อย่างที่ทราบกันดีว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้บรรดาสตูดิโอยักษ์ใหญ่จาก Hollywood ต้องประกาศเลื่อนการฉายของหนังดังๆทั้งหลายออกไปกันทั่วหน้าตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นค่ายหนังต่างๆนั้นมองว่ากลางเดือนกรกฎาคมสถานการณ์น่าจะเริ่มคลี่คลายจนเปิดโรงหนังในอเมริกาเหนือได้แล้ว ซึ่งสังเกตได้จากทาง WB ไม่ได้เลื่อนโปรแกรมของ TENET หนังเด็ดจากยอดผู้กำกับ Christopher Nolan โดยยังคงโปรแกรมเดิมไว้ที่ 17 กรกฎาคม ส่วนทาง Disney ก็เลื่อน Mulan มาไว้วันที่ 24 กรกฎาคม ตบท้ายด้วย WB ที่ยังมองโลกในแง่ดีเลื่อน Wonder Woman 1984 มาแปะไว้วันที่ 14 สิงหาคม
 
ในปัจจุบันทั้ง WB และ Disney ยังไม่มีการประกาศเปลี่ยนแปลงกำหนดฉายในอเมริกาเหนือของภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องแต่อย่างใด ทำให้ทั้งสามเรื่องเป็นความหวังของโรงหนังทั่วโลกที่พึ่งพารายได้จากหนัง Hollywood เป็นหลัก แต่จากสภาพการณ์ของธุรกิจโรงหนังล่าสุดใน 3 เมืองหลักของอเมริกาคือ New York, LA และ San Francisco คือ
 
New York = โรงหนังจัดอยู่ในธุรกิจที่กลับมาได้ใน Phase 4 ซึ่งไม่มีใครรู้กำหนดการที่แน่ชัด หลายคนคาดว่า Phase 4 ใน NY น่าจะลากยาวไปถึงปี 2021
 
LA = โรงหนังจัดอยู่ในการกลับมาดำเนินการใน Stage 3 ซึ่งก็ยังไม่มีกำหนดการที่แน่นอนเช่นกัน
 
San Francisco = มีการประกาศว่าธุรกิจโรงหนังอยู่ใน Phase 3 ซึ่งจะกลับมาเปิดให้บริการได้อย่างเร็วที่สุดคือกลางเดือนสิงหาคม
 
เมื่อ 3 เมืองหลักของอเมริกาเหนือตลาดหนังที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่สามารถให้บริการโรงภาพยนตร์ได้ทันกำหนดการฉาย ทำให้มีโอกาสสูงที่ทั้ง WB และ Disney จะเลื่อนการฉายของ TENET, Mulan และอาจจะรวมถึง Wonder Woman 1984 ทั่วโลกออกไปอีก สำหรับคอหนังทั้งหลายต้องลุ้นกันต่อไป อนึ่ง ในวันพรุ่งนี้ Cinemark ซึ่งเป็นเครือโรงหนังอันดับ 3 ในอเมริกาเหนือจะประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกรวมทั้งจะมีการ Update แนวโน้มและทิศทางของธุรกิจในช่วงต่อไปด้วย น่าจะเริ่มมองเห็นอะไรๆได้ชัดเจนยิ่งขึ้น