Noble แจงกำไร Q1 ปี 2563 ได้กำไรสุทธิ 410.9 ล้านบาท รายได้ลดลงจากปีที่แล้ว 68%
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ประกาศกําไรสุทธิสําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 จํานวน 410.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 68.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
รายได้รวม
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมจํานวน 2,168.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ ไม่มีการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินรอการพัฒนา เมื่อ เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มีรายได้จากการขายที่ดินรอการพัฒนาจํานวน 1,682.9 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จํานวน 2,083.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีต้นทุนจากการขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จํานวน 1,228.7 ล้านบาท หรือคิด เป็นร้อยละ 56.7 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 21.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากไม่มีการขายที่ดินรอ การพัฒนาในไตรมาส 1 ปี 2563 )
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจํานวน 330.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.2 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ โอนกรรมสิทธิ์และค่าภาษีธุรกิจเฉพาะที่ลดลง โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายและการให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2563 เท่ากับ 196.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.1 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.0 ของรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2562 และ ค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 133.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.2 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.0 ของรายได้รวม ในไตรมาส 1 ปี 2562 บาท
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีกําไรขั้นต้นรวมจํานวน 858.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 59.0 เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และมีอัตรากําไรขั้นต้นรวมร้อยละ 40.5 ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มีอัตราร้อยละ 57.1 เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ ไม่มีการรับรู้รายได้จากที่ดินรอการพัฒนา เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มี สัดส่วนการรับรู้รายได้จากที่ดินรอการพัฒนาซึ่งมีอัตรากําไรขั้นต้นค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้บริษัทฯ มีอัตรากําไรขั้นต้นจากคอนโด มีเนียมและแนวราบในไตรมาส 1 ปี 2563 อยู่ที่อัตราร้อยละ 41.0 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มีอัตราร้อยละ 37.4
ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 2.73 เท่า ลดลงจาก 2.95 เท่าจากสิ้นปี 2561 แต่ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่สะท้อนเสถียรภาพทางการเงินที่แท้จริงของบริษัท ฯ เนื่องจากหนี้สินรวมรวมถึงหนี้สินที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย อาทิเช่น เงินมัดจําจากลูกค้า ดังนั้นอัตราส่วนที่สามารถสะท้อน เสถียรภาพทางการเงินที่แท้จริงคือ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น โดย ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.42 เท่า ลดลงจาก 1.58 เท่าจากสิ้นปี 2562 สาเหตุหลักมาจากการชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันทางการเงิน รวมถึงส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากกําไร สะสม ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงดํารงอัตราส่วนทางการเงินได้ตามที่กําหนดไว้ในกรณีที่ออกตราสารหนี้ (เงินกู้และหุ้นกู้) กล่าวคือ กําหนดให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่เกิน 2.5 เท่า
โดยสรุปแล้วแม้สถานการณ์ในประเทศและโดยรวมจะอยู่ในช่วงภาวะตรึงเครียด แต่บริษัทก็ยังคงมีกำไรอยู่แม้ในภาวะแบบนี้ก็ต้องรอลุ้นกันต่อนะครับว่าในไตรมาสถัดๆไป บริษัทจะทำผลประกอบการได้กำไรเท่าไรบ้าง ถ้าชอบใจฝากกด Like กดShare เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
รับชม content ทั้งหมดที่
https://www.youtube.com/channel/UCSq-ymhgsUgV-LaQNF6L5gg
รับฟังข่าวอสังหาบน Podcast
https://open.spotify.com/show/575u7WB8s8yb6kcRqnkRG5?si=hZoMdOE0SQiHxc5lMqXv_A
Website:
http://gurulivingth.com/
#gurutalk #หุ้น #หุ้นอสังหาริมทรัพย์ #วิเคราะห์หุ้นอสังหา #หุ้นอสังหา #หุ้นบ้าน #หุ้นโครงการ #หุ้นคอนโด #NOBLE #หุ้นNOBLE #โนเบิลดีเวลลอปเมนท์
Noble แจงกำไร Q1 ปี 2563 ได้กำไรสุทธิ 410.9 ล้านบาท รายได้ลดลงจากปีที่แล้ว 68%
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ประกาศกําไรสุทธิสําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 จํานวน 410.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 68.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
รายได้รวม
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวมจํานวน 2,168.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลา เดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ ไม่มีการรับรู้รายได้จากการขายที่ดินรอการพัฒนา เมื่อ เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มีรายได้จากการขายที่ดินรอการพัฒนาจํานวน 1,682.9 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จํานวน 2,083.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีต้นทุนจากการขายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จํานวน 1,228.7 ล้านบาท หรือคิด เป็นร้อยละ 56.7 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 21.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากไม่มีการขายที่ดินรอ การพัฒนาในไตรมาส 1 ปี 2563 )
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจํานวน 330.1 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.2 ของรายได้รวม ลดลงร้อยละ 11.2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการ โอนกรรมสิทธิ์และค่าภาษีธุรกิจเฉพาะที่ลดลง โดยมีค่าใช้จ่ายในการขายและการให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2563 เท่ากับ 196.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9.1 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.0 ของรายได้รวมในไตรมาส 1 ปี 2562 และ ค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 133.8 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6.2 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.0 ของรายได้รวม ในไตรมาส 1 ปี 2562 บาท
สําหรับไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ มีกําไรขั้นต้นรวมจํานวน 858.9 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 59.0 เมื่อเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และมีอัตรากําไรขั้นต้นรวมร้อยละ 40.5 ลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มีอัตราร้อยละ 57.1 เนื่องจากในไตรมาส 1 ปี 2563 บริษัทฯ ไม่มีการรับรู้รายได้จากที่ดินรอการพัฒนา เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มี สัดส่วนการรับรู้รายได้จากที่ดินรอการพัฒนาซึ่งมีอัตรากําไรขั้นต้นค่อนข้างสูง แต่ทั้งนี้บริษัทฯ มีอัตรากําไรขั้นต้นจากคอนโด มีเนียมและแนวราบในไตรมาส 1 ปี 2563 อยู่ที่อัตราร้อยละ 41.0 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2562 ที่มีอัตราร้อยละ 37.4
ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 2.73 เท่า ลดลงจาก 2.95 เท่าจากสิ้นปี 2561 แต่ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่สะท้อนเสถียรภาพทางการเงินที่แท้จริงของบริษัท ฯ เนื่องจากหนี้สินรวมรวมถึงหนี้สินที่ไม่มีภาระดอกเบี้ย อาทิเช่น เงินมัดจําจากลูกค้า ดังนั้นอัตราส่วนที่สามารถสะท้อน เสถียรภาพทางการเงินที่แท้จริงคือ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น โดย ณ สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 1.42 เท่า ลดลงจาก 1.58 เท่าจากสิ้นปี 2562 สาเหตุหลักมาจากการชําระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันทางการเงิน รวมถึงส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากกําไร สะสม ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงดํารงอัตราส่วนทางการเงินได้ตามที่กําหนดไว้ในกรณีที่ออกตราสารหนี้ (เงินกู้และหุ้นกู้) กล่าวคือ กําหนดให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่เกิน 2.5 เท่า
โดยสรุปแล้วแม้สถานการณ์ในประเทศและโดยรวมจะอยู่ในช่วงภาวะตรึงเครียด แต่บริษัทก็ยังคงมีกำไรอยู่แม้ในภาวะแบบนี้ก็ต้องรอลุ้นกันต่อนะครับว่าในไตรมาสถัดๆไป บริษัทจะทำผลประกอบการได้กำไรเท่าไรบ้าง ถ้าชอบใจฝากกด Like กดShare เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
รับชม content ทั้งหมดที่
https://www.youtube.com/channel/UCSq-ymhgsUgV-LaQNF6L5gg
รับฟังข่าวอสังหาบน Podcast
https://open.spotify.com/show/575u7WB8s8yb6kcRqnkRG5?si=hZoMdOE0SQiHxc5lMqXv_A
Website: http://gurulivingth.com/
#gurutalk #หุ้น #หุ้นอสังหาริมทรัพย์ #วิเคราะห์หุ้นอสังหา #หุ้นอสังหา #หุ้นบ้าน #หุ้นโครงการ #หุ้นคอนโด #NOBLE #หุ้นNOBLE #โนเบิลดีเวลลอปเมนท์