อยากเห็นชาวนาเป็นคนกำหนดราคาข้าวเอง
การทำนาสมัยก่อนเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอย่างเช่น
ในเรื่องของต้นทุนและผลผลิต
ในอดีตปู่ย่าตาทวดทำนาแบบไม่ต้องใช้ต้น
ทุนสูงและผลผลิตก็ได้เยอะมากเพราะมีประเพณีที่ดีงามนั่นคือ “ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว,ดำนา หรือจะเป็นการไถนาด้วยควาย” ซึ่งก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ทุกคนอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัย
(ขอบคุณภาพจาก Pixabay)
แต่ในปัจจุบันประเพณีที่ดีงาม เริ่มเรือนหายไป เพราะผู้คนเริ่มพึ่งพาตนเองมากขึ้นจึงทำให้ต่างคนก็ต่างดิ้นรนเพื่อหาสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องทุ่นแรงเข้ามาช่วยแบ่งเบาความเหน็ดเหนื่อยและบวกกับการได้รับอิทธิพลในการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆมากขึ้น เช่น การที่ใช้รถไถนาแทนควาย การใช้รถดำนาแทนการใช้คน ใช้รถเกี่ยวข้าวแทนเคียว ใช้ปุ้ยเคมีแทนปุ้ยคอก ในเมื่อที่นาเท่าเดิม เพิ่มเติมคือค่าใช้จ่าย นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลบางส่วนที่ทำไมชาวนาไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะอย่าลืมว่าชาวนาส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคนกำหนดราคาขายเอง ตั้งแต่เด็กเราเคยสงสัยว่า
“พ่อเเม่เราทำนาแต่ทำไมเราตั้งราคาขายเองไม่ได้”
ถึงตอนนี้พอจะเข้าใจว่ามันมาจากหลายปัจจัยที่ทำให้เราตั้งราคาเองไม่ได้เพราะส่วนใหญ่ราคามันอาจจะถูกกำหนดมาจากพวกนายหน้าหรือพ่อค้าคนกลางขอแต่ละประเทศที่มีผลผลิตที่จะทำการเสนอราคาขายให้กับประเทศผู้ซื้อ เพราะมีอีกหลายประเทศที่สามารถผลิตข้าวได้เหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพข้าวไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความเคยชินของผู้บริโภค เมื่อสามปีก่อนมีโอกาสได้เปิดร้านอาหารที่ออสเตรเลีย มีโอกาสได้พบปะผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ในร้านใช้ขาวหอมมะลิของไทย แต่ลูกค้าบางรายก็ยังคงถามหาข้าวชนิดอื่นอยู่บ้างเพราะบางคนพอทานแต่อะไรซ้ำๆเดิมๆ พอได้เปลี่ยนบ้างก็กลายเป็นความแปลกใหม่จึงเกิดการชื่นชอบ และในเมื่อมีลูกค้าหลายกลุ่มขึ้นนายทุนก็ต้องเริ่มทำตามความต้องการของลูกค้า จากการที่นำเข้าข้าวจากประเทศไทยเยอะ จึงหันไปสั่งจากประเทศอื่นๆบ้างเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า นั้นอาจจะส่งผลทำให้การส่งออกในประเทศไทยลดลงไปด้วยหรือไม่ ในเมื่อส่งออกไม่ได้ จึงเป็นเหตุทำให้ข้าวล้นตลาดราคาก็ตกต่ำแทบไม่ขยับขึ้นเลย แต่ทว่าข้าวไทยก็เคยเป็นอันดับหนึ่ง แล้วทำไมประเทศอื่นสามารถส่งออกเกือบเท่าหรือบางประเทศส่งออกแซงหน้าเราไปแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะเขาขายของเก่งกว่าเราก็เป็นได้ เพราะปัจจัยการซื้อก็มาจากหลายสิ่งหลายอย่าง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าต้นทุนทั้งหลายแหล่ที่มีการเพิ่มขึ้นมา
แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเลยคือ “ราคาข้าว” ที่ยังต้องขายส่งให้พ่อค้าคนกลางในราคาที่ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน อย่างเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่อดีตกาล นั้นเป็นเหตุผลที่เราอยากจะรณรงค์ให้ชาวนาปลูกเองแปรรูปเองและก็ขายเอง ทุกอย่างเป็นไปได้
อยากเห็นชาวนาเป็นคนกำหนดราคาข้าวเอง
“จากใจลูกชาวนา”
ความแตกต่างของชาวนาในอดีตและปัจจุบัน
ชาวนากำหนดราคาข้าวเองได้มั้ย??
(ยูทูบ)
https://youtu.be/KLr8ekJowJ0
(เฟสบุ๊ค)
https://www.facebook.com/996533317070229/posts/3099750416748498/
เฟสบุ๊คเพจ👇👇Facebook page
https://www.facebook.com/ThaineyTravel/
ช่องยูทูบ 👇👇 YouTube channel
https://www.youtube.com/channel/UCQO-g97Sf66Cv5s2vxxgsQQ
ฝากเป็นกำลังใจทางช่องยูทูปและเพจเด้วนนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ความแตกต่างระหว่างการทำนาในอดีตและปัจจุบัน มีการพัฒนาขึ้นทุกอย่างยกเว้น ราคาข้าว ที่ยังคงต่ำเตี้ยเรี่ยดินเช่นเดิม
การทำนาสมัยก่อนเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอย่างเช่น
ในเรื่องของต้นทุนและผลผลิต
ในอดีตปู่ย่าตาทวดทำนาแบบไม่ต้องใช้ต้น
ทุนสูงและผลผลิตก็ได้เยอะมากเพราะมีประเพณีที่ดีงามนั่นคือ “ประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าว,ดำนา หรือจะเป็นการไถนาด้วยควาย” ซึ่งก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว ทุกคนอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัย
(ขอบคุณภาพจาก Pixabay)
แต่ในปัจจุบันประเพณีที่ดีงาม เริ่มเรือนหายไป เพราะผู้คนเริ่มพึ่งพาตนเองมากขึ้นจึงทำให้ต่างคนก็ต่างดิ้นรนเพื่อหาสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องทุ่นแรงเข้ามาช่วยแบ่งเบาความเหน็ดเหนื่อยและบวกกับการได้รับอิทธิพลในการเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆมากขึ้น เช่น การที่ใช้รถไถนาแทนควาย การใช้รถดำนาแทนการใช้คน ใช้รถเกี่ยวข้าวแทนเคียว ใช้ปุ้ยเคมีแทนปุ้ยคอก ในเมื่อที่นาเท่าเดิม เพิ่มเติมคือค่าใช้จ่าย นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลบางส่วนที่ทำไมชาวนาไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ เพราะอย่าลืมว่าชาวนาส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคนกำหนดราคาขายเอง ตั้งแต่เด็กเราเคยสงสัยว่า
“พ่อเเม่เราทำนาแต่ทำไมเราตั้งราคาขายเองไม่ได้”
ถึงตอนนี้พอจะเข้าใจว่ามันมาจากหลายปัจจัยที่ทำให้เราตั้งราคาเองไม่ได้เพราะส่วนใหญ่ราคามันอาจจะถูกกำหนดมาจากพวกนายหน้าหรือพ่อค้าคนกลางขอแต่ละประเทศที่มีผลผลิตที่จะทำการเสนอราคาขายให้กับประเทศผู้ซื้อ เพราะมีอีกหลายประเทศที่สามารถผลิตข้าวได้เหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องคุณภาพข้าวไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความเคยชินของผู้บริโภค เมื่อสามปีก่อนมีโอกาสได้เปิดร้านอาหารที่ออสเตรเลีย มีโอกาสได้พบปะผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ในร้านใช้ขาวหอมมะลิของไทย แต่ลูกค้าบางรายก็ยังคงถามหาข้าวชนิดอื่นอยู่บ้างเพราะบางคนพอทานแต่อะไรซ้ำๆเดิมๆ พอได้เปลี่ยนบ้างก็กลายเป็นความแปลกใหม่จึงเกิดการชื่นชอบ และในเมื่อมีลูกค้าหลายกลุ่มขึ้นนายทุนก็ต้องเริ่มทำตามความต้องการของลูกค้า จากการที่นำเข้าข้าวจากประเทศไทยเยอะ จึงหันไปสั่งจากประเทศอื่นๆบ้างเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า นั้นอาจจะส่งผลทำให้การส่งออกในประเทศไทยลดลงไปด้วยหรือไม่ ในเมื่อส่งออกไม่ได้ จึงเป็นเหตุทำให้ข้าวล้นตลาดราคาก็ตกต่ำแทบไม่ขยับขึ้นเลย แต่ทว่าข้าวไทยก็เคยเป็นอันดับหนึ่ง แล้วทำไมประเทศอื่นสามารถส่งออกเกือบเท่าหรือบางประเทศส่งออกแซงหน้าเราไปแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะเขาขายของเก่งกว่าเราก็เป็นได้ เพราะปัจจัยการซื้อก็มาจากหลายสิ่งหลายอย่าง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าต้นทุนทั้งหลายแหล่ที่มีการเพิ่มขึ้นมา
แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นว่ามันไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเลยคือ “ราคาข้าว” ที่ยังต้องขายส่งให้พ่อค้าคนกลางในราคาที่ยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน อย่างเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่อดีตกาล นั้นเป็นเหตุผลที่เราอยากจะรณรงค์ให้ชาวนาปลูกเองแปรรูปเองและก็ขายเอง ทุกอย่างเป็นไปได้
อยากเห็นชาวนาเป็นคนกำหนดราคาข้าวเอง
“จากใจลูกชาวนา”
ความแตกต่างของชาวนาในอดีตและปัจจุบัน
ชาวนากำหนดราคาข้าวเองได้มั้ย??
(ยูทูบ)
https://youtu.be/KLr8ekJowJ0
(เฟสบุ๊ค)
https://www.facebook.com/996533317070229/posts/3099750416748498/
เฟสบุ๊คเพจ👇👇Facebook page
https://www.facebook.com/ThaineyTravel/
ช่องยูทูบ 👇👇 YouTube channel
https://www.youtube.com/channel/UCQO-g97Sf66Cv5s2vxxgsQQ
ฝากเป็นกำลังใจทางช่องยูทูปและเพจเด้วนนะคะ
ขอบคุณค่ะ