สวัสดีค่ะตอนนี้เราทำงานเป็น Recruiter หรือเจ้าหน้าที่สรรหาอยู่ที่บริษัทจัดหางานที่นึงนะคะ หน้าที่หลักของเราก็คือการหาคนให้ได้ตามเป้าของบริษัทในแต่ละเดือนค่ะ ซึ่งเอาจริงๆเราก็ไม่เคยทำได้ตามเป้าเขาเลยมากสุดก็เฉียดๆเพราะยอดมันสูงมากแล้วตัวเราเองก็ไม่ใช่คนเก่งขนาดนั้น บริษัทคู่แข่งก็เยอะ + ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเจ้านายมากพอที่จะช่วยหาช่องทางในการหาคนให้ได้เยอะขึ้น (ว่าง่ายๆคือไม่ยอมลงทุนด้วยเม็ดเงินยิงแอดโฆษณาให้ค่ะ) คือมี Social Facebook Tiktok IG Line อะไรแบบนี้ตามปกติแต่ไม่ได้ยิงแอดเลยเพราะเขาบอกว่าเปลืองเงิน แล้วก็มีปัญหาจุกจิกอีกหลายๆอย่างไม่ว่าจะต้องทำหรือรับผิดชอบงานอื่นๆที่ดูจะห่างไกลกับตำแหน่งเรามากเกินไปหน่อย (อันนี้จะเล่าให้ฟังตอนท้ายค่ะถ้าใครอยากอ่าน) แต่เราก็ยังไม่มีเป้าหมายจะลาออกอย่างชัดเจนจนกระทั้ง ... Marketing คนเก่าลาออกๆไปแล้วมี Marketing คนใหม่เข้ามา ...
คือเขาเป็นกระเทยที่แปลงเพศมาแล้วค่ะ Marketing คนนี้เด็กกว่าเราประมาณ 5 ปีได้ทางนั้นอายุ 24 เรา 29 ค่ะ แต่เรารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเลย คือแบบแค่เจอครั้งแรกๆก็ไม่ถูกชะตาแล้วด้วยอะไรหลายๆอย่างดังนี้
- เวลาที่คุยกันในห้องประชุมแล้วเขาพูดถึงคำศัพท์หรืออะไรลึกๆเชิง Marketing ที่เราไม่เข้าใจละพอเราถามเขาๆก็หันมามองแบบเหยียดๆ อารมณ์แบบแค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ แล้วก็ตอบว่าไม่ใช่ค่ะแบบเบาๆแล้วก็ทำท่าเหมือนจะหันหน้าหนี แล้วก็อธิบายต่อเหมือนคนไม่เต็มใจอธิบาย
- คือช่วงนี้มันเป็นช่วงเปลี่ยนกระบวนการทำงานหลายๆอย่างค่ะ แล้วพอเราทำงานผิดเขาก็ชอบพิมพ์มาใน LINE กลุ่มเหมือนประจาน ซึ่งบางอย่างอ่ะ มันสามารถพิมพ์กันส่วนตัวได้หรือว่าเรียกกันได้เพราะ Marketing คนเก่าเขาก็เรียกเราไปคุยไปถามเหมือนปกติเวลามีอะไร ยกเว้นอะไรที่มันมีรายละเอียดมากๆจะพิมพ์ในไลน์ค่ะ แต่ในทางกลับกันอะไรที่สามารถพูดกับเราโดยตรงหรือควรส่งมาหาเราโดยตรงได้ก็ใช้ให้คนอื่นส่งมาแต่ไม่ส่งให้เราเอง เช่น ตารางแพลนโพสต่างๆในเพจที่เราต้องโพสตาม Concept เขา
- เวลาเขาเดินชนเก้าอี้เราๆก็หันไปมองหน้าเขาๆก็หันหน้ามามองเรากลับ แต่สายตาที่เขามองกลับมามันเหมือนแบบมองกันแรงขนาดนี้ทำไมอ่ะ แล้วต้องทำไงต่อ ? แค่ชนแค่นี้เอง ซึ่งเราดูออกนะคะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจแกล้งเราแต่ฟิวเขาเหมือนฟิวคนไม่รู้ว่าการทำแบบนี้มันไม่โอเคอะ (คือโดยมารยาทปกติอ่ะค่ะ ถ้าเราเดินชนเก้าอี้คนอื่นมันก็ต้องขอโทษหน่อยไหมแต่นี่ไม่เลย)
- ล่าสุดเขาให้เรารับผิดชอบ IG ด้วย (เดิมทีเรารับผิดชอบเฉพาะ Facebook ค่ะพวก Tiktok Line Official อะไรแบบนี้น้องคนอื่นจะเป็นคนดู) แต่ใน IG อ่ะค่ะอย่างแรกเลยคือคนสมัครงานบริษัทเราเล่นน้อยทุกวันนี้คนยังตามไม่ถึง 50 คนเลยค่ะ แต่เขาอยากให้เราเอาโพสทุกโพสที่ลงใน Facebook เอาไปลงใน IG ด้วยทุกครั้ง ซึ่งตรงนี้เราต้องบอกก่อนค่ะว่า Facebook กับ IG เพจเรามันเชื่อมกันไม่ได้เห็นเขาบอกว่ามันเป็น Email หรือเบอร์โทรเก่าของคนที่ออกไปแล้วเลยทำให้เชื่อมไม่ได้หรืออะไรสักอย่าง สรุปถ้าจะลงโพสทุกโพสจาก Facebook มาลง IG จะต้อง Copy แล้ววางด้วยตัวเองเท่านั้นแล้วทีนี้เราก็นึกขึ้นได้ว่าบางทีมันจะมีวันหยุดนะ ซึ่งโดยปกติอะพวกวันหยุดต่างๆใน Facebook เราจะตั้งเวลาลงไว้แล้วพอวันที่หยุดจริงๆเราจะได้ไม่ต้องแหกตาตื่นตี 1 ตี 2 หรือต้องปลีกเวลาพักส่วนตัวมานั่งลงเราว่ามันน่าหงุดหงิดถึงจะใช้เวลาแปบเดียวก็เถอะ ทีนี้เราก็เลยถามกลับไปตรงๆว่าถ้างั้นก็หมายความว่าในวันหยุดเราก็ต้องตื่นมาลงหรือว่าปลีกเวลามานั่ง Copy แล้วโพสต์เองอีกทีนึงใช่ไหม เขาก็ตอบมาแบบหน้าตาเฉยว่าใช่ค่ะเพราะสำหรับเขาถ้า Facebook ตั้งลงเองอัตโนมัติไม่ได้เขาก็จะต้องลงด้วยมือตัวเองแบบ Realtime ในวันนั้นเหมือนกันเป็นเรื่องปกติที่คนอื่นทำ ... คราวนี้เราก็เริ่มตึงแล้วก็เงียบไปพี่ HR คนนึงในนั้นเขาก็เลยพูดแทรกขึ้นมาว่าถ้าอย่างนั้นลงล่วงหน้าไหมล่ะ เช่น วันพ่อเป็นวันพุธที่ 5 เราก็ลงเป็นวันอังคารที่ 4 แทนหรือปีใหม่เป็นวันพฤหัสบดีที่ 1 แต่เราทำงานวันสุดท้ายวันอังคารที่ 30 ก็ลงวันอังคารที่ 30 ไปเลยเพราะบางที่หรือสมัยก่อนที่ Facebook ยังตั้งเวลาลงไม่ได้หรือใครที่ตั้งเวลาลงไม่เป็นเขาก็ทำแบบนั้นคนส่วนใหญ่ก็เข้าใจแหละ แต่ Marketing คนนั้นก็มองหน้ากลับมาอารมณ์แบบแค่ปลีกเวลามาลงนิดเดียวมันก็ไม่เห็นเป็นไร ... จนพี่ HR บอกว่าเอาแบบนี้แหละ เผื่อเวลาลงผิดเราจะได้เห็นกันก่อนด้วยเขาถึงยอม (อาจจะเพราะเกรงใจพี่ HR เขาด้วย) คือเรารู้ว่าเขาเป็นพวก Perfectionist หรือว่าทำอะไรก็ต้องดีต้องเนี๊ยบนะเพราะ LGBT บางคนก็เป็นแบบนี้ ...
- อีกเรื่องเลยเขาชอบทำงานเกินเวลาค่ะหลักๆเลยคือเกินไปแบบครึ่งชั่วโมงถึงชั่วโมง (อันนี้เคยเห็นเองเพราะตอนนั้นงานเราไม่เสร็จพอดี + มีคนเล่าค่ะ) คือเอาจริงเขาอาจจะไม่ได้ชอบหรอกแต่คงอยากทำอะไรให้เสร็จสมบรูณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ละมั้ง เพราะตอนทำงานที่เก่าเราก็ทำงานเกินเวลาแบบอยากทำให้เสร็จเหมือนกันแต่ ... เราไม่มีสิทธิ์ไปบีบคนอื่นว่าเนี่ยทีฉันยังทำงานนอกเวลาได้เลยทีฉันยังทำงานวันหยุดได้เลย ไม่เห็นเป็นไรเลยคือ ... เราต้องยึดตาม Standard หรือว่าตามมาตราฐานเวลาปกติค่ะ สมมติเราทำงานร่วมกับคนอื่นแล้ววันนั้นงานเยอะใครๆก็ยังทำงานไม่เสร็จ ส่วนตัวเรามีสิทธิ์ที่จะอยู่ต่อหรือทำต่อในงานของเราที่ยังไม่เสร็จได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครได้ว่าให้อยู๋ทำต่อเดี๋ยวนี้ถึงแม้ว่างานส่วนนั้นเราจะต้องเอาไป Run ต่อก็ตามเพราะมันเลิกงานแล้ว (ยกเว้นหัวหน้าสั่งหรือคอขาดบาดตายจริงๆ ซึ่งในกรณีของเราตอนนี้เราขอพูดจากใจจริงเลยว่าเราไม่คิดว่ามันจะต้องทำขนาดนั้น)
******* สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวประกอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาจุกจิกคาราคาซังของงานเรานะคะ ถ้าใครรู้สึกว่ายาวไปข้ามไปอ่านบรรทัดสุดท้ายได้เลยค่ะ *******
คืองานเราอะค่ะมันเป็นงาน Recruiter หรือเจ้าหน้าที่สรรหาที่ต้องทำยอดใช่ไหมคะ แบบคืออย่างน้อยต่ำๆวันนึงต้องได้ 6-7 คนเราถึงจะได้ยอดตามเป้า เพราะฉะนั้นเวลามีค่าสำคัญสำหรับเรามากแต่ ... งานที่เป็นงานอื่นๆเพิ่มเติมที่เราได้รับมอบหมายมีดังนี้ค่ะ
- ต้องมาขายคอร์สอบรมของบริษัทอาทิตย์ละ 1 วันใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง (จริงๆเมื่อก่อนจะมีคนทำตรงนี้โดยเฉพาะค่ะ แต่ไปๆมาๆพอคนนั้นออกเขาก็มาให้เราที่เป็นแผนก Recruiter ทำ)
- ต้องมา Live สดแนะนำบริษัทและทำกิจกรรมร่วมสนุกกับคนใน Facebook ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (เมื่อก่อนก็มีคนทำตรงนี้โดยเฉพาะเช่นกันค่ะ แต่พอเขาออกก็กลายเป็นแผนกเราที่ต้องทำ)
- บริษัทเราจะมีเพจ Facebook อยู่ 2 เพจนะคะ เพจอันนึงเป็นของนายจ้างและเพจอันนึงเป็นเพจสมัครงาน ในเพจของนายจ้างเนี้ยเซลล์จะมีหน้าที่แค่ไปตอบข้อความนายจ้างตาม Inbox หรือคอมเม้นใต้โพสเพื่อติดต่อไปรับเคส แต่ไม่ได้มีหน้าที่คิดคอนเทนต์ความรู้สาระสำคัญลงเพจ หรือคิดเนื้อหาโพสต่างๆลงในเพจว่าควรจะโพสอะไรบ้างเพื่อเชิญชวนนายจ้างให้สนใจมาจ้างคนกับบริษัทเรายังไงดีเพราะตรงนั้นคือหน้าที่ของ Marketing แต่ของเราในส่วนของเพจรับสมัครงานเราต้องเป็นคนคิดทั้งหมดว่าจะต้องโพสคอนเทนต์อะไรบ้างให้คนสนใจ ต้องไปหาเทคนิคความรู้ย่อยๆของแต่ละสายอาชีพที่เราเปิดรับสมัคร เช่น เคล็ดลับการเช็คสภาพรถของพนักงานขับรถ เทคนิคการกำจัดกลิ่นอับในบ้านของแม่บ้าน วิธีการอุ้มเด็กต่างๆของพี่เลี้ยง อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุอะไรแบบนี้แล้วก็ต้องคิดคำพูดแคปชั่นต่างๆเองทั้งหมดพร้อมกับลงโพสเอง ตอบ Inbox และโพสทุกอันเอง ไม่ใช่แค่จั่วหัวคร่าวๆให้แล้วจบ ทาง Marketing หรือ กราฟฟิคดีไซน์มีหน้าที่แค่ออกแบบทำในส่วนของรูปภาพประกอบ + เอาคำพูดเราไปใส่ในรูปเท่านั้นเลย
- เราต้องออกแบบรหัสงานให้เซลล์ คือในงานๆนึงมันจะมีรายละเอียดงานอยู่ค่อนข้างเยอะใช่ไหมคะก็ต้องใส่รหัสงานให้ชื่องานสั้นลงหรือเพื่อค้นหาในระบบได้ง่ายขึ้นเราก็ต้องไปทำตรงนั้นไปออกแบบรหัสงานออกมาแล้วก็มานั่งติ๊กทีละข้อว่างานนั้นทำตำแหน่งอะไร ทำที่ไหน ต้องการคนทำอะไรได้บ้าง นายจ้างชื่ออะไร เบอร์โทรอะไร ซึ่งงานนึงใช้เวลาทำประมาณ 5 นาทีค่ะ (ซึ่งเอาจริงๆตำแหน่งนี้เคยมีคนทำค่ะแต่เขาลาออกไป + เราคิดว่าเซลล์ทำเองง่ายกว่านะเผื่อมีแก้ไขอะไรหลังจะได้แก้เองด้วย แต่เขาบอกว่าเซลล์บางคนไม่รู้ภาษาอังกฤษเดี๋ยวจะติ๊กไม่ถูกเพราะระบบบริษัทเราใช้ภาษาอังกฤษหมดค่ะและยุ่งมากพอแล้วเพราะต้องคุยกับนายจ้างและคนสมัครงานที่นายจ้างสนใจ)
- เขาไม่เสียเงินยิงโฆษณาตามช่องต่างๆให้เราแม้แต่ช่องเดียวมีตอนนึงเขาเคยใจอ่อนลองยิงให้ประมาณ 500-1000 บาทแล้วคนติดต่อมา 40 คนแต่คนที่สนใจและสมัครได้สำเร็จจริงมี 1-5 คนทั้งๆที่ตอนนั้นยิงไปใช้เวลาแค่ 1-2 อาทิตย์เอง เขาเลยบอกว่ายิงไปคนก็น้อยเหมือนเดิมงั้นไม่ยิงดีกว่า
- บริษัทเรามันต้องมีเสียพวกค่านำส่งเอกสารตรวจสอบประวัติกับค่าอบรมเบื้องต้นประมาณ 200-400 บาทสำหรับแต่ละตำแหน่งและเงินที่เสียตรงนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าเขาจะได้งานไหมและไม่สามารถคืนเงินได้ ซึ่งถ้าคนได้งานก็โชคดีไปพอใจกับบริษัท แต่คนไม่ได้ก็จะเอาไปว่าไปบ่นให้คนอื่นมองว่าบริษัทเราไม่ดีสมัครงานแล้วไม่ได้งานค่ะ
******** ถ้าทุกคนเป็นเราทุกคนจะทำยังไงหรือจะวางตัวยังไงในระหว่างที่ยังอยู่ที่นี้ต่อคะ ? (ใจเราอยากออกสักมีนาคมหรือเมษายนปีหน้าค่ะระหว่างนี้ก็หางานไปก่อน) **********************
ถ้าทุกคนเจอเหตุการณ์ในที่ทำงานแบบนี้จะทำกันยังไงคะ ?
คือเขาเป็นกระเทยที่แปลงเพศมาแล้วค่ะ Marketing คนนี้เด็กกว่าเราประมาณ 5 ปีได้ทางนั้นอายุ 24 เรา 29 ค่ะ แต่เรารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเลย คือแบบแค่เจอครั้งแรกๆก็ไม่ถูกชะตาแล้วด้วยอะไรหลายๆอย่างดังนี้
- เวลาที่คุยกันในห้องประชุมแล้วเขาพูดถึงคำศัพท์หรืออะไรลึกๆเชิง Marketing ที่เราไม่เข้าใจละพอเราถามเขาๆก็หันมามองแบบเหยียดๆ อารมณ์แบบแค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ แล้วก็ตอบว่าไม่ใช่ค่ะแบบเบาๆแล้วก็ทำท่าเหมือนจะหันหน้าหนี แล้วก็อธิบายต่อเหมือนคนไม่เต็มใจอธิบาย
- คือช่วงนี้มันเป็นช่วงเปลี่ยนกระบวนการทำงานหลายๆอย่างค่ะ แล้วพอเราทำงานผิดเขาก็ชอบพิมพ์มาใน LINE กลุ่มเหมือนประจาน ซึ่งบางอย่างอ่ะ มันสามารถพิมพ์กันส่วนตัวได้หรือว่าเรียกกันได้เพราะ Marketing คนเก่าเขาก็เรียกเราไปคุยไปถามเหมือนปกติเวลามีอะไร ยกเว้นอะไรที่มันมีรายละเอียดมากๆจะพิมพ์ในไลน์ค่ะ แต่ในทางกลับกันอะไรที่สามารถพูดกับเราโดยตรงหรือควรส่งมาหาเราโดยตรงได้ก็ใช้ให้คนอื่นส่งมาแต่ไม่ส่งให้เราเอง เช่น ตารางแพลนโพสต่างๆในเพจที่เราต้องโพสตาม Concept เขา
- เวลาเขาเดินชนเก้าอี้เราๆก็หันไปมองหน้าเขาๆก็หันหน้ามามองเรากลับ แต่สายตาที่เขามองกลับมามันเหมือนแบบมองกันแรงขนาดนี้ทำไมอ่ะ แล้วต้องทำไงต่อ ? แค่ชนแค่นี้เอง ซึ่งเราดูออกนะคะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจแกล้งเราแต่ฟิวเขาเหมือนฟิวคนไม่รู้ว่าการทำแบบนี้มันไม่โอเคอะ (คือโดยมารยาทปกติอ่ะค่ะ ถ้าเราเดินชนเก้าอี้คนอื่นมันก็ต้องขอโทษหน่อยไหมแต่นี่ไม่เลย)
- ล่าสุดเขาให้เรารับผิดชอบ IG ด้วย (เดิมทีเรารับผิดชอบเฉพาะ Facebook ค่ะพวก Tiktok Line Official อะไรแบบนี้น้องคนอื่นจะเป็นคนดู) แต่ใน IG อ่ะค่ะอย่างแรกเลยคือคนสมัครงานบริษัทเราเล่นน้อยทุกวันนี้คนยังตามไม่ถึง 50 คนเลยค่ะ แต่เขาอยากให้เราเอาโพสทุกโพสที่ลงใน Facebook เอาไปลงใน IG ด้วยทุกครั้ง ซึ่งตรงนี้เราต้องบอกก่อนค่ะว่า Facebook กับ IG เพจเรามันเชื่อมกันไม่ได้เห็นเขาบอกว่ามันเป็น Email หรือเบอร์โทรเก่าของคนที่ออกไปแล้วเลยทำให้เชื่อมไม่ได้หรืออะไรสักอย่าง สรุปถ้าจะลงโพสทุกโพสจาก Facebook มาลง IG จะต้อง Copy แล้ววางด้วยตัวเองเท่านั้นแล้วทีนี้เราก็นึกขึ้นได้ว่าบางทีมันจะมีวันหยุดนะ ซึ่งโดยปกติอะพวกวันหยุดต่างๆใน Facebook เราจะตั้งเวลาลงไว้แล้วพอวันที่หยุดจริงๆเราจะได้ไม่ต้องแหกตาตื่นตี 1 ตี 2 หรือต้องปลีกเวลาพักส่วนตัวมานั่งลงเราว่ามันน่าหงุดหงิดถึงจะใช้เวลาแปบเดียวก็เถอะ ทีนี้เราก็เลยถามกลับไปตรงๆว่าถ้างั้นก็หมายความว่าในวันหยุดเราก็ต้องตื่นมาลงหรือว่าปลีกเวลามานั่ง Copy แล้วโพสต์เองอีกทีนึงใช่ไหม เขาก็ตอบมาแบบหน้าตาเฉยว่าใช่ค่ะเพราะสำหรับเขาถ้า Facebook ตั้งลงเองอัตโนมัติไม่ได้เขาก็จะต้องลงด้วยมือตัวเองแบบ Realtime ในวันนั้นเหมือนกันเป็นเรื่องปกติที่คนอื่นทำ ... คราวนี้เราก็เริ่มตึงแล้วก็เงียบไปพี่ HR คนนึงในนั้นเขาก็เลยพูดแทรกขึ้นมาว่าถ้าอย่างนั้นลงล่วงหน้าไหมล่ะ เช่น วันพ่อเป็นวันพุธที่ 5 เราก็ลงเป็นวันอังคารที่ 4 แทนหรือปีใหม่เป็นวันพฤหัสบดีที่ 1 แต่เราทำงานวันสุดท้ายวันอังคารที่ 30 ก็ลงวันอังคารที่ 30 ไปเลยเพราะบางที่หรือสมัยก่อนที่ Facebook ยังตั้งเวลาลงไม่ได้หรือใครที่ตั้งเวลาลงไม่เป็นเขาก็ทำแบบนั้นคนส่วนใหญ่ก็เข้าใจแหละ แต่ Marketing คนนั้นก็มองหน้ากลับมาอารมณ์แบบแค่ปลีกเวลามาลงนิดเดียวมันก็ไม่เห็นเป็นไร ... จนพี่ HR บอกว่าเอาแบบนี้แหละ เผื่อเวลาลงผิดเราจะได้เห็นกันก่อนด้วยเขาถึงยอม (อาจจะเพราะเกรงใจพี่ HR เขาด้วย) คือเรารู้ว่าเขาเป็นพวก Perfectionist หรือว่าทำอะไรก็ต้องดีต้องเนี๊ยบนะเพราะ LGBT บางคนก็เป็นแบบนี้ ...
- อีกเรื่องเลยเขาชอบทำงานเกินเวลาค่ะหลักๆเลยคือเกินไปแบบครึ่งชั่วโมงถึงชั่วโมง (อันนี้เคยเห็นเองเพราะตอนนั้นงานเราไม่เสร็จพอดี + มีคนเล่าค่ะ) คือเอาจริงเขาอาจจะไม่ได้ชอบหรอกแต่คงอยากทำอะไรให้เสร็จสมบรูณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ละมั้ง เพราะตอนทำงานที่เก่าเราก็ทำงานเกินเวลาแบบอยากทำให้เสร็จเหมือนกันแต่ ... เราไม่มีสิทธิ์ไปบีบคนอื่นว่าเนี่ยทีฉันยังทำงานนอกเวลาได้เลยทีฉันยังทำงานวันหยุดได้เลย ไม่เห็นเป็นไรเลยคือ ... เราต้องยึดตาม Standard หรือว่าตามมาตราฐานเวลาปกติค่ะ สมมติเราทำงานร่วมกับคนอื่นแล้ววันนั้นงานเยอะใครๆก็ยังทำงานไม่เสร็จ ส่วนตัวเรามีสิทธิ์ที่จะอยู่ต่อหรือทำต่อในงานของเราที่ยังไม่เสร็จได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปบังคับใครได้ว่าให้อยู๋ทำต่อเดี๋ยวนี้ถึงแม้ว่างานส่วนนั้นเราจะต้องเอาไป Run ต่อก็ตามเพราะมันเลิกงานแล้ว (ยกเว้นหัวหน้าสั่งหรือคอขาดบาดตายจริงๆ ซึ่งในกรณีของเราตอนนี้เราขอพูดจากใจจริงเลยว่าเราไม่คิดว่ามันจะต้องทำขนาดนั้น)
******* สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวประกอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาจุกจิกคาราคาซังของงานเรานะคะ ถ้าใครรู้สึกว่ายาวไปข้ามไปอ่านบรรทัดสุดท้ายได้เลยค่ะ *******
คืองานเราอะค่ะมันเป็นงาน Recruiter หรือเจ้าหน้าที่สรรหาที่ต้องทำยอดใช่ไหมคะ แบบคืออย่างน้อยต่ำๆวันนึงต้องได้ 6-7 คนเราถึงจะได้ยอดตามเป้า เพราะฉะนั้นเวลามีค่าสำคัญสำหรับเรามากแต่ ... งานที่เป็นงานอื่นๆเพิ่มเติมที่เราได้รับมอบหมายมีดังนี้ค่ะ
- ต้องมาขายคอร์สอบรมของบริษัทอาทิตย์ละ 1 วันใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง (จริงๆเมื่อก่อนจะมีคนทำตรงนี้โดยเฉพาะค่ะ แต่ไปๆมาๆพอคนนั้นออกเขาก็มาให้เราที่เป็นแผนก Recruiter ทำ)
- ต้องมา Live สดแนะนำบริษัทและทำกิจกรรมร่วมสนุกกับคนใน Facebook ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (เมื่อก่อนก็มีคนทำตรงนี้โดยเฉพาะเช่นกันค่ะ แต่พอเขาออกก็กลายเป็นแผนกเราที่ต้องทำ)
- บริษัทเราจะมีเพจ Facebook อยู่ 2 เพจนะคะ เพจอันนึงเป็นของนายจ้างและเพจอันนึงเป็นเพจสมัครงาน ในเพจของนายจ้างเนี้ยเซลล์จะมีหน้าที่แค่ไปตอบข้อความนายจ้างตาม Inbox หรือคอมเม้นใต้โพสเพื่อติดต่อไปรับเคส แต่ไม่ได้มีหน้าที่คิดคอนเทนต์ความรู้สาระสำคัญลงเพจ หรือคิดเนื้อหาโพสต่างๆลงในเพจว่าควรจะโพสอะไรบ้างเพื่อเชิญชวนนายจ้างให้สนใจมาจ้างคนกับบริษัทเรายังไงดีเพราะตรงนั้นคือหน้าที่ของ Marketing แต่ของเราในส่วนของเพจรับสมัครงานเราต้องเป็นคนคิดทั้งหมดว่าจะต้องโพสคอนเทนต์อะไรบ้างให้คนสนใจ ต้องไปหาเทคนิคความรู้ย่อยๆของแต่ละสายอาชีพที่เราเปิดรับสมัคร เช่น เคล็ดลับการเช็คสภาพรถของพนักงานขับรถ เทคนิคการกำจัดกลิ่นอับในบ้านของแม่บ้าน วิธีการอุ้มเด็กต่างๆของพี่เลี้ยง อาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุอะไรแบบนี้แล้วก็ต้องคิดคำพูดแคปชั่นต่างๆเองทั้งหมดพร้อมกับลงโพสเอง ตอบ Inbox และโพสทุกอันเอง ไม่ใช่แค่จั่วหัวคร่าวๆให้แล้วจบ ทาง Marketing หรือ กราฟฟิคดีไซน์มีหน้าที่แค่ออกแบบทำในส่วนของรูปภาพประกอบ + เอาคำพูดเราไปใส่ในรูปเท่านั้นเลย
- เราต้องออกแบบรหัสงานให้เซลล์ คือในงานๆนึงมันจะมีรายละเอียดงานอยู่ค่อนข้างเยอะใช่ไหมคะก็ต้องใส่รหัสงานให้ชื่องานสั้นลงหรือเพื่อค้นหาในระบบได้ง่ายขึ้นเราก็ต้องไปทำตรงนั้นไปออกแบบรหัสงานออกมาแล้วก็มานั่งติ๊กทีละข้อว่างานนั้นทำตำแหน่งอะไร ทำที่ไหน ต้องการคนทำอะไรได้บ้าง นายจ้างชื่ออะไร เบอร์โทรอะไร ซึ่งงานนึงใช้เวลาทำประมาณ 5 นาทีค่ะ (ซึ่งเอาจริงๆตำแหน่งนี้เคยมีคนทำค่ะแต่เขาลาออกไป + เราคิดว่าเซลล์ทำเองง่ายกว่านะเผื่อมีแก้ไขอะไรหลังจะได้แก้เองด้วย แต่เขาบอกว่าเซลล์บางคนไม่รู้ภาษาอังกฤษเดี๋ยวจะติ๊กไม่ถูกเพราะระบบบริษัทเราใช้ภาษาอังกฤษหมดค่ะและยุ่งมากพอแล้วเพราะต้องคุยกับนายจ้างและคนสมัครงานที่นายจ้างสนใจ)
- เขาไม่เสียเงินยิงโฆษณาตามช่องต่างๆให้เราแม้แต่ช่องเดียวมีตอนนึงเขาเคยใจอ่อนลองยิงให้ประมาณ 500-1000 บาทแล้วคนติดต่อมา 40 คนแต่คนที่สนใจและสมัครได้สำเร็จจริงมี 1-5 คนทั้งๆที่ตอนนั้นยิงไปใช้เวลาแค่ 1-2 อาทิตย์เอง เขาเลยบอกว่ายิงไปคนก็น้อยเหมือนเดิมงั้นไม่ยิงดีกว่า
- บริษัทเรามันต้องมีเสียพวกค่านำส่งเอกสารตรวจสอบประวัติกับค่าอบรมเบื้องต้นประมาณ 200-400 บาทสำหรับแต่ละตำแหน่งและเงินที่เสียตรงนี้ก็ไม่ได้การันตีว่าเขาจะได้งานไหมและไม่สามารถคืนเงินได้ ซึ่งถ้าคนได้งานก็โชคดีไปพอใจกับบริษัท แต่คนไม่ได้ก็จะเอาไปว่าไปบ่นให้คนอื่นมองว่าบริษัทเราไม่ดีสมัครงานแล้วไม่ได้งานค่ะ
******** ถ้าทุกคนเป็นเราทุกคนจะทำยังไงหรือจะวางตัวยังไงในระหว่างที่ยังอยู่ที่นี้ต่อคะ ? (ใจเราอยากออกสักมีนาคมหรือเมษายนปีหน้าค่ะระหว่างนี้ก็หางานไปก่อน) **********************