จะพยายามเรียบเรียงให้อ่านเข้าใจที่สุดนะคะ ตอนนี้มันสับสนตีกันไปหมดเลย
ในชีวิต เราเป็นคนมีเพื่อนเยอะมาก คุยกับคนง่าย อะไรก็ได้ เรื่อยๆ สบายๆ แต่ เราไม่รู้ว่าเรามีเพื่อนสนิทไหม เพื่อนสนิทคืออะไร เราหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ ไม่รู้จริงๆว่าเพื่อนสนิทเป็นยังไง จริงๆก็มีที่คุยกันได้ทุกเรื่องอยู่ 2 -3 คน คุยกันตลอด ติดต่อกัน ไปหากันบ้างเมื่อเวลาเอื้ออำนวย คบกันมาสิบกว่าปีแล้วค่ะ
กับเพื่อนๆ น้องๆ คนอื่นๆ ยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ คุยด้วยได้ ไปไหนไปกัน เฮไหนเฮนั่นได้ตลอด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าสนิทเกินไป เราจะรู้สึกอึดอัด แล้วพอเราเริ่มเป็นแบบนั้นเราก็จะไม่โอเคกับอะไรสักอย่างที่เป็นตัวเค้า แล้วก็จะเริ่มเฟดตัวเองหายออกไป ไม่เขาใจตัวเองเหมือนกันค่ะ ว่าจะไปรู้สึกอึดอัดทำไม เหมือนว่าพอเค้าเข้าใกล้ความเป็นเรามากขึ้น เราจะเฟดตัวเองออกมา ค่อยๆถอยห่างออกมาเรื่อยๆ เพื่อลดระดับความสัมพันธ์ให้อยู่แค่ผิวเผินต่อไป
แล้วเราเป็นคนที่ชอบให้ความช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า เหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่จริงๆสำหรับเราแล้วมันแย่มาก เพราะเราชอบช่วยเหลือจนตัวเองมาเดือดร้อนทีหลัง ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน หรือการให้ความช่วยเหลือนะคะ แต่เป็นเดือดร้อนเรื่องความรู้สึก พอเราช่วยเหลือใครสักคน ถ้าเค้าเป็นคนดีมากพอ เค้าจะรู้สึกขอบคุณเรา ใช่ไหมคะ แต่เพราะว่าเค้ารู้สึกขอบคุณ และเริ่มจะอยากสนิทกับเรามากขึ้น เมื่อนั้นแหละค่ะ เราจะเริ่มอึดอัดแล้ว มากๆเลยด้วย
อย่างล่าสุด ด้วยสถานการณ์โควิ-19 ทำให้คนตกงานกันเยอะ รวมไปถึงน้องคนนึงของเราก็ด้วย (ขอเรียกว่าน้องเอนะคะ) ประจวบว่าเรากำลังจะได้เลื่อนขั้น และต้องการคนเข้ามาทำงานในทีม เลยคุยกับน้องเอว่าอยากทำงานกับเราไหม เราจะได้ส่งเรซูเม่ให้บอส แล้วสามารถเข้ามาทำงานได้เลย แต่ทีนี้ น้องเอบ้านอยู่ต่างจังหวัด และไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะเช่าห้องในกรุงเทพฯอยู่ เราเลยชวนน้องเอมาอยู่ที่บ้านกับเรา โดยไม่คิดให้รอบคอบว่า ตัวเรามันเป็นพวกที่เวลาสนิทกับใครมากๆแล้วจะอึดอัด รวมไปถึง เรากำลังยื่นขอทุนไปเรียนต่อโทที่จีน น้องเอยังเรียนไม่จบ ป.ตรี ด้วยฐานะทางบ้าน เลยต้องลาออกมากลางคัน ก่อนช่วงที่น้องจะมาอยู่ด้วย เราก็ดันปากมาก ไปสัญญาว่าจะช่วยเหลือเรื่องเรียน ชวนไปอยู่จีนด้วยกัน แล้วเราจะช่วยซัพพอร์ทในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ก่อน ซึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายเราไม่มีปัญหาค่ะ แต่ตอนนี้ปัญหามันเกิดขึ้นตรงที่เราเริ่มอึดอัด อึดอัดมากๆ ชนิดที่ว่า น้องมานอนเล่นบนเตียงเรา เราก็ไม่อยากอยู่ใกล้อะ เดินลงมานั่งเล่นข้างล่างบ้าน โกรธเกลียดอะไรน้องไหม ก็ไม่ แต่ไม่อยากอยู่ใกล้ มันอึดอัด ไม่สบายใจ
มีนิสัยหลายๆอย่างของน้องเอที่ก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวของเรา เวลาเราดูมือถือ แล้วแบบนั่งขำ ก็จะชะโงกหน้าเข้ามาดูทันที คือชะโงกเข้ามาเลย แล้วถามอะไรอะ แบบนี้ตลอด เวลาเราทำอะไร คือจะต้องถาม ต้องอยากรู้ทุกเรื่อง เราไม่เข้าใจว่าทำไม
เรื่องมือถือ ไปจำรหัสเราตอนไหนไม่รู้ เวลามีน้องอีกคนที่อยู่บ้านเดียวกันทักไลน์มา (ขอเรียกว่าน้องบีนะคะ) น้องเอก็จะหยิบมือถือเราไปกดรหัสปลดล็อกอ่าน แล้วก็เรียกว่าบีทักมา ซึ่งก็จริงอยู่ ว่าเราสามคนอยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า น้องเอจะต้องรู้ทุกเรื่องของเรากับน้องบี ในขณะที่น้องบี ไม่เคยเห็นอยากรู้เรื่องของเรากับน้องเอเลย เราเลยรู้สึกว่าตัวเองลำเอียง เพราะว่า อยู่กับบีแล้วเราสบายใจกว่า น้องไม่ก้าวก่าย เวลาเราไม่คุย น้องก็เล่นมือถือของน้องไป ในขณะที่เอ จะพยายามชวนคุยตลอด แต่เป็นคุยในเรื่องที่น้องเค้าสนใจคนเดียว เราไม่ได้รู้เรื่องนั้นด้วย มันเลยทำให้เราไม่รู้จะตอบอะไร มีรีแอคชั่นยังไง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เราอึดอัด เพราะรู้สึกผิดตลอดเวลา
แล้วเวลาคุยเราคุยกับบี เจ้าเอก็จะชอบมาแทรก พยายามจะรู้ทุกเรื่องตลอดเวลา ซึ่งเราไม่โอเคตรงนี้เลย เพราะเราถือว่า เราคุยกับทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ถ้าจะคุยส่วนตัวคือเป็นปัญหาของคนๆนั้น ไม่อยากให้อีกคนรับรู้ แต่น้องเอก็จะพยายามเข้ามามีส่วนร่วมตลอด พอเราเลี่ยงๆ เงียบๆไป เวลาเค้าชวนคุยเรื่องที่เค้าสนใจแต่เราไม่รู้เรื่อง เค้าก็จะบอก ไม่ใช่น้องรักเธอหนิ เราเลยแบบ อะไรอีกวะเนี่ย ก็ไม่รู้จะคุยอะไรอะ
ตอนนี้ เลยกลายเป็นเราอึดอัดมากๆกับทั้งคู่เลยค่ะ เพราะกลัวว่าคุยกับบีแล้วเอจะไม่สบายใจ พอไปคุยกับเอ เอก็เอาแต่คุยเรื่องของตัวเองไม่สนใจคู่สนทนา เวลาเราขำอะไรกับมุกที่เอเล่น เอก็จะเล่นแต่มุกนั้น พูดซ้ำแต่ประโยคนั้นจนน่ารำคาญไปหมด พอไม่สนใจก็หาว่าเมิน เราเลยไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วค่ะ ตอนนี้อยากลดระดับความสัมพันธ์ของทั้งเอและบี แต่ด้วยความที่ปากมาก ไปชวนน้องเค้ามาอยู่ด้วย แถมดันสัญญาว่าจะพาไปเรียนต่อด้วยอีก เลยไม่รู้จะจัดการตรงนี้ยังไงดีแล้วค่ะ มึนงงไปหมด อยากจะเฟดตัวเองออกก็ไม่กล้า จะเตือนน้องว่าอย่าเข้าใกล้ ก็กลัวจะหาว่ารังเกียจ เคยเตือนเรื่องชวนคุยแต่ประเด็นที่ตัวเองรู้เรื่องคนเดียวไปแล้ว ก็เหมือนจะลืม เตือนเรื่องมือถือ ไม่หยิบไปปลดรหัส แต่ถ้าเห็นไลน์เด้งแจ้งเตือนจะรีบชะโงกหน้ามาอ่าน เลยได้แต่ถอนหายใจ
ที่ผ่านมามีแต่น้ำ สรุปคือ เราจะลดระดับความสัมพันธ์ทั้งสองคนยังไงดีคะ เจ้าบีน่าจะเข้าใจ เพราะไม่ค่อยวุ่นวายอะไรกับเราอยู่แล้ว แต่เจ้าเอนี่สิ น่าจะมีปัญหาแน่ๆ จะทำยังไงดีคะ ที่จะห่างจากน้อง โดยที่น้องไม่เสียความรู้สึกมากนัก
บ้านเราสามห้องนอนค่ะ แต่มีแอร์แค่ห้องเราห้องเดียว ซึ่งเป็นห้องใหญ่สุดในบ้าน ส่วนน้องบี ขอไม่นอนห้องเราแต่แรก แม้อีกห้องจะไม่มีแอร์ แต่น้องเอ ที่บ้านเค้า ไม่เคยได้นอนแอร์ แต่พอมาอยู่บ้านเรา น้องบอกว่า นอนห้องไม่มีแอร์ไม่ได้ จะนอนห้องเดียวกับเรา เราเลยไม่รู้จะพูดยังไงแล้วค่ะ เอาตามใจจริงๆ อยากจะบอกน้องว่าซัพพอร์ทค่าใช้จ่ายไปจีนไม่ไหวแล้วนะ แต่น้องก็รู้รายรับ รายจ่ายเราอะ เราควรจะบอกน้องยังไงดี ว่าถ้าอยากไป เราจะช่วยได้นิดๆหน่อยๆ ที่เหลือน้องต้องพยายามเอง จะพึ่งเราทั้งหมดไม่ได้ เพราะตอนนี้ น้องวางแผนจะซื้อนั่นซื้อนี่ เตรียมตัวไปจีน แต่ไม่เคยเอ่ยถามว่า ค่าเรียนแพงไหม ค่าตั๋วเท่าไหร่ ที่พักอยู่ยังไง เราเลยแบบ เอือมกับนิสัยน้องตรงนี้ด้วยอะค่ะ
ส่วนน้องบี เอาจริงๆ น้องเป็นคล้ายๆเราอะค่ะ สนิทได้ คุยได้ทุกเรื่อง แต่จะไม่ล้ำเส้นกันและกัน มันเลยไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ เราเป็นโรคหวงตัวเองไหมคะ กับการที่พอจะสนิทกับใครจริงๆ ก็เริ่มอยากจะเฟดตัวเองออกมา ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันและไม่ได้สัญญาอะไรไว้ แต่อันนี้ เหมือนทำได้ยากเหลือเกินค่ะ
เราจะลดระดับความสัมพันธ์ใครสักคนด้วยเหตุผลอะไรดีคะ?
ในชีวิต เราเป็นคนมีเพื่อนเยอะมาก คุยกับคนง่าย อะไรก็ได้ เรื่อยๆ สบายๆ แต่ เราไม่รู้ว่าเรามีเพื่อนสนิทไหม เพื่อนสนิทคืออะไร เราหาคำตอบไม่ได้เลยค่ะ ไม่รู้จริงๆว่าเพื่อนสนิทเป็นยังไง จริงๆก็มีที่คุยกันได้ทุกเรื่องอยู่ 2 -3 คน คุยกันตลอด ติดต่อกัน ไปหากันบ้างเมื่อเวลาเอื้ออำนวย คบกันมาสิบกว่าปีแล้วค่ะ
กับเพื่อนๆ น้องๆ คนอื่นๆ ยิ่งแล้วใหญ่เลยค่ะ คุยด้วยได้ ไปไหนไปกัน เฮไหนเฮนั่นได้ตลอด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าสนิทเกินไป เราจะรู้สึกอึดอัด แล้วพอเราเริ่มเป็นแบบนั้นเราก็จะไม่โอเคกับอะไรสักอย่างที่เป็นตัวเค้า แล้วก็จะเริ่มเฟดตัวเองหายออกไป ไม่เขาใจตัวเองเหมือนกันค่ะ ว่าจะไปรู้สึกอึดอัดทำไม เหมือนว่าพอเค้าเข้าใกล้ความเป็นเรามากขึ้น เราจะเฟดตัวเองออกมา ค่อยๆถอยห่างออกมาเรื่อยๆ เพื่อลดระดับความสัมพันธ์ให้อยู่แค่ผิวเผินต่อไป
แล้วเราเป็นคนที่ชอบให้ความช่วยเหลือคนที่ลำบากกว่า เหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่จริงๆสำหรับเราแล้วมันแย่มาก เพราะเราชอบช่วยเหลือจนตัวเองมาเดือดร้อนทีหลัง ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน หรือการให้ความช่วยเหลือนะคะ แต่เป็นเดือดร้อนเรื่องความรู้สึก พอเราช่วยเหลือใครสักคน ถ้าเค้าเป็นคนดีมากพอ เค้าจะรู้สึกขอบคุณเรา ใช่ไหมคะ แต่เพราะว่าเค้ารู้สึกขอบคุณ และเริ่มจะอยากสนิทกับเรามากขึ้น เมื่อนั้นแหละค่ะ เราจะเริ่มอึดอัดแล้ว มากๆเลยด้วย
อย่างล่าสุด ด้วยสถานการณ์โควิ-19 ทำให้คนตกงานกันเยอะ รวมไปถึงน้องคนนึงของเราก็ด้วย (ขอเรียกว่าน้องเอนะคะ) ประจวบว่าเรากำลังจะได้เลื่อนขั้น และต้องการคนเข้ามาทำงานในทีม เลยคุยกับน้องเอว่าอยากทำงานกับเราไหม เราจะได้ส่งเรซูเม่ให้บอส แล้วสามารถเข้ามาทำงานได้เลย แต่ทีนี้ น้องเอบ้านอยู่ต่างจังหวัด และไม่มีทุนทรัพย์มากพอที่จะเช่าห้องในกรุงเทพฯอยู่ เราเลยชวนน้องเอมาอยู่ที่บ้านกับเรา โดยไม่คิดให้รอบคอบว่า ตัวเรามันเป็นพวกที่เวลาสนิทกับใครมากๆแล้วจะอึดอัด รวมไปถึง เรากำลังยื่นขอทุนไปเรียนต่อโทที่จีน น้องเอยังเรียนไม่จบ ป.ตรี ด้วยฐานะทางบ้าน เลยต้องลาออกมากลางคัน ก่อนช่วงที่น้องจะมาอยู่ด้วย เราก็ดันปากมาก ไปสัญญาว่าจะช่วยเหลือเรื่องเรียน ชวนไปอยู่จีนด้วยกัน แล้วเราจะช่วยซัพพอร์ทในเรื่องของค่าใช้จ่ายให้ก่อน ซึ่งเรื่องค่าใช้จ่ายเราไม่มีปัญหาค่ะ แต่ตอนนี้ปัญหามันเกิดขึ้นตรงที่เราเริ่มอึดอัด อึดอัดมากๆ ชนิดที่ว่า น้องมานอนเล่นบนเตียงเรา เราก็ไม่อยากอยู่ใกล้อะ เดินลงมานั่งเล่นข้างล่างบ้าน โกรธเกลียดอะไรน้องไหม ก็ไม่ แต่ไม่อยากอยู่ใกล้ มันอึดอัด ไม่สบายใจ
มีนิสัยหลายๆอย่างของน้องเอที่ก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวของเรา เวลาเราดูมือถือ แล้วแบบนั่งขำ ก็จะชะโงกหน้าเข้ามาดูทันที คือชะโงกเข้ามาเลย แล้วถามอะไรอะ แบบนี้ตลอด เวลาเราทำอะไร คือจะต้องถาม ต้องอยากรู้ทุกเรื่อง เราไม่เข้าใจว่าทำไม
เรื่องมือถือ ไปจำรหัสเราตอนไหนไม่รู้ เวลามีน้องอีกคนที่อยู่บ้านเดียวกันทักไลน์มา (ขอเรียกว่าน้องบีนะคะ) น้องเอก็จะหยิบมือถือเราไปกดรหัสปลดล็อกอ่าน แล้วก็เรียกว่าบีทักมา ซึ่งก็จริงอยู่ ว่าเราสามคนอยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า น้องเอจะต้องรู้ทุกเรื่องของเรากับน้องบี ในขณะที่น้องบี ไม่เคยเห็นอยากรู้เรื่องของเรากับน้องเอเลย เราเลยรู้สึกว่าตัวเองลำเอียง เพราะว่า อยู่กับบีแล้วเราสบายใจกว่า น้องไม่ก้าวก่าย เวลาเราไม่คุย น้องก็เล่นมือถือของน้องไป ในขณะที่เอ จะพยายามชวนคุยตลอด แต่เป็นคุยในเรื่องที่น้องเค้าสนใจคนเดียว เราไม่ได้รู้เรื่องนั้นด้วย มันเลยทำให้เราไม่รู้จะตอบอะไร มีรีแอคชั่นยังไง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เราอึดอัด เพราะรู้สึกผิดตลอดเวลา
แล้วเวลาคุยเราคุยกับบี เจ้าเอก็จะชอบมาแทรก พยายามจะรู้ทุกเรื่องตลอดเวลา ซึ่งเราไม่โอเคตรงนี้เลย เพราะเราถือว่า เราคุยกับทุกคนเท่าเทียมกัน แต่ถ้าจะคุยส่วนตัวคือเป็นปัญหาของคนๆนั้น ไม่อยากให้อีกคนรับรู้ แต่น้องเอก็จะพยายามเข้ามามีส่วนร่วมตลอด พอเราเลี่ยงๆ เงียบๆไป เวลาเค้าชวนคุยเรื่องที่เค้าสนใจแต่เราไม่รู้เรื่อง เค้าก็จะบอก ไม่ใช่น้องรักเธอหนิ เราเลยแบบ อะไรอีกวะเนี่ย ก็ไม่รู้จะคุยอะไรอะ
ตอนนี้ เลยกลายเป็นเราอึดอัดมากๆกับทั้งคู่เลยค่ะ เพราะกลัวว่าคุยกับบีแล้วเอจะไม่สบายใจ พอไปคุยกับเอ เอก็เอาแต่คุยเรื่องของตัวเองไม่สนใจคู่สนทนา เวลาเราขำอะไรกับมุกที่เอเล่น เอก็จะเล่นแต่มุกนั้น พูดซ้ำแต่ประโยคนั้นจนน่ารำคาญไปหมด พอไม่สนใจก็หาว่าเมิน เราเลยไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วค่ะ ตอนนี้อยากลดระดับความสัมพันธ์ของทั้งเอและบี แต่ด้วยความที่ปากมาก ไปชวนน้องเค้ามาอยู่ด้วย แถมดันสัญญาว่าจะพาไปเรียนต่อด้วยอีก เลยไม่รู้จะจัดการตรงนี้ยังไงดีแล้วค่ะ มึนงงไปหมด อยากจะเฟดตัวเองออกก็ไม่กล้า จะเตือนน้องว่าอย่าเข้าใกล้ ก็กลัวจะหาว่ารังเกียจ เคยเตือนเรื่องชวนคุยแต่ประเด็นที่ตัวเองรู้เรื่องคนเดียวไปแล้ว ก็เหมือนจะลืม เตือนเรื่องมือถือ ไม่หยิบไปปลดรหัส แต่ถ้าเห็นไลน์เด้งแจ้งเตือนจะรีบชะโงกหน้ามาอ่าน เลยได้แต่ถอนหายใจ
ที่ผ่านมามีแต่น้ำ สรุปคือ เราจะลดระดับความสัมพันธ์ทั้งสองคนยังไงดีคะ เจ้าบีน่าจะเข้าใจ เพราะไม่ค่อยวุ่นวายอะไรกับเราอยู่แล้ว แต่เจ้าเอนี่สิ น่าจะมีปัญหาแน่ๆ จะทำยังไงดีคะ ที่จะห่างจากน้อง โดยที่น้องไม่เสียความรู้สึกมากนัก
บ้านเราสามห้องนอนค่ะ แต่มีแอร์แค่ห้องเราห้องเดียว ซึ่งเป็นห้องใหญ่สุดในบ้าน ส่วนน้องบี ขอไม่นอนห้องเราแต่แรก แม้อีกห้องจะไม่มีแอร์ แต่น้องเอ ที่บ้านเค้า ไม่เคยได้นอนแอร์ แต่พอมาอยู่บ้านเรา น้องบอกว่า นอนห้องไม่มีแอร์ไม่ได้ จะนอนห้องเดียวกับเรา เราเลยไม่รู้จะพูดยังไงแล้วค่ะ เอาตามใจจริงๆ อยากจะบอกน้องว่าซัพพอร์ทค่าใช้จ่ายไปจีนไม่ไหวแล้วนะ แต่น้องก็รู้รายรับ รายจ่ายเราอะ เราควรจะบอกน้องยังไงดี ว่าถ้าอยากไป เราจะช่วยได้นิดๆหน่อยๆ ที่เหลือน้องต้องพยายามเอง จะพึ่งเราทั้งหมดไม่ได้ เพราะตอนนี้ น้องวางแผนจะซื้อนั่นซื้อนี่ เตรียมตัวไปจีน แต่ไม่เคยเอ่ยถามว่า ค่าเรียนแพงไหม ค่าตั๋วเท่าไหร่ ที่พักอยู่ยังไง เราเลยแบบ เอือมกับนิสัยน้องตรงนี้ด้วยอะค่ะ
ส่วนน้องบี เอาจริงๆ น้องเป็นคล้ายๆเราอะค่ะ สนิทได้ คุยได้ทุกเรื่อง แต่จะไม่ล้ำเส้นกันและกัน มันเลยไม่ค่อยอึดอัดเท่าไหร่ เราเป็นโรคหวงตัวเองไหมคะ กับการที่พอจะสนิทกับใครจริงๆ ก็เริ่มอยากจะเฟดตัวเองออกมา ก่อนหน้านี้ไม่มีปัญหาเพราะไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันและไม่ได้สัญญาอะไรไว้ แต่อันนี้ เหมือนทำได้ยากเหลือเกินค่ะ