คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
ไม่ให้กำลังใจนะครับ
เพราะผมว่าคุณขาดความเป็นมืออาชีพมาก
บอกเองว่า รู้ทุกอย่างว่าต้องทำยังไง งานไม่ยาก และยืนยันว่าตัวเองเก่ง หัวดี
แต่ 1-2 ปี หลัง เปิดคอม นั่งร้องไห้ งานพลาด งานไม่เสร็จ จนโดนเตือน
ใช่ครับ ใคร ๆ ก็มีอาชีพในฝันอาชีพที่อยากทำ
แต่ก็แน่นอนเช่นกัน ที่ไม่ทุกคนหรอกจะทำแบบนั้นได้
ประเด็นคือ เราสามารถรักงานที่ทำ
ไปพร้อม ๆ กับพยายามให้ได้ทำงานที่รักได้
ผมมีเพื่อนหลายคน ที่ไม่ชอบงานที่ทำอยู่เลย
และด่าทุกอย่างตั้งแต่ รปภหน้าบริษัทไปยันประธาน
แต่ทุกนาทีในบริษัท เค้าใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อให้งานออกมาดี
แล้วเอาเวลานอกเหนือจากนั้น ไปทำสิ่งที่อยู่ในความสนใจของตัวเองจริง ๆ
ถึงวันที่พร้อม บางคนเลือกออกไปทำ สิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ
บางคนยังทำควบคู่กันไป ทั้งงานบริษัท และสิ่งที่ตัวเองชอบ
แล้วคุณทำอะไรบ้างครับ นอกจากการบ่นว่าไม่ชอบ
ทำงานมา 7-8 ปี อายุก็น่าจะ 30 ปีแล้ว
อย่ามาอ้างความเครียดสะสม นะครับ
มาถามหาว่าทำงานนี้ไปเพื่ออะไร
คิดดี ๆ ครับ งานเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิต
เวลาประมาณ 30-50% ในแต่ล่ะวัน เราอาจจะต้องใช้ไปกับการทำงาน
แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกอย่างน้อยครึ่งหนึ่งในแต่ล่ะวัน ที่คุณต้องใช้
หาความหมายของมันให้เจอครับ
แล้วคุณจะคิดได้เอง ว่าทำงานไปเพื่ออะไร
และจะทำยังไง ให้ได้ทำงานที่อยากทำ
เพราะผมว่าคุณขาดความเป็นมืออาชีพมาก
บอกเองว่า รู้ทุกอย่างว่าต้องทำยังไง งานไม่ยาก และยืนยันว่าตัวเองเก่ง หัวดี
แต่ 1-2 ปี หลัง เปิดคอม นั่งร้องไห้ งานพลาด งานไม่เสร็จ จนโดนเตือน
ใช่ครับ ใคร ๆ ก็มีอาชีพในฝันอาชีพที่อยากทำ
แต่ก็แน่นอนเช่นกัน ที่ไม่ทุกคนหรอกจะทำแบบนั้นได้
ประเด็นคือ เราสามารถรักงานที่ทำ
ไปพร้อม ๆ กับพยายามให้ได้ทำงานที่รักได้
ผมมีเพื่อนหลายคน ที่ไม่ชอบงานที่ทำอยู่เลย
และด่าทุกอย่างตั้งแต่ รปภหน้าบริษัทไปยันประธาน
แต่ทุกนาทีในบริษัท เค้าใช้เวลาอย่างเต็มที่เพื่อให้งานออกมาดี
แล้วเอาเวลานอกเหนือจากนั้น ไปทำสิ่งที่อยู่ในความสนใจของตัวเองจริง ๆ
ถึงวันที่พร้อม บางคนเลือกออกไปทำ สิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ
บางคนยังทำควบคู่กันไป ทั้งงานบริษัท และสิ่งที่ตัวเองชอบ
แล้วคุณทำอะไรบ้างครับ นอกจากการบ่นว่าไม่ชอบ
ทำงานมา 7-8 ปี อายุก็น่าจะ 30 ปีแล้ว
อย่ามาอ้างความเครียดสะสม นะครับ
มาถามหาว่าทำงานนี้ไปเพื่ออะไร
คิดดี ๆ ครับ งานเป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิต
เวลาประมาณ 30-50% ในแต่ล่ะวัน เราอาจจะต้องใช้ไปกับการทำงาน
แต่ก็ยังเหลือเวลาอีกอย่างน้อยครึ่งหนึ่งในแต่ล่ะวัน ที่คุณต้องใช้
หาความหมายของมันให้เจอครับ
แล้วคุณจะคิดได้เอง ว่าทำงานไปเพื่ออะไร
และจะทำยังไง ให้ได้ทำงานที่อยากทำ
ความคิดเห็นที่ 6
บางทีเราก็งงๆกับคนแบบ จขกท นิดนึง อย่าเพิ่งโกรธกันนะ คือ..เราสงสัยเลยแหล่ะ เพราะเราเห็นคนแบบ จขกท เยอะมาก คือในเมื่อก็รู้ว่างานที่ทำมันไม่ใช่ตัวตนของเรา ทำไปก็ร้องไห้ไป หางานใหม่ก็ไม่หา? บางคนได้งานใหม่ แต่ทำไปก็บอกว่าไม่ใช่ตัวตนอีก แล้วก็เอาแต่บ่นๆ แล้วก็กลับไปทำต่อ คือ ต้องการที่ระบายเท่านั้นหรือต้องการวิธีการแก้ปัญหาจริงๆ คนรับฟังก็อยากช่วยนะ จะได้หาทางช่วยได้ถูกอ่ะ
ถ้าอยากแก้ปัญหา ก็ต้องเริ่มจาก ถามเลย ตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไร มีความฝันอะไร ? อันนี้เคยถามตัวเองไหมอะ ถ้าไม่มีตรงจุดนี้ก็คงต้องเริ่มหาได้แล้วนะ ไม่ใช่ปล่อยชีวิตไปวันๆ ซึ่งมันก็จะจบลงแบบ ได้แต่บ่นไปเรื่อยๆ แล้วก็ร้องไห้อยู่หน้าคอม วนเวียนต่อไป
แต่ถ้ามี ก็ต้องเริ่มแล้วค่ะ วางแผน ดำเนินการ ตรวจสอบว่าเข้าใกล้เป้าหมายหรือยัง ค่อยๆปรับแผนไปเรื่อยๆ เดินตามฝันไปทีนะนิด ให้ชีวิตมีเป้าหมาย มันอาจจะไม่ได้สำเร็จในวันนี้ แต่มันไม่ได้ย่ำอยู่กะที่ไง มันก้าวไปเรื่อยๆทีละนิดแบบเต่าอ่ะ จนกว่าจะถึงเส้นชัย วันที่เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากได้จริงๆ แล้วจะได้ไม่ต้องมาร้องไห้หน้าคอมว่า ทำไมชีวิตเราน่าเบื่อเช่นนี้ ..
เอาใจช่วยนะ ไม่รู้จะช่วยยังไง นอกจากปรับวิธีการคิดก่อนค่ะ
ถ้าอยากแก้ปัญหา ก็ต้องเริ่มจาก ถามเลย ตัวเองชอบอะไร อยากทำอะไร มีความฝันอะไร ? อันนี้เคยถามตัวเองไหมอะ ถ้าไม่มีตรงจุดนี้ก็คงต้องเริ่มหาได้แล้วนะ ไม่ใช่ปล่อยชีวิตไปวันๆ ซึ่งมันก็จะจบลงแบบ ได้แต่บ่นไปเรื่อยๆ แล้วก็ร้องไห้อยู่หน้าคอม วนเวียนต่อไป
แต่ถ้ามี ก็ต้องเริ่มแล้วค่ะ วางแผน ดำเนินการ ตรวจสอบว่าเข้าใกล้เป้าหมายหรือยัง ค่อยๆปรับแผนไปเรื่อยๆ เดินตามฝันไปทีนะนิด ให้ชีวิตมีเป้าหมาย มันอาจจะไม่ได้สำเร็จในวันนี้ แต่มันไม่ได้ย่ำอยู่กะที่ไง มันก้าวไปเรื่อยๆทีละนิดแบบเต่าอ่ะ จนกว่าจะถึงเส้นชัย วันที่เราได้ทำในสิ่งที่เราอยากได้จริงๆ แล้วจะได้ไม่ต้องมาร้องไห้หน้าคอมว่า ทำไมชีวิตเราน่าเบื่อเช่นนี้ ..
เอาใจช่วยนะ ไม่รู้จะช่วยยังไง นอกจากปรับวิธีการคิดก่อนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
เหตุเกิดจาก WFH ทำให้ความคิดที่อยากลาออกชัดเจนกว่าเดิม
ผ่านไปสัก2-3ปี เราก็ยังคงวนเวียนอยู่ในสถานการณ์เดิม บอกตรงๆจริงๆเราเป็นคนหัวดีมาก(นี่ไม่ได้อยากชมตัวเองแต่เล่าเป็นแบลคกราวน์ให้ฟัง) จบมรัฐ ชื่อดัง เกรดเฉลี่ยดี มีสอบอะไรเราก็ผ่านและทำคะแนนได้ดีเสมอๆ แต่กัยการทำงานประจำนี้ เราบอกตามตรงเราไม่มีใจให้กับงานนั้นๆเลย บางครั้งเราไปนั่งหน้าคอมเปิดงาน ก็ได้แต่ถอนหายใจไม่ใช่ว่ายาก ทำไม่ได้ ทำไม่เป็น เรารู้หมดว่าต้องทำอะไร ทำยังไง แต่จะให้ผลิตงานนั้นออกมาเราฝืนตัวเองไม่ไหว บางเช้าเปิดคอมเห็นงานก็นั่งร้องไห้ว่าทำไมเราต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบขนาดนี้ ปีหลังๆ1-2ปีหลังการทำงานนี้เราอาการหนัก ถึงขั้นผู้ใหญ่เรียกไปพบว่ามีปัญหาอะไรไหม งานเราผิดพลาดเยอะ ส่งไม่ตามเวลา ซึ่งเราไม่อยากเป็นแบบนั้นเลยนะ แต่มันทำออกมาไม่ได้จริงๆ เราก็คิดว่าอาจเพราะเครียดสะสมเดี๋ยวพักคงหาย
ประจวบกับช่วงโควิดที่ต้องให้ทำงานที่บ้าน เราบอกตามตรงเราแทบไม่แตะงานเลย แค่เปิดมาเจอเมล เจอไลน์กรุ้ปงาน เจองานเราก็ทำไม่ลง ก็มีทนๆทำมันออกไปบ้าง แต่ตอนนี้ต้องกลับไปทำงานเดิมอีกแล้ว เราก็ร้องไห้กัยตัวเองเหมือนเดิม
เรารู้ดีหลายๆคนคงบอกว่าเวลานี้มีงานทำคือลาภอันประเสริฐ หลายคนตกงานไม่มีงาน นี่เรามีงานที่ถือว่ามั่นคงเงินเดือนก็ยังได้เท่าเดิม แล้วจะออกเพื่ออะไร
แต่บางครั้งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะทำงานนี้ไปเพื่ออะไร เรารู้สึกไม่มีคุณค่ากับงานนี้ รู้สึกเป็นคนด้อยพัฒนาลงไปทุกๆวัน จนเกลียดตัวเองที่ทำไมถึงเอาชนะสิ่งนี้ไม่ได้ สิ่วที่ยังทำทุกวันคือเพื่อเงินและความมั่นคงในชีวิตเท่านั้น
เราขอถามทุกท่านว่าในสถานการณ์นี้เราควรจัดการยังไงกับปัญหานี้ถึงจะแก้ได้ตรงจุดคะ
แก้ไขเพิ่มเติม*
จขกท เองนะคะ เมื่อคืนเราตั้งกระทู้เป็นความรู้สึกที่เหนื่อยและท้อหลายๆ อย่างและไม่คิดว่าคนจะตอบกระทู้เรามากขนาดนี้ และเราบอกตามตรงนะคะ หลายๆความเห็นทไให้เราคิดได้ แต่ที่มาพิมพ์เพิ่มไม่ได้จะมาแก้ตัว แต่เราอาจจะเล่าไทม์ไลน์ไม่ละเอียด เพราะมันคือความอัดอั้นทั้งหมดตอนตั้งกระทู้ล้วนๆ ซึ่งตรงนี้เราเข้าใจที่หลายๆคนจะเข้าใจเราผิด
เราทำงานมา 7-8ปี
เรารู้สึกไม่ชอบงานและองค์กรจริงตั้งแต่ปีสองปีแรก
เราจบปุ๊บก็ทำงานนี้เลยและตรงสายกับที่เรียน
ตอนเรียนเราก็ไม่ได้ชอบ แต่ก้พอทำได้เพราะตอนนั้นยังไหว
ทำงานช่วงปีแรกๆไม่ชอบเราก็ยังทำได้เหมือนตอนเรียน รับผิดชอบได้ดีเป็นปกติ และงานเราก็ผ่านการเข้าประกวดได้รางวัลหลายรางวัล มีเลื่อนตำแหน่งพร้อมเพื่อนรุ่นเดียวกันเราก็เป็นคนถูกรับเลือก เรามีเลือดนักแสดงสูงค่ะในช่วงนั้น คำว่านักแสดงในที่นี้คือ ให้บทไหนมาก็พยายามทำให้ดีทำให้ได้ ชอบไหมไม่รู้ แต่ทำและต้องทำให้ดี ให้เด่น เราทำเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ว่าเราทำได้ บอกตรงๆเราชอบแข่งขันประมาณนึง
แต่วันนี้ เราสารภาพช่วง 1ปีหลัง มันเหมือนทุกอย่างที่ทำมันใช้ความอดทนมานาน จนวันนึงมันระเบิด (ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าระเบิดปาสิ่งของ) เหมือนเครื่องยนต์ที่อาจจะทนเติมน้ำมันชนิดนึงที่ไม่เหมาะกับเครื่องมานาน จนมันระเบิดและวิ่งต่อไม่ได้
เราก็ไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้กับที่ทำงานหรือใดๆใครๆทั้งนั้น เราถึงรู้สึกเกลียดตัวเอง จนหาทางออกไม่ได้มาตั้งกระทู้เพื่อระบาย และ เผื่อจะมีข้อคิดในขีวิตให้กับเรา เราขอบคุณหลายๆท่านมากๆนะคะ เราอ่านทุกคห และมีอินบอคมาที่ทำให้เราเจอแนวทางของตัวเราแล้ว ส่วนคห บางคน ที่อาจจะเสียดสีในเรื่องว่า ถ้าเก่งจริงก็ทำได้แล้วหรืออื่นๆ เรากล่าวถึงจุดนั้นแค่จะบอกว่า เรามีสติปัญญาในระดับคนปกติ เรียนรู้ได้ ไม่ได้เรียนรู้ช้า ไม่ได้จะมาอวดอ้างสรรพคุณใดๆทั้งนั้น เราไม่ใข่คนเก่งแบบ Einstein ที่เกิดมาไอคิว 180เลย เราได้สิ่งใดที่เป็นความสำเร็จ มันคือเกิดจากความขยัน ตั้งใจที่จะทำ จะอ่านหรือสอบ ถึงได้ผ่าน มิใช่เรื่องความเก่งในรูปแบบที่หลายๆท่านเข้าใจว่าเราอวดอ้าง
ฝแต่เราเข้าใจได้เนื่องจากการตั้งกระทู้เราไม่ได้ลงดีเทลใดๆ ถ้าเราเป็นคนผ่านมาอ่านก็คงหมั่นไส้ตัวเองเหมือนกันไม่น้อย
แต่เรารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งที่ทุกท่านสละเวลามาตอบและให้ข้อคิดกับเรานะคะ เราอ่านทั้งหมดจริงๆ แต่เราคงไม่สามารถไล่ขอบคุณได้หมด จึงอยากบอกตรงนี้ว่า คุณช่วยให้เรามีทางออก หลายๆครั้งเราพูดเรื่องนี้กับคนที่บ้านแต่เร้าไม่เข้าใจเลย เรารู้ดีมันเป็นเรื่องที่ฟังดูประหลาด เราถึงไม่กล้าไปถามใคร ที่นอกจากครอบครัว และก็คือคนที่ไม่รู้จักเราเป็นการส่วนตัวเลย
เพราะตั้งแต่เรียน จนทำงานมาถึงจุดนี้ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง waste ได้ขนาดนี้ เราก็เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เราเคยตราหน้าพวกผู้ใหญ่ในที่ทำงานที่เป็นเหลือบริ้นไร เราเกลียดที่ตัวเองเดินไปจุดนั่นเช่นพวกเค้า จึงอยากแก้ไขค่ะ ขออภัยหากข้อความของเราทำให้หลายๆท่านไม่พอใจ ถึงขั้นบอกเกลียดคนแบบเรามาก พูดตามตรงเราก็ไม่ได้ภูมิใจในสิ่งนี้ และเราก็เกลียดตัวเองเหมือนกันที่เราเดินมาถึงจุดนี้ของชีวิต และเราขะไม่ขอความกรุณาให้ท่านเห็นใจ เพราะมันก็ไม่ได้น่าเห็นใจจริงๆ แต่เราเชื่อว่าพันทิพคือโลกที่ปัญญาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยมาใช้งานค่อนข้างมาก เราจึงอยากได้ความคิดเห็นในเชิง critical thinking มากกว่าเชิง sarcastic opinion แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกระทู้นี้เปิดกว้างและเป็นสาธารณะ เราน้อมรับอ่านทุกความเห็นและนำบางข้อไปปรับใช้คีะ
ปล.เรามี second job อยู่ค่ะ และก็ชอบมันมาก มีความสุขทุกครั้งที่ทำ แต่เรื่องเงินที่เป็นปัญหาเพราะแค่1/3ของเงินเดือน เราเคยคิดว่า ถ้าลาออกทำ 2nd job เต็มตัวเราอาจหาเงินได้พอๆกันงานประจำ แต่เราก็ยอมรับว่าเราติดใน comfort zone กลัวมากถึงความไม่มั่นคง และเรามาจากครอบครัวราชการที่ถูกฝังหัวมาประมาณนึง เลยยังมีความสับสนในตัวเองอย่างที่ทุกท่านได้อ่านอยู่ค่ะ และเราพยายามหาทางเปลี่ยนสายงานโดนการเรียนต่อ อย่างที่หลายๆ คห แนะนำเลยค่ะ แต่พอเจอพิษโควิดช่วงนี้เราเลยต้องพักไว้ก่อน เราพยายามจะใจเย็นและเปลี่ยนวิกฤติตรงนี้ให้เป็นโอกาสสำหรับเราอย่างที่หลายๆท่านแนะนำนะคะ ซาบซึ้งในน้ำใจของทุกคนมากค่ะ
ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ