[CR] รีวิว ส่งตัวนักเรียนไทยในอเมริกากลับประเทศ และ กักตัวช่วง COVID-19 ( 10 – 16 พ.ค. 63)

สวัสดีครับพี่น้องชาวพันทิป ผมเพิ่งเรียนจบปริญญาโทวิศวะจากสถาบันแห่งหนึ่งใน Florida ตอนนี้ผมได้กลับมาประเทศไทยแล้ว รีวิวนี้ต้องขออภัยที่ไม่ได้มีรูปประกอบมาก และรูปอาจจะไม่ค่อยดีเพราะผมไม่ได้คิดว่าจะทำตั้งแต่แรก แต่เห็นมีคนสงสัยเยอะ ว่าผมกลับมาได้ยังไง กระบวนการเป็นยังไงบ้าง ผมเลยเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเพื่อแบ่งปันข้อมูลเผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้นะครับ
 
ก่อนหน้านี้ผมวางแผนไว้ว่า หลังเรียนจบ ช่วงเดือนพ.ค. แม่กับแฟนจะบินมาหาแล้วไปเที่ยว Road trip กัน วางแผนไว้อลังมาก ไป Antelope, Las Vegas, Grand Canyon, LA, San Fran, Yosemite ฯลฯ จองทั้งตั๋ว ทั้งโรงแรม ทั้งรถเช่า ทั้ง Local tour ไว้หมด ไม่เคยวางแผนละเอียดขนาดนี้มาก่อน แต่แล้วฝันก็ต้องสลายไปในพริบตา เมื่อมี COVID เดินเข้ามา… พอสถานการณ์เริ่มแย่ ผมก็เลยต้องตัดสินใจ ยกเลิกทุกอย่างทิ้งทั้งหมดครับ เศร้า ยกเว้นตั๋วบินกลับประเทศไทยของผมในวันที่ 17 พ.ค. 63 เศร้าเลย งานรับปริญญาก็ถูกยกเลิก แต่ผมก็ไม่วายใส่ชุดครุยถ่ายรูปกับมหาลัยไว้เป็นที่ระลึก


เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ผมได้รับข่าวจากเพื่อนๆ ส่งต่อกันมาว่า คนที่ยังอยู่ในประเทศสหรัฐให้ลงทะเบียนในลิงค์นี้ (วันนั้นยังไม่มีการปิดประเทศใดๆทั้งสิ้น) https://www.cognitoforms.com/RoyalThaiEmbassy1/RegistrationFormForThaiNationalsTravelingToOrResidingInTheUS?fbclid=IwAR02OGlLPN_wvByzMT9K3U2X_jlm78zJF7Yz91qt79NI8U9OYM0WDKfkTUc
ในลิงค์มีให้กรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ และแผนการที่จะเดินทางกลับ ผมก็รู้สึกแหม่งๆ ยังไม่เข้าใจว่าจะลงทะเบียนไปทำไม แต่ผมก็ลงตามเขาไป แล้ววันที่ 15 เม.ย. รัฐบาลก็ได้ประกาศห้ามเที่ยวบินโดยสารเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 19 – 30 เม.ย. และ ก็ขยายเวลาอีกครั้งถึงวันที่ 31 พ.ค. …  ตั๋วผมปลิวเรียบร้อยจ้า และแล้วผมก็ถึงบางอ้อเมื่อสถานทูตแจ้งว่า จะคัดเลือกผู้ลงทะเบียนกลับประเทศไทยในเดือน พ.ค. โดยจะได้กลับจำนวน 580 คน

ได้รับโควต้าจากสถานทูต
 
ที่บ้านพักของผมใน Melbourne, Florida, USA (ไม่ใช่ออสเตรเลียนะ) เวลาหกโมงเย็น วันที่ 10 พ.ค. 63 เป็นวันที่ผมเรียนจบแล้ว แต่ยังกลับไทยไม่ได้ ผมลงทะเบียนกับสถานทูตไปตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย. แล้ว ว่าจะกลับไทย วันที่ 17 พ.ค. แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ ผมสิ้นหวัง และเตรียมตัวอยู่ต่อยาวถึงสิ้นเดือนเป็นอย่างน้อยไปแล้ว จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้าจากเบอร์แปลกเบอร์หนึ่ง ปรากฏว่าเป็นเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยใน Washington D.C. เขาถามว่าวันนี้เราได้รับอีเมลจากสถานทูตหรือยัง ผมก็ตอบว่าวันนี้ไม่มีนะครับ และก็เปิดคอมเช็คไปด้วยในขณะที่ยังถือสายอยู่ ก็ไม่เจออีเมลอะไร แต่เจ้าหน้าที่เขาก็ยืนยันว่าได้ส่งเมลไปแล้วนะคะ(โว้ย) วันนี้ ผมก็เอะใจเลยสับเป็น Speaker แล้วเปิดดูเมลแอคเคาท์เดียวกันในไอโฟนไปด้วย ปรากฏว่าเจอเมลจากสถานทูต เขียนว่า “เรื่อง !!! ด่วนมาก การเดินทางกลับประเทศไทย ..... ให้ตอบกลับภายในวันนี้ ไม่งั้นถือว่าสละสิทธิ์” แต่ดั๊นน เข้าแต่ไอโฟนไม่เข้าในคอม วันนั้นเว็บ Gmail คงมีปัญหาพอดี ปกติถ้าผมอยู่บ้านจะเช็คเมลแต่ในคอมเพราะมันจอใหญ่ดี เจ้าหน้าที่บอกว่าผมมีเวลา 15 นาทีในการตัดสินใจ... ป๊าดด 15 นาที! วันเดินทางคือวันที่ 14 พ.ค. ซึ่งเหลืออีกแค่ 4 วันเท่านั้น ของก็ยังไม่ได้เริ่มเก็บ ผมรีบอ่านรายละเอียดอย่างไว ค่าตั๋วราคา $1700 OMG แล้วต้องไปขึ้นเครื่องที่ LA หรือ New York เท่านั้นอีก อย่างไกล! เทียบกับตั๋วใหม่ที่ดูไว้เองช่วงต้นเดือนมิถุนาแค่ $1,100 ได้ขึ้นจาก Jackson Ville ใกล้ๆ แถมได้นั่ง Business Class อีกด้วย! แต่ก็นะ เรายังไม่รู้ว่าเดือนมิถุนาจะเปิดประเทศจริงๆหรือเปล่า เธอมันไว้ใจไม่ได้ นอกจากนั้นในอีเมลยังเขียนอีกว่า กลับมาแล้วต้องกักตัว 14 วันในสถานที่ที่รัฐจัดให้ และอาจจะต้องกักตัวในห้อง 2 คน... เอ่อหนักใจตรงนี้แหละ ถ้าเราไม่มีเชื้อมาก่อนเราจะไปติดเชื้อจากคุณมนุษย์แปลกหน้าที่จะมาฮันนีมูนกับเรา 14 วันนี่มั้ย (แต่เอาเข้าจริงๆ ได้ห้องเดี่ยวนะ) หลังจากอ่านรายละเอียดเสร็จ รีบโทรหาแม่อย่างไว คุยกับแม่แล้ว ได้ข้อสรุปว่า เดือนมิถุนาไม่รู้จะเปิดประเทศจริงหรือเปล่า (ซึ่งตอนนี้เราก็รู้กันแล้วว่าไม่จริง) ถ้าไม่เปิด ต้องอยู่อเมริกาต่อไปอีก ค่ากินอยู่และค่าเช่าก็จะเกินส่วนต่างค่าตั๋วไปละ ประกอบกับการที่ Florida กำลังจะเปิดห้างและร้านอาหารทุกอย่างกลับมาปกติ ทั้งๆที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังพุ่งกระฉูดอย่างไม่หยุดยั้ง น่าสยดสยองขึ้นทุกวัน แม่ก็เลยไฟเขียว บอกว่ากลับก็ได้ แล้วแต่ลูกจะตัดสินใจเลย ก็เลยได้ข้อสรุปว่า เอ้า! กลับก็กลับ กักตัวสองคนก็สองคน จากนั้นผมก็ส่งเมลตอบกลับสถานทูตไป ภายใน 14 นาที และได้รับการยืนยันตอบกลับอย่างไวชนิดที่ว่าถ้าตดทิ้งไว้ก็ยังไม่หายเหม็น

การเตรียมตัวกลับ
วันที่ 10 -12 พ.ค. นี้ผมต้องเตรียมเอกสารและตั๋วให้ครบทั้งหมด ต้องเก็บห้องที่อยู่อาศัยมาทั้งปีให้คนใหม่ที่จะมาอยู่แทน และแพ็คของกลับบ้าน นอกจากนั้นยังต้องขายน้อง Bumblebee อีก คือ 3 วันเนี้ย บอกเลยครับ “ดูไม่จืด” ดูจากทรงผมที่ยุ่งเหยิงก็น่าจะพอเข้าใจ



การเดินทางกลับ ผมจะต้องมีเอกสารสำคัญ 4 ชิ้นติดมือไปด้วย 3 ชิ้นแรก ได้แก่ Fit to fly, เอกสารยินยอมกักตัว  และ ใบ T8 ซึ่งกรอกว่าเรามีอาการป่วยไหม นอกจากนั้นผมจะต้องซื้อตั๋วเครื่องบินเองทั้งหมด และ อัพโหลด ทั้งตั๋วและเอกสารขึ้นเว็บสถานทูตเพื่อให้สถานทูตออกเอกสารสำคัญชิ้นที่ 4 ให้ นั่นคือ ใบรับรองการเดินทางจากสถานทูต ส่วนเจ้าใบ Fit to fly เนี่ย ปกติเจ้าใบนี้เขาใช้กับคนที่มีปัญหาสุขภาพหนักๆ เช่นตั้งครรภ์ หรือมีโรคประจำตัวที่จะเสี่ยงต่อการขึ้นเครื่องบิน คือเอาง่ายๆ ไม่ค่อยจะมีประโยชน์หรอกในกรณีนี้ แถมทำให้เราต้องเสี่ยงเข้าไปในสถานพยาบาลที่มีแต่คนป่วยอีก แต่ทำไงได้ เขาจะเอา ผมก็เลยไปคลินิกในมหาลัย หมอก็ถามว่าไอมั้ย เจ็บคอมั้ย มีโรคประจำตัวมั้ย วัดไข้ วัดความดัน ส่องๆ แล้วก็ให้ใบมา การเดินทางผมเลือกเดินทางจากสนามบิน LA เพราะเห็นข่าวสถานการณ์โควิดใน New York แล้วช่างสยดสยองเหลือเกิน มีรถขนศพเต็มไปหมด เพราะ New York เป็นเมืองแออัดด้วย 

ผมต้องซื้อตั๋วเองทั้งหมด โดยสรุปผมต้องมี 3 ตั๋ว [Melbourne(MLB)ไป LA(LAX)], [LA(LAX) ไป Seoul(ICN)] และ [Seoul(ICN) มากรุงเทพ(BKK)] โดยตั๋ว LAX-ICN และ ICN-BKK ต้องซื้อตามช่องทางที่รัฐบอก แต่ก่อนอื่นเลยผมต้องซื้อตั๋วจาก Melbourne ที่ผมอยู่ไป LA ความโชคร้ายคือ ไม่มีตั๋วที่ไปถึงทันไฟลท์ LAX-ICN ในวันเดียวกัน ทำให้ผมต้องซื้อตั๋วไปถึง LA ก่อน 1 วันล่วงหน้า และนอนที่ LA 1 คืน สรุปผมต้องออกบินจาก Melbourne วันที่ 13 พ.ค. ตอน 12.40 น. การซื้อตั๋วของ 2 ไฟลท์ที่รัฐจัดให้เนี่ย คือ LAX-ICN บินโดย Asiana Airline ของเกาหลี ต้องซื้อผ่านบริษัท iHana tour ซึ่งสถานทูตได้ส่งลิงค์มาให้เข้าไปซื้อในเว็บของเขา แล้วเขาก็ตัดเงินจากบัตรเครติดเราก็ผ่านไปด้วยดี ส่วนตั๋ว ICN-BKK ต้องซื้อผ่านบ.การบินไทย โดยมีให้เลือก 3 ทาง คือโอนเงินให้การบินไทยสาขาประเทศเกาหลี หรือ สาขาประเทศไทย หรือ ให้ตัวแทนเดินเข้าไปติดต่อที่สำนักงานการบินไทยที่ประเทศไทยเลย สาขาเกาหลีได้เรทถูกกว่าแต่ คือมันเป็นเลขบัญชีเกาหลี จะโอนยังไงล่ะ? ผมเลยเลือกโอนเงินไปที่สำนักงานประเทศไทย เพราะผมมีแอพธนาคารของไทย สะดวกรวดเร็วทันใจ หลังจากซื้อตั๋วแล้วยังไม่ได้ตั๋วทันทีนะ ต้องรอ  1-2 วัน แล้วพอได้ตั๋วแล้วต้องอัพโหลดตั๋วขึ้นเว็บสถานทูต และรอรับใบรับรองการเดินทางในอีเมล ซึ่งใบเนี้ยจะต้องใช้ในวันที่ขึ้นเครื่องจาก LA เลย ผมได้ตั๋วครบวันที่ 12 พ.ค. พอได้ตั๋วผมก็รีบอัพโหลดทุกอย่างทันที ผมตื่นเช้ามาวันที่ 13 พ.ค. ปรากฏว่าใบรับรองยังไม่มาเลย ผมเตรียมตัวขึ้นเครื่องจาก Melbourne แล้วทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กำลังจะก้าวจากออกบ้าน 10.33 น. ใบรับรองจากสถานทูตส่งเข้ามาในอีเมลพอดีเป๊ะ โอ้โหยย รีบไปปริ๊นท์แล้วถือไปด้วยเลย ไม่งั้นนี่จะต้องไปหาที่ปริ๊นท์ที่ LA หรือยังไงกันนี่ คือทุกอย่างทันเวลาเป๊ะๆๆแบบไม่มีช่องเหลือให้หายใจเลย

การเดินทางกลับ
 
จาก Melbourne(MLB) ไป Los Angeles (LAX)
ผมออกเดินทางจากสนามบิน MLB ตอน 12.40 น.วันที่ 13 พ.ค. โดยมีเพื่อนซี้ และรูมเมทมาส่งและบอกลา ไปถึง LAX ด้วยสายการบิน Delta ที่ผมจองเอง และนอนโรงแรม Holiday Inn Express 1 คืน ซึ่งก็จองเองเช่นกัน บนเครื่อง Delta คนโล่งมาก เพราะเขามีมาตรการให้นั่งที่เว้นที่ แต่ค่าตั๋วแพงขึ้นแค่เล็กน้อย 





จาก Los Angeles (LAX) ไป Seoul (ICN)
พอไปถึง LA ที่นั่นมีผู้ติดเชื้อเยอะมาก (30,000 กว่าคน ณ วันนั้น) และมีคำสั่ง Stay home order ห้ามคนออกนอกบ้านถ้าไม่มีเหตุจำเป็น เห็นคนเดินน้อยมาก บรรยากาศมันพิลึกคล้ายเมืองซอมบี้ในหนังยังไงอย่างงั้น แต่รถก็ยังวิ่งกันอยู่ ร้านอาหารเปิด แต่บริการแค่ take out เท่านั้น ผมสั่ง Sizzler ที่อยู่ข้างโรงแรมมานั่งกินในห้องเป็นอาหารเย็นวันนั้น



วันรุ่งขึ้น 14 พ.ค. อาหารเช้าของโรมแรมก็ไม่มีบริการนั่งกินเช่นเดียวกัน แต่ให้หยิบถุงอาหารเช้าขึ้นมากินบนห้อง ไฟลท์วันนี้ ออกเดินทางจาก LA เวลา 12.10 น. ในขณะที่ผมเดินทางด้วยรถบริการฟรีของโรงแรมไปสนามบิน LAX เจ้าหน้าที่สถานทูตก็โทรเข้ามาบอกจุดนัดพบในสนามบินเพื่อตรวจเอกสาร พอถึงสนามบินมีเจ้าหน้าที่สถานทูตรอตรวจเอกสารอยู่หน้าเคาน์เตอร์เช็คอิน ทุกคนแต่งตัวปกติ แค่ใส่หน้ากากอนามัยเพิ่ม เจ้าหน้าที่ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสใจดีเฟรนด์ลี่มาก ผมแบกกีตาร์กลับด้วยพี่เขาก็แซวว่าน้องคนนี้กักตัวไว้ให้เล่นกีตาร์ให้ฟังก่อนนะ ผมก็ แหะๆ เอาที่พี่สบายใจเลยครับ เขามีถุงอาหารว่างเป็นแซนวิช น้ำดื่ม และหน้ากากอนามัยให้ด้วย ทั้งเจ้าหน้าที่สถานทูตและเจ้าหน้าที่สายการบินขอดูใบรับรองการเดินทางที่เพิ่งปริ๊นท์ก่อนออกจากบ้านเมื่อวาน ผมคิดในใจว่า เอ่อถ้ามันส่งมาช้ากว่านี้อีกซัก 10 นาทีจะทำยังไงเนี่ย ซวยเลยนะ หลังจากเช็คอินและโหลดกระเป๋ายาวไปกรุงเทพฯเสร็จ ผมก็ไปรอขึ้นเครื่อง สนามบิน LA วันนั้นโล่งมาก เหมือนจะมีคนแค่ไฟลท์เดียวที่เดินทางในอาคารนั้นเลย ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย และแต่งตัวตามปกติ ยกเว้นแค่ 2-3 คนที่จะใส่ชุดอวกาศแบบคลุมทั้งตัว



เดี๋ยวมาต่อกันกับไฟลท์สุดท้ายก่อนถึงเมืองไทย กระบวนการต้อนรับอันแสนอลัง รวมถึงการกักตัว นะครับ ยิ้ม
ชื่อสินค้า:   Thai airways, Delta Airlines, Asiana Airlines, Holiday Inn,
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่