นานหลายเดือนแล้วที่เราไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศกันได้เลย และตอนนี้ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินแล้ว และผู้คนก็เริ่มออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ในเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็มีผู้คนพลุกพล่านมากขึ้น วันนี้เราจึงจะนำบรรยากาศในโตเกียวมาฝากเพื่อนๆ กัน เป็นทริปโตเกียวสั้นๆ
เผื่อเก็บไว้เป็นหนึ่งในแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไปเมื่อมีโอกาสนะคะ
รูปไฮไลท์
“โตเกียวสกายทรี (TOKYO SKYTREE)”
-เที่ยวชม TOKYO SKYTREE
-ย่านร้านค้า ร้านอาหาร “TOKYO Solamachi” ภายในโตเกียวสกายทรี
-ทานอาหารหลางวัน ซูชิสายพานร้าน “โทริทน”
“ย่านอาซากุสะ ASAKUSA”
-“GINZA LIFE ASAKUSA” ร้านจำหน่ายกระเป๋า กระเป๋าเดินทาง นาฬิกา ของฝาก
-ย่านร้านค้า “นาคามิเสะ”
-ไหว้พระ เยี่ยมชม “วัดเซ็นโซจิ”
มาเริ่มทริปกันที่โตเกียวสกายทรี สัญลักษณ์แห่งใหม่ของโตเกียว เป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก กับความสูง 634 เมตรเลยทีเดียว เป็นหอกระจายคลื่นที่ตั้งอยู่ในเขตซุมิดะ โตเกียว ซึ่งเปิดให้คนทั่วไปสามารถชมวิวเมืองโตเกียว พร้อมบริการ และกิจกรรมต่างๆ มากมายภายในอาคาร
ในช่วงนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00-21:00 น.
การเดินทางไปยังโตเกียวสกายทรี(ภาษาไทย) >>
http://www.tokyo-skytree.jp/th/access/
ข้อมูลชั้นต่างๆ ของโตเกียวสกายทรี (ภาษาไทย) >>
http://www.tokyo-skytree.jp/th/floor/
คู่มือภาษาไทย (PDF) >>
http://www.tokyo-skytree.jp/others/pdf/skytree_thai.pdf
ยิ่งอยู่ใกล้ตึกมากเท่าไหร่ก็ปวดคอมากเท่านั้น 55 สำหรับเราถ่ายจากมุมล่างใกล้ขนาดนี้ หามุมสวยๆ ไม่ได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปหาวิวสวยๆ ถ่ายแบบเต็มๆ กันค่ะ
เข้าไปด้านในจากประตูทางเข้าหลัก(MAIN ENTRANCE) เพื่อไปซื้อตั๋วกันเลย
โดยโตเกียวสกายทรีจะแบ่งราคาตั๋วออกเป็นส่วน แบ่งออกเป็นจุดชมวิวที่ความสูง 450 เมตร กับโซน “TOKYO SKYTREE TEMBO GALLERIA” และ จุดชมวิวที่ความสูง 350 เมตร กับโซน“TOKYO SKYTREE TEMBO DECK”
ราคาตามตารางนี้เลยค่ะ (อ้างอิงรูปจาก
http://www.tokyo-skytree.jp/th/ticket/)
หลังจากชมวิวเที่ยวชมในส่วนต่างๆ แล้ว เราจะลงไปชั้นที่ 2F และ ชั้นที่ 3F กับโซนย่านร้านค้าร้านอาหาร “โตเกียวโซละมาจิ(TOKYO Solamachi)”
ภายในนี้ก็มีร้านค้าต่างๆ มากมาย ทั้งร้านขายของจุกจิกน่ารัก ของฝากจากญี่ปุ่น ร้านกระเป๋า ฯลฯ
มีร้านที่น่าสนใจอยู่หลายร้านเลย อย่างเช่นร้านนี้เป็นร้านคิตตี้ ซึ่งความพิเศษก็คือ เป็นร้านคิตตี้เป็นลายญี่ปุ่น เช่นลายที่กำลังถือร่ม หรือใส่ชุดกิโมโน เป็นของฝากชั้นดีจากญี่ปุ่นเลย
นอกจากร้านคิดตตี้แล้ว ก็มีโปเกม่อนด้วย รวมสินค้าต่างๆ ทั้งตุ๊กตา พวงกุญแจ หรือของใช้ต่างๆ ไว้มากมาย
ภายในร้านก็มีหุ่นแบบนี้ด้วย มีมุมต่างๆ ให้ถ่ายรูปสนุกสนานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ เราก็สะดุดตากับร้านนี้ เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็จะพบกับของกินหน้าตาหน้าทาน ต่างๆ มากมาย
น่าทานมากใช่ไหมคะ 555555 แต่..... ทานไม่ได้นะคะ เพราะของพวกนี้ก็คือ สินค้า Sample อาหาร ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นมักจะโชว์อาหารหน้าตาหน้าทานอยู่หน้าร้านนั่นเอง เหมือนจริงมากๆ
อันนี้เป็นแม่เหล็ก ถ้าติดตู้เย็นเอาไว้ หิวๆ อาจจะเผลอทานได้เลย
นอกจากของชุดเล็กแล้ว ก็มีอาหารจานใหญ่แบบนี้ขายอยู่ด้วย ทั้งสปาเก็ตตี้ พิชซ่า หรือข้างๆ เห็นอยู่แวปๆ ก็คือโซบะ นอกจากอาหารแล้วก็มีเครื่องดื่มด้วย โหววววว ดูฟองจากแก้วเบียร์สิคะ เหมือนจริงสุดๆ
หรือจะเป็นพวกพวงกุญแจเล็กๆ แบบนี้ก็มีเหมือนกัน และแน่นอนว่าเล็กๆ แบบนี้ก็น่าทานอยู่ไม่น้อยเลย
พอเห็นอาหารตัวอย่างแบบนี้แล้ว ก็เริ่มหิวข้าวขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะค่ะ เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า
เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกันร้านนี้เป็นร้านซูชิสายพานคุณภาพพรีเมี่ยมชื่อร้าน “โทริทน”
กดปุ่มรับบัตรคิวที่เครื่องนี้บริเวณหน้าร้าน แล้วไปนั่งรอได้เลย
โต๊ะภายในร้านจะเป็นแบบเคาน์เตอร์ และแบบโต๊ะที่ติดกับเชฟซูชิเลย
แค่รูปเมนูต่างๆ ที่อยู่ในร้านก็น่าทานมากๆ
นอกจากซูชิที่จะเลื่อนมากับสายพานแล้ว ก็สามารถสั่งจากเชฟได้โดยตรงอีกด้วย
วิธีการสั่งก็เขียนเมนู และจำนวนจาน ระบุว่าในช่องแบบใส่วาซาบิ และไม่ใส่วาซาบิ สำหรับนักท่องเที่ยวก็สามารถชีสั่งจากรูปเมนูได้เลย
ประเดิมกันด้วยเซตนี้กับไข่ปลาอุคุระ แซลมอลดิบ และหอยโฮตาเตะ คำโตชิ้นหนาเต็มคำสุดๆ
ต่อไปก็เป็นแซลม่อนรมควันชิ้นโตสองคำเต็มๆ
ส่วนอันนี้ก็คือซูชิหอย “อาวาบิ” หรือหอยเป๋าฮื้อดิบ เป็นหนึ่งเมนูที่ถ้าได้มาญี่ปุ่นไม่ควรพลาดจริงๆ มันดีมากๆ หอมแล้วก็หวานด้วย เด็ดสุดๆ เลยค่ะ
ต่อไปข้าวห่อสาหร่ายกันบ้าง เป็นข้าวห่อสาหร่ายปลามากุโระ แม้แต่ข้าวห่อสาหร่ายแบบนี้ก็เนื้อแน่นชิ้นหนามากจริงๆ
ตบท้ายด้วยไข่ตุ๋น เป็นเมนูเรียบๆ ที่เราไม่เคยพลาดเลย
สั่งไปทั้งหมดประมาณ 5-6 จานระหว่างประมาณ 3,000 กว่าเยนค่ะ
นอกจากร้านซูชิแล้ว ก็มีร้านอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย อย่างเช่นร้านหมูทอดทงคัตสึ “ร้านซาโบเต็น” นี้ก็เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเหมือนกันค่ะ
นอกจากร้านอาหารต่างๆ แล้วก็มีคาเฟ่อยู่หลายร้าน อย่างเช่น ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ เป็นต้น
ถ้าใครต้องการเดินทางจากโตเกียวสกายทรี ไป ย่านอาซากุสะ ก็สามารถเดินทางได้ด้วย “รถไฟโทบุสกายทรีไลน์” ได้เลย นั่งจาก สถานีโตเกียวสกายทรี สถานีอาซากุสะ แค่ 1 สถานีเท่านั้นค่ะ (ค่าเดินทางระหว่างสถานีอาซากุสะ และสถานีโตเกียวสกายทรี 147 เยน)
เมื่อลงจากรถไฟแล้ว ก็ลงออกจากทางออกที่เชื่อมกันห่าง Matsuya โซน “EKIMISE”
เจอทางม้าลายอยู่ตรงหน้าก็เดินข้ามถนนเข้าเส้นทางย่านร้านค้า “ชินนาคามิเสะ Shin-Nakamise” ที่เชื่อมต่อไปยังวัดเซ็นโซจิ และประตูคามินาริมง แลนด์มาร์กของย่านนี้ได้เลย เดินเท้าประมาณ 3 นาทีเท่านั้น
เมื่อเดินข้ามถนนมาแล้ว ก็จะเจอร้านนึงชื่อว่า “GINZA LIFE ASAKUSA(กินซ่าไลฟ์ อาซากุสะ) เป็นร้านจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าหลากหลายสไตล์ นาฬิกาแบรนด์ดัง ไปจนถึงของฝากจากญี่ปุ่น ในส่วนของกระเป๋าต่างๆ จำหน่ายทั้งร้านในราคาแค่ 5,500 เยนเท่านั้น
ตอนแรกเราก็เห็นป้ายแต่ก็ไม่คิดว่าสินค้าที่เป็นกระเป๋าจะจำหน่ายราคาเดียวคือแค่ 5,500 เยน หรือประมาณ 1,580 บาทเท่านั้น
(ยกเว้นสินค้าจากแลรนด์ anello)
ซึ่งในช่วงนี้ที่ร้านจำหน่ายทั้งหน้ากากอนามัย หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ อีกด้วย
ซึ่งหากจะเดินชมสินค้าภายในร้าน ทางร้านก็ขอความร่วมมือให้ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
นาฬิกาแบรนด์ดังก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ
มีทั้ง Casio และ SEIKO สินค้าผลิตที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
ราคาแต่ละตัวก็จะถูกกว่าราคาจากแบรนด์ ลดราคาแบบพิเศษสุดๆ
สินค้าภายในร้านหลักๆ แล้วจำหน่ายกระเป๋าหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าถือ ทั้งของผู้หญิง และผู้ชาย แน่นอนว่าจำหน่ายราคาเดียวก็คือ 5,500 เยน
นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าจากแบรนด์ anello มาจำหน่ายอีกด้วย มีทั้งกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายข้าง หรือกระเป๋าสตางค์ ถึงแม้ว่าเฉพาะสินค้าจากแบรนด์ anello ที่จำหน่ายราคาตามป้าย แต่ก็ลดราคาแบบพิเศษสุดๆ เช่นกัน
ถ้าช่วงนี้สำหรับ anello เราจะอินกันเนื้อแบบหนังๆ แบบนี้สีน้ำตาลก็สวย สีดำก็เรียบๆ แมทซ์กับลุคได้ง่าย
และสินค้าขายดี ยอดนิยมที่สุดของร้านก็คือ กระเป๋าเดินทาง ที่จำหน่ายราคาเดียวคือแค่ 5,500 เยน หรือประมาณ 1,580 บาทเท่านั้นเช่นกัน ไม่ว่าจะไซส์ ไหนแบบไหน สีไหนก็จำหน่ายราคาเท่ากัน เห็นราคาถูกแบบนี้ แต่ก็เป็นกระเป๋าเดินทาง Made in Japan แม้แต่ชิ้นส่วนล้อก็ผลิตที่ญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นรับประกันคุณภาพ ดีไซน์ก็สวยเก๋ ไม่แปลกใจเลยก็เป็นสินค้าขายดีของร้าน
คุยกับพนักงานจนรู้หมดเลย 555
และอันนี้ก็ขายทที่ร้านเหมือนกัน เป็นกระจกพกพา ทรงโคมสีแดง ประตูคามินาริมง ไฮไลท์ของอาซากุสะด้วย
ออกจากร้านกระเป๋ากินซ่าไลฟ์อาซากุสะ แล้ว เยื้องกันก็จะมีคาเฟ่มูมินด้วย เครื่องดื่มที่ขายที่ร้านจะเป็นชามุกรสชาติต่างๆ ชามุกนุ่มอร่อยดีค่ะ
ที่หน้าร้าน กำลังถ่ายรูปอยู่ พนักงานมองใหญ่เลย
และเมื่อเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะทะลุออกมาที่เส้นย่านร้านค้าหลัก “นาคามิเสะ” ที่เส้นนี้ก็จะมีร้านขนมของฝาก หรือร้านของทานเล่นอยู่ตลอดทาง
มีต่อนะคะ
[CR] TOKYO!! ทริปสั้น เที่ยว กิน ช้อป "โตเกียวสกายทรี TOKYO SKYTREE" และ "ย่านอาซากุสะ ASAKUSA"
นานหลายเดือนแล้วที่เราไม่สามารถเดินทางระหว่างประเทศกันได้เลย และตอนนี้ถึงแม้ว่าประเทศญี่ปุ่นจะประกาศยกเลิกภาวะฉุกเฉินแล้ว และผู้คนก็เริ่มออกมาใช้ชีวิตตามปกติ ในเมืองหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็มีผู้คนพลุกพล่านมากขึ้น วันนี้เราจึงจะนำบรรยากาศในโตเกียวมาฝากเพื่อนๆ กัน เป็นทริปโตเกียวสั้นๆ
เผื่อเก็บไว้เป็นหนึ่งในแผนท่องเที่ยวญี่ปุ่นครั้งต่อไปเมื่อมีโอกาสนะคะ
รูปไฮไลท์
“โตเกียวสกายทรี (TOKYO SKYTREE)”
-เที่ยวชม TOKYO SKYTREE
-ย่านร้านค้า ร้านอาหาร “TOKYO Solamachi” ภายในโตเกียวสกายทรี
-ทานอาหารหลางวัน ซูชิสายพานร้าน “โทริทน”
“ย่านอาซากุสะ ASAKUSA”
-“GINZA LIFE ASAKUSA” ร้านจำหน่ายกระเป๋า กระเป๋าเดินทาง นาฬิกา ของฝาก
-ย่านร้านค้า “นาคามิเสะ”
-ไหว้พระ เยี่ยมชม “วัดเซ็นโซจิ”
มาเริ่มทริปกันที่โตเกียวสกายทรี สัญลักษณ์แห่งใหม่ของโตเกียว เป็นตึกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก กับความสูง 634 เมตรเลยทีเดียว เป็นหอกระจายคลื่นที่ตั้งอยู่ในเขตซุมิดะ โตเกียว ซึ่งเปิดให้คนทั่วไปสามารถชมวิวเมืองโตเกียว พร้อมบริการ และกิจกรรมต่างๆ มากมายภายในอาคาร
ในช่วงนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 9:00-21:00 น.
การเดินทางไปยังโตเกียวสกายทรี(ภาษาไทย) >> http://www.tokyo-skytree.jp/th/access/
ข้อมูลชั้นต่างๆ ของโตเกียวสกายทรี (ภาษาไทย) >> http://www.tokyo-skytree.jp/th/floor/
คู่มือภาษาไทย (PDF) >> http://www.tokyo-skytree.jp/others/pdf/skytree_thai.pdf
ยิ่งอยู่ใกล้ตึกมากเท่าไหร่ก็ปวดคอมากเท่านั้น 55 สำหรับเราถ่ายจากมุมล่างใกล้ขนาดนี้ หามุมสวยๆ ไม่ได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปหาวิวสวยๆ ถ่ายแบบเต็มๆ กันค่ะ
เข้าไปด้านในจากประตูทางเข้าหลัก(MAIN ENTRANCE) เพื่อไปซื้อตั๋วกันเลย
โดยโตเกียวสกายทรีจะแบ่งราคาตั๋วออกเป็นส่วน แบ่งออกเป็นจุดชมวิวที่ความสูง 450 เมตร กับโซน “TOKYO SKYTREE TEMBO GALLERIA” และ จุดชมวิวที่ความสูง 350 เมตร กับโซน“TOKYO SKYTREE TEMBO DECK”
ราคาตามตารางนี้เลยค่ะ (อ้างอิงรูปจาก http://www.tokyo-skytree.jp/th/ticket/)
หลังจากชมวิวเที่ยวชมในส่วนต่างๆ แล้ว เราจะลงไปชั้นที่ 2F และ ชั้นที่ 3F กับโซนย่านร้านค้าร้านอาหาร “โตเกียวโซละมาจิ(TOKYO Solamachi)”
ภายในนี้ก็มีร้านค้าต่างๆ มากมาย ทั้งร้านขายของจุกจิกน่ารัก ของฝากจากญี่ปุ่น ร้านกระเป๋า ฯลฯ
มีร้านที่น่าสนใจอยู่หลายร้านเลย อย่างเช่นร้านนี้เป็นร้านคิตตี้ ซึ่งความพิเศษก็คือ เป็นร้านคิตตี้เป็นลายญี่ปุ่น เช่นลายที่กำลังถือร่ม หรือใส่ชุดกิโมโน เป็นของฝากชั้นดีจากญี่ปุ่นเลย
นอกจากร้านคิดตตี้แล้ว ก็มีโปเกม่อนด้วย รวมสินค้าต่างๆ ทั้งตุ๊กตา พวงกุญแจ หรือของใช้ต่างๆ ไว้มากมาย
ภายในร้านก็มีหุ่นแบบนี้ด้วย มีมุมต่างๆ ให้ถ่ายรูปสนุกสนานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย
และเมื่อเดินไปเรื่อยๆ เราก็สะดุดตากับร้านนี้ เมื่อเดินเข้าไปด้านในก็จะพบกับของกินหน้าตาหน้าทาน ต่างๆ มากมาย
น่าทานมากใช่ไหมคะ 555555 แต่..... ทานไม่ได้นะคะ เพราะของพวกนี้ก็คือ สินค้า Sample อาหาร ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นมักจะโชว์อาหารหน้าตาหน้าทานอยู่หน้าร้านนั่นเอง เหมือนจริงมากๆ
อันนี้เป็นแม่เหล็ก ถ้าติดตู้เย็นเอาไว้ หิวๆ อาจจะเผลอทานได้เลย
นอกจากของชุดเล็กแล้ว ก็มีอาหารจานใหญ่แบบนี้ขายอยู่ด้วย ทั้งสปาเก็ตตี้ พิชซ่า หรือข้างๆ เห็นอยู่แวปๆ ก็คือโซบะ นอกจากอาหารแล้วก็มีเครื่องดื่มด้วย โหววววว ดูฟองจากแก้วเบียร์สิคะ เหมือนจริงสุดๆ
หรือจะเป็นพวกพวงกุญแจเล็กๆ แบบนี้ก็มีเหมือนกัน และแน่นอนว่าเล็กๆ แบบนี้ก็น่าทานอยู่ไม่น้อยเลย
พอเห็นอาหารตัวอย่างแบบนี้แล้ว ก็เริ่มหิวข้าวขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะค่ะ เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า
เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกันร้านนี้เป็นร้านซูชิสายพานคุณภาพพรีเมี่ยมชื่อร้าน “โทริทน”
กดปุ่มรับบัตรคิวที่เครื่องนี้บริเวณหน้าร้าน แล้วไปนั่งรอได้เลย
โต๊ะภายในร้านจะเป็นแบบเคาน์เตอร์ และแบบโต๊ะที่ติดกับเชฟซูชิเลย
แค่รูปเมนูต่างๆ ที่อยู่ในร้านก็น่าทานมากๆ
นอกจากซูชิที่จะเลื่อนมากับสายพานแล้ว ก็สามารถสั่งจากเชฟได้โดยตรงอีกด้วย
วิธีการสั่งก็เขียนเมนู และจำนวนจาน ระบุว่าในช่องแบบใส่วาซาบิ และไม่ใส่วาซาบิ สำหรับนักท่องเที่ยวก็สามารถชีสั่งจากรูปเมนูได้เลย
ประเดิมกันด้วยเซตนี้กับไข่ปลาอุคุระ แซลมอลดิบ และหอยโฮตาเตะ คำโตชิ้นหนาเต็มคำสุดๆ
ต่อไปก็เป็นแซลม่อนรมควันชิ้นโตสองคำเต็มๆ
ส่วนอันนี้ก็คือซูชิหอย “อาวาบิ” หรือหอยเป๋าฮื้อดิบ เป็นหนึ่งเมนูที่ถ้าได้มาญี่ปุ่นไม่ควรพลาดจริงๆ มันดีมากๆ หอมแล้วก็หวานด้วย เด็ดสุดๆ เลยค่ะ
ต่อไปข้าวห่อสาหร่ายกันบ้าง เป็นข้าวห่อสาหร่ายปลามากุโระ แม้แต่ข้าวห่อสาหร่ายแบบนี้ก็เนื้อแน่นชิ้นหนามากจริงๆ
ตบท้ายด้วยไข่ตุ๋น เป็นเมนูเรียบๆ ที่เราไม่เคยพลาดเลย
สั่งไปทั้งหมดประมาณ 5-6 จานระหว่างประมาณ 3,000 กว่าเยนค่ะ
นอกจากร้านซูชิแล้ว ก็มีร้านอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย อย่างเช่นร้านหมูทอดทงคัตสึ “ร้านซาโบเต็น” นี้ก็เป็นร้านที่ขึ้นชื่อเหมือนกันค่ะ
นอกจากร้านอาหารต่างๆ แล้วก็มีคาเฟ่อยู่หลายร้าน อย่างเช่น ร้านกาแฟสตาร์บัคส์ เป็นต้น
ถ้าใครต้องการเดินทางจากโตเกียวสกายทรี ไป ย่านอาซากุสะ ก็สามารถเดินทางได้ด้วย “รถไฟโทบุสกายทรีไลน์” ได้เลย นั่งจาก สถานีโตเกียวสกายทรี สถานีอาซากุสะ แค่ 1 สถานีเท่านั้นค่ะ (ค่าเดินทางระหว่างสถานีอาซากุสะ และสถานีโตเกียวสกายทรี 147 เยน)
เมื่อลงจากรถไฟแล้ว ก็ลงออกจากทางออกที่เชื่อมกันห่าง Matsuya โซน “EKIMISE”
เจอทางม้าลายอยู่ตรงหน้าก็เดินข้ามถนนเข้าเส้นทางย่านร้านค้า “ชินนาคามิเสะ Shin-Nakamise” ที่เชื่อมต่อไปยังวัดเซ็นโซจิ และประตูคามินาริมง แลนด์มาร์กของย่านนี้ได้เลย เดินเท้าประมาณ 3 นาทีเท่านั้น
เมื่อเดินข้ามถนนมาแล้ว ก็จะเจอร้านนึงชื่อว่า “GINZA LIFE ASAKUSA(กินซ่าไลฟ์ อาซากุสะ) เป็นร้านจำหน่ายกระเป๋าเดินทาง กระเป๋าหลากหลายสไตล์ นาฬิกาแบรนด์ดัง ไปจนถึงของฝากจากญี่ปุ่น ในส่วนของกระเป๋าต่างๆ จำหน่ายทั้งร้านในราคาแค่ 5,500 เยนเท่านั้น
ตอนแรกเราก็เห็นป้ายแต่ก็ไม่คิดว่าสินค้าที่เป็นกระเป๋าจะจำหน่ายราคาเดียวคือแค่ 5,500 เยน หรือประมาณ 1,580 บาทเท่านั้น
(ยกเว้นสินค้าจากแลรนด์ anello)
ซึ่งในช่วงนี้ที่ร้านจำหน่ายทั้งหน้ากากอนามัย หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ อีกด้วย
ซึ่งหากจะเดินชมสินค้าภายในร้าน ทางร้านก็ขอความร่วมมือให้ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
นาฬิกาแบรนด์ดังก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ
มีทั้ง Casio และ SEIKO สินค้าผลิตที่ญี่ปุ่นอีกด้วย
ราคาแต่ละตัวก็จะถูกกว่าราคาจากแบรนด์ ลดราคาแบบพิเศษสุดๆ
สินค้าภายในร้านหลักๆ แล้วจำหน่ายกระเป๋าหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสะพาย หรือกระเป๋าถือ ทั้งของผู้หญิง และผู้ชาย แน่นอนว่าจำหน่ายราคาเดียวก็คือ 5,500 เยน
นอกจากนี้ก็ยังมีสินค้าจากแบรนด์ anello มาจำหน่ายอีกด้วย มีทั้งกระเป๋าเป้ กระเป๋าสะพายข้าง หรือกระเป๋าสตางค์ ถึงแม้ว่าเฉพาะสินค้าจากแบรนด์ anello ที่จำหน่ายราคาตามป้าย แต่ก็ลดราคาแบบพิเศษสุดๆ เช่นกัน
ถ้าช่วงนี้สำหรับ anello เราจะอินกันเนื้อแบบหนังๆ แบบนี้สีน้ำตาลก็สวย สีดำก็เรียบๆ แมทซ์กับลุคได้ง่าย
และสินค้าขายดี ยอดนิยมที่สุดของร้านก็คือ กระเป๋าเดินทาง ที่จำหน่ายราคาเดียวคือแค่ 5,500 เยน หรือประมาณ 1,580 บาทเท่านั้นเช่นกัน ไม่ว่าจะไซส์ ไหนแบบไหน สีไหนก็จำหน่ายราคาเท่ากัน เห็นราคาถูกแบบนี้ แต่ก็เป็นกระเป๋าเดินทาง Made in Japan แม้แต่ชิ้นส่วนล้อก็ผลิตที่ญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นรับประกันคุณภาพ ดีไซน์ก็สวยเก๋ ไม่แปลกใจเลยก็เป็นสินค้าขายดีของร้าน
คุยกับพนักงานจนรู้หมดเลย 555
และอันนี้ก็ขายทที่ร้านเหมือนกัน เป็นกระจกพกพา ทรงโคมสีแดง ประตูคามินาริมง ไฮไลท์ของอาซากุสะด้วย
ออกจากร้านกระเป๋ากินซ่าไลฟ์อาซากุสะ แล้ว เยื้องกันก็จะมีคาเฟ่มูมินด้วย เครื่องดื่มที่ขายที่ร้านจะเป็นชามุกรสชาติต่างๆ ชามุกนุ่มอร่อยดีค่ะ
ที่หน้าร้าน กำลังถ่ายรูปอยู่ พนักงานมองใหญ่เลย
และเมื่อเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็จะทะลุออกมาที่เส้นย่านร้านค้าหลัก “นาคามิเสะ” ที่เส้นนี้ก็จะมีร้านขนมของฝาก หรือร้านของทานเล่นอยู่ตลอดทาง
มีต่อนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้