เมื่อก่อนทั้งชีวิตรู้จักแต่แป้งพัฟเท่านั้นค่ะ ไอ้แป้งฝุ่นทาหน้า แบบแป้งโปร่งแสงเอย อะไรเอย ไม่รู้จักหรอกค่ะ ไม่ได้สนใจจะใช้ด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าแค่แป้งพัฟนี่ก็คุมมันเอาอยู่สุดๆแล้ว! จนไปอ่านรีวิวเจอว่า ก็มีแป้งฝุ่นหลายยี่ห้อนะที่ช่วยเรื่องคุมความมัน แถมเบาสบายไม่หนักหน้าด้วย เพราะงั้นตัดเรื่องอุดตันไปได้เลย
เราก็เห็นว่าราคาไม่ได้แพงอะไร ก็ลองสอยมาใช้ดูสักสองสามยี่ห้อ สรุป ดี! เลยถวายตัวเป็นสาวกแป้งฝุ่นรัวๆ
วันนี้เลยจะมารีวิวแป้งฝุ่นที่มีในครอบครอง เพราะเล็งเห็นว่า แป้งฝุ่นคุมมัน มันจำเป็นสำหรับสาวหน้ามันจริงๆ
แต่เราเอามารีวิวเฉพาะตัวที่ราคาน่ารักๆเท่านั้นนะคะ เพราะเป็นคนเชื่อในของถูกและดี 555+ ที่เอามารีวิวก็จะมีอยู่ 4 ตัวด้วยกันค่ะ
เรียงมาเลย ตั้งแต่แป้งฝุ่นเจ้านาง ไปยัง โฟร์ยูทู , เซซานเน่ และ โอบีดีโอ ค่า
Odbo Stop That Oil Loose Powder ขนาด 12 กรัม ราคา 100 บาท
แป้งฝุ่นที่ใช้ตัวแรก เราเลือกของโอบีดีโอค่ะ ยี่ห้อนี่คือ ขึ้นชื่อของถูกและดีอยู่แล้ว อีกอย่างตอนซื้อคือ คิดว่า ซื้อของถูกมาลองก่อนแล้วกัน ดีไม่ดีก็ไม่เสียดายเงินล่ะหนึ่ง 555+ เลยได้เป็นตัวนี้มาลองใช้เป็นตัวแรกค่ะ ซึ่งพอลองใช้ก็ดีนะคะ อาจจะคุมความมันได้ไม่เท่าตัวอื่นๆ แต่เนื้อแป้งเนียนละเอียดและลื่นมากๆ ช่วยกลบรูขุมขนทำให้ผิวหน้าเนียนขึ้นดีค่ะ
เนื้อแป้ง : ตัวนี้ไม่โปร่งแสงนะคะ เป็นแป้งฝุ่นสีเนื้อ เราซื้อเบอร์ C2 สำหรับสาวผิวกลางและผิวสองสีมาใช้ค่ะ ส่วนตัวเนื้อแป้งจะบอกว่าละเอียดมากๆ เพราะเค้ามีชั้นกรองคล้ายๆตะแกรงคอยกรองเนื้อแป้งค่ะ ทำให้ได้เนื้อแป้งที่เนียนละเอียดและลื่นผิวมากขึ้น เวลาใช้เลยจะค่อนข้างกลบรูขุมขนได้ดีทำให้ผิวเนียนมากๆ ส่วนตัวทาแล้วสีแป้งไม่ทำให้หน้าลอยนะคะ จะออกขาวๆผ่องๆเล็กน้อยค่ะ
ควบคุมความมัน : คุมความมันได้ไม่ค่อยดีค่ะ ตกบ่ายก็เยิ้มแล้ว ต้องคอยเติมคอยซ้ำระหว่างที่ใช้ตลอดค่ะ โดยเฉพาะช่วงทีโซน แป้งหายไปเลย มันวาวสุดๆ
ทัชอัพระหว่างวัน : ถึงตัวนี้เค้าจะทำให้หน้ามันเยิ้มมากๆ คือคุมความมันไม่ค่อยได้เลย แต่เมื่อทัชอัพระหว่างวันด้วยความที่เนื้อแป้งเค้าเนียนละเอียดมากเช่นกัน เลยไม่ทำให้หน้าเป็นคราบ และทำให้ผิวหน้าเนียนขึ้นเหมือนเดิมค่ะ โดยรวมคือ เติมได้ ไม่เป็นคราบ และไม่ตกร่องเลยค่ะ
แพคเกจจิ้ง : พัฟดีนะคะ เนียนนุ่ม และตัวกระปุกค่อนข้างคงทน ใหญ่แต่ไม่หนัก ที่ชอบที่สุดคือ ลายบนฝา ลายน่ารักและสีก็น่ารักกรุบกริบดีค่ะ
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : โคตรคุ้มอ่ะ ราคา 100 เดียวแต่ปริมาณ เกินหน้าเกินตาเพื่อนๆไปมาก ตลับนี้ใช้ได้ยาวนานสุดๆ สำหรับคนชอบปริมาณเยอะๆ ก็แนะนำตัวนี้เลยจ้า
ความพอใจโดยรวม : 7/10 เนื้อแป้งเนียนละเอียดมากๆ ทำให้หน้าเนียน ไม่เป็นคราบ เป็นแป้งฝุ่นที่ทาแล้วเน้นผิวเนียนสวย ไม่ลอย ไม่โบ๊ะค่ะ
Chaonang Diamond Translucent Powder ขนาด 6.5 กรัม ราคา 239 บาท
ใช้บ่อยมากๆตัวนี้ เป็นแป้งฝุ่นที่ซื้อพร้อมแป้งพัฟ เพราะส่วนตัวเราใช้แป้งพัฟยี่ห้อนี้อยู่แล้ว พอเค้ามีโปรซื้อคู่กันลดราคาก็ซื้อมาเลย แต่อย่าถามราคาแน่นอนนะ จำไม่ได้ เพราะเห็นมีโปรบ่อยๆราคาแตกต่างกันออกไป ก็ต้องตามๆเอาค่ะ ที่ซื้อตลับนี้มาเพราะนอกจากราคาจะคุ้มอย่างที่บอกแล้ว ตัวนี้ยังมีจุดเด่นที่อยู่คุมมันด้วยค่ะ เพราะเค้าบอกเลยว่าคุมมันดีมาก และเนื้อแป้งก็เป็นแบบโปร่งแสง เวลาใช้เลยไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี หรือเกิดอาการผิดเบอร์เลยค่ะ
เนื้อแป้ง : เนื้อเนียนละเอียด และลื่นผิวมาก ค่อนข้างบางเบา ไม่หนักผิว เวลาทาจะทำให้ผิวหน้าผ่องขึ้น กลืนเข้าสีผิวได้ดีมาก ทาแล้วให้งานผิวสวย เบลอรูขุมขนได้ดีด้วย
ควบคุมความมัน : ตรงยูโซนไม่มีตรงไหนที่มันเลยค่ะ ตรงทีโซนเองก็ด้วย ไม่เยิ้มเลย จะมีมันๆหน่อยก็ตรงปลายจมูกซึ่งก็ถือว่าเล็กน้อยมากๆ เราว่าตัวนี้คุมมันดีที่สุดในรีวิวนี้เลยค่ะ
ทัชอัพระหว่างวัน : เติมได้ ไม่เป็นคราบและไม่ตกร่อง กลบรูขุมขนและเก็บความมันเยิ้มระหว่างวันได้ดี ตรงบริเวณหัวสิวก็ไม่เป็นคราบแป้ง คือดีเลยค่ะ เซตรองพื้น เติมระหว่างวันได้ดีมากๆ เติมแล้วไม่ดูหน้าหนาหน้าวอกนะ
แพคเกจจิ้ง : ฝาตลับสีขาว มีลายดอกไม้และชื่อแบรนด์ ตัวตลับเป็นพลาสติกค่อนข้างทนทาน เคยทำหล่นล่ะ ตลับไม่แตก ทนมากๆ พัฟที่แถมมาให้ก็นุ่มและติดเนื้อแป้งดีมาก
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : ตลับหนึ่งใช้ได้ 2 เกือบ 3 เดือน ในราคา 200 กว่าบาท คือคุ้มมากๆค่ะ นี่ขนาดพกไปเติมระหว่างวันด้วยนะคะ
ความพอใจโดยรวม : 9/10 ชอบนะ คุมมันได้ดีมากๆ ราคาไม่แพง และแป้งก็เนียนละเอียด พรางรูขุมขนได้ดีและไม่ตกร่อง ไม่เป็นคราบเลย
4U2 Super Matt Loose Powder SPF50 PA+++ ขนาด 10 กรัม ราคา 279 บาท
แป้งฝุ่นอีกตัวที่เราจัดว่าถูกและดีนะ จากที่ใช้มา เค้าค่อนข้างคุมความมันได้ดี ถึงเนื้อจะไม่ละเอียดเท่าไหร่ แต่สำหรับคนหน้ามันก็จัดว่าไม่ทำให้หน้าเยิ้มเลย ค่อนข้างใช้ดีและในราคาเท่านี้ ปริมาณเท่านี้ จัดว่าคุ้มค่า
เนื้อแป้ง : ตลับนี้เป็นแป้งฝุ่นโปร่งแสงค่ะ ดังนั้นจึงทาแล้วไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี เนื้อบางเบาแต่ไม่ค่อยละเอียดเท่าอีก 3 ตัวที่รีวิวค่ะ เค้าจะค่อนข้างหยาบๆ ทาๆแล้วยังรู้สึกเป็นคราบๆอยู่บ้าง เวลาใช้เราเลยจะเอาแปรงปัดมาใช้แทนค่ะ เพราะจะให้ความรู้สึกบางเบา เป็นธรรมชาติมากกว่าและเนื้อแป้งจะเกลี่ยง่ายกว่าใช้พัฟปกติค่ะ
ควบคุมความมัน : คุมความมันได้ดีค่ะ ทั้งทีโซนและยูโซน แต่ไม่ทั้งวัน เพราะจะมีความมันบนใบหน้าบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเยิ้มค่ะ ยังพอรับได้
ทัชอัพระหว่างวัน : ใช้แปรงเติมค่ะ ค่อยๆเกลี่ยๆ กลบๆ จะทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน ไม่เป็นคราบ และค่อนข้างแมทมากขึ้นค่ะ
แพคเกจจิ้ง : กระปุกใหญ่สีดำ สวยค่ะ ไม่หนักนะคะ ค่อนข้างเบา แต่อาจจะมีเกะกะเปลืองเนื้อที่ในกระเป๋าเล็กน้อยกับฝาปิดยากมากค่ะ ไม่ค่อยลงล็อกเลย ตรงนี้คือ อยากให้แก้ ให้มันหมุนปิดได้ง่ายๆหน่อยค่ะ
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : ปริมาณเยอะ แต่ราคาไม่แพงเลยค่ะ และกระปุกหนึ่งใช้ได้นานค่ะ กว่าจะหมดคือ เกือบๆ 3 เดือนเลย
ความพอใจโดยรวม : 8/10 เซตผิวได้เรียบเนียนและคุมมันค่อนข้างดี กระปุกใหญ่ ราคาไม่แพงด้วย
Cezanne Soft Loose Powder SPF16 PA++ ขนาด 5 กรัม ราคา 450 บาท
ตัวสุดท้าย ตัวนี้ซื้อมาเพราะแพ้ตลับ ความกรุบกริบลายดอกไม้อ่ะ ขาวๆสวยๆ ดูไฮโซไฮซ้อก็จัดมาตามราคาสมฐานะนาง ในตัวที่รีวิวมาเค้าจะค่าตัวแพงสุดล่ะ ซึ่งตามรีวิวที่อ่านมา (นิสัยซื้อก่อนค่อยอ่าน เพราะโดนบีเอมอมเมาค่ะ 555+) เค้าก็บอกนะว่า ทาเพื่อปกปิดเน้นผิวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ จะช่วยกลบรูขุมขนและทำให้ผิวหน้าเนียนสม่ำเสมอ แถมมีมอยเจอร์ไรซ์เซอร์ในการบำรุง ก็ดูน่าลองใช้อยู่นะ ราคาแรงเกินหน้าเพื่อนก็ยังซื้อเพราะน่าลองจริงๆ
เนื้อแป้ง : แป้งสีเนื้อค่ะ เราซื้อเบอร์ 01 Lucent Beige มาใช้ เนื้อแป้งจะค่อนข้างละเอียด บางเบา มีกลิตเตอร์ผสมด้วย ซึ่งส่วนตัวจากที่ใช้มาเรามองว่า ตอนผิวหน้าดีก็ใช้ได้ดีเลยล่ะ เพราะจะกระจายแสงและทำให้ผิวหน้าขาวสว่างมากขึ้น แต่ผิวหน้าไม่ดีไม่ควรใช้เพราะกลิตเตอร์นางจะยิ่งไปเน้นความเป็นมรสุมบนผิวเราให้ชัดมากขึ้นค่ะ คือจากจะปกปิดให้ผิวเนียนก็ยิ่งเห็นรอยสิวรอยหลุมบนหน้าเราชัดไปใหญ่เลย
ควบคุมความมัน : คุมมันได้ปานกลางค่ะ แค่ 2-3 ชม. หน้าเริ่มมันล่ะ แนะนำว่า ให้ใช้ตัวนี้เป็นพกไปเติมระหว่างวันจะเหมาะกว่าเน้นใช้คุมความมันทั้งวันอีกค่ะ
ทัชอัพระหว่างวัน : อย่างที่บอกคนผิวดี เติมไปเหอะ ผิวหน้าจะเนียนจะสว่างขึ้นมาก แต่ถ้าบางช่วงที่ผิวไม่ดีเป็นสิวงี้ มันจะเป็นคราบตรงรอยสิวค่ะ และยิ่งเติมก็จะยิ่งชัดไปอีก ไว้ใช้ตอนที่ผิวไม่เป็นสิว ไม่มีรอยสิวจะดีกว่าค่ะ
แพคเกจจิ้ง : แพคเกจให้ สิบเต็มสิบ เพราะมีฝารองกั้นระหว่างเนื้อแป้งกับพัฟทำให้ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะ พัฟก็นุ่มบางเบา ไม่บาดผิวเลยค่ะ
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : เราว่าปริมาณมันน้อยไปหน่อยอ่ะ ในราคาเท่านี้ก็ดูไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะตลับหนึ่งเราใช้ไปได้เดือนนิดๆเองก็หมดแล้วค่ะ
ความพอใจโดยรวม : 6/10 เป็นแป้งสำหรับคนผิวดีเท่านั้น คนผิวเป็นสิว เป็นรอย ไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ เพราะเนื้อแป้ง+กลิตเตอร์จะยิ่งไปย้ำให้เด่นมากขึ้น และคุมความมันก็กลางๆค่ะ เหมาะกับคนผิวผสมมากกว่าคนผิวมันนะ
หมดแล้วค่า กับแป้งฝุ่นคุมมัน 4 ตัวที่เราเอามาฝากกัน ซึ่งแต่ละตัวก็ราคาถูก น่าใช้ทั้งนั้นเลย และ เน้นย้ำว่าทุกตัวคุมมันได้ค่อนข้างดีพอควรเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมีในเรื่องของเบเนฟิท ของเนื้อแป้งและผลด้านการใช้อื่นๆที่ต้องเลือกเอาตามสภาพผิวที่เราเป็นอีกที ก็ขอให้สาวๆเจอตัวที่ถูกใจและหาเอามาใช้คุมมันให้หน้าเป๊ะกันถ้วนหน้าเลยนะค้า
มีอะไรอยากเม้าท์มอยเกี่ยวกับน้องแป้งแต่ละตัวก็คอมเม้นท์กันได้เลยค่า
หรือจะป้ายยาเราเพิ่มก็ไม่ว่ากัน 555+
ขอฝากรีวิวสำหรับสาวหน้ามันตัวนี้ไว้ด้วยนะคะ บ๊ายบาย
[CR] รีวิวแป้งฝุ่นคุมมันขั้นเทพ สำหรับสาวงบน้อยไม่เกิน 500 บาท
เราก็เห็นว่าราคาไม่ได้แพงอะไร ก็ลองสอยมาใช้ดูสักสองสามยี่ห้อ สรุป ดี! เลยถวายตัวเป็นสาวกแป้งฝุ่นรัวๆ
วันนี้เลยจะมารีวิวแป้งฝุ่นที่มีในครอบครอง เพราะเล็งเห็นว่า แป้งฝุ่นคุมมัน มันจำเป็นสำหรับสาวหน้ามันจริงๆ
แต่เราเอามารีวิวเฉพาะตัวที่ราคาน่ารักๆเท่านั้นนะคะ เพราะเป็นคนเชื่อในของถูกและดี 555+ ที่เอามารีวิวก็จะมีอยู่ 4 ตัวด้วยกันค่ะ
แป้งฝุ่นที่ใช้ตัวแรก เราเลือกของโอบีดีโอค่ะ ยี่ห้อนี่คือ ขึ้นชื่อของถูกและดีอยู่แล้ว อีกอย่างตอนซื้อคือ คิดว่า ซื้อของถูกมาลองก่อนแล้วกัน ดีไม่ดีก็ไม่เสียดายเงินล่ะหนึ่ง 555+ เลยได้เป็นตัวนี้มาลองใช้เป็นตัวแรกค่ะ ซึ่งพอลองใช้ก็ดีนะคะ อาจจะคุมความมันได้ไม่เท่าตัวอื่นๆ แต่เนื้อแป้งเนียนละเอียดและลื่นมากๆ ช่วยกลบรูขุมขนทำให้ผิวหน้าเนียนขึ้นดีค่ะ
เนื้อแป้ง : ตัวนี้ไม่โปร่งแสงนะคะ เป็นแป้งฝุ่นสีเนื้อ เราซื้อเบอร์ C2 สำหรับสาวผิวกลางและผิวสองสีมาใช้ค่ะ ส่วนตัวเนื้อแป้งจะบอกว่าละเอียดมากๆ เพราะเค้ามีชั้นกรองคล้ายๆตะแกรงคอยกรองเนื้อแป้งค่ะ ทำให้ได้เนื้อแป้งที่เนียนละเอียดและลื่นผิวมากขึ้น เวลาใช้เลยจะค่อนข้างกลบรูขุมขนได้ดีทำให้ผิวเนียนมากๆ ส่วนตัวทาแล้วสีแป้งไม่ทำให้หน้าลอยนะคะ จะออกขาวๆผ่องๆเล็กน้อยค่ะ
ควบคุมความมัน : คุมความมันได้ไม่ค่อยดีค่ะ ตกบ่ายก็เยิ้มแล้ว ต้องคอยเติมคอยซ้ำระหว่างที่ใช้ตลอดค่ะ โดยเฉพาะช่วงทีโซน แป้งหายไปเลย มันวาวสุดๆ
ทัชอัพระหว่างวัน : ถึงตัวนี้เค้าจะทำให้หน้ามันเยิ้มมากๆ คือคุมความมันไม่ค่อยได้เลย แต่เมื่อทัชอัพระหว่างวันด้วยความที่เนื้อแป้งเค้าเนียนละเอียดมากเช่นกัน เลยไม่ทำให้หน้าเป็นคราบ และทำให้ผิวหน้าเนียนขึ้นเหมือนเดิมค่ะ โดยรวมคือ เติมได้ ไม่เป็นคราบ และไม่ตกร่องเลยค่ะ
แพคเกจจิ้ง : พัฟดีนะคะ เนียนนุ่ม และตัวกระปุกค่อนข้างคงทน ใหญ่แต่ไม่หนัก ที่ชอบที่สุดคือ ลายบนฝา ลายน่ารักและสีก็น่ารักกรุบกริบดีค่ะ
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : โคตรคุ้มอ่ะ ราคา 100 เดียวแต่ปริมาณ เกินหน้าเกินตาเพื่อนๆไปมาก ตลับนี้ใช้ได้ยาวนานสุดๆ สำหรับคนชอบปริมาณเยอะๆ ก็แนะนำตัวนี้เลยจ้า
ความพอใจโดยรวม : 7/10 เนื้อแป้งเนียนละเอียดมากๆ ทำให้หน้าเนียน ไม่เป็นคราบ เป็นแป้งฝุ่นที่ทาแล้วเน้นผิวเนียนสวย ไม่ลอย ไม่โบ๊ะค่ะ
Chaonang Diamond Translucent Powder ขนาด 6.5 กรัม ราคา 239 บาท
ใช้บ่อยมากๆตัวนี้ เป็นแป้งฝุ่นที่ซื้อพร้อมแป้งพัฟ เพราะส่วนตัวเราใช้แป้งพัฟยี่ห้อนี้อยู่แล้ว พอเค้ามีโปรซื้อคู่กันลดราคาก็ซื้อมาเลย แต่อย่าถามราคาแน่นอนนะ จำไม่ได้ เพราะเห็นมีโปรบ่อยๆราคาแตกต่างกันออกไป ก็ต้องตามๆเอาค่ะ ที่ซื้อตลับนี้มาเพราะนอกจากราคาจะคุ้มอย่างที่บอกแล้ว ตัวนี้ยังมีจุดเด่นที่อยู่คุมมันด้วยค่ะ เพราะเค้าบอกเลยว่าคุมมันดีมาก และเนื้อแป้งก็เป็นแบบโปร่งแสง เวลาใช้เลยไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี หรือเกิดอาการผิดเบอร์เลยค่ะ
เนื้อแป้ง : เนื้อเนียนละเอียด และลื่นผิวมาก ค่อนข้างบางเบา ไม่หนักผิว เวลาทาจะทำให้ผิวหน้าผ่องขึ้น กลืนเข้าสีผิวได้ดีมาก ทาแล้วให้งานผิวสวย เบลอรูขุมขนได้ดีด้วย
ควบคุมความมัน : ตรงยูโซนไม่มีตรงไหนที่มันเลยค่ะ ตรงทีโซนเองก็ด้วย ไม่เยิ้มเลย จะมีมันๆหน่อยก็ตรงปลายจมูกซึ่งก็ถือว่าเล็กน้อยมากๆ เราว่าตัวนี้คุมมันดีที่สุดในรีวิวนี้เลยค่ะ
ทัชอัพระหว่างวัน : เติมได้ ไม่เป็นคราบและไม่ตกร่อง กลบรูขุมขนและเก็บความมันเยิ้มระหว่างวันได้ดี ตรงบริเวณหัวสิวก็ไม่เป็นคราบแป้ง คือดีเลยค่ะ เซตรองพื้น เติมระหว่างวันได้ดีมากๆ เติมแล้วไม่ดูหน้าหนาหน้าวอกนะ
แพคเกจจิ้ง : ฝาตลับสีขาว มีลายดอกไม้และชื่อแบรนด์ ตัวตลับเป็นพลาสติกค่อนข้างทนทาน เคยทำหล่นล่ะ ตลับไม่แตก ทนมากๆ พัฟที่แถมมาให้ก็นุ่มและติดเนื้อแป้งดีมาก
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : ตลับหนึ่งใช้ได้ 2 เกือบ 3 เดือน ในราคา 200 กว่าบาท คือคุ้มมากๆค่ะ นี่ขนาดพกไปเติมระหว่างวันด้วยนะคะ
ความพอใจโดยรวม : 9/10 ชอบนะ คุมมันได้ดีมากๆ ราคาไม่แพง และแป้งก็เนียนละเอียด พรางรูขุมขนได้ดีและไม่ตกร่อง ไม่เป็นคราบเลย
4U2 Super Matt Loose Powder SPF50 PA+++ ขนาด 10 กรัม ราคา 279 บาท
แป้งฝุ่นอีกตัวที่เราจัดว่าถูกและดีนะ จากที่ใช้มา เค้าค่อนข้างคุมความมันได้ดี ถึงเนื้อจะไม่ละเอียดเท่าไหร่ แต่สำหรับคนหน้ามันก็จัดว่าไม่ทำให้หน้าเยิ้มเลย ค่อนข้างใช้ดีและในราคาเท่านี้ ปริมาณเท่านี้ จัดว่าคุ้มค่า
เนื้อแป้ง : ตลับนี้เป็นแป้งฝุ่นโปร่งแสงค่ะ ดังนั้นจึงทาแล้วไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี เนื้อบางเบาแต่ไม่ค่อยละเอียดเท่าอีก 3 ตัวที่รีวิวค่ะ เค้าจะค่อนข้างหยาบๆ ทาๆแล้วยังรู้สึกเป็นคราบๆอยู่บ้าง เวลาใช้เราเลยจะเอาแปรงปัดมาใช้แทนค่ะ เพราะจะให้ความรู้สึกบางเบา เป็นธรรมชาติมากกว่าและเนื้อแป้งจะเกลี่ยง่ายกว่าใช้พัฟปกติค่ะ
ควบคุมความมัน : คุมความมันได้ดีค่ะ ทั้งทีโซนและยูโซน แต่ไม่ทั้งวัน เพราะจะมีความมันบนใบหน้าบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับเยิ้มค่ะ ยังพอรับได้
ทัชอัพระหว่างวัน : ใช้แปรงเติมค่ะ ค่อยๆเกลี่ยๆ กลบๆ จะทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน ไม่เป็นคราบ และค่อนข้างแมทมากขึ้นค่ะ
แพคเกจจิ้ง : กระปุกใหญ่สีดำ สวยค่ะ ไม่หนักนะคะ ค่อนข้างเบา แต่อาจจะมีเกะกะเปลืองเนื้อที่ในกระเป๋าเล็กน้อยกับฝาปิดยากมากค่ะ ไม่ค่อยลงล็อกเลย ตรงนี้คือ อยากให้แก้ ให้มันหมุนปิดได้ง่ายๆหน่อยค่ะ
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : ปริมาณเยอะ แต่ราคาไม่แพงเลยค่ะ และกระปุกหนึ่งใช้ได้นานค่ะ กว่าจะหมดคือ เกือบๆ 3 เดือนเลย
ความพอใจโดยรวม : 8/10 เซตผิวได้เรียบเนียนและคุมมันค่อนข้างดี กระปุกใหญ่ ราคาไม่แพงด้วย
Cezanne Soft Loose Powder SPF16 PA++ ขนาด 5 กรัม ราคา 450 บาท
ตัวสุดท้าย ตัวนี้ซื้อมาเพราะแพ้ตลับ ความกรุบกริบลายดอกไม้อ่ะ ขาวๆสวยๆ ดูไฮโซไฮซ้อก็จัดมาตามราคาสมฐานะนาง ในตัวที่รีวิวมาเค้าจะค่าตัวแพงสุดล่ะ ซึ่งตามรีวิวที่อ่านมา (นิสัยซื้อก่อนค่อยอ่าน เพราะโดนบีเอมอมเมาค่ะ 555+) เค้าก็บอกนะว่า ทาเพื่อปกปิดเน้นผิวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ จะช่วยกลบรูขุมขนและทำให้ผิวหน้าเนียนสม่ำเสมอ แถมมีมอยเจอร์ไรซ์เซอร์ในการบำรุง ก็ดูน่าลองใช้อยู่นะ ราคาแรงเกินหน้าเพื่อนก็ยังซื้อเพราะน่าลองจริงๆ
เนื้อแป้ง : แป้งสีเนื้อค่ะ เราซื้อเบอร์ 01 Lucent Beige มาใช้ เนื้อแป้งจะค่อนข้างละเอียด บางเบา มีกลิตเตอร์ผสมด้วย ซึ่งส่วนตัวจากที่ใช้มาเรามองว่า ตอนผิวหน้าดีก็ใช้ได้ดีเลยล่ะ เพราะจะกระจายแสงและทำให้ผิวหน้าขาวสว่างมากขึ้น แต่ผิวหน้าไม่ดีไม่ควรใช้เพราะกลิตเตอร์นางจะยิ่งไปเน้นความเป็นมรสุมบนผิวเราให้ชัดมากขึ้นค่ะ คือจากจะปกปิดให้ผิวเนียนก็ยิ่งเห็นรอยสิวรอยหลุมบนหน้าเราชัดไปใหญ่เลย
ควบคุมความมัน : คุมมันได้ปานกลางค่ะ แค่ 2-3 ชม. หน้าเริ่มมันล่ะ แนะนำว่า ให้ใช้ตัวนี้เป็นพกไปเติมระหว่างวันจะเหมาะกว่าเน้นใช้คุมความมันทั้งวันอีกค่ะ
ทัชอัพระหว่างวัน : อย่างที่บอกคนผิวดี เติมไปเหอะ ผิวหน้าจะเนียนจะสว่างขึ้นมาก แต่ถ้าบางช่วงที่ผิวไม่ดีเป็นสิวงี้ มันจะเป็นคราบตรงรอยสิวค่ะ และยิ่งเติมก็จะยิ่งชัดไปอีก ไว้ใช้ตอนที่ผิวไม่เป็นสิว ไม่มีรอยสิวจะดีกว่าค่ะ
แพคเกจจิ้ง : แพคเกจให้ สิบเต็มสิบ เพราะมีฝารองกั้นระหว่างเนื้อแป้งกับพัฟทำให้ไม่ต้องกลัวหกเลอะเทอะ พัฟก็นุ่มบางเบา ไม่บาดผิวเลยค่ะ
ความคุ้มค่าต่อราคาและปริมาณ : เราว่าปริมาณมันน้อยไปหน่อยอ่ะ ในราคาเท่านี้ก็ดูไม่คุ้มเท่าไหร่ เพราะตลับหนึ่งเราใช้ไปได้เดือนนิดๆเองก็หมดแล้วค่ะ
ความพอใจโดยรวม : 6/10 เป็นแป้งสำหรับคนผิวดีเท่านั้น คนผิวเป็นสิว เป็นรอย ไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ เพราะเนื้อแป้ง+กลิตเตอร์จะยิ่งไปย้ำให้เด่นมากขึ้น และคุมความมันก็กลางๆค่ะ เหมาะกับคนผิวผสมมากกว่าคนผิวมันนะ
หมดแล้วค่า กับแป้งฝุ่นคุมมัน 4 ตัวที่เราเอามาฝากกัน ซึ่งแต่ละตัวก็ราคาถูก น่าใช้ทั้งนั้นเลย และ เน้นย้ำว่าทุกตัวคุมมันได้ค่อนข้างดีพอควรเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ก็อาจจะมีในเรื่องของเบเนฟิท ของเนื้อแป้งและผลด้านการใช้อื่นๆที่ต้องเลือกเอาตามสภาพผิวที่เราเป็นอีกที ก็ขอให้สาวๆเจอตัวที่ถูกใจและหาเอามาใช้คุมมันให้หน้าเป๊ะกันถ้วนหน้าเลยนะค้า
หรือจะป้ายยาเราเพิ่มก็ไม่ว่ากัน 555+
ขอฝากรีวิวสำหรับสาวหน้ามันตัวนี้ไว้ด้วยนะคะ บ๊ายบาย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้