สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ถ้าเอ่ยถึงคนอาหรับ ก็อดจะเอ่ยถึงคนประเทศมหาเศรษฐี น้ำมัน KSA.ไม่ได้เพราะผมทำงานที่นั่นมากว่าครึ่งชีวิต เห็นมุมดีไม่ดีมากมายพอเล่าเรื่องนี้
ก็โดนติ่งอาหรับ ตามแขวะ ดูหมิ่นเหยียดหยามว่าทำงานที่พักใแหล่งเสื่อมโทรม ตามขุดถากถางสารพัด ด้วยเหตุที่ว่า คำว่ามุสลิมเลือดสีเดียวกัน ใครจะมาว่ามุสลิมไม่ได้ ต้องชื่นชมเท่านั้น ก็เล่นแบบถึงพริกถึงขิงเลยละครับ ฉนั้นเลยเรียกว่าติ่งอาหรับ ในห้องศาสนา จะมีสายกลางและวางตัวดีเสมอต้นเสมอปลาย อธิบายให้คนค่างศาสนา อื่นๆฟังได้ดีคือ คุณแมทท์
กรณีที่จขกท.เขียนมา มันคือเรื่องสามัญของชาวตะวันออกกลาง จะเจอดีบ้างไม่ได้บ้าง แต่ประเทศ KSA. จะมีการลงโทษแรงครับ ไม่ใช่เขาเพิกเฉย มีครั้งหนึ่งที่รู้ข่าว
คือในตึก ในเมือง Al-Khobar ซึ่งห่างจากที่พักผม ราวร้อยสามสิบกม. มีหญิงทำงานบ้านชาว ฟิลิปปินส์ โดนข่มขืน จากเจ้าของบ้าน และคนในครอบครัว เพื่อนๆเจ้าของบ้าน และโดนกักขังเอาไว้ เมื่อตอนเจ้านายไม่อยู่เธอพยายาม ทิ้งจดหมายลงมาเสมอๆหลายๆวัน แต่ไม่มีคนหยิบอ่าน ตึกนั้นอยู่ในเมืองและเป็นตึกสูงสูงครับ วันนั้นนับว่าโชคดีความพยายามเธอประสพผลสำเร็จมีคนอ่านจม.เธอพาตำรวจไปช่วย ผลมีคนติดคุกเพราะเธอหลายคน คือคนที่เกี่ยวข้องข่มขืนเธอนั่นละครับ ผมถึงอยากจะบอกว่า ประเทศตะวันออกกลางบางที่ไม่ใช่สวรรค์ของคนขายแรงงานครับ เพราะสังคมเขาต่างจากประเทศอื่นๆ ราวฟ้าดินครับจากหลักของศาสนา และจิตใจคน หากจะถามว่าชาวอาหรับนี่ประเทศไหน ที่เป็นมิตรกับคน ผมตอบเลย บาหเรน(ออกเสียง บาฮะเรน) สำเนียงอาหรับครับ แต่บรรดาเจ้านายระดับสูงๆของโรงงานรู้จักผมทุกๆคน เพราะผมเองคือคนไทยที่เหลือในรง.โรงงานเป็นล่ามแปลภาษาอังกฤษ ให้คนไทยช่วงหลังๆ และเป็นตากล้องประจำโรงงาน ส่วนประเทศที่ถ้าจะถามถึงสิทธิมนุษยชนและไม่เคยรู้จัก Kingdom Of Saudi Arabia นั่นละครับ จะไม่เล่าอีกเพราะเขียนถึงหลายครั้งแล้ว
ก็โดนติ่งอาหรับ ตามแขวะ ดูหมิ่นเหยียดหยามว่าทำงานที่พักใแหล่งเสื่อมโทรม ตามขุดถากถางสารพัด ด้วยเหตุที่ว่า คำว่ามุสลิมเลือดสีเดียวกัน ใครจะมาว่ามุสลิมไม่ได้ ต้องชื่นชมเท่านั้น ก็เล่นแบบถึงพริกถึงขิงเลยละครับ ฉนั้นเลยเรียกว่าติ่งอาหรับ ในห้องศาสนา จะมีสายกลางและวางตัวดีเสมอต้นเสมอปลาย อธิบายให้คนค่างศาสนา อื่นๆฟังได้ดีคือ คุณแมทท์
กรณีที่จขกท.เขียนมา มันคือเรื่องสามัญของชาวตะวันออกกลาง จะเจอดีบ้างไม่ได้บ้าง แต่ประเทศ KSA. จะมีการลงโทษแรงครับ ไม่ใช่เขาเพิกเฉย มีครั้งหนึ่งที่รู้ข่าว
คือในตึก ในเมือง Al-Khobar ซึ่งห่างจากที่พักผม ราวร้อยสามสิบกม. มีหญิงทำงานบ้านชาว ฟิลิปปินส์ โดนข่มขืน จากเจ้าของบ้าน และคนในครอบครัว เพื่อนๆเจ้าของบ้าน และโดนกักขังเอาไว้ เมื่อตอนเจ้านายไม่อยู่เธอพยายาม ทิ้งจดหมายลงมาเสมอๆหลายๆวัน แต่ไม่มีคนหยิบอ่าน ตึกนั้นอยู่ในเมืองและเป็นตึกสูงสูงครับ วันนั้นนับว่าโชคดีความพยายามเธอประสพผลสำเร็จมีคนอ่านจม.เธอพาตำรวจไปช่วย ผลมีคนติดคุกเพราะเธอหลายคน คือคนที่เกี่ยวข้องข่มขืนเธอนั่นละครับ ผมถึงอยากจะบอกว่า ประเทศตะวันออกกลางบางที่ไม่ใช่สวรรค์ของคนขายแรงงานครับ เพราะสังคมเขาต่างจากประเทศอื่นๆ ราวฟ้าดินครับจากหลักของศาสนา และจิตใจคน หากจะถามว่าชาวอาหรับนี่ประเทศไหน ที่เป็นมิตรกับคน ผมตอบเลย บาหเรน(ออกเสียง บาฮะเรน) สำเนียงอาหรับครับ แต่บรรดาเจ้านายระดับสูงๆของโรงงานรู้จักผมทุกๆคน เพราะผมเองคือคนไทยที่เหลือในรง.โรงงานเป็นล่ามแปลภาษาอังกฤษ ให้คนไทยช่วงหลังๆ และเป็นตากล้องประจำโรงงาน ส่วนประเทศที่ถ้าจะถามถึงสิทธิมนุษยชนและไม่เคยรู้จัก Kingdom Of Saudi Arabia นั่นละครับ จะไม่เล่าอีกเพราะเขียนถึงหลายครั้งแล้ว
ความคิดเห็นที่ 2
เน็ตไอดอลอาหรับที่ขึ้นชื่อว่าคนสวยใจดำ
อีกเหตุการณ์ที่เป็นข่าวสะเทือนขวัญอย่างที่สุดในโลกอาหรับคือเหตุการณ์ตายฆ่ายัดตู้เย็นแม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์
จัวฮันน่า เดมาฟิลลีส Johanna Demafelis ซึ่งถึงกับทำให้ประเทศอาหรับต้องเปลี่ยนกฏหมายคุ้มครองแรงงานต่างชาติและประธานาธิปดี โรดรีโก้ ดรูเตอร์เต้ ของฟิลิปปินส์ถึงกับ ต้องออกมาแถลงการต่อทางคูเวตอย่างเดือดดานว่า
"มันมีอะไรผิดสำแดงนักหนากับวัฒนธรรมของพวกคุณงั้นหรือ? เกียรติของพวกคุณมีบ้างไหม?" นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าต่อให้ต้องทำสัญญากับซาตานผมก็จะต้องทำให้แรงงานชาวฟิลิปปินส์ทุกคนกลับมาจากตะวันออกกลางอย่างปลอดภัยและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ดูเหมือนว่าวัฒนธรรมไพร่ทาสในตะวันออกกลางดูจะเป็นเรื่องที่ปกติในสังคมตรงนั้น…… ซึ่งแม้หลังจากข่าวการฆ่ายัดตู้เย็นแม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์ในคูเวตจนรัฐบาลประเทศตะวันออกกลางต้องออกกฏหมายคุ้มครองที่เอื่อประโยชน์ต่อแรงงานมากขึ้น เช่น การออกกฏหมายบังคับให้แรงงานทุกคนตัองมีวันหยุดอย่างน้อย1วันในทุกสัปดาห์..... แรงงานทุกคนจะต้องเก็บพาสปอร์ตไว้กับตัวไม่อนุญาตให้นายจ้างยึดพาสปอร์ตไปซ่อนไม่งั้นนายจ้างจะมีความผิด
แรงงานจะต้องมีวันหยุดพักร้อน22วันและมีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงวีซ่าแรงงานจากนายจ้างคนเดิมไปยังคนใหม่ได้ตามความต้องการโดยไม่ขึ้นกับการบังคับของนายจ้างและนายจ้างจะต้องอนุญาตให้ลูกจ้างมีโทรศัพท์ส่วนตัวที่มี wifi และโทรออกได้ตามความต้องการและทำงาน12ชั่วโมงต่อวันพร้อมทั้งมีเวลาพักผ่อน1ช.ม ระหว่างวัน ฯลฯ
เจ้าหญิงบาเรนผู้ออกมาต่อต้านอินเตอร์เน็ตไอดอลสาวชาวคูเว็ตที่ต่อต้านการให้สิทธิพิเศษแก่แรงงานต่างด้าว..... เจ้าหญิงทรงตรัสว่าสิทธิมนุษยชนและการให้ความเท่าเทียมกันในมนุษย์ไม่แบ่งชนชั้นและเชื่อชาติเป็นสิ่งสำคัญ
ซึ่งก็ยังมีนายจ้างที่ไม่เห็นด้วยกับกฏหมายเลิกทาสนี้
หนึ่งในนั้นคือ ซอนโดส เอาล์ คัททาน Sondos Al qattan อินเตอร์เน็ตไอดอลสาวชาวอาหรับซึ่งเป็นทั้งคนดังในอินสตาแกรมและbloggerเรื่องความงามที่มีผู้ติดตามถึง2.4 ล้านคนและเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์เครื่องสำอางค์ดังๆและแฟชั่นหลายแบรนด์ อาทิ คริสเตียน ดิออ, maccosmetic, max factor, ชิเชโด้, M. Micallef and Chelsea Beautique, phyto
จากการออกคลิปไม่เห็นด้วยกับกฏหมายใหม่นี้เองทำให้เธอกลายเป็นข่าวฉาวแง่ลบไปจนทั่วโลกจนมีคนunfollowไอจีของเธอและบริษัทเครื่องสำอางค์และแฟชั่นที่เลิกสัญญาจ้างกับเธอไป
ภาพเน็ตไอดอลสาวไฮโซผู้ใจดำ ไลฟ์สด
อินเตอร์เน็ตไอดอลสาวออกมาทำคลิปบ่นว่า
"กฏหมายใหม่นี้เป็นการเอาเปรียบเจ้านายและให้ท้ายคนรับใช้ที่น่าสมเพช……จะให้คนรับใช้หยุด1วันทุกสัปดาห์ก็หมายความว่าหยุด4วันในหนึ่งเดือนมันมากเกินไปไม่คุ้มเงินที่ต้องจ่าย…... เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนรับใช้ของเราจะไปไหนในวันหยุดนั้น แถมยังให้เก็บพาสปอร์ตไว้กับตัวแบบนั้นเกิดหนีขึ้นมาแล้วฉันไม่ต้องเสียค่านายหน้าฟรีหรอกหรือฉันไม่จ้างแม่บ้านฟิลิปปินส์ก็ได้ยังมีบังกลาเทศอินเดีย และอีกหลายประเทศที่เหมือนๆกัน? "
หลังจากคลิปการกล่าวในวันนั้นกระแสผู้คนที่รุมประนามเกลียดชังเธอก็เกิดขึ้นทั่วโซเชียลมีเดียมีรายการที่ออกมาวิเคราะห์ว่าการพูดของเธอเหมือนผู้ร้าย ทำไมเธอถึงคิดไปถึงว่าให้คนรับใช้มีพาสปอร์ตไว้กับตัวจะต้องหนีเธอไปด้วย? เพราะถ้าแม่บ้านมันเป็นแค่อาชีพอาชีพหนึ่งที่ทำแล้วได้เงินใครจะคิดหนี? การคิดหนีของคนเราจะมีต่อเมื่อคนเราเวลาเจออันตรายเท่านั้น…..แสดงว่าที่เธอกลัวคนรับใช้จะหนีเพราะคนรับใช้กลัวเธอเพราะเธอทำไม่ดีกับคนรับใช้ไว้เยอะงั้นหรือ
หลังกระแสการโดนวิจารณ์อย่างหนักอินเตอร์เน็ตไอดอลสาวชาวอาหรับก็ออกคลิปใหม่ที่ดูแล้วทำให้เธอเหมือนโชว์โง่ยิ่งกว่าเดิมเธอออกมาพูดว่า เรื่องที่เธอเคยพูดไปในคลิปก่อนนั้นอยากให้ทุกคนลืมๆมันไปซะมันมีเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจกว่านี้เยอะแยะเช่นเรื่องความงามและการโบท็อค…..ทำให้มีผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียหลายคนว่า เม็คอัพบนใบหน้าของเธอไม่สามารถเม็คอัพจิตใจของเธอได้ หรือบางคนก็เรียกเธอว่า คนสวยใจดำ หรือหน้าบิวตี้จิตใจเดอะบีส
ก่อนเหตุการณ์อินเตอร์เน็ตไอดอลสาวอาหรับที่ออกมาต่อต้านกฏหมายคุ้มครองแรงงานต่างด้าว
เหตุการณ์แม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์ จัวฮันน่า เดลมาฟิลลิสถูกฆ่ายัดตู้เย็นในประเทศคูเว็ตยังคงเป็นเครีองเตือนใจชาวต่างชาติทุกคนที่หวังจะไปหารายได้ในประเทศรวยน้ำมันเหล่านี้
ย้อนรอยเหตุการณ์ฆ่าหมกตู้เย็น จัวฮันน่าเป็นสาวฟิลิปปินส์วัย28ปีเธอได้เข้ามาเป็นแม่บ้านให้สองสามีภรรยาชาวอาหรับที่อาศัยอยู่ในคูเวตคือ นาดาร์ เอสแซม อัซซาฟ และ มูณา อาลี ฮัซซวน…… ตำรวจพบศพของแม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์ภายในตู้เย็นของบ้านสองสามีภรรยาซึ่งปิดตายมาเป็นเวลาหนึ่งปีในขณะที่ทั้งคู่ย้ายไปอยู่ที่ซีเรียและปิดบ้านไว้หลังฆาตรกรรมจัวฮันน่าโดยศพของเธอได้ตายมาแล้วเป็นเวลา1ปีโดยไม่มีใครรู้ พวกเขารายงานตำรวจว่าสาวใช้ชาวฟิลิปปินส์ได้หายตัวไป
มูณาและสามีที่ฆาตรกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์
ญาติของทางสามีของมูณาได้กล่าวกับตำรวจว่ามูณาเป็นคนชอบบงการสามีและเป็นคนหุนหันพลันแล่นนอกจากนี้เธอยังเปาหูให้นาดาร์ผู้เป็นสามีไล่แม่ของสามีออกจากบ้านที่คูเวตทำให้ญาติของนาดาร์ผิดหวังในสะใภ้คนนี้ พวกเขาคาดว่ามูณาคือต้นเหตุในการฆาตรกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์และเธอถูกพิพากษาให้มีโทษหนักกว่าสามี
หมอชันสูตรพบว่าศพของจัวฮันน่านั้นกระดูกซี่โครงหักและบาดเจ็บที่อุ้งเชิงกรานและที่ไต….. หลังถูกจับได้ทั้งสองสามีภรรยาโดนขึ้นศาลและได้รับโทษ15ปีส่วนสาเหตุการฆ่าก็ยังเป็นปริศนาอยู่ทุกวันนี้…..ทนายความของมูณาเสนอชดใช้ให้ครอบครัวเดลมาฟิลลิสเป็นจำนวนเงิน5หมื่นดอลล่าในขณะที่ทนายของอัซซาฟต่อค่าชดเชยลงเป็น2หมื่นดอลล่าอีกซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับชีวิตคนหนึ่งคนที่หาเงินเลี้ยงทั้งครอบครัวและสำหรับเศรษฐีชาวตะวันออกกลางที่มักเลื่องลือเรื่องความเค็มกับลูกจ้างทั้งที่ตัวเองมีเงินมากมายมหาศาล
แม่ของแม่บ้านสาวผู้ตายตกลงเรียกเงินชดเชย1แสนดอลล่าเพื่อแลกกับการที่ฆาตรกรไม่โดนโทษประหารแต่ตัองจำคุกแต่ก็มิได้เงินนั้น
แม่บ้านสาวผู้ถูกฆ่ายัดตู้เย็น
ทั้งคู่สามีภรรยาถูกจับในซีเรียเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 คดีดังกล่าวก่อให้เกิดวิกฤตทางการทูตระหว่างฟิลิปปินส์และคูเวตทำให้ประธานาธิบดีโรดริโก เดร็ตเต้ ของฟิลิปปินส์ สั่งห้ามไม่ให้มีการส่งแรงงานไปยังประเทศตะวันออกกลางอีกและเรียกแรงงานกลับทางรัฐบาลคูเวตจึงเร่งให้มีการตัดสินสองสามีภรรยาจอมโหดและยื่นความยุติธรรมให้ผู้ตายโดยตัดสินว่าสองสามีภรรยาได้ฆ่าแม่บ้านสาวโดยการไตร่ตรองไว้แล้วและโดนลงทัณฑ์ด้วยโทษแขวนคอ
Edit - ภาค2ตอนจบ
https://ppantip.com/topic/39957487/comment2
เน็ตไอดอลอาหรับที่ขึ้นชื่อว่าคนสวยใจดำ
อีกเหตุการณ์ที่เป็นข่าวสะเทือนขวัญอย่างที่สุดในโลกอาหรับคือเหตุการณ์ตายฆ่ายัดตู้เย็นแม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์
จัวฮันน่า เดมาฟิลลีส Johanna Demafelis ซึ่งถึงกับทำให้ประเทศอาหรับต้องเปลี่ยนกฏหมายคุ้มครองแรงงานต่างชาติและประธานาธิปดี โรดรีโก้ ดรูเตอร์เต้ ของฟิลิปปินส์ถึงกับ ต้องออกมาแถลงการต่อทางคูเวตอย่างเดือดดานว่า
"มันมีอะไรผิดสำแดงนักหนากับวัฒนธรรมของพวกคุณงั้นหรือ? เกียรติของพวกคุณมีบ้างไหม?" นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าต่อให้ต้องทำสัญญากับซาตานผมก็จะต้องทำให้แรงงานชาวฟิลิปปินส์ทุกคนกลับมาจากตะวันออกกลางอย่างปลอดภัยและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ดูเหมือนว่าวัฒนธรรมไพร่ทาสในตะวันออกกลางดูจะเป็นเรื่องที่ปกติในสังคมตรงนั้น…… ซึ่งแม้หลังจากข่าวการฆ่ายัดตู้เย็นแม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์ในคูเวตจนรัฐบาลประเทศตะวันออกกลางต้องออกกฏหมายคุ้มครองที่เอื่อประโยชน์ต่อแรงงานมากขึ้น เช่น การออกกฏหมายบังคับให้แรงงานทุกคนตัองมีวันหยุดอย่างน้อย1วันในทุกสัปดาห์..... แรงงานทุกคนจะต้องเก็บพาสปอร์ตไว้กับตัวไม่อนุญาตให้นายจ้างยึดพาสปอร์ตไปซ่อนไม่งั้นนายจ้างจะมีความผิด
แรงงานจะต้องมีวันหยุดพักร้อน22วันและมีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงวีซ่าแรงงานจากนายจ้างคนเดิมไปยังคนใหม่ได้ตามความต้องการโดยไม่ขึ้นกับการบังคับของนายจ้างและนายจ้างจะต้องอนุญาตให้ลูกจ้างมีโทรศัพท์ส่วนตัวที่มี wifi และโทรออกได้ตามความต้องการและทำงาน12ชั่วโมงต่อวันพร้อมทั้งมีเวลาพักผ่อน1ช.ม ระหว่างวัน ฯลฯ
เจ้าหญิงบาเรนผู้ออกมาต่อต้านอินเตอร์เน็ตไอดอลสาวชาวคูเว็ตที่ต่อต้านการให้สิทธิพิเศษแก่แรงงานต่างด้าว..... เจ้าหญิงทรงตรัสว่าสิทธิมนุษยชนและการให้ความเท่าเทียมกันในมนุษย์ไม่แบ่งชนชั้นและเชื่อชาติเป็นสิ่งสำคัญ
ซึ่งก็ยังมีนายจ้างที่ไม่เห็นด้วยกับกฏหมายเลิกทาสนี้
หนึ่งในนั้นคือ ซอนโดส เอาล์ คัททาน Sondos Al qattan อินเตอร์เน็ตไอดอลสาวชาวอาหรับซึ่งเป็นทั้งคนดังในอินสตาแกรมและbloggerเรื่องความงามที่มีผู้ติดตามถึง2.4 ล้านคนและเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับแบรนด์เครื่องสำอางค์ดังๆและแฟชั่นหลายแบรนด์ อาทิ คริสเตียน ดิออ, maccosmetic, max factor, ชิเชโด้, M. Micallef and Chelsea Beautique, phyto
จากการออกคลิปไม่เห็นด้วยกับกฏหมายใหม่นี้เองทำให้เธอกลายเป็นข่าวฉาวแง่ลบไปจนทั่วโลกจนมีคนunfollowไอจีของเธอและบริษัทเครื่องสำอางค์และแฟชั่นที่เลิกสัญญาจ้างกับเธอไป
ภาพเน็ตไอดอลสาวไฮโซผู้ใจดำ ไลฟ์สด
อินเตอร์เน็ตไอดอลสาวออกมาทำคลิปบ่นว่า
"กฏหมายใหม่นี้เป็นการเอาเปรียบเจ้านายและให้ท้ายคนรับใช้ที่น่าสมเพช……จะให้คนรับใช้หยุด1วันทุกสัปดาห์ก็หมายความว่าหยุด4วันในหนึ่งเดือนมันมากเกินไปไม่คุ้มเงินที่ต้องจ่าย…... เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนรับใช้ของเราจะไปไหนในวันหยุดนั้น แถมยังให้เก็บพาสปอร์ตไว้กับตัวแบบนั้นเกิดหนีขึ้นมาแล้วฉันไม่ต้องเสียค่านายหน้าฟรีหรอกหรือฉันไม่จ้างแม่บ้านฟิลิปปินส์ก็ได้ยังมีบังกลาเทศอินเดีย และอีกหลายประเทศที่เหมือนๆกัน? "
หลังจากคลิปการกล่าวในวันนั้นกระแสผู้คนที่รุมประนามเกลียดชังเธอก็เกิดขึ้นทั่วโซเชียลมีเดียมีรายการที่ออกมาวิเคราะห์ว่าการพูดของเธอเหมือนผู้ร้าย ทำไมเธอถึงคิดไปถึงว่าให้คนรับใช้มีพาสปอร์ตไว้กับตัวจะต้องหนีเธอไปด้วย? เพราะถ้าแม่บ้านมันเป็นแค่อาชีพอาชีพหนึ่งที่ทำแล้วได้เงินใครจะคิดหนี? การคิดหนีของคนเราจะมีต่อเมื่อคนเราเวลาเจออันตรายเท่านั้น…..แสดงว่าที่เธอกลัวคนรับใช้จะหนีเพราะคนรับใช้กลัวเธอเพราะเธอทำไม่ดีกับคนรับใช้ไว้เยอะงั้นหรือ
หลังกระแสการโดนวิจารณ์อย่างหนักอินเตอร์เน็ตไอดอลสาวชาวอาหรับก็ออกคลิปใหม่ที่ดูแล้วทำให้เธอเหมือนโชว์โง่ยิ่งกว่าเดิมเธอออกมาพูดว่า เรื่องที่เธอเคยพูดไปในคลิปก่อนนั้นอยากให้ทุกคนลืมๆมันไปซะมันมีเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจกว่านี้เยอะแยะเช่นเรื่องความงามและการโบท็อค…..ทำให้มีผู้ใช้สื่อโซเชียลมีเดียหลายคนว่า เม็คอัพบนใบหน้าของเธอไม่สามารถเม็คอัพจิตใจของเธอได้ หรือบางคนก็เรียกเธอว่า คนสวยใจดำ หรือหน้าบิวตี้จิตใจเดอะบีส
ก่อนเหตุการณ์อินเตอร์เน็ตไอดอลสาวอาหรับที่ออกมาต่อต้านกฏหมายคุ้มครองแรงงานต่างด้าว
เหตุการณ์แม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์ จัวฮันน่า เดลมาฟิลลิสถูกฆ่ายัดตู้เย็นในประเทศคูเว็ตยังคงเป็นเครีองเตือนใจชาวต่างชาติทุกคนที่หวังจะไปหารายได้ในประเทศรวยน้ำมันเหล่านี้
ย้อนรอยเหตุการณ์ฆ่าหมกตู้เย็น จัวฮันน่าเป็นสาวฟิลิปปินส์วัย28ปีเธอได้เข้ามาเป็นแม่บ้านให้สองสามีภรรยาชาวอาหรับที่อาศัยอยู่ในคูเวตคือ นาดาร์ เอสแซม อัซซาฟ และ มูณา อาลี ฮัซซวน…… ตำรวจพบศพของแม่บ้านสาวชาวฟิลิปปินส์ภายในตู้เย็นของบ้านสองสามีภรรยาซึ่งปิดตายมาเป็นเวลาหนึ่งปีในขณะที่ทั้งคู่ย้ายไปอยู่ที่ซีเรียและปิดบ้านไว้หลังฆาตรกรรมจัวฮันน่าโดยศพของเธอได้ตายมาแล้วเป็นเวลา1ปีโดยไม่มีใครรู้ พวกเขารายงานตำรวจว่าสาวใช้ชาวฟิลิปปินส์ได้หายตัวไป
มูณาและสามีที่ฆาตรกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์
ญาติของทางสามีของมูณาได้กล่าวกับตำรวจว่ามูณาเป็นคนชอบบงการสามีและเป็นคนหุนหันพลันแล่นนอกจากนี้เธอยังเปาหูให้นาดาร์ผู้เป็นสามีไล่แม่ของสามีออกจากบ้านที่คูเวตทำให้ญาติของนาดาร์ผิดหวังในสะใภ้คนนี้ พวกเขาคาดว่ามูณาคือต้นเหตุในการฆาตรกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์และเธอถูกพิพากษาให้มีโทษหนักกว่าสามี
หมอชันสูตรพบว่าศพของจัวฮันน่านั้นกระดูกซี่โครงหักและบาดเจ็บที่อุ้งเชิงกรานและที่ไต….. หลังถูกจับได้ทั้งสองสามีภรรยาโดนขึ้นศาลและได้รับโทษ15ปีส่วนสาเหตุการฆ่าก็ยังเป็นปริศนาอยู่ทุกวันนี้…..ทนายความของมูณาเสนอชดใช้ให้ครอบครัวเดลมาฟิลลิสเป็นจำนวนเงิน5หมื่นดอลล่าในขณะที่ทนายของอัซซาฟต่อค่าชดเชยลงเป็น2หมื่นดอลล่าอีกซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับชีวิตคนหนึ่งคนที่หาเงินเลี้ยงทั้งครอบครัวและสำหรับเศรษฐีชาวตะวันออกกลางที่มักเลื่องลือเรื่องความเค็มกับลูกจ้างทั้งที่ตัวเองมีเงินมากมายมหาศาล
แม่ของแม่บ้านสาวผู้ตายตกลงเรียกเงินชดเชย1แสนดอลล่าเพื่อแลกกับการที่ฆาตรกรไม่โดนโทษประหารแต่ตัองจำคุกแต่ก็มิได้เงินนั้น
แม่บ้านสาวผู้ถูกฆ่ายัดตู้เย็น
ทั้งคู่สามีภรรยาถูกจับในซีเรียเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2561 คดีดังกล่าวก่อให้เกิดวิกฤตทางการทูตระหว่างฟิลิปปินส์และคูเวตทำให้ประธานาธิบดีโรดริโก เดร็ตเต้ ของฟิลิปปินส์ สั่งห้ามไม่ให้มีการส่งแรงงานไปยังประเทศตะวันออกกลางอีกและเรียกแรงงานกลับทางรัฐบาลคูเวตจึงเร่งให้มีการตัดสินสองสามีภรรยาจอมโหดและยื่นความยุติธรรมให้ผู้ตายโดยตัดสินว่าสองสามีภรรยาได้ฆ่าแม่บ้านสาวโดยการไตร่ตรองไว้แล้วและโดนลงทัณฑ์ด้วยโทษแขวนคอ
Edit - ภาค2ตอนจบ
https://ppantip.com/topic/39957487/comment2
แสดงความคิดเห็น
คนสวยอมหิต เรื่องลับในแดนอาหรับ
ภาพเน็ตไอดอลสาวชาวคูเวตที่ถูกชาวโซเชียลมีเดียเรียก
เธอว่าคนสวยใจยักษ์
Domestic maid "คือแม่บ้านประเภทกินนอนอยู่กับบ้านเจ้านาย" เป็นอาชีพที่หญิงสาวฐานะยากจนจากเอเชีย
และอัฟริกา เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ไทย
เวียดนาม รวมทั้งหญิงสาวในเอเชียใต้เช่น
บังกลาเทศ ศรีลังกา เนปาล อินเดีย และ
อัฟริกาตะวันออกเช่น เอธิโอเปีย โซมาเลีย เคนย่า ฯลฯ เลือกที่จะมาทำอาชีพแม่บ้านประจำตระกูลให้แก่ครอบครัวมหาเศรษฐีในแถบประเทศอาหรับเพราะได้รายได้ดีมาก
ที่ประเทศทางอาหรับจะไม่มีชาวอาหรับที่ทำอาชีพแรงงานบริการรับใช้แต่จะจ้างชาวต่างชาติจากประเทศอื่นมาทำงานแรงงานบริการทั้งหมด
แม่บ้านประจำตระกูลหรือ domestic maid จะแตกต่างจากอาชีพแม่บ้านทำความสะอาดทั่วไป ที่ไปทำงานที่บ้านเจ้านายแบบไปเช้าเย็นกลับ และสามารถลาออกหรือไม่ไปทำงานได้ตามใจชอบในขณะที่อาชีพแม่บ้านประจำตระกูลในประเทศแถบตะวันออกกลางนั้นเป็นมากกว่าอาชีพธรรมดาที่แรงงานไม่สามารถเลือกได้ เพราะสาวรับใช้หรือแม่บ้านประจำตระกูลในแถบอาหรับจะต้องยอมรับวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สุดโบราณได้แม้ในทางกฏหมายจะมีการคุ้มครองอาชีพแม่บ้านประจำตระกูลเช่นเดียวกับแรงงานประเภทอื่นๆแต่ในทางปฏิบัติจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ในวัฒนธรรมอาหรับเป็นที่เลื่องลือในหมู่ผู้ทำอาชีพแม่บ้านประจำตระกูลอาหรับกันเลยทีเดียวว่าอาชีพคนรับใช้ประจำตระกูลอาหรับคือการบูชาถวายชีวิตเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์และเสียสละให้จ้าวนาย พวกเธอห้ามติดต่อคนภายนอก โดนริบโทรศัพท์มือถือ ห้ามใช้อินเตอร์เน็ต และถูกริบพาสปอร์ตไว้กับเจ้านายซึ่งนายจะนำไปซ่อนไว้…… อาชีพของพวกเธอ มิใช่อาชีพแม่บ้านทำความสะอาดธรรมดาๆ
มันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นธรรมเนียมปกติของชาวอาหรับว่าแม่บ้านหรือสาวใช้คือผู้ที่ต่ำต้อยกว่าและอยู่อีกระดับหนึ่งและเจ้านายเป็นผู้มีคุณค่าและศักดิ์ศรีที่สูงกว่าที่คนรับใช้จะต้องไม่ขัดคำสั่งและทำทุกอย่างเพื่อยอมถวายชีวิตกันเลยทีเดียวถึงจะเป็นที่โปรดปราน และเจ้านายจะปฏิบัติแย่ๆกับพวกเธออย่างไรก็ได้โดยที่พวกเธอจะไม่สามารถเรียกร้องใดๆได้หรือแม้แต่ออกนอกบ้านและจะมีหน้าที่รับใช้คนในครอบครัวของเจ้านายตลอดเวลาไม่มีการพัก แม้เวลานอนหากเจ้านายเรียกใช้ก็ต้องลุกขึ้นมา ยิ่งครอบครัวที่มีตระกูลสูงระดับ ชีค กาหริบ ฯลฯ
บรรดาภรรยาและลูกสาวลูกชายของนายจะไม่ทำอะไรในบ้านเองทั้งสิ้นแม้แต่การหยิบของซึ่งแม่บ้านจะต้องเป็นผู้หยิบให้ทำให้ทั้งหมด….. ที่ตะวันออกกลางมีครอบครัวที่ใช้บริการแม่บ้านประจำตระกูลกันตั้งแต่พวกที่ระดับสูงมากๆเช่นพวกชีคมาตนถึงเศรษฐีธรรมดา
หลายครั้งมีแม่บ้านประจำตระกูลจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกทุกข์ทรมานแทบเรียกได้ว่าตายทั้งเป็นจากการทำอาชีพแม่บ้านประจำตระกูลให้มหาเศรษฐีชาวอาหรับ ซึ่งจะมีบริษัทจัดหาสาวต่างชาติแถบอาเซียน เอเชียใต้ และอัฟริกาให้มาเป็นแม่บ้านประจำตระกูลซึ่งจะมีประเทศอาหรับรวยๆที่ใช้บริการนี้มากมายเช่น ยูเออี การ์ต้า ซาอุดิอาระเบีย บาเรน คูเวต เลบานอน โอมาน จอร์แดน ฯลฯ
เจ้านายชาวอาหรับที่ติดต่อทางบริษัทเพื่อทำสัญญาว่าจ้างแม่บ้านประจำตระกูลจะตกลงจ่ายเงินให้บริษัทเป็นเงินจำนวนมากถึง2000-6000ดอลล่าต่อสัญญาการจ้างแม่บ้านให้กินนอนรับใช้ในตระกูล1ปี โดยจะมีการจ่ายรายเดือนให้แม่บ้านต่างหากตามตกลงไม่รวม2000ดอลล่าค่าให้บริษัทนายหน้าและอีก2000ดอลล่าค่าวีซ่าให้แก่แม่บ้าน ซึ่งถือเป็นเงินจำนวนมากในการเสียเพื่อจ้างลูกจ้างต่อปี…… หญิงสาวต่างชาติจำนวนมากตัดสินใจมาทำอาชีพนี้เพราะคิดว่ารายได้ดีแต่ก็ต้องพบว่าตัวเองกลับมีสภาพชีวิตไม่ต่างจากตายทั้งเป็นหลังทำอาชีพนี้ถึงขั้นที่ว่าแม่บ้านสาวบางคนถึงกับต้องแอบหนีออกมาจากบ้านเจ้านายโดยการปีนออกทางหน้าต่างหรือฆ่าตัวตายเพราะทนการถูกกดขี่ข่มเหงเยี่ยงทาสไม่ไหว
ฟาวสตีน่า เทย์
ฟาวสติน่า เทย์ Faustina Tay เด็กสาววัยเพียง23ปีชาวเคนย่าที่มาทำอาชีพแม่บ้านประจำตระกูลให้แก่ครอบครัวชาวอาหรับเลบานอนซึ่งได้อัดคลิปสั่งเสียครอบครัวพร้อมน้ำตาก่อนจะฆ่าตัวตายเพราะทนไม่ไหวกับการทรมานของนายจ้าง….. ที่เลบานอนมีสถิติการตายของแม่บ้านประจำตระกูลสูงถึง2คนต่อสัปดาห์
ฟาวสติน่าเป็นเด็กสาวผิวดำชาวคริตส์ที่เรียนดีและมองหาเงินในการเข้ามหาลัยเธอจึงเลือกมาเป็นแม่บ้านให้ครอบครัวอาหรับเลบานอนที่เป็นชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในกรุงไบรุต
ครอบครัวเดียเป็น นักธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าชาวอาหรับ
ประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูก4 คน ได้แก่ผู้เป็นแม่คือ
มาดาม โมนา นาสลัลล่าห์ และสามีคือ ฮุสเซน
ลูกชายคนโตคืออาลี ลูกสาวคนรองคือ ไซเนป และ ลูกสาวคนที่สามคือ นัวร์ และลูกสาวคนเล็กสุดวัย17ชื่อ รีม……
ลูกสาวบ้านนี้เป็นคนหน้าตาดีแต่จิตใจโหดร้ายและ
มองฟาวสติน่าไม่ต่างจากสัตว์
ไซเนป, นัวร์, ฮุสเซนและอาลี
ฮุสเซนผู้เป็นพ่อเป็นชายชราที่ให้ท้ายลูกสาวมาก…..
ฟาวสติน่าต้องนอนอยู่ในครัวบนโซฟาเก่าๆโดยไม่มีห้องกั้นหลังจากทำงานไปไม่กี่เดือนเจ้านายก็ไม่จ่ายเงินตรงตามเวลา….. แถมงานที่ฟาวสติน่าได้รับยังหนักมาก เธอนอนตีสองทุกวันและตื่นตีห้าให้ห้องครัว มาดามผู้เป็นภรรยาของเจ้านายพูดได้แต่ภาษาอาหรับในขณะที่ฟาวสติน่าพูดได้แต่อังกฤษและฟังภาษาอาหรับแทบไม่กระดิกหู คุณนายมักใช้คำพูดหยาบคายและดุด่าเธอเสมอเพราะสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจในขณะที่อาลีลูกชายคนโตพยามทำอานาจารฟาวสติน่า…… มีครั้งหนึ่งที่เขาบอกให้เธอไปหยิบของใต้เตียงในห้องนอนของเขาและแอบจับก้นของเธอเมื่อเธอก้ม ครั้นพอเธอหันหลังก็พบลูกชายของนายจ้างในสภาพเปลือยกาย ครั้งนั้นเธอพยามหนีและทำเฉยๆไม่ได้บอกให้นายผู้ใหญ่ทราบเพราะรู้ว่าบอกไปก็ไม่มีใครเชื่อแถมจะโดนด่าเอาอีก…..
อาลีลูกชายจอมหืน
อาลีลูกชายของนายจ้างก็พยามลวนลามเธออีกแต่เขาไม่ข่มขืนเธอแต่เสนอเงินให้เธอถ้าเธอยอมมีเพศสัมพันธ์กับเขา…. แต่ฟาวสติน่าอายุแค่23เธอเป็นสาวพรหมจรรย์และยังไม่เคยมีแฟนเธอจึงกลัวเรื่องแบบนี้และไม่สามารถยอมมีอะไรกับเขาได้จึงได้แต่พยามหนีเขาเวลาเขาเข้าใกล้ จนในที่สุดอาลีก็ล้มเลิกความตั้งใจและพฤติกรรมเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเย็นชาต่อเธอ
นัวร์ลูกสาวใจร้าย
ในขณะที่นัวร์ลูกสาวคนที่3ของบ้านที่พ่อรักและตามใจมากสุดเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองถ้าฟาวสติน่ารับใช้เธอไม่ทันไม่ถูกใจนัวร์ก็จะทุบเธอจากด้านหลัง มีอยู่ทีหนึ่งที่ฟาวสติน่าโต้ตอบและผลักนัวร์เพราะนัวร์ทุบที่หัวฟาวสติน่าหลายครั้งรัวๆ…… นัวร์จึงไปฟ้องพ่อของเธอหลังจากที่ฮุสเซนผู้เป็นพ่อกลับมาจากทำงาน เขาโกรธมากและบรรดาลโทษะเมื่อรู้ว่าฟาวสติน่าผลักลูกสาวของเขาเขาจึงทั้งเตะทั้งชกหน้าของฟาวสติน่าจนน่วมเธอบาดเจ็บทำงานไม่ได้….. พอเธอทรุด
นัวร์ก็ซ้ำเธอคืนโดยการเอารองเท้าส้นสูงฟาดไปที่ขาซ้ายและขวาของฟาวสติน่า
รีมลูกสาวคนเล็กผู้เลือดเย็น
ในขณะที่รีมลูกสาวคนเล็กมักวางตัวกร่างใส่ฟาวสติน่า
เธอมักทำเฉยไม่ห้ามพ่อแม่พี่น้องที่ทำร้ายฟาวสติน่า
และเธอจะชอบแกล้งขโมยโทรศัพท์มือถือของฟาวสตีน่าเพื่อห้ามไม่ให้ฟาสติน่าติดต่อกับใครหลังจากการทะเลาะและโดนตบตีลงไม้ลงมือบ่อยครั้งฟาวสติน่าได้วิงวอนกับครอบครัวนายจ้างว่าเธอขอลาออก แต่พวกเขาบอกกับเธอว่าถ้าจะลาออกเธอต้องจ่ายเงินค่านายหน้าที่ทางครอบครัวอาหรับครอบครัวนี้ได้จ่ายให้บริษัทนายหน้าไปแล้วคิดเป็นเงินถึง2000ดอลล่าซึ่งฟาวสติน่าไม่มีเงินคืนให้แต่เธอก็เอาแต่ร้องไห้และไม่ทนทำงานอีกต่อไปไม่ว่าพวกเขาจะทุบตีเธอให้ตายก็ตาม….
ในที่สุดฮุสเซนผู้เป็นพ่อของครอบครัวนี้จึงตัดสินใจเคลียร์ปัญหาโดยการลากฟาวสติน่าไปคุยกับเอเย่นที่บริษัทจัดหาแม่บ้านประจำตระกูล…… ที่สำนักงานของเอเย่นฟาวสติน่าได้พบเด็กสาวชาวเคนย่าเช่นเธออีกสองคนและเด็กสาวชาวเอธิโอเปียอีก1คนที่ต่างก็โดนเจ้านายทำร้ายร่างกายทุบตีอย่างหนักจนต้องถูกส่งมาขอเปลี่ยนตัวแม่บ้านใหม่กับทางบริษัท
ในระหว่างที่ฟาวติน่าถูกส่งเข้าคุยตกลงกับเอเย่น
อาลี กามาล ของบริษัทโดยลำพังเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องเงินค่านายหน้าและการลาออก….. เธอกลับโดนเอเย่นของบริษัทกระชากคอเสื้อเธอยกขึ้นและใช้เก้าอี้ฟาดไปที่หลังของเธอจนเธอล้ม….. ก่อนที่จะตะคอกเธอว่าเธอไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องใดๆที่ประเทศนี้มันเป็นแบบนี้นายจ้างมีศักดิ์ศรีสูงกว่าเธอเป็นลูกจ้างก็ต้องทน และการที่เธอเรื่องมากทะเลาะกับนายจ้างจะทำให้เขาต้องเสียเงินค่านายหน้าคืนให้ครอบครัวเจ้านายของเธอ และในที่สุดทั้งเอเย่นและครอบครัวนายจ้างก็หาข้อสรุปกับเรื่องนี้
เอเย่นบอกว่าตกลงจะส่งเธอกลับบ้านในเดือนมีนาแต่ระหว่าง
มกราและกุมพาเธอจะต้องทำงานให้ครอบครัวนายจ้างฟรีเพื่อที่พวกเขาจะจ่ายเงินซื้อตั๋วเครื่องบินให้เธอกลับซึ่งฟาวสติน่ายอมตกลงตามข้อเสนอเพราะเป็นความหวังเดียวที่พอจะหนีไปจากที่นั้นได้แต่แล้วในเดือนมีนาเธอก็ยังไม่ได้กลับบ้านตามตกลงแต่ถูกนายจ้างลากกลับไปที่สำนักงาน
เอเย่นอีกครั้ง พวกเขากล่าวหาว่าเธอขโมยสร้อยเพชรของคุณนายโมนาและทำลายพาสฟอร์ตของเธอและข่มขู่ว่าจะไปแจ้งตำรวจและในประเทศอาหรับเธอจะติดคุกถึง10ปีทำให้ฟาวสติน่ายังคงหลุดไปจากวงจรนรกนี้ไม่ได้ เธอจึงต้องยอมกลับไปยังนรกที่บ้านนายจ้างอีกครั้งพร้อมน้ำตาถูกทำร้ายร่างกายซ้ำๆซากๆและถูกลวนลามทางเพศโดยอาลีลูกชายของเจ้านาย เด็กสาวได้พยามแอบติดต่อครอบครัวทางอินเตอร์เน็ตและยังโทรติดต่อไปยังหน่วยงานที่นี้เลบานอน (ซึ่งช่วยเหลือแรงงานที่โดนเอาเปรียบและทำร้าย) เธออัดคลิปเสียงเรื่องราวต่างๆให้เจ้าหน้าที่ แต่ปัญหาคือฟาวสติน่าไม่สามารถบอกที่อยู่บ้านของเจ้านายให้เจ้าหน้าที่ได้แน่ชัด เนื่องจากเธอแทบจะไม่เคยออกไปไหนเลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ที่เธออยู่เรียกว่าอะไร….. ทำให้ทางเจ้าหน้าที่พยามติดต่อเอเย่นของเธอที่เป็นคนดำท้องถิ่นในเคนย่า นาย แอนดรู แม็คคาที ที่ประสานพาเธอมาที่เลบานอนแต่เขาก็พยามปกปิดเรื่องราวของเธอทั้งกับครอบครัวของเธอที่เคนย่าด้วยจนกว่าสำนักข่าวอัลจาซีร่าจะได้เข้ามาสืบหาความจริงกับเรื่องนี้มันก็สายเกินไป
ภาพฟาวสติน่าตกตึก
ทางครอบครัวของนายจ้างได้ให้สำภาทย์กับนักข่าวว่าพวกเขาเป็นคนของพระเจ้าและเป็นผู้เกรงกลัวบาปไม่มีทางทำร้าย
ฟาวสติน่าเป็นอันขาดแต่หลักฐานต่างๆก็ยืนยันว่าไม่จริง เพราะฟาวสติน่าได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยภาพถ่าย ตา แขน ขา ที่บาดเจ็บที่เธอเคยส่งให้ครอบครัวทางอินเตอร์เน็ตซึ่งไม่ง่ายเลยเพราะเธอโดนริบโทรศัพท์..... ทางครอบครัวของ
ฟาวสติน่าในเคนย่าได้ให้การว่าฟาวสติน่าพยามติดต่อในโทรศัพท์และเคยบอกตั้งแต่เดือนมกราแล้วว่าอยากจะกลับบ้านทันทีตั้งแต่ตอนที่โดนทำร้ายจึงไม่เป็นความจริงเลยที่ครอบครัวนายจ้างบอกว่าเธอยอมตกลงอยู่ต่อแม้กระทั้งเลยเดือนมีนาจนถึงกรกฏาคมจนในที่สุดหลังการอัดคลิปเสียงครั้งสุดท้ายพร้อมน้ำตาและบอกพิกัตที่อยู่ของเธอแก่หน่วยงานที่นี้เลบานอนได้ไม่กี่วันฟาวสติน่าก็เสียชีวิต คนพบร่างของเธอที่ตกลงมาจากตึกของคอนโดมีเนียมและเสียชีวิตบริเวณลานจอดรถของคอนโดที่ครอบครัวนายจ้างอยู่ ทุกวันนี้ยังเป็นปริศนาว่าที่เธอตายนั้นเป็นเพราะการฆ่าตัวตายหรือเพราะมีใครฆาตรกรรมเธอ
ทุกวันนี้เจ้านายในภาพก็ไม่ติดคุกยังใช้ชีวิตปกติอย่างหน้าด้านๆรวมทั้งยังมีFBอีกด้วย