การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้วิถีชีวิตของเราทุกคนที่ได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสแบบนี้ สิ่งที่ทุกคนควรทำคือการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing แต่คนที่ตกที่นั่งลำบากในช่วงนี้คือคนที่อยู่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม เพราะคนที่อยู่คอนโดจะต้องอยู่อาศัยร่วมกับคนอื่น ๆอีกเป็นจำนวนมาก แม้จะระวังแค่ไหน แต่การจะหลีกเลี่ยงการใช้พื้นที่ร่วมกับผู้อื่นก็เป็นไปได้ยากมากทีเดียว
ปัญหาที่ชาวคอนโดต้องพบในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วงนี้น่าจะสามารถถอดเป็นบทเรียนให้เหล่า Developer ต้องขยับและพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในคอนโดมากขึ้น เพราะเราไม่มีทางจะรู้ได้เลยวิกฤตการแพร่ระบาดในรูปแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ วันนี้เราจะมาลองถอดบทเรียน พร้อมเสนอแนะ Developer ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องเริ่มคิดได้แล้วหลังพ้นวิกฤติ COVID
1. รถฉุกเฉินจากโครงการถึงโรงพยาบาลใกล้เคียง
จริง ๆ เรื่องรถฉุกเฉินจากโครงการสู่โรงพยาบาลใกล้เคียง ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยทำ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่เน้นขายเรื่องสุขภาพ หรือเน้นเป็นโครงการสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยด้วย แต่หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของ DOVID-19 คนจะหันมาสนใจเรื่องการขนย้ายผู้ป่วยมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นจำนวนมากเช่น ชาวคอนโด นั่นเอง Developer อาจจะต้องคิดให้มากขึ้นหากเกิดกรณีที่พบลูกบ้านป่วยเป็นโรคติดต่อ ว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายลูกบ้านอย่างไรให้คนที่ป่วยรู้สึกอุ่นใจว่าตัวเองได้รับการดูแล และจะทำอย่างไรให้ลูกบ้านคนอื่น ๆ รู้สึกอุ่นใจว่าทางโครงการมีการจัดการกับผู้ป่วยภายในโครงการได้เป็นอย่างดี และจะไม่เกิดเหตุการณ์เชื้อแพร่กระจายภายในโครงการ
2. ปรับเปลี่ยน Layout ห้องตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
ในช่วงวิกฤต COVID-19 เราจะสังเกตเห็นได้ว่าคนเริ่มอยู่ติดบ้านมากขึ้น แต่สำหรับคนที่จำเป็นต้องอยู่คอนโดมิเนียมเพื่อทำงานแบบ Work from home หรือ Learn from home จะเกิดปัญหามากที่สุดในเรื่องของพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกว่าคับแคบ ไม่เหมาะสมกับการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถลงไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ หลังจากนี้ Layout ต้องมีสัดส่วนที่ใช้งานได้จริง และมีพื้นที่เพียงพอที่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตภายในห้องในระยะยาว
3. การรักษาความสะอาดบริเวณภายในอาคาร และปรับเปลี่ยนพื้นที่ส่วนกลาง
ความสะอาดภายในโครงการ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ต้องใช้ร่วมกัน และไม่สามารถหลีกเหลี่ยงการสัมผัสได้อย่าง ลิฟท์, สระน้ำ, ฟิตเนส และพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ การนำเอาเทคโนโลยีในรูปแบบ Touchless มาใช้ เช่น ระบบสั่งการด้วยเสียง ระบบสแกนใบหน้า อาจจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกบ้าน ในขณะเดียวกันก็ช่วยเรื่องสุขอนามัยภายในโครงการอีกด้วย
มีการคาดการณ์กันในสื่อหลาย ๆ สำนักว่า พื้นที่ส่วนกลางภายในคอนโดมิเนียม อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง จากที่ทุกอย่างเคยเป็นระบบ Co (ไม่ว่าจะเป็น Co-working Space หรือ Co-Kitchen)ให้ทุกคนใช้พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดร่วมกัน แต่ต่อไปผู้คนจะตระหนักรู้เรื่องสุขอนามัยเพิ่มขึ้น รวมไปถึงระมัดระวังเรื่องการแพร่เชื้อจากคนสู่คนมากขึ้น ดังนั้นพื้นที่ส่วนการของคอนโดมิเนียมแบบ Co-separate Space หรือพื้นที่ส่วนกลางระบบ “ใช้ด้วยกัน” แต่ “แยกกัน” อาจจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของชาวคอนโดได้มากกว่า
4. ระบบคัดกรองการเข้า-ออกโครงการที่เข้มงวด
ในช่วง COVID-19 คอนโดมิเนียมที่มีการปล่อยเช่ารายวันให้นักท่องเที่ยว ถือเป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านที่อยู่อาศัยจริง ๆค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องการแพร่เชื้อ รวมไปถึงโครงการที่ไม่มีการคัดกรองคนเข้า-ออกโครงการ หลังจากนี้ทาง Developer และทางโครงการอาจะต้องมีการเพิ่มระบบการคัดกรองที่เข้มงวดมากขึ้น มากกว่าแค่การใช้ระบบคีย์การ์ด หรือสแกนลายนิ้วมือ (พบมีการใช้ซิลิโคนปั๊มลายนิ้วมือในการสแกนเพื่อปล่อยเช่ารายวันด้วย)
5. การร่วมมือกันระหว่างองค์กร
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสื่อหลายสำนัก มองเทรนด์อสังหาฯที่มาแรงของปีนี้ คือการร่วมมือกันของ Developer และ องกรณ์แบรนด์ดังต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ นิวบ์มองว่าเทรนด์นี้อาจจะชัดเจนมากขึ้นหลังวิกฤต COVID-19 ก็เป็นได้ โดยเฉพาะองกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัย ความสะอาด และอาหาร เพราะอย่างที่บอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ เริ่มให้ความสำคัญกับความสะอาดมากขึ้น รวมไปถึงความเคยชินในการสั่งอาหารมาทานที่คอนโด ไปจนถึงการทำอาหารทานเอง
เพื่อน ๆ ชาวคอนโดคนไหนมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นยังไง ลองคอมเมนท์พูดคุยกันได้ค่ะ
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ :
สิ่งที่ Developer ต้องคิด คอนโดหลังโควิด-19
สิ่งที่เหล่า Developer ต้องคิด หลังพ้นวิกฤตโควิด-19
ปัญหาที่ชาวคอนโดต้องพบในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วงนี้น่าจะสามารถถอดเป็นบทเรียนให้เหล่า Developer ต้องขยับและพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนในคอนโดมากขึ้น เพราะเราไม่มีทางจะรู้ได้เลยวิกฤตการแพร่ระบาดในรูปแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ วันนี้เราจะมาลองถอดบทเรียน พร้อมเสนอแนะ Developer ว่าอะไรคือสิ่งที่พวกเขาต้องเริ่มคิดได้แล้วหลังพ้นวิกฤติ COVID
1. รถฉุกเฉินจากโครงการถึงโรงพยาบาลใกล้เคียง
จริง ๆ เรื่องรถฉุกเฉินจากโครงการสู่โรงพยาบาลใกล้เคียง ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยทำ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการที่เน้นขายเรื่องสุขภาพ หรือเน้นเป็นโครงการสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอาศัยด้วย แต่หลังจากที่เกิดการแพร่ระบาดของ DOVID-19 คนจะหันมาสนใจเรื่องการขนย้ายผู้ป่วยมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นเป็นจำนวนมากเช่น ชาวคอนโด นั่นเอง Developer อาจจะต้องคิดให้มากขึ้นหากเกิดกรณีที่พบลูกบ้านป่วยเป็นโรคติดต่อ ว่าจะสามารถเคลื่อนย้ายลูกบ้านอย่างไรให้คนที่ป่วยรู้สึกอุ่นใจว่าตัวเองได้รับการดูแล และจะทำอย่างไรให้ลูกบ้านคนอื่น ๆ รู้สึกอุ่นใจว่าทางโครงการมีการจัดการกับผู้ป่วยภายในโครงการได้เป็นอย่างดี และจะไม่เกิดเหตุการณ์เชื้อแพร่กระจายภายในโครงการ
2. ปรับเปลี่ยน Layout ห้องตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป
ในช่วงวิกฤต COVID-19 เราจะสังเกตเห็นได้ว่าคนเริ่มอยู่ติดบ้านมากขึ้น แต่สำหรับคนที่จำเป็นต้องอยู่คอนโดมิเนียมเพื่อทำงานแบบ Work from home หรือ Learn from home จะเกิดปัญหามากที่สุดในเรื่องของพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกว่าคับแคบ ไม่เหมาะสมกับการทำงาน ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถลงไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ หลังจากนี้ Layout ต้องมีสัดส่วนที่ใช้งานได้จริง และมีพื้นที่เพียงพอที่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตภายในห้องในระยะยาว
3. การรักษาความสะอาดบริเวณภายในอาคาร และปรับเปลี่ยนพื้นที่ส่วนกลาง
ความสะอาดภายในโครงการ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ต้องใช้ร่วมกัน และไม่สามารถหลีกเหลี่ยงการสัมผัสได้อย่าง ลิฟท์, สระน้ำ, ฟิตเนส และพื้นที่ส่วนกลางอื่น ๆ การนำเอาเทคโนโลยีในรูปแบบ Touchless มาใช้ เช่น ระบบสั่งการด้วยเสียง ระบบสแกนใบหน้า อาจจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกบ้าน ในขณะเดียวกันก็ช่วยเรื่องสุขอนามัยภายในโครงการอีกด้วย
มีการคาดการณ์กันในสื่อหลาย ๆ สำนักว่า พื้นที่ส่วนกลางภายในคอนโดมิเนียม อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง จากที่ทุกอย่างเคยเป็นระบบ Co (ไม่ว่าจะเป็น Co-working Space หรือ Co-Kitchen)ให้ทุกคนใช้พื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดร่วมกัน แต่ต่อไปผู้คนจะตระหนักรู้เรื่องสุขอนามัยเพิ่มขึ้น รวมไปถึงระมัดระวังเรื่องการแพร่เชื้อจากคนสู่คนมากขึ้น ดังนั้นพื้นที่ส่วนการของคอนโดมิเนียมแบบ Co-separate Space หรือพื้นที่ส่วนกลางระบบ “ใช้ด้วยกัน” แต่ “แยกกัน” อาจจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ ๆ ของชาวคอนโดได้มากกว่า
4. ระบบคัดกรองการเข้า-ออกโครงการที่เข้มงวด
ในช่วง COVID-19 คอนโดมิเนียมที่มีการปล่อยเช่ารายวันให้นักท่องเที่ยว ถือเป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านที่อยู่อาศัยจริง ๆค่อนข้างเป็นกังวลเรื่องการแพร่เชื้อ รวมไปถึงโครงการที่ไม่มีการคัดกรองคนเข้า-ออกโครงการ หลังจากนี้ทาง Developer และทางโครงการอาจะต้องมีการเพิ่มระบบการคัดกรองที่เข้มงวดมากขึ้น มากกว่าแค่การใช้ระบบคีย์การ์ด หรือสแกนลายนิ้วมือ (พบมีการใช้ซิลิโคนปั๊มลายนิ้วมือในการสแกนเพื่อปล่อยเช่ารายวันด้วย)
5. การร่วมมือกันระหว่างองค์กร
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสื่อหลายสำนัก มองเทรนด์อสังหาฯที่มาแรงของปีนี้ คือการร่วมมือกันของ Developer และ องกรณ์แบรนด์ดังต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ นิวบ์มองว่าเทรนด์นี้อาจจะชัดเจนมากขึ้นหลังวิกฤต COVID-19 ก็เป็นได้ โดยเฉพาะองกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขอนามัย ความสะอาด และอาหาร เพราะอย่างที่บอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ เริ่มให้ความสำคัญกับความสะอาดมากขึ้น รวมไปถึงความเคยชินในการสั่งอาหารมาทานที่คอนโด ไปจนถึงการทำอาหารทานเอง
เพื่อน ๆ ชาวคอนโดคนไหนมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นยังไง ลองคอมเมนท์พูดคุยกันได้ค่ะ
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : สิ่งที่ Developer ต้องคิด คอนโดหลังโควิด-19