลยไปหาบ่อย ) เคยไปมาไม่กี่จังหวัดเองส่วนมากก็ โอซาก้าล้วนๆ
หนุ่มยุ่น : แนะนำที่ท่องเที่ยวทั้งในโอซาก้าและหลายๆจังหวัด
****ช่วงนั้นเป็นช่วงหน้าหนาวน่าจะช่วงหิมะจะตก *****
คุยกันไปเรื่อยๆ นู้นนี่นั่น ก็ไม่มีอะไรมาก เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว
หนุ่มยุ่น : สักพักนางถามมีแฟนหรือยัง ชอบคนแบบไหน เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ชอบประเทศไหนมากกว่ากัน
เรา : แหมมมมม นึกในใจนั่งคุยกับคนญี่ปุ่นฉันคงจะตอบว่าชอบเกาหลีหรอกมั้ง เราตอบกลับทันควันว่า โสดดดดค่ะโสดนานแล้วชอบญี่ปุ่นสิไม่ชอบจะมาญี่ปุ่นบ่อยๆหรอ ส่วน สเป็ค ชอบผช ธรรมดา ใจดี แค่อยู่ด้วยแล้วมีแต่รอยยิ้มก็พอ
หนุ่มยุ่น : หันมายิ้มแล้วบอกว่า ฉันใจดี แล้วยิ้มใต้แมส (หน้ากากอนามัย) สีดำ
เรา : ไม่รอช้าถามกลับบ้าง นางก็ตอบกลับทันควันว่าโสด แต่เหมือนจะพึ่งโสดไม่เท่าไหร่ ส่วน สเป็คนางจำไม่ค่อยได้ว่านางพูดว่าอะไร
สักพักสาวต่างชาติข้างซ้ายได้ย้ายที่นั่งไปนั่งเบาะข้างหน้า ( หรือลำคานเรา2 คน ไม่รู้ 5555555 ) เหลือเรา2คน นั่งคุยกันยาวเลย
ตอนนั้นเอาจริงๆนะเราไม่ค่อยได้คิดอะไรคิดว่าเจอเพื่อนใหม่มีเพื่อนคุยตอนนั่งเครื่องดีไม่เหงา สรุปเที่ยวบินนั้นเราไม่ได้นอนนั่งคุยกับนางตั้งแต่ กรุงเทพ จนถึง โอซาก้า คุยไปเรื่อยๆๆ จนกัปตันประกาศว่าเครื่องจะลงจอดอีก 30 นาที เรานึกในใจสงสัยก็คงจบการสนทนาบนเครื่องไม่มีคอนแท็กใดๆทั้งสิ้น หรือเราจะขอคอนแท็กนางดีนะ ได้แต่คิดและก็สงสัย 5555555555555+
สรุปนางเป็นขอคอนแท็กเอง โดยถามแบบมีมารยาท ฉันขอ follow IG เธอได้มั้ย เรารีบตอบกลับว่า ได้สิ พอเครื่องจอดต่างคนต่างเตรียมสัมภาระ แล้วนางก็หันมาว่าให้รอมั้ย เราบอกไม่ต้องไปก่อนเลยไว้เจอกันนะ นางเดินจากไปพร้อมโบกมือให้
เราก็ต่างคนต่างกลับบ้าน แล้วก็มี เมสเสส จาก ไอจีแจ้งเตือน ภาษาญี่ปุ่น ยินดีที่ได้รู้จักนะ นางทักมา
คุยทั่วไปจิปะทะ แล้วนางก็บอกว่าวันที่ 9 ก.พ ไปดูหิมะที่โกเบมั้ย จะพาไป เราก็ตอบรับนัดหมายโดยเร็ว นับไปอีก 8 วันกว่าจะได้เจอ แต่ป่าวจ้ะ
นางมาดูสตอรี่เราทุกอันแล้วก็แบบมาแซวในสตอรี่ แบบน่ากินจัง ชวนคุยนุ้นนี่นั่น สักพักวันที่ 3 นางทักมาว่าทำอะไรอยู่อยากเจอ ณ ตอนนั้นน่าจะดึกประมาณ 22.00 รถไฟญี่ปุ่นจะหมดประมาณ 23.30-00.00 เราถามจะมาทันหรอ จากบ้านนางมา อุเมดะ ใช้เวลา 40-50 นาที นางบอกจะมาถ้ามาก็จะไม่มีรถไฟกลับ
นางก้จะมา สรุปนางก็มาหาค่ะ นัดเจอกันที่ สถานีรถไฟกว่าจะเจอกันได้เดินหลงกันพักนึง
นางพาไปกินร้าน อีซากาย่า และก็ดื่มกัน ตอนนั้นเราก็ไม่คิดอะไรดื่มอย่างเดียว กินไปคุยไปเขิลไป แต่พอแอลกอฮอเริ่มเข้าที่ความเขิลก็ได้หมดลง ดื่มกันไปถึงประมาณตี 3 นางก็ชวนไปร้องคาราโอเกะ ใช่ค่ะการที่เราจะไปร้องคาราโอเกะกับหนุ่มญี่ปุ่นเป็นอะไรที่แบบอันตรายที่สุดเพราะจะถึงเนื้อถึงตัวได้ง่ายมาก สรุปเราก็เช็คบิลแล้วเราจ่ายคนละครึ่งค่ะ แต่นางจะออกเยอะกว่านิดกน่อย ( เป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวญี่ปุ่นค่ะที่จะอเมริกันแชร์ ) แล้วเราก็ไปต่อที่คาราโอเกะค่ะ ร้องเพลงไปก็ดื่มไปต่อค่ะ ต่างคนต่างกรึ่มๆๆ อยู่ดีๆ นางก็บอกว่าฉันขอหอมแก้มเธอได้มั้ย เราได้ยินตกใจมากอะไรวะ แต่ด้วยอายุ 25 แล้วไม่มีมาเขิลอายหรือว่าอะไรแล้ว เราหันไปจุ้บนางเองเลยค่ะ 1 ที แต่กลับเป็นนางที่เขิลลลเราไปเลยจ้า ทีนี้นั่งชิดไม่ห่างเลยค่ะ พอถึงเวลารถไฟที่ญี่ปุ่นเริ่มขบวนแรกน่าจะประมาณ 05.00 หรือ 05.30 จำไม่ได้ เราก็แยกย้ายกันนางก็กลับบ้านค่ะ เพราะนางมีไบร์ทงานต่อตอนกลางคืน
เราก็ต่างไปพักผ่อนแล้วก็คุยกันผ่านไอจี คุยไปคุยมาเลยขอแลกไลน์กันไว้เพราะมันง่ายต่อการติดต่อ
พอวันที่ 6 ก.พ นางก็เรียกร้องอยากเจอเราอีกครั้ง โดยชวนกันไปกินร้านไก่ย่างญี่ปุ่น อารมแบบดื่มนั่งชิว วัยรุ่นเยอะๆ แล้วเราก็นัดกันอีกค่ะ นัดเจอที่สถานีรถไฟเหมือนเดิมเวลาเดิม หนุ่มยุ่นหน้าตี๋ๆๆ เดินมาพร้อมร้อยยิ้มอันสดใส แล้วเราก็ไปดื่มกันต่อค่ะ ครั้งนี้มีช็อตเด็ดที่ร้านคือเราต้องสั่งเมนูเครื่องดื่มกับเมนูอาหารด้วยภาษาที่ต่างกัน และความรู้อันน้อยของเราเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น
หนุ่มยุ่น : ดื่มอะไร
เรา : ชี้ไปในเมนูของเด็กที่เป็นเมนูเครื่องดื่มสำหรับเด็กคือมันไม่มีภาษาอังกฤษ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นคันจิเต็มไปหมด
หนุ่มยุ่น : อันนี้มันเป็น Kids นะแต่นางแค่พูดจ้ะแล้วออกเสียงแบบ คิส อันนี้ คิส
เรา : ตอบกลับแบบฮาๆ ด้วยการบอกว่า คิส แล้วทำปากจู๋ คือเราคิดว่า จูบหรอ นางเขิลแล้วบอกไม่ใช่ แปลอังกฤษเป็นญี่ปุ่นอีกที 55555555555555 ++ ตอนนั้นแบบตลกมาก 2คนขำแบบ อะไรวะน่ะ
แล้วแอลกอฮอเริ่มได้ที่ เราก็ขอไปนั่งข้างๆนาง เพราะน้องสาวเราจะมาดื่มด้วย คือเราเป็นผญ คุยเก่ง เวลาเมาแล้วชอบเกาะแกะกับคนข้าง ชอบแกล้งคนอื่น ชอบให้คนอื่นหัวเราะ เราก็เลยไปนั่งข้างนาง นางแบบเป็นยุ่นก็จริงแต่นางไม่เคยเหยียดหรืออะไรกับต่างชาติเลยและก็ไม่เคยอายที่เราเป็นต่างชาติกล้าที่จะพาไปนู้นไปนี่ เพราะ หนุ่มยุ่นบางคนที่เราเคยเจอมาก็ไม่กล้าไปไหนกับเรา หรือพาเราไปไหน
พอดื่มกันเสดนางก็พาไปเดินเล่นด้วยความเมาและบรรยากาศที่หนาว ณ สาวที่อายุ 25 นางชวนไป รร เราก็แบบเออมันจะเป็นไงก็ชั่งมันเหอะ ไม่อยากคาดหวังหรืออะไรปล่อยไปตามธรรมชาติและเวลา เพราะเราคิดว่าเราอยู่คนละประเทศ ห่างกันตั้ง 4,000 กิโล แล้วเราก็จบด้วยการไป รร ด้วยกัน ถ้าสำหรับหนุ่มสาวที่ญี่ปุ่นแล้วมันจะเป็นเรื่องปกติมากสำหรับการไป รร แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านตอนเช้า เพราะนางมีไบร์ท งานต่อตอนกลางคืน ทำ พาสทามที่ร้านคาราโอเกะแถวบ้านนาง เราก็คุยไลน์กันปกติ
วันนัดหมายจริงๆ ก็มาถึง วันที่ 9 ก.พ นัดกันไปดูหิมะ ที่โกเบ
นัดเจอกันที่ สถานีรถไฟเหมือนเดิมวันนั้นอากาศหนาวมากหนาวไม่พอลมพัดอีก แล้วเราก็ไปโกเบกันเราก็นั่งข้างกัน คนญี่ปุ่นจะเป็นคนวางแผนเตรียมแผนทุกอย่างแต่ผิดคาดค่ะ วันนั้นท้องฟ้าครึ้มมากแต่หิมะไม่ตกค่าาา นางหันหน้ามามองเราแล้วทำหน้าเศร้าๆๆ >--< อารมณ์เหมือนสำนึกผิดพูดขอโทดเราหลายรอบมาก เราบอกไม่เป็นไรไว้ค่อยมาดูใหม่ครั้งหน้าก็ได้ แล้วนางก็พาไป ไชนาทาว ที่อยู่ในโกเบ พาไปกินอาหารจีนอร่อยๆ แล้วก็เดิน ไชนาทาว จับมือตลอดเวลา ด้วยอากาศหนาวมากมือเย็นมากแข็ง นางก็เอามือเราไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อของนางแล้วก็จับไว้จะได้อุ่น >< . เขิลเบาๆ
แล้วเราก็เดินมาถึงท่าเรือ นางบอกนางไม่เคยนั่งเรือชมวิวเลย ไปนั่งเรือชมวิวกันมั้ย เราก็บอกว่าไปสิ เรายืนดูทะเลและชมวิวกัน นางก็คอยชี้บอกว่านั่นคืออะไร นี่คืออะไร รู้จักมั้ย ทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ มาหมดเลย ขอบคุณนางมากๆ ที่พยายามเพื่อเรามากพยายามที่จะคุยกับเรา นางเก่งภาษาอังกฤษมากแต่ตัวเรา อังกฤษก็อ่อน ญี่ปุ่นก็อ่อนเฮ้อ แต่ก็ไปกันรอด 5555555 นั่งเรือเสดต่อด้วยเดินห้างกินชานมไข่มุกต่อด้วยนั่งชิงช้า ค่ะ ตอนนั้นก็หลงนางไปแล้วด้วยการเอาใจใส่ถามนู้นถามนี่ เฮ้อเราเป็นอะไรกันมันก็ดังขึ้นมาในหัวทันที วันนั้นก็กลับจากโกเบแล้วก็พาไปกินข้าวที่โอซาก้าต่อ นางชอบกิน โอโคโนมิยากิ ง่ายๆคือ พิซซ่าญี่ปุ่น เราก็ไปกินกันค่ะตามใจนาง นางก็จะคอยทำคอยตักให้เรากิน ตอนนั้นเราก็ยังเขิลกันอยู่แต่น้อยลงกว่าแรกๆที่เจอกัน วันนั้นก็จบทริปแล้วแยกย้ายกันเราจะต้องกลับไทยวันที่ 13 เช้า วันที่ 12 นางจะมาหาเราอีกอยากมามากแต่เรากลัวว่าเดี๋ยวถ้านัดเจอกันแล้วกลัวตกเครื่องเราเลยบอกว่าไม่ต้องมาหรอกไว้ครั้งหน้าดีกว่าไว้เจอกันใหม่ นางเศร้าแล้วเราก็เดินทางกลับไทย ณ ตอนนั้นเราคิดว่าสงสัยจบแล้วแน่เลยพอกลับไทยเดี๋ยวนางก้หายไปเราเตรียมใจรอไว้เลย เพราะเราไปมาญี่ปุ่น รวมๆ 5-6 ปี แต่พึ่งจะมาลองคุยกับหนุ่มยุ่นจริงๆ ก็ เมื่อ 1 ปีนี้เองเพราะเมื่อก่อนเรามีแฟนเป็นคนไทยเลยไม่ค่อยอะไร แล้วหนุ่มยุ่นที่เคยเจอมาแต่ละคนเย็นชาไม่พอ ใจดำ ใจแข็ง นึกว่าหิน พอเรากลับถึงไทยนางก็ทักมาว่าถึงอย่างปลอดภัยใช่มั้ย โยกัตตะ นะ แบบดีใจนะ แล้วก็ไลน์มาทุกวันวันละครั้ง 2 ครั้งแต่ยังไม่เคยโทรมาหรือวีดีโอมา...
นางบอกว่าจะมาไทยวันที่ 1-6 มีนาคม ..... เพราะนางจะไปเที่ยว ลาว พม่า อินเดีย มาเลเซีย และนางจะแวะมาหาเราที่ไทย อุ้ย หมายความว่าไงอะ จะมาหา