สวัสดีค่า กระทู้นี้จะรีวิวการเที่ยว มุลาอิ แบบไม่มีรถ ก็สามารถไปได้+ค่าใช้จ่ายจริง ฉบับละเอียดยิบบบบ (รูปค่อนข้างเยอะ)
เริ่มจากการที่เราและเพื่อน มีทริปไปเที่ยวกันทุกปี ปีนี้เราตัดสินใจจะไป Backpack กันสักที่
โจทย์ คือคนไม่เยอะมากไม่วุ่นมาย และราคาไม่เกิน3พัน แบบว่าเงิน 3พัน คือต้องอยู่ไม่มีกดเงินเพิ่ม555
เลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปมุลาอิ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ เอาจริงคือไปง่ายมาก
ก่อนอื่นมารู้จักสถานที่ ที่เราจะรีวิววันนี้กันก่อนค่ะ ^^
มุลาอิ (Mulayit Taung) คือสถาน ที่สักการะบูชา พระเจย์ดีย์มุลาอิ ตั้งอยู่ชายแดนไทยในเขตปกครอง กระเหรี่ยงDKBA จ.เมียววดี ประเทศพม่า ค่อนข้างเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวกระเหรี่ยงเลยค่ะ โดยที่การขึ้นไปจะมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่น ห้ามนำเหล้า และ เนื้อสัตว์ขึ้นไปด้านบน
ผู้ที่มาท่องเที่ยวจะต้อง ทานเจเท่านั้น ห้ามหญิงชายเดินจับมือ หรือ พักแรมด้วยกัน ห้ามผู้หญิงขึ้นเจดีย์สูงสุด ห้ามผู้หญิงตักน้ำในบ่อน้ำศํกดิ์สิทธิ์
ผู้หญิงจะต้องใส่ผ้าถุงตอนที่ขึ้นไปสักการะพระธาตุเจดีย์
ลักษณะภูมิทัศน์ : มีความสูงของยอดเขาที่ประมาณ 2,070 เมตร ด้านบนลานกางเตนท์ค่อนข้างเป็นลักษณะ เขาโล้น ไม่มีต้นไม้เท่าไหร่นัก จะเป็นพื้นหญ้า กับโขดหินเสียส่วนมาก ทำ ให้สภาพอากาศด้านบนมีลมค่อนข้างที่จะแรง และอากาศเย็น อากาศตอนกลางคืน จะอยู่ที่ประมาณ 8 - 10 องศาค่ะ
“ เริ่มต้นการเดินทาง”
เริ่มจากการโทรจองกับลุงจ่าก่อนค่ะ (ลุงจ่าคือคนที่จะพาเราข้ามชายแดนและพาไปมุลาอิ) เบอร์ติดต่อ 083-628-1898 , 087-416-0792 การจองมุลาอิจะเปิดแค่ เสาร์อาทิตย์เท่านั้นนะคะ แต่ถ้าหากใครจะมาเป็นกลุ่มใหญ่ ลองโทรถามก่อนได้ค่ะ
พอเราติดต่อประสานงานกับลุงจ่าเรียบร้อยแล้ว เราก็จองรถทัวร์ สถานีปลายทางคือ แม่สอด จังหวัดตากก
เราออกเดินทางวันศุกร์และกลับวันอาทิตย์ เดินทางโดยรถทัวร์ของ บขส ผ่านเว็บออนไลน์
รอบรถเราออกจาก กทม. (ขนส่งหมอชิต) เวลา19.15 ถึงแม่สอดประมาณเวลา ตี3ครึ่งค่ะ เราเลือกรถประเภท ม.1ก เพราะเบาะค่อนข้างใหญ่นอนสบาย
มีที่ชาตร์แบตให้ และชอบมาที่สุดคือรถไม่แวะระหว่างมากเกินไป(ลิงค์การจองรถทัวร์แปะไว้ให้ด้านล่างโพสนะคะ)
เมื่อเราเดินทางถึงแม่สอด จะสังเกตุได้ว่าชาวพม่าค่อนข้างจะเยอะพอสมควร เพราะตรงนี้ใกล้กับชายแดน ไทย-พม่า
จากนั้น เราต้องต่อรถสองแถวไปยัง อำเภอพบพระ หมู่บ้านมอเกอไทย ซึ่งตรงนี้สามารถให้ลุงจ่าจองให้ได้ค่ะ
เหมาคันนึงราคา 1,500 บาท(รวมทั้งไปและกลับ) เรามากัน3คน ลุงจ่าเลยให้เราหารค่ารถสองแถวมากับอีกกลุ่ม ซึ่งเขามี5คน เริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ ทำให้เรารู้จักมิตรภาพระหว่างทางจากคนแปลกหน้าที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน รถ 2แถวขับมารับพวกเราประมาณตี 4 ใช้เวลาประมาณ3ชั่วโมงจะไปถึงบ้านลุงจ่า ระหว่างทาง รถจะแวะพัก 7-11 ซึ่งถ้าเลยตรงนี้ไปก็คือจะไม่มีแล้วแนะนำให้ซื้อขนมขึ้นไปทาน (แต่ต้องอาหารเจเท่านั้น)
พอเราถึงที่พักรถบ้านลุงจ่า เขาจะทำข้าวต้มหมูหม้อใหญ่ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวค่ะ มีห้องน้ำให้เข้า (ห้องน้ำสะอาดมาก) มีห้องอาบน้ำให้
นักท่องเที่ยวที่มามุลาอิค่อนข้างหลายกลุ่ม บางกลุ่มก็นำรถมากันเองค่ะ หลังจากที่เราทานข้าวและทำธุระเสร็จแล้ว
ก็จะนั่งรถกระบะเพื่อข้ามชายแดนและขึ้นไปยังมุลาอิ หลังจากนี้จะกินอาหารเจกันแล้วจ้า
การข้ามชายแดนไทย-พม่า เป็นแค่สายน้ำกั้นไว้ค่ะ พอข้ามทางน้ำมาจะเจอป้อมไม้ มีทหารคอยตรวจคนข้ามชายแดนค่ะ
จากนั้นเราจะใช้เวลาเดินทางกันตรงนี้ประมาณ3ชั่วโมง จะพักรถทั้งหมด3จุดพักรถ ระหว่างทาง เราจะเห็นวิถีของชาวบ้านกะเหรี่ยง ได้ลองของกินแปลกๆ เห็นบ้านและชุมชนของพวกเขา ซึ่งถ้าใครชอบศึกษาเรื่องวิถีชุมชนอาจจะชอบการเดินทางครั้งนี้เป็นพิเศษ
ปล. ระหว่างการเดินทางแนะนำควรพกหน้ากากอนามัย หรือว่า ไอโม่งคลุมหัวเลยค่ะ เพราะฝุ่นจากดินเยอะมากกกก
ไม้ทานาคา ทำทานาคาสดๆ ><
ภาพนี้คือ การร่วมทำบุญสร้างเจดีย์ระหว่างทางค่ะ
.................................................................................................
เมื่อเดินทางมาถึง เราจะเห็นทางขึ้นไปสักการะพระธาตุเจดีย์มุลาอิ ใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที
ถ้าต้องการขึ้นไปไหว้ถึงพระธาตุเจดีย์จะมีแค่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถขึ้นได้ ส่วนผู้หญิงขึ้นได้ยอดล่างต่ำลงมาประมาณ20 เมตร
(หากผู้หญิงจะขึ้น ต้องเปลี่ยนผ้าถุงก่อนนะคะ อย่าลืมเอาผ้าถุงไปเผื่อน้าจะได้ไม่ต้องซื้อ)
พระธาตุเจดีย์เป็นสถานที่ชาวบ้านที่นี้นับถือกันมาก เราได้สอบถามจากชาวบ้านที่มาสักการะ เขาบอกว่า บางคนเดินขึ้นมาจากชายแดน
เป็นกลุ่มใหญ่แล้วนอนค้างคืนกันในป่า1คืนเพื่อขึ้นมาสักการะ (ข้อมูลจากชาวบ้านนะคะ)
ด้านทางขึ้นพระธาตุเจดีย์จะมีร้านขายน้ำ และ ขนมอยู่ค่ะ มีหลายร้าน ราคาก็ทั่วไปแต่บางอย่าก็แพง
เช่นน้ำเปล่าขวดใหญ่ จะตกอยู่ที่ขวดละ30บาท แต่แปปซี่ก็อยู่ที่ 20 บาท ขนมต่างๆราคาประมาณ 10 บาท (คิดว่าราคาตามน้ำหนักที่เอาขึ้นมา)
ในส่วนของการเดินทางเพื่อไปจุดกางเต้นท์ เป็นการเดินเท้าระยะทางไม่ไกลประมาณ 1-2 กิโล ข้ามเขาเตี้ยๆ ลูกสองลูก แปปเดียวเดี๋ยวก็ถึง
เส้นทางเดินรู้สึกเสียวขาอยู่เพราะลมแรงมาก ใครที่กลัวความสูง แนะนำมองไปข้างหน้าอย่ามองพื้น อย่างที่ได้บอกข้างต้นว่าสภาพแวดล้อมค่อนข้างจะเป็นเขาโล้น มีแค่โขดหินกับหญ้า ไม่มีต้นไม้ให้เกาะทรงตัว ลานกางเตนท์ก็สามารถเลือกได้เลยค่ะ อยากนอนตรงไหนก็กางโล้ดด
แต่ปักสมอบกดีดี เพราะลมแรงถึงขั้นเต้นท์ปลิว และด้านบนไม่มีห้องน้ำนะคะ พกทิชชู่ และถุงขยะไปด้วย
กลางคืนลุงจ่าจะทำอาหารให้ทานค่ะ
เป็นอาหารเจทั้งหมด แต่รสชาติถือว่าผ่านน! เขาจะใช้โปรตีนเกษตร ในการทำอาหาร อาหารก็หลากหลายดีค่ะ
อันนี้ชาวแคมป์ท่านนึงเป็น คนพม่า บอกให้เราลองทานค่ะ เขาเรียกกันว่า Myanmar National Dish หรือ“ละเพ็ตโตะ”
เห็นตอนแรกอารมณ์เหมือน ผักปั่นละเอียด 5555 กินกับถั่วถอดต่างๆ กลิ่นเหม็นเขียวมาก (อันนี้ความรู้สึกแล้วเเต่คนนะ)
คนที่ให้ลองทานเขาบอกว่านี่คือ Signature เลยนะถ้ายูไม่ได้กินคือยูมาไม่ถึงเมียนมาร์ มันเป็นสลัดของทางบ้านเขา
ใครอยากลองทานของชุมชน แนะนำค่ะ แต่เราขอบายสู้กลิ่นไม่ไหวจริงๆ55555
ตกตอนเย็นอากาศดีฟินมากเลยจ้า พอกลางคืนดาวสวยมาก และลมค่อนข้างแรงมากจริงๆ
แนะนำอย่างยิ่ง เต้นท์ที่เตรียมมาควรเป็นเต้นท์มีคุณภาพนิดนึงค่ะ เพราะเราเอาเต้นท์ 300 บาทของโลตัสไป 555555555
ตอนแรกวาดฝันว่านอนชิวๆดูดาว ผิดคลาดค่ะ เต้นท์เราคือกันลมไม่อยู่ ลมพัดแรงมาก เต้นท์แทบพัง ทำให้แทบไม่ได้นอนเลย นั่งหนาว อยู่ในเต้นท์
อีกข้อที่แนะนำคือ ปักสมอบกให้แน่นหนาเลย มีบางท่านปักไม่แน่นพอ เต้นท์ปิวกลายเป็นว่าวไปโดยปริยาย.....
[CR] มุลาอิ 3วัน2คืน ไม่มีรถก็ไปได้ ฉบับ ละเอียดยิบบบบ!
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้