ผลชันสูตรรอบ 2 ยัน "จอร์จ ฟลอยด์" เสียชีวิตจากการกดทับจากหลังคอ จนขาดอากาศหายใจ

ผลชันสูตรรอบ 2 ยัน "จอร์จ ฟลอยด์" เสียชีวิตจากการกดทับจากหลังคอ ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง จนขาดอากาศหายใจ
 
จากกรณีการเสียชีวิตของ "จอร์จ ฟลอยด์" ชายผิวสี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดทับที่คอของ จอร์จ ฟลอยด์ เป็นเวลาหลายนาที โดยจอร์จ ฟลอยด์พยายามร้องบอกตำรวจว่า "หายใจไม่ออก" แต่ก็เสียชีวิตในที่สุด จนกลายมาเป็นเหตุการณ์ประท้วงบานปลายใหญ่โตที่สหรัฐ

ขณะที่ผลชันสูตรจากหมอที่ครอบครัว "จอร์จ ฟลอยด์" จ้างมาชันสูตร เพราะไม่เชื่อผลรอบแรก โดยผลชันสูตรเผยว่าไม่ได้เกิดจากการขาดอากาศหรือถูกรัดคอจนเสียชีวิต แต่ตายเพราะโรคประจำตัว โรคหัวใจหรือจากสารพิษในร่างกาย เรื่องนี้ทำให้ครอบครัวของ จอร์จ ฟลอยด์ ไม่ปักใจเชื่อผลชันสูตรในครั้งนี้ จึงทำการชันสูตรใหม่อีกรอบ จากผลการชันสูตรล่าสุดพบว่า จอร์จ ฟลอยด์ ถูกทำให้เสียชีวิตด้วยการกดทับจากหลังคอ จนทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง

ที่มา https://www.komchadluek.net/news/regional/432673

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


งานนี้ไม่รู้ว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าพ่อเฟซบุ๊กจะเอาไงดี เมื่อพนักงานในบริษัทของตัวเอง ขู่ลาออก พร้อมเปลี่ยนโปรไฟล์ใน Workplace ของตนเป็นโลโก Twitter เพราะไม่พอใจในท่าทีของเขา ที่เมินเฉยต่อการกระทำ และคำพูดของโดนัลด์ ทรัมป์ที่โพสต์ขู่ตอบโต้ม็อบ และกลุ่มผู้ประท้วงจากการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์
.
ที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook เลือกที่จะนิ่งเฉย และไม่กระทำการใดๆ กับเนื้อหาที่รุนแรงเหล่านั้นของทรัมป์ เพราะไม่ได้มองว่าเป็นเนื้อหาที่รุนแรงใดๆ มากนัก ทั้งที่บางข้อความจากทรัมป์บนเฟซบุ๊กละเมิดนโยบายของบริษัท เรื่องการต่อต้านการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ซึ่งผิดกับทางฝั่งของ Twitter ที่ล่าสุดเพิ่งติดแทกเตือนในข้อความของทรัมป์
.
ตอนนี้เริ่มมีพนักงานของ Facebook หลายรายไม่พอใจต่อการตัดสินใจของ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก จึงประท้วงด้วยการ “Virtual Walkout” โดยหยุดทำงานในวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมถึงการตอบกลับอีเมล์อัตโนมัติว่าพวกเขาไม่ไปทำงาน เพราะไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของบริษัทต่อการจัดการกับเนื้อหาบนโซเชียลของทรัมป์
.
นอกจากนี้ยังมีการขู่ที่จะลาออก และยังใช้ทวิตเตอร์ในการวิจารณ์การตัดสินใจของบริษัทอีกต่างหาก โดยมีพนักงานหลายคนเริ่มเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตนใน Workplace เป็นโลโก้ Twitter เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจในครั้งนี้

cnet
cnn
blockdit