อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าแป้งฝุ่นเป็นไอเท็มที่ใช้ในการแต่งหน้าที่สำคัญเลยทีเดียว หากเป็นคนที่ชอบแต่งหน้าอยู่แล้วทุกคนจะต้องมีไอเท็มตัวนี้อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างแน่นอน ดังนั้นรีวิวนี้จึงมาเอาใจสาวๆ ที่ชอบแต่งหน้ากันบ้าง
ในกระทู้นี้เราจะมารีวิวแป้งฝุ่นแบบจัดเต็มว่าตัวไหนควรค่าแก่การไปสอยมาใช้บ้าง… โดยรีวิวนี้เราจะเริ่มจากการอธิบายคุณสมบัติของแต่ละตัวสำหรับความรู้สึกหลังจากการใช้งาน และจะมาสรุปประสิทธิภาพเปรียบเทียบให้ดูกันว่าตัวไหนใช้แล้วดีบ้าง ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย
ตัวที่ 1 แป้งศรีจันทร์
ตัวแพ็คเกจ: เค้าทำแพ็คเกจทำออกมาดูดีและดูมีเสน่ห์น่าซื้อมาก ใช้วัสดุแข็งแรงตัวแพ็คเกจใช้ง่ายซึ่งตรงฝาที่กั้นระหว่างแป้งและฟองน้ำสามารถเลื่อนให้เปิด-ปิดกันแป้งหกได้ ถือว่าทำแพ็คเกจออกมาได้ดีเลยทีเดียวล่ะ สำหรับตัวนี้ทางแบรนด์ได้เครมมาว่า เป็นแป้งโปร่งแสงที่เหมาะสำหรับสภาพผิวของคนไทยโดยเฉพาะ
ราคา: 295 บาท (ซื้อจากวัตสัน)
ลักษณะของเนื้อแป้ง: ตัวเนื้อแป้งมีลักษณะเนียนและโปร่งแสงแต่ก็ยังไม่ถึงกับโปร่งแสงมากซึ่งแป้งจะดูหนาและทึบนิดหน่อย เมื่อใช้แต่งหน้าแล้วแป้งตกร่องนิดหน่อย และสำหรับผิวสีแทนอย่างเราแป้งจะค่อนข้างขาวไปค่ะ เหมาะสำหรับคนที่มีผิวขาวจนถึงปานกลางมากกว่า แต่ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เพราะใช้แล้วผิวหน้าดูเนียนและเซตเครื่องสำอางค์ได้ดีเลย
หลังจากใช้แป้งแต่งหน้าไปแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง: ตัวแป้งถือว่าติดทนค่ะ จะมีส่วนที่แป้งหลุดไปบ้างตรงจมูกแต่ไม่เยอะเท่าไหร่นัก แป้งไม่จับกันเป็นก้อน ส่วนการคุมความมันนั้นไม่มีผลกับผิวเราค่ะ หน้ายังมันเหมือนเดิม
-------------------------
ตัวที่ 2 แป้งเจ้านาง
ตัวแพ็คเกจ: มาในรูปแบบทรงกลมๆ สีขาว ส่วนตัวแล้วคิดว่ากล่องแพ็คเกจข้างนอกดูดีเลยทีเดียว แต่ตัวแพ็คเกจข้างในเราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เลวน่ะตัวพาสติกแข็งแรงดี สำหรับตัวแป้งทางแบรนด์ก็ได้เครมมาว่าเป็นแป้งที่ช่วยปรับสภาพใบหน้าให้สว่างกระจ่างใสขึ้น และสามารถควบคุมความมันได้
ราคา: 319 บาท
ลักษณะของเนื้อแป้ง: เนื้อแป้งดูเนียนละเอียดบางเบา และนุ่มดีค่ะ แต่เมื่อลองใช้แต่งหน้าแล้วหน้าเราดูขาวไปเลยค่ะ ขาวชนิดที่ว่าผิวคอกับผิวหน้าต่างกันจนเห็นได้ชัด หากใช้แป้งตัวนี้อาจจะต้องปรับสีของรองพื้นค่ะ แต่ที่ชอบคือเมื่อเซตกับตัวรองพื้นแล้วแป้งไม่ตกร่อง ถือว่าดีงามเสียอย่างเดียวคือขาวไป
หลังจากใช้แป้งแต่งหน้าไปแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง: หลังจากทาไปซักพักหน้าจะเริ่มดรอปไปนิดหน่อย ตัวแป้งติดทนในระดับหนึ่งค่ะ แป้งหลุดไปบ้างช่วง T-zone และตัวแป้งจับเป็นก้อนแต่ก็ไม่เยอะ ส่วนการคุมความมันนั้นยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่หน้าเรายังคงมันเหมือนเดิม
-------------------------
ตัวที่ 3 แป้ง Bio Naturel
ตัวแพ็คเกจ: ตัวนี้มาในรูปแบบของขวด ขนาดกระทัดรัดพกพาง่าย แพ็กเกจจิ้งถือว่าน่ารักเลยทีเดีย มีลายการ์ตูนดูวัยรุ่นน่ารักมาก ซึ่งคำเคลมข้างกระปุกได้บอกไว้ว่าช่วยซึมซับความมันส่วนเกิน ช่วยลดปัญหาสิวผิวหน้าสะอาดสวยใสไร้ความมัน และเนื้อแป้งติดผิวได้เนียนนานเป็นธรรมชาติไม่อุดตันรูขุมขน
สำหรับแป้งตัวนี้ได้ทำออกมา 4 สูตรด้วยกันคือ
สีพีช: แป้งโปร่งแสงควบคุมความมันเป็นพิเศษ (สำหรับทุกสีผิว)
สีขาว: แป้งควบคุมความมัน (สำหรับคนผิวขาว)
สีชมพูเนื้อ: แป้งควบคุมความมัน (สำหรับคนผิวขาวจนถึงปานกลาง)
สีเนื้อ: แป้งควบคุมความมัน (สำหรับคนผิวกลางจนถึงผิวเข้ม)
ราคา: 38 -45 บาท ขนาด 25 g (หาซื้อได้ที่วัตสัน)
ลักษณะของเนื้อแป้ง: เนื้อแป้งเบาและมีความละเอียดนุ่มดีมากค่ะ ซึ่งถือว่าเหนือความคาดหมายมาก ตอนแรกเราคิดว่าจะเหมือนแป้งฝุ่นธรรมดาธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อนำมาแต่งหน้าแล้วสีแป้งไม่ขาวจนเกินไป ค่อนข้างกลืนไปสีผิวหน้าเลยค่ะ แป้งไม่จับเป็นก้อน มีตกร่องตรงช่วงถุงใต้ตานิดหน่อย แต่ช่วยเซตรองพื้นได้เป็นอย่างดีเลย
หลังจากใช้แป้งแต่งหน้าไปแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง: แป้งติดทนดีค่ะ แทบไม่หลุดเลยและที่สำคัญคือหลังใช้ไปแล้วหลายชั่วโมงพบว่าหน้าแทบจะเปลี่ยนไปน้อยมาก จะมีช่วง T-zone ของหน้าที่มีความมันอยู่บ้าง แต่ก็ยังถือว่าแป้งตัวนี้ควบคุมมันได้ดีเลยทีเดียวน่ะ คือหน้าของเรามีความมันนั่นแหละแต่ไม่ถึงกับเยอะเหมือนตัวอื่นๆ จัดว่าเป็นสินค้าที่ถูกและดีอีกตัวหนึ่งเลยหล่ะ
-------------------------
ตัวที่ 4 แป้งฝุ่น Laura Mercier Translucent Loose Setting Powder Glow
ตัวแพ็คเกจ: เราสั่งแบบ 1 g. มาใช้ดู ตัวแพ็คเกจจิ้งนั้นเป็นพาสติกที่ดูแข็งแรงเลยทีเดียว ตัวกระปุกดูหรูหราดีค่ะ โดยทางแบรนด์ได้เครมไว้ว่าตัวนี้ เป็นแป้งฝุ่นที่โปร่งแสงช่วยให้ผิวมีความโกลว์ และสามารถเซตเมคอัพให้ติดทนยาวนานถึง 12 ชั่วโมง รวมถึงช่วยอำพรางริ้วรอย รูขุมขน ให้ผิวสวยเรียบเนียน
ลักษณะของเนื้อแป้ง: ตัวนี้ดีจริงไม่จกตา แป้งมีความเนียนและบางเบาช่วยเซตรองพื้นได้ดี หลังทาไปแล้วรู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่าช่วยให้ผิวมีความโกลว์อย่างที่ทางแบรนด์ได้เครมไว้เลย ที่สำคัญคือช่วยปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้าของเราได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากใช้แป้งแต่งหน้าไปแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง: แป้งติดทนดีมาก รองพื้นและแป้งแทบจะไม่หลุดเลย ตัวผิวหน้าตั้งแต่แต่งใหม่ๆ จนผ่านไปหลายชั่วโมงแทบไม่เปลี่ยนเลย (สมกับที่ใครต่อใครพากันอวยอะนะ) ในส่วนของการคุมความมันนั้นยังถือว่าทำได้ปานกลางยังมีความมันอยู่บ้าง แต่ก็คุมอยู่
-------------------------
ตัวที่ 5 แป้งเด็กแคร์
ตัวแพ็คเกจ: เป็นรูปทรงกระบอกธรรมดาทั่วๆ ไป ตัวนี้นับว่าเป็นแป้งเด็กธรรมดาสำหรับใช้งานทั่วไป เราลองนำมาใช้ดูว่าประสิทธิภาพของตัวนี้จะสามารถสู้แป้งตัวอื่นๆ ได้หรือไม่
ลักษณะของเนื้อแป้ง: เนื้อแป้งมีความนุ่ม ละเอียดและเนียนดี แต่ตัวแป้งจะไม่โปร่งแสงค่อนข้างจะทึบ และจับตัวกันเป็นก้อนจะต้องใช้แปรงเกลี่ยดีๆ จึงจะพอใช้ได้ เมื่อนำมาทาสำหรับแต่งหน้าแล้ว ผิวหน้าดูเรียบเนียนดี แต่ไม่สามารถปกปิดจุดบกพร่องบนผิวหน้าได้ รวมทั้งแป้งแคร์ตัวนี้เป็นแป้งเด็กธรรมดาตัวเนื้อแป้งจึงดูทึบ และทำให้หน้าขาวไปเลย
หลังจากใช้แป้งแต่งหน้าไปแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง: ถ้าหากจะนำแป้งเด็กธรรมดามาใช้แต่งหน้า สำหรับเราไม่ผ่านเลยค่ะ ทั้งแป้งทั้งแมกอัพรองพื้นหลุดหมดเลยค่ะ จัดให้น้องอยู่ในหมวดแป้งธรรมดาเหมือนเดิมดีกว่านะคะ
-------------------------
ตัวที่ 6 แป้งฝาดำ REVLON
ตัวแพ็คเกจ: อยู่ในรูปแบบกระปุกกลมๆ ฝาสีดำ ตรงฝาปิดระหว่างแป้งกับตัวฟองน้ำค่อนข้างมีช่องรูที่ใหญ่ ทำให้แป้งหกออกมาเยอะเกิน ดังนั้นเวลาใช้ให้ค่อยๆ ใช้อย่างระวัง สำหรับตัวนี้มีรีวิวค่อนข้างเยอะ ว่ากับว่าเจ้าตัวแป้งฝาดำ REVLON นี้สามารถเทียบเท่ากับแป้งฝุ่นยี่ห้อดังๆ แพงๆ ได้เลย
ราคา: 399 บาท
ลักษณะของเนื้อแป้ง: เนื้อแป้งละเอียด แต่เสียนิดหนึ่งคือเนื้อแป้งหนักและเกาะตัวกันเป็นก้อน สำหรับสีแป้งตัวนี้สีจะเข้มและออกเหลืองกว่านิดหน่อย ใช้แล้วหน้าจะดูแมตต์ๆ Glowๆ ถือว่าเนียนระดับหนึ่ง ถ้าลงมากเกินก็หนาได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องปกปิดทำได้ดีเชียวแหละ มีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่แป้งตัวนี้มีกลิ่นค่อนข้างฉุน
หลังจากใช้แป้งแต่งหน้าไปแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง: การคุมความมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากใช้แล้วผ่านไป 5 ชั่วโมงหน้าแอบหมอง แป้งหลุดไปบางส่วนโดยเฉพาะในส่วนของ T-zone
-------------------------
[CR] เปรียบเทียบ 6 แป้งฝุ่น ยี่ห้อไหนเด็ด ยี่ห้อไหนด๋อย ไปดูกัน!!
ในกระทู้นี้เราจะมารีวิวแป้งฝุ่นแบบจัดเต็มว่าตัวไหนควรค่าแก่การไปสอยมาใช้บ้าง… โดยรีวิวนี้เราจะเริ่มจากการอธิบายคุณสมบัติของแต่ละตัวสำหรับความรู้สึกหลังจากการใช้งาน และจะมาสรุปประสิทธิภาพเปรียบเทียบให้ดูกันว่าตัวไหนใช้แล้วดีบ้าง ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย
ตัวที่ 1 แป้งศรีจันทร์
ตัวแพ็คเกจ: เค้าทำแพ็คเกจทำออกมาดูดีและดูมีเสน่ห์น่าซื้อมาก ใช้วัสดุแข็งแรงตัวแพ็คเกจใช้ง่ายซึ่งตรงฝาที่กั้นระหว่างแป้งและฟองน้ำสามารถเลื่อนให้เปิด-ปิดกันแป้งหกได้ ถือว่าทำแพ็คเกจออกมาได้ดีเลยทีเดียวล่ะ สำหรับตัวนี้ทางแบรนด์ได้เครมมาว่า เป็นแป้งโปร่งแสงที่เหมาะสำหรับสภาพผิวของคนไทยโดยเฉพาะ
ราคา: 295 บาท (ซื้อจากวัตสัน)
ตัวแพ็คเกจ: มาในรูปแบบทรงกลมๆ สีขาว ส่วนตัวแล้วคิดว่ากล่องแพ็คเกจข้างนอกดูดีเลยทีเดียว แต่ตัวแพ็คเกจข้างในเราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เลวน่ะตัวพาสติกแข็งแรงดี สำหรับตัวแป้งทางแบรนด์ก็ได้เครมมาว่าเป็นแป้งที่ช่วยปรับสภาพใบหน้าให้สว่างกระจ่างใสขึ้น และสามารถควบคุมความมันได้
ราคา: 319 บาท
ตัวแพ็คเกจ: ตัวนี้มาในรูปแบบของขวด ขนาดกระทัดรัดพกพาง่าย แพ็กเกจจิ้งถือว่าน่ารักเลยทีเดีย มีลายการ์ตูนดูวัยรุ่นน่ารักมาก ซึ่งคำเคลมข้างกระปุกได้บอกไว้ว่าช่วยซึมซับความมันส่วนเกิน ช่วยลดปัญหาสิวผิวหน้าสะอาดสวยใสไร้ความมัน และเนื้อแป้งติดผิวได้เนียนนานเป็นธรรมชาติไม่อุดตันรูขุมขน
สำหรับแป้งตัวนี้ได้ทำออกมา 4 สูตรด้วยกันคือ
สีพีช: แป้งโปร่งแสงควบคุมความมันเป็นพิเศษ (สำหรับทุกสีผิว)
สีขาว: แป้งควบคุมความมัน (สำหรับคนผิวขาว)
สีชมพูเนื้อ: แป้งควบคุมความมัน (สำหรับคนผิวขาวจนถึงปานกลาง)
สีเนื้อ: แป้งควบคุมความมัน (สำหรับคนผิวกลางจนถึงผิวเข้ม)
ราคา: 38 -45 บาท ขนาด 25 g (หาซื้อได้ที่วัตสัน)
ตัวแพ็คเกจ: เราสั่งแบบ 1 g. มาใช้ดู ตัวแพ็คเกจจิ้งนั้นเป็นพาสติกที่ดูแข็งแรงเลยทีเดียว ตัวกระปุกดูหรูหราดีค่ะ โดยทางแบรนด์ได้เครมไว้ว่าตัวนี้ เป็นแป้งฝุ่นที่โปร่งแสงช่วยให้ผิวมีความโกลว์ และสามารถเซตเมคอัพให้ติดทนยาวนานถึง 12 ชั่วโมง รวมถึงช่วยอำพรางริ้วรอย รูขุมขน ให้ผิวสวยเรียบเนียน
ตัวแพ็คเกจ: เป็นรูปทรงกระบอกธรรมดาทั่วๆ ไป ตัวนี้นับว่าเป็นแป้งเด็กธรรมดาสำหรับใช้งานทั่วไป เราลองนำมาใช้ดูว่าประสิทธิภาพของตัวนี้จะสามารถสู้แป้งตัวอื่นๆ ได้หรือไม่
ตัวแพ็คเกจ: อยู่ในรูปแบบกระปุกกลมๆ ฝาสีดำ ตรงฝาปิดระหว่างแป้งกับตัวฟองน้ำค่อนข้างมีช่องรูที่ใหญ่ ทำให้แป้งหกออกมาเยอะเกิน ดังนั้นเวลาใช้ให้ค่อยๆ ใช้อย่างระวัง สำหรับตัวนี้มีรีวิวค่อนข้างเยอะ ว่ากับว่าเจ้าตัวแป้งฝาดำ REVLON นี้สามารถเทียบเท่ากับแป้งฝุ่นยี่ห้อดังๆ แพงๆ ได้เลย
ราคา: 399 บาท
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้