ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ในตอนนี้ทำให้หลายๆ คน รวมถึงเราอดเที่ยวกันไปยาวๆ เลย และคิดว่าหลายๆ คนคงคิดถึงญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย
วันนี้เราเลยจะมารีวิวทริปโตเกียว ที่ “ย่านอาซากุสะ” แบบทริป One Day รวมกิน ช้อป เที่ยว แบบจุใจกันไปเลย
เริ่มกันที่สถานีอาซากุระ ที่เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สายอาซากุระ และสายกินซ่า เชื่อมต่อกับย่านต่างๆ ตึกนี้คือตึกห้าง Matsuya ซึ่งชั้นใต้ดินเป็นสถานีอาซากุสะพอดี
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีอาซากุสะแล้ว ก็ขั้นไปที่ชั้นบนดินพร้อมเที่ยวกันเลย
ระหว่างรอติดไฟแดง ก็เจอรถลาดนักท่องเที่ยวผ่านหน้าพอดี
(ถ่ายไว้ตอนเย็นก่อนกลับนะคะ)
เมื่อออกมาจากอาคารแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งก็จะเข้ามาสู่ย่านร้านค้ามีหลังคากับ “ชินนาคามิเสะ SHIN-NAKAMISE” ภายในย่านนี้จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านของฝาก ร้านกาแฟ หรือ ร้าน DRUG STORE ต่างๆ มากมาย ซึ่งเมื่อเข้าซอยไปทันทีก็จะเจอร้านจำหน่ายกระเป๋าชื่อว่า “Ginza Life Asakusa” ที่สะดุดตาตั้งแต่ก่อนเข้าซอยเลย
และนี่ก็คือร้าน Ginza Life Asakusa ที่เราพูดถึงไปเมื่อกี้ ร้านนี้เป็นร้านจำหน่ายกระเป๋าทั้งร้าน เห็นพนักงานถือป้ายว่า 5,500 เยนสะดุดตาเชียวเราเลยเข้าไปดูในร้าน
ซึ่งร้านนี้จำหน่ายกระเป๋าโดยเฉพาะทุกใบราคา 5,500 เยนเท่านั้น รวมถึงกระเป๋าเดินทางที่เห็นเรียงอยู่เต็มหน้าร้าน พอดีว่ากระเป๋าเราเริ่มไม่พอแล้ว เลยกำลังหากระเป๋าเดินทางอยู่พอ วันก่อนไปย่านกินซ่าก็เจอร้านนี้เหมือนกันน่าจะเป็นอีกหนึ่งสาขาชื่อว่า Ginza Karen
ไม่น่าเชื่อเลยว่ากระเป๋าเดินทางทุกในราคา 5,500 เยนทั้งหมดทุกขนาด มีลายและสีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเลย ที่สำคัญคือกระเป๋าเดินทางของที่นี่ทุกใบ Made in Japan แหละ แม้แต่ชิ้นส่วนล้อก็ Made in Japan เริ่มสนใจมากขึ้น
ระหว่างที่เรากำลังเลือกดูๆ กระเป๋าเดินทางอยู่ ก็มีหลายกลุ่มมาขอเปิดดูกระเป๋าข้างใน เราเลยถือโอกาสนี้ขอดูบ้าง
ลองเข้าไปเปิดดูกระเป๋าเดินทางกันด้านในร้าน ข้างในก็ดูเลย ตัวล็อคก็เป็นแบบสากล ด้านในแบ่งช่อ
ทั้งสองด้านมีผ้าปิดกันเอาไว้ และมีสายรัดไม่ใส่ของกระจัดกระจาย ดูดีเลยล่ะ
พอเข้ามาด้านในก็เลยรู้ว่าที่ร้านยังมีสินค้าของ Anello ขายอยู่ด้วย ที่สำคัญมีแบบเยอะด้วย ทั้งสีทั้งลายทั้งแบบบางตัวเรายังไม่เคยเห็นที่อื่นเลย
ไม่รู้ว่าคนอื่นเลยเห็นรึเปล่า แต่ส่วนใหญ่เราจะรู้แค่พวกกระเป๋าเป้ของ Anello เท่านั้น ที่นี่นอกจากกระเป๋าเป้แล้วมีพวกกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าที่มีช่อ
ให้เสียบติดกับที่จับกระเป๋าเดินทางแบบนี้ด้วย
*สินค้า Anello ราคาตามป้าย แต่จำหน่ายในราคาลดพิเศษ
ที่นี่เป็น Tax-free Shop ด้วยเพราะฉะนั้นถ้ามียอดซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไปก็สามารถทำ Tax free 10% ได้เลย
กำลังจะได้กระเป๋าเดินทางแล้ว แต่ก็เกิดอยากได้ Anello ด้วย
ลังเลว่าจะเอาสีไหนดี สุดท้ายก็เลือกสีดำที่เป็นหนังทางด้านซ้ายมือมา ชอบเพราะตัวนี้เป็นหนังนี่แหละค่ะ เรียบหรู ดีดู แถมขนาดนี้ใส่ของได้เยอะด้วย
ระหว่างรอกระเป๋าตังค์ของเราจ่ายตังค์ให้ 55 ก็เดินดูรอบๆ ร้าน ที่ร้านขายของฝากจากญี่ปุ่นด้วย ทั้งพัดแบบพับลายญี่ปุ่น
หรือกระจกพกพาขนาดเล็กลายญี่ปุ่นแบบนี้
มีลายโคมที่ประตูคามินาริมง และตัวอักษรคันจิที่เขียนว่า “คามินาริมง” อีกด้วย
นอกจากของฝากแล้ว ก็มีนาฬิกาแบรนด์ดังขายอยู่ด้วย ส่วนลด 50% จากราคาแบรนด์ด้วย มีทั้งแบบ Automatic และแบบ Quartz เลย
นอกจากกระเป๋าเดินทางที่ทุกใบราคา 5,500 เยนแล้ว กระเป๋าแบบต่างๆ ในโซนนี้ทุกใบก็ราคา 5,500 เยนค่ะ ทั้งกระเป๋าถือเก๋ หรือกระเป๋าทำงานดูดี มีทั้งของคุณผู้หญิงและผู้ชาย
หลังจากได้กระเป๋าที่ต้องการแล้ว ก็เดินเที่ยวต่อกันเลย
ร้าน Drud Store ย่านนี้ก็มี
และเดินไปเรื่อยๆ ก็มีร้านเช่าชุดกิโมโนด้วยค่ะ ใส่ระหว่างเดินเที่ยวก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ มาทั้งทีจะได้ถ่ายรูปสวยๆ ด้วย
นอกจากแบบเช่าแล้ว ก็มีชุดยูกาตา (คล้ายกิโมโน แต่บางกว่า ใส่ช่วงหน้าร้อน หรืองานเทศกาลฤดูร้อน) ราคาก็ไม่แพงมากด้วย ซื้อไปเป็นที่ระลึกก็ไม่เลว
เดินในย่านชินนากามิเสะไปเรื่อยๆ ก็จะออกมาสู่ย่านร้านค้า “นาคามิเสะ”
แต่เราจะค่อยมาเดินย่านนี้กันที่หลังนะคะ ไปแวะเที่ยวที่อื่นกันก่อน เดินผ่านย่านนี้ไปทางประตูคามินาริมงกันค่ะ ตามทางในรูปเลย
เมื่อเดินไปจนสุดทาง ฝั่งตรงข้ามจะเห็นตึกหน้าตาแบบนี้ เราจะพาไปชมวิววัดเซ็นโซ พร้อมโตเกียวสกายทรีจากจุดชมวิวมุมสูง ที่ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว “ASAKUSA CULTURE TOURIST INFORMATION CENTER” นอกจากการบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ แล้วยังมีบริการ Wifi ฟรี ฯลฯ แล้วก็ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเปิดประสบการณ์สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นต่างๆ ได้ที่นี่อีกด้วย
ด้านในปกติแล้วนักท่องเที่ยวก็จะค่อนข้างแน่นแบบนี้เลย แน่นอนว่าสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่นี่เลย
ที่ชั้นบนบริเวณจุดชมวิวก็จะมีคาเฟ่ให้นั่งวิวด้วย
แนะนำว่าจากที่นี่นอกจากวิววัดเซ็นโซจิแล้ว ก็เห็นวิวโตเกียวสกายทรีที่อยู่ไม่ไกลจากย่านอาซากุสะด้วย
และหนึ่งในกิจกรรมสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นของที่นี่ก็คือ กิจกรรม “ASAKUSA GEISHA NO OZASHIKI ODORI” หรือ “การแสดงโอะซะชิกิ โอโดริ ของเกอิชา ในอาซากุสะ” เป็นกิจกรรมที่สามารถชมการระบำของ “เกอิชา” ตัวจริงได้แบบใกล้ชิด ซึ่งไม่ได้หาดูง่ายๆ นะคะ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพียง 2 ครั้งต่อปี ก็คือช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงช่วงฤดูร้อน และช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ละช่วงจะจัดเป็นระยะเวลา 15-20 วัน (อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี) และที่สำคัญกิจกรรมนี้สามารถเข้าชมได้ฟรี !
“ซะชิกิ โอโดริ” จัดขึ้นวันละ 2 รอบ เวลา 13:00 และ 14:30 เป็นระยะเวลา 30 นาที(รวมแล้วจะใช้เวลา 45 นาที)
การเข้าชมการแสดงซาชิกิจะเป็นระบบบัตรคิว จุคนได้ 85 คน+แบบยืน 30 คน ซึ่งจะเริ่มแจกบัตรคิวตั้งแต่เช้า 10 โมงครึ่ง ที่ด้านข้าง Information หากต้องการเข้าชมการแสดงแนะนำว่าให้รีบมาเอาบัตรคิวที่ “ASAKUSA CULTURE TOURIST INFORMATION CENTER” ก่อนแล้วระหว่างรอก็สามารถเดินเที่ยว หรือทานอาหารรอการแสดงได้เลย
เยื้องๆ ศูนย์วัฒธรรมไปก็คือ แลนด์มาร์กที่เป็นไฮไลท์ของย่านอาซากุสะ นั้นก็คือประตูโคมสีแดงขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์ “ประตูคามินาริมง” นั่นเอง แต่ก่อนจะเข้าไปวัดเซ็นโซจิ เราจะไปทานอาหารกลางวันกัน
และตอนนี้เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ร้านเท็มปุระ “อากิมิสึ Akimitsu” โดยหันหน้าไปทางประตูคามินาริมงไปทางซ้ายมือ เดินตรงไปประมาณ 5 นาที ก็จะเจอสามแยกขนาดใหญ่ ให้เลี้ยวไปทางขวามือ ซักพักก็จะเจอกับห้างขนาดใหญ่ชื่อว่า “ASAKUSA ROX” ให้เลี้ยวขวาในซอยก่อนถึงห้างนี้
นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่าครึ่งจะต้องมาช้อปปิ้งกันที่ห้าง ASAKUSA ROX นี้ ซึ่งภายในห้างมีทั้ง “UNIQLO” “Muji” หรือ “ร้านรองเท้า ABC-MART” ฯลฯ อีกมากมาย นอกจากนี้ที่ชั้นสูงสุดยังมีโรงอาบน้ำ “มาสึริยุ Matsuri-yu” ที่สามารถชมวิวสกายทรีไปพร้อมๆ กับแช่อ่างอาบน้ำได้ เท่านั้นไม่พอยังมีที่พักแบบแคปซูลในราคาไม่ถึง 3000 เยนอีกด้วย สามารถจองที่พักได้ทางเว็ปไซต์ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาถึงหรือออกเดินทาง กลางดึก หรือ เช้ามากๆ
เมื่อเลี้ยวขวาที่ซอยหน้าห้าง ASAKUSA ROX มาแล้วก็จะมองเห็น “โตเกียวสกายทรี” อยู่ตรงหน้า เดินต่อไปอีกประมาณ 1 บล็อคและเดินไปอีกเล็กน้อย
จะเจอร้านข้าวหน้าเท็มปุระอาหารขึ้นชื่อของย่านอาซากุสะ “อากิมิสึ Akimitsu” อยู่ทางซ้ายมือของเราเลย เป็นร้านยอดฮิตทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ โชคดีที่แขกกลุ่มใหญ่ออกไปพอดีตอนที่เรามา ก็เลยได้รอแค่ 5 นาที
การตกแต่งภายในร้านเป็นสไตล์ญี่ปุ่น มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ ที่นั่งแบบโต๊ะประมาณ 30 ที่นั่ง และที่นั่งหลุมแบบญี่ปุ่นอีกประมาณ 15 ที่นั่ง เป็นห้องกึ่งส่วนตัวสามารถรองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้
ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านข้าวหน้าเท็มปุระ เพราะฉะนั้นเมนูในร้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูข้าวหน้าเท็มปุระหรือเท็มปุระเป็นหลัก ตัวอย่างเมนูมีดังนี้
ข้าวหน้าเท็มปุระปลาตามฤดูกาล/ปลาหมึก/กุ้ง 2 ตัว “ชุดイอิ” ราคา 1,400 เยน
ข้าวหน้าเท็มปุระปลาอานาโกะ/กุ้ง 1 ตัว/ปลาหมึก/ผัก “ชุดロโระ” ราคา 1,900 เยน
หรือ ข้าวหน้าเท็มปุระชุดใหญ่อลังการว่า “Godaime Chef’s Special Don” ราคา 2500 เยน เป็นต้น
เมนูของที่นี้จะมีทั้งภาพและชื่อภาษาอังกฤษด้วยเพราะฉะนั้นสั่งได้สบายเลยค่ะ ไม่ว่าเมนูไหนก็น่าทานทั้งนั้นเลย เราแนะนำให้สั่งเป็นปลาอานาโกะตัวใหญ่เลยค่ะ ทั้งอร่อยแล้วก็น่าถ่ายรูปมากๆ
เราสั่งเป็น ข้าวหน้าเท็มปุระ “TENDONロโระ(1,900 เยน)และซุปมิโซะ(150 เยน)ปลาอานาโกะที่ยาวกว่าถ้วยเกือบสองเท่าล้นออกมานอกถ้วยเลย อิ่มอร่อยสุดๆ
อิ่มแล้วก็ไปเดินเที่ยวต่อย่อยอาหารกัน
เดินกลับเข้าสู่ย่านร้านค้า “นาคามิเสะ” กันอีกเพื่อผ่านไปที่วัดเซ็นโซจิ อีกหนึ่งไฮไลท์ของย่านนี้กันเลย
เมื่อผ่านย่านร้านค้านาคามิเสะมา ก็จะเจอวิวแบบนี้ วิวเจดีย์ห้าชั้น กับประตูทางเข้าวัดหน้าอาคาร ซึ่งประตูนี้ก็มีโคมสีแดงขนาดใหญ่เหมือนกัน
มีต่อนะคะ
[CR] One Day Trip in ASAKUSA! กิน ช้อป เที่ยว "ย่านอาซากุสะ" แบบจัดเต็ม
ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ในตอนนี้ทำให้หลายๆ คน รวมถึงเราอดเที่ยวกันไปยาวๆ เลย และคิดว่าหลายๆ คนคงคิดถึงญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย
วันนี้เราเลยจะมารีวิวทริปโตเกียว ที่ “ย่านอาซากุสะ” แบบทริป One Day รวมกิน ช้อป เที่ยว แบบจุใจกันไปเลย
เริ่มกันที่สถานีอาซากุระ ที่เชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สายอาซากุระ และสายกินซ่า เชื่อมต่อกับย่านต่างๆ ตึกนี้คือตึกห้าง Matsuya ซึ่งชั้นใต้ดินเป็นสถานีอาซากุสะพอดี
เมื่อเดินทางมาถึงสถานีอาซากุสะแล้ว ก็ขั้นไปที่ชั้นบนดินพร้อมเที่ยวกันเลย
ระหว่างรอติดไฟแดง ก็เจอรถลาดนักท่องเที่ยวผ่านหน้าพอดี
(ถ่ายไว้ตอนเย็นก่อนกลับนะคะ)
เมื่อออกมาจากอาคารแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งก็จะเข้ามาสู่ย่านร้านค้ามีหลังคากับ “ชินนาคามิเสะ SHIN-NAKAMISE” ภายในย่านนี้จะมีทั้งร้านอาหาร ร้านของฝาก ร้านกาแฟ หรือ ร้าน DRUG STORE ต่างๆ มากมาย ซึ่งเมื่อเข้าซอยไปทันทีก็จะเจอร้านจำหน่ายกระเป๋าชื่อว่า “Ginza Life Asakusa” ที่สะดุดตาตั้งแต่ก่อนเข้าซอยเลย
และนี่ก็คือร้าน Ginza Life Asakusa ที่เราพูดถึงไปเมื่อกี้ ร้านนี้เป็นร้านจำหน่ายกระเป๋าทั้งร้าน เห็นพนักงานถือป้ายว่า 5,500 เยนสะดุดตาเชียวเราเลยเข้าไปดูในร้าน
ซึ่งร้านนี้จำหน่ายกระเป๋าโดยเฉพาะทุกใบราคา 5,500 เยนเท่านั้น รวมถึงกระเป๋าเดินทางที่เห็นเรียงอยู่เต็มหน้าร้าน พอดีว่ากระเป๋าเราเริ่มไม่พอแล้ว เลยกำลังหากระเป๋าเดินทางอยู่พอ วันก่อนไปย่านกินซ่าก็เจอร้านนี้เหมือนกันน่าจะเป็นอีกหนึ่งสาขาชื่อว่า Ginza Karen
ไม่น่าเชื่อเลยว่ากระเป๋าเดินทางทุกในราคา 5,500 เยนทั้งหมดทุกขนาด มีลายและสีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายเลย ที่สำคัญคือกระเป๋าเดินทางของที่นี่ทุกใบ Made in Japan แหละ แม้แต่ชิ้นส่วนล้อก็ Made in Japan เริ่มสนใจมากขึ้น
ระหว่างที่เรากำลังเลือกดูๆ กระเป๋าเดินทางอยู่ ก็มีหลายกลุ่มมาขอเปิดดูกระเป๋าข้างใน เราเลยถือโอกาสนี้ขอดูบ้าง
ลองเข้าไปเปิดดูกระเป๋าเดินทางกันด้านในร้าน ข้างในก็ดูเลย ตัวล็อคก็เป็นแบบสากล ด้านในแบ่งช่อ
ทั้งสองด้านมีผ้าปิดกันเอาไว้ และมีสายรัดไม่ใส่ของกระจัดกระจาย ดูดีเลยล่ะ
พอเข้ามาด้านในก็เลยรู้ว่าที่ร้านยังมีสินค้าของ Anello ขายอยู่ด้วย ที่สำคัญมีแบบเยอะด้วย ทั้งสีทั้งลายทั้งแบบบางตัวเรายังไม่เคยเห็นที่อื่นเลย
ไม่รู้ว่าคนอื่นเลยเห็นรึเปล่า แต่ส่วนใหญ่เราจะรู้แค่พวกกระเป๋าเป้ของ Anello เท่านั้น ที่นี่นอกจากกระเป๋าเป้แล้วมีพวกกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าที่มีช่อ
ให้เสียบติดกับที่จับกระเป๋าเดินทางแบบนี้ด้วย
*สินค้า Anello ราคาตามป้าย แต่จำหน่ายในราคาลดพิเศษ
ที่นี่เป็น Tax-free Shop ด้วยเพราะฉะนั้นถ้ามียอดซื้อสินค้าตั้งแต่ 5,000 เยนขึ้นไปก็สามารถทำ Tax free 10% ได้เลย
กำลังจะได้กระเป๋าเดินทางแล้ว แต่ก็เกิดอยากได้ Anello ด้วย
ลังเลว่าจะเอาสีไหนดี สุดท้ายก็เลือกสีดำที่เป็นหนังทางด้านซ้ายมือมา ชอบเพราะตัวนี้เป็นหนังนี่แหละค่ะ เรียบหรู ดีดู แถมขนาดนี้ใส่ของได้เยอะด้วย
ระหว่างรอกระเป๋าตังค์ของเราจ่ายตังค์ให้ 55 ก็เดินดูรอบๆ ร้าน ที่ร้านขายของฝากจากญี่ปุ่นด้วย ทั้งพัดแบบพับลายญี่ปุ่น
หรือกระจกพกพาขนาดเล็กลายญี่ปุ่นแบบนี้
มีลายโคมที่ประตูคามินาริมง และตัวอักษรคันจิที่เขียนว่า “คามินาริมง” อีกด้วย
นอกจากของฝากแล้ว ก็มีนาฬิกาแบรนด์ดังขายอยู่ด้วย ส่วนลด 50% จากราคาแบรนด์ด้วย มีทั้งแบบ Automatic และแบบ Quartz เลย
นอกจากกระเป๋าเดินทางที่ทุกใบราคา 5,500 เยนแล้ว กระเป๋าแบบต่างๆ ในโซนนี้ทุกใบก็ราคา 5,500 เยนค่ะ ทั้งกระเป๋าถือเก๋ หรือกระเป๋าทำงานดูดี มีทั้งของคุณผู้หญิงและผู้ชาย
หลังจากได้กระเป๋าที่ต้องการแล้ว ก็เดินเที่ยวต่อกันเลย
ร้าน Drud Store ย่านนี้ก็มี
และเดินไปเรื่อยๆ ก็มีร้านเช่าชุดกิโมโนด้วยค่ะ ใส่ระหว่างเดินเที่ยวก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ มาทั้งทีจะได้ถ่ายรูปสวยๆ ด้วย
นอกจากแบบเช่าแล้ว ก็มีชุดยูกาตา (คล้ายกิโมโน แต่บางกว่า ใส่ช่วงหน้าร้อน หรืองานเทศกาลฤดูร้อน) ราคาก็ไม่แพงมากด้วย ซื้อไปเป็นที่ระลึกก็ไม่เลว
เดินในย่านชินนากามิเสะไปเรื่อยๆ ก็จะออกมาสู่ย่านร้านค้า “นาคามิเสะ”
แต่เราจะค่อยมาเดินย่านนี้กันที่หลังนะคะ ไปแวะเที่ยวที่อื่นกันก่อน เดินผ่านย่านนี้ไปทางประตูคามินาริมงกันค่ะ ตามทางในรูปเลย
เมื่อเดินไปจนสุดทาง ฝั่งตรงข้ามจะเห็นตึกหน้าตาแบบนี้ เราจะพาไปชมวิววัดเซ็นโซ พร้อมโตเกียวสกายทรีจากจุดชมวิวมุมสูง ที่ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว “ASAKUSA CULTURE TOURIST INFORMATION CENTER” นอกจากการบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ แล้วยังมีบริการ Wifi ฟรี ฯลฯ แล้วก็ยังสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเปิดประสบการณ์สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นต่างๆ ได้ที่นี่อีกด้วย
ด้านในปกติแล้วนักท่องเที่ยวก็จะค่อนข้างแน่นแบบนี้เลย แน่นอนว่าสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวต่างๆ ได้ที่นี่เลย
ที่ชั้นบนบริเวณจุดชมวิวก็จะมีคาเฟ่ให้นั่งวิวด้วย
แนะนำว่าจากที่นี่นอกจากวิววัดเซ็นโซจิแล้ว ก็เห็นวิวโตเกียวสกายทรีที่อยู่ไม่ไกลจากย่านอาซากุสะด้วย
และหนึ่งในกิจกรรมสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นของที่นี่ก็คือ กิจกรรม “ASAKUSA GEISHA NO OZASHIKI ODORI” หรือ “การแสดงโอะซะชิกิ โอโดริ ของเกอิชา ในอาซากุสะ” เป็นกิจกรรมที่สามารถชมการระบำของ “เกอิชา” ตัวจริงได้แบบใกล้ชิด ซึ่งไม่ได้หาดูง่ายๆ นะคะ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพียง 2 ครั้งต่อปี ก็คือช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงช่วงฤดูร้อน และช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ละช่วงจะจัดเป็นระยะเวลา 15-20 วัน (อาจมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละปี) และที่สำคัญกิจกรรมนี้สามารถเข้าชมได้ฟรี !
“ซะชิกิ โอโดริ” จัดขึ้นวันละ 2 รอบ เวลา 13:00 และ 14:30 เป็นระยะเวลา 30 นาที(รวมแล้วจะใช้เวลา 45 นาที)
การเข้าชมการแสดงซาชิกิจะเป็นระบบบัตรคิว จุคนได้ 85 คน+แบบยืน 30 คน ซึ่งจะเริ่มแจกบัตรคิวตั้งแต่เช้า 10 โมงครึ่ง ที่ด้านข้าง Information หากต้องการเข้าชมการแสดงแนะนำว่าให้รีบมาเอาบัตรคิวที่ “ASAKUSA CULTURE TOURIST INFORMATION CENTER” ก่อนแล้วระหว่างรอก็สามารถเดินเที่ยว หรือทานอาหารรอการแสดงได้เลย
เยื้องๆ ศูนย์วัฒธรรมไปก็คือ แลนด์มาร์กที่เป็นไฮไลท์ของย่านอาซากุสะ นั้นก็คือประตูโคมสีแดงขนาดใหญ่เป็นเอกลักษณ์ “ประตูคามินาริมง” นั่นเอง แต่ก่อนจะเข้าไปวัดเซ็นโซจิ เราจะไปทานอาหารกลางวันกัน
และตอนนี้เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ร้านเท็มปุระ “อากิมิสึ Akimitsu” โดยหันหน้าไปทางประตูคามินาริมงไปทางซ้ายมือ เดินตรงไปประมาณ 5 นาที ก็จะเจอสามแยกขนาดใหญ่ ให้เลี้ยวไปทางขวามือ ซักพักก็จะเจอกับห้างขนาดใหญ่ชื่อว่า “ASAKUSA ROX” ให้เลี้ยวขวาในซอยก่อนถึงห้างนี้
นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่าครึ่งจะต้องมาช้อปปิ้งกันที่ห้าง ASAKUSA ROX นี้ ซึ่งภายในห้างมีทั้ง “UNIQLO” “Muji” หรือ “ร้านรองเท้า ABC-MART” ฯลฯ อีกมากมาย นอกจากนี้ที่ชั้นสูงสุดยังมีโรงอาบน้ำ “มาสึริยุ Matsuri-yu” ที่สามารถชมวิวสกายทรีไปพร้อมๆ กับแช่อ่างอาบน้ำได้ เท่านั้นไม่พอยังมีที่พักแบบแคปซูลในราคาไม่ถึง 3000 เยนอีกด้วย สามารถจองที่พักได้ทางเว็ปไซต์ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาถึงหรือออกเดินทาง กลางดึก หรือ เช้ามากๆ
เมื่อเลี้ยวขวาที่ซอยหน้าห้าง ASAKUSA ROX มาแล้วก็จะมองเห็น “โตเกียวสกายทรี” อยู่ตรงหน้า เดินต่อไปอีกประมาณ 1 บล็อคและเดินไปอีกเล็กน้อย
จะเจอร้านข้าวหน้าเท็มปุระอาหารขึ้นชื่อของย่านอาซากุสะ “อากิมิสึ Akimitsu” อยู่ทางซ้ายมือของเราเลย เป็นร้านยอดฮิตทั้งคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ โชคดีที่แขกกลุ่มใหญ่ออกไปพอดีตอนที่เรามา ก็เลยได้รอแค่ 5 นาที
การตกแต่งภายในร้านเป็นสไตล์ญี่ปุ่น มีทั้งที่นั่งแบบเคาน์เตอร์ ที่นั่งแบบโต๊ะประมาณ 30 ที่นั่ง และที่นั่งหลุมแบบญี่ปุ่นอีกประมาณ 15 ที่นั่ง เป็นห้องกึ่งส่วนตัวสามารถรองรับลูกค้ากลุ่มใหญ่ได้
ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านข้าวหน้าเท็มปุระ เพราะฉะนั้นเมนูในร้านส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูข้าวหน้าเท็มปุระหรือเท็มปุระเป็นหลัก ตัวอย่างเมนูมีดังนี้
ข้าวหน้าเท็มปุระปลาตามฤดูกาล/ปลาหมึก/กุ้ง 2 ตัว “ชุดイอิ” ราคา 1,400 เยน
ข้าวหน้าเท็มปุระปลาอานาโกะ/กุ้ง 1 ตัว/ปลาหมึก/ผัก “ชุดロโระ” ราคา 1,900 เยน
หรือ ข้าวหน้าเท็มปุระชุดใหญ่อลังการว่า “Godaime Chef’s Special Don” ราคา 2500 เยน เป็นต้น
เมนูของที่นี้จะมีทั้งภาพและชื่อภาษาอังกฤษด้วยเพราะฉะนั้นสั่งได้สบายเลยค่ะ ไม่ว่าเมนูไหนก็น่าทานทั้งนั้นเลย เราแนะนำให้สั่งเป็นปลาอานาโกะตัวใหญ่เลยค่ะ ทั้งอร่อยแล้วก็น่าถ่ายรูปมากๆ
เราสั่งเป็น ข้าวหน้าเท็มปุระ “TENDONロโระ(1,900 เยน)และซุปมิโซะ(150 เยน)ปลาอานาโกะที่ยาวกว่าถ้วยเกือบสองเท่าล้นออกมานอกถ้วยเลย อิ่มอร่อยสุดๆ
อิ่มแล้วก็ไปเดินเที่ยวต่อย่อยอาหารกัน
เดินกลับเข้าสู่ย่านร้านค้า “นาคามิเสะ” กันอีกเพื่อผ่านไปที่วัดเซ็นโซจิ อีกหนึ่งไฮไลท์ของย่านนี้กันเลย
เมื่อผ่านย่านร้านค้านาคามิเสะมา ก็จะเจอวิวแบบนี้ วิวเจดีย์ห้าชั้น กับประตูทางเข้าวัดหน้าอาคาร ซึ่งประตูนี้ก็มีโคมสีแดงขนาดใหญ่เหมือนกัน
มีต่อนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้